เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ตามเด็กไปเข้าค่าย "ดูดาว" บนดอยอินทนนท์

ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
เยาวชนฝึกใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูวัตถุท้องฟ้า ในช่วงเวลาที่ดาวนายพรานปรากฏบนท้องฟ้า
       "ดูดาวเหรอ ผมก็แค่ออกไปยืนนอกบ้านแล้วมองฟ้าก็เห็นดาวสว่างเต็มไปหมดแล้ว" ผู้นำเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน แสดงความเห็นระคนแปลกใจว่าทำไมเราต้องดั้นด้นขึ้นไปดูดาวกันบนยอดดอยอินทนนท์ที่กลางคืนหนาวเหน็บ สิ่งหนึ่งที่เขาอาจไม่ทราบคือหลายพื้นที่นั้นถูกแสงไฟรบกวนจนบดบังแสงดาวจากฟ้า

       การศึกษาธรรมชาติ ณ กิ่วแม่ปาน บนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งภายในค่ายเยาวชนคนดูดาวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ปีที่ 8 ที่จัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ระหว่างวันที่ 11-13 ธ.ค.57 ซึ่งมีเยาวชน 120 คนจากทั่วประเทศมาร่วมกิจกรรม ในจำนวนนั้นเป็นนักเรียนจากสามจังหวัดชายแดนใต้ 40 คน

       เยาวชนในค่ายส่วนใหญ่คือเยาวชนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ดูดาวจากฟ้าจริงมาก่อน ในช่วงเริ่มกิจกรรมเจ้าหน้าที่จาก สดร.จึงปูพื้นความรู้เกี่ยวกับการดูดาวเบื้องต้น พร้อมทั้งกิจกรรมประดิษฐ์เครื่องวัดมุมอย่างง่ายสำหรับวัดตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า และการฝึกใช้กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงสำหรับใช้สังเกตดาวเคราะห์และกลุ่มดาว

       สิทธิพร เดือนตะคุ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร. ให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่เยาวชนในค่ายว่า หนึ่งในปัจจัยรบกวนการดูดาวคือมลภาวะทางแสง โดยเฉพาะในเมืองที่มีแสงไฟรบกวนเนื่องจากแสงไฟสะท้อนขึ้นสู่ด้านบนแล้วกระเจิงกับอนุภาคแขวนลอยในอากาศทำให้ท้องฟ้ามีสีแดงหรือบางครั้งเป็นสีม่วง

       อย่างไรก็ดี บนยอดดอยอินทนนท์อยู่ที่ความสูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล และพ้นจากระดับฟ้าหลัว จึงเหมาะแก่การดูดาว ทว่า ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปขึ้นสู่ยอดดอยหลัง 18.00 น. แต่ทาง สดร. ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเพื่อนำเยาวชนขึ้นไปสังเกตท้องฟ้าและดวงดาว

       อีกปัญหาของการดูดาวคือในท้องฟ้าที่ปราศจากแสงไฟรบกวนจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ซึ่งหากมองท้องฟ้าเพียงจุดเดียวจะเห็นดาวได้เป็นร้อยดวง เยาวชนในค่ายจึงต้องเรียนรู้การใช้แผนที่ดาวเพื่อตำแหน่งดาวและการวัดมุม รวมถึงการใช้ร่างกายวัดระยะเชิงมุม

       เมื่อยืดแขนออกไปจนสุด นิ้วก้อยจะวัดมุมได้ 1 องศา ซึ่งดวงจันทร์เต็มดวงหรือดวงอาทิตย์มีระยะเชิงมุมเพียง 0.5 องศา ส่วนนิ้วชี้นิ้วกลางและนิ้วนาง 3 นิ้วรวมกันวัดมุมได้ 5 องศา ขณะที่กำปั้นวัดมุมได้ 10 องศา นิ้วชี้และนิ้วนาง (สัญลักษณ์ภาษามือ "ฉันรักเธอ") เมื่อกางออกจะวัด 15 องศา และเมื่อกางนิ้วโป้งกับนิ้วนางจนสุด (สัญลักษณ์คาราบาว) วัดได้ 22 องศา

       ในช่วงนี้ตอนหัวค่ำจะสังเกตเห็นกลุ่มดาวนายพราน กระจุกดาวต่างๆ กาแล็กซีแอนโดรเมดา รวมถึงดาวอังคาร และสังเกตเห็นดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์เห็นได้ในช่วงรุ่งเช้า แต่ในแผนที่ดาวจะระบุเพียงตำแหน่งกลุ่มดาวซึ่งเป็นดาวฤกษ์ ซึ่งสิทธิพรแนะนำว่าหากเห็นดาวที่แปลกแยกจากกลุ่มดาวในแผนที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นดาวเคราะห์ โดย ดาวพฤหัสมีสีส้ม ส่วนดาวอังคารมีสีส้มแดง

       นอกจากสังเกตดาวในตอนค่ำคืนและรุ่งเช้าแล้ว ระหว่างดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าเยาวชนในค่ายยังได้ฝึกสังเกตดวงอาทิตย์ และจุดมืดบนดวงอาทิตย์ พร้อมวัดขนาดและเทียบบัญญัติไตรยางค์เพื่อหาขนาดของจุดมืดว่ามีขนาดเป็นกี่เท้าของโลก ก่อนจะเดินทางสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ณ กิ่วแม่ปาน โดยมีชาวบ้านท้องถิ่นเป็นผู้นำเส้นทาง

       ด้าน น.ส.นูรอาติกะห์ มะลี นักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติกรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ บางปอประชารักษ์ จ.นราธิวาส เผยว่าไม่เคยดูดาวมาก่อน แต่กิจกรรมในค่ายทำให้ได้รู้วิธีใช้กล้องโทรทรรศน์ วิธีดูดาว รู้ว่าดาวพฤหัสบดีอยู่ตรงไหน ดาวศุกร์อยู่ตรงไหน และดาวเหนืออยู่ตรงไหน

       "ปกติหนูเคยแต่ใช้กล้องจุลทรรศน์ในวิชาชีววิทยา แต่เป็นครั้งแรกที่หนูได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ ได้ปรับกล้องและตั้งกล้องเอง อ่านแผนที่ดาวเป็น หนูจะเอากลับไปดูที่บ้าน ได้เห็นวงแหวนดาวเสาร์เป็นครั้งแรก หด้รู้จักดาวสามเหลี่ยมฤดูหนาว กลุ่มดาวนายพรานและเห็นกาแล็กซีแอนโดรมีดาด้วยตาเปล่า" นูรอาติกะห์เผยถึงประสบการณ์ที่ได้รับ

       ส่วน นายสหบดี จันทร์สงวน นักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 จากกรุงเทพฯ เผยว่าเขาไม่เคยเห็นดาวบนฟ้าจริงมาก่อน และได้เห็นในค่ายนี้ ซึ่งสวยเหมือนฉากในภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนจากต่างภูมิภาค เช่น คำว่า "กู้" ในภาษาเหนือแปลว่าเพื่อน เป็นต้น

       ด้าน นายขจรยศ ศรีธัญรัตน์ นักเรียนโรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม บอกว่า เขามีความสนใจในด้านดาราศาสตร์ และเคยไปดูฝนดาวตกที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมกับแม่ บางครั้งก็ดูดาวแถวบ้านตามทุ่งนา นอกจากนี้ยังชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาและสุริยุปราคา

       "ก่อนหน้านี้เคยไปเข้าค่ายดาราศาสตร์ที่หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รู้จักวิธีหาทิศเหนือโดยใช้ดาวหมีเล็ก-ดาวหมีใหญ่ และดาวค้างคาว แต่ค่ายนี้ได้รู้ว่าหาดาวเหนือด้วยกลุ่มดาวนายพรานได้ และยังได้หามุมดาวโดยใช้อุปกรณ์วัดมุมที่พี่ๆ สอน รวมถึงการบอกมุมด้วยนิ้วมือ" นายขจรยศระบุ

       ขณะที่ นายวรวุฒิ จันทร์หอม นักเรียนจากโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.เชียงราย ซึ่งเคยเข้าค่ายเยาวชนคนดูดาวฯ ครั้งที่ 5 ได้อาสามาเป็นพี่เลี้ยงค่าย เนื่องจากเคยเข้าค่ายดาราศาสตร์โอลิมปิกวิชาการ จึงอยากถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่น้องๆ

       ด้าน บุญญฤทธิ์ ชุนหกิจ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.และหัวหน้าโครงการค่ายเยาวชนคนดูดาวฯ ปีที่ 8 กล่าวว่า แต่ละปีจะจัดค่าย 2 ครั้งโดยรูปแบบงานยังคงเหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเน้นให้โอกาสแก่เยาวชนที่ไม่เคยสัมผัสการดูดาวแต่สนใจดาราศาสตร์ โดยเฉพาะเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้

       "เราพยายามเน้นเด็กจากชายแดนใต้ให้มากที่สุด เพราะเราอยากให้เด็กเขามีจินตนาการและรักในการดูดาว เราพยายามขยายโอกาส ซึ่งปีนี้มีเด็กสมัครเข้ามากถึง 700 คน แต่เรารับได้แค่ 120 คน โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกเราดูความตั้งใจที่จะมาดูดาว แต่ละปีมีการวัดแตกต่างกันไป แต่ปีนี้เราให้เด็กเขียนเรียงความ เพื่อดูความคิดสร้างสรรค์ แต่เลือกเด็กอายุ 15-19 ปีเท่านั้น" บุญญฤทธิ์ระบุ

       ทั้งนี้ บุญญฤทธิ์ยังเป็นเจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์หอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน จ.นครราชสีมา ของสดร. ซึ่งอยู่ระหว่างการฝึกประสบการณ์เพื่อนำรูปแบบกิจกรรมไปปรับใช้ในพื้นที่ให้บริการของหอดูดาวภูมิภาคที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
ฝึกดูดาวด้วยแผนที่ดาว


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
ฝึกส่องกล้องโทรทรรศน์


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
ฝึกตั้งกล้องโทรทรรศน์


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
เรียนรู้การวัดมุมดาวด้วยนิ้วมือ


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
ประดิษฐ์อุปกรณ์วัดมุม


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
น.ส.นูรอาติกะห์ มะลี


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
นายขจรยศ ศรีธัญรัตน์


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
นายสหบดี จันทร์สงวน


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
นายวรวุฒิ จันทร์หอม


ตามเด็กไปเข้าค่าย ดูดาว บนดอยอินทนนท์
บุญญฤทธิ์ ชุนหกิจ




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2557   
Last Update : 15 ธันวาคม 2557 8:47:38 น.   
Counter : 5001 Pageviews.  

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
เที่ยวสนุกในงาน “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์”
จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม แหล่งเรียนรู้เกษตรเชิงวัฒนธรรมที่มุ่งสืบสานภูมิปัญญาและสานต่อองค์ความรู้แห่ง “ถิ่นอีสาน” ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ชวนนักท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ กับทริปท่องเที่ยวใน “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทัวร์ 2557: ม่อน มอน สะออนหลาย” (Jim Thompson Farm Tour 2014: Sericulture) เต็มอิ่มกับ 5 จุดท่องเที่ยวยอดนิยมบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวดื่มด่ำไปกับความงามของธรรมชาติ เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมอีสานท้องถิ่น พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษประจำปี “นิทรรศการ ม่อน มอน สะออนหลาย" ที่เจาะลึกเรื่องราวของ “หม่อน” และ “ไหม” สู่เส้นทางของนวัตกรรมหม่อนไหมในอนาคต และสนุกชอปของฝากคุณภาพเยี่ยมจาก จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
ถ่ายรูปสนุกสนานในงาน “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์”
       สำหรับที่ท่องเที่ยวน่าสนใจใน “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทัวร์ 2557: ม่อน มอน สะออนหลาย” มีจุดท่องเที่ยวให้เลือกเที่ยวชมกันมากมาย มีจุดท่องเที่ยวที่ 1: ทุ่งคอสมอสและแปลงเก็บผักปลอดสาร เริ่มต้นทริปสัมผัสลมหนาว เพลินตากับสีสันอันงดงามของ “ทุ่งดอกคอสมอสสีชมพู” บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ พร้อมพบกับความมหัศจรรย์ของ “สวนผักลอยฟ้า” สารพันพืชผักสมุนไพรและผักสวนครัวหลากหลายชนิด และสนุกสนานกับ “แปลงผักปลอดสารพิษ U-Pick Garden” ที่ให้เลือกเก็บผักสดๆ จากแปลงกลับบ้านได้ด้วยตนเอง

       จุดท่องเที่ยวที่ 2: ลานฟักทองและทุ่งวงกต ตื่นตาตื่นใจกับการผจญภัยใน “ทุ่งวงกต” เส้นทางสำรวจธรรมชาติอันแสนงดงามแบบ 360 องศาที่รายล้อมด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ ตระการตากับ “ลานฟักทองยักษ์” ฟักทองแฟนซีรูปร่างแปลกตา และผลผลิตฟักทองหลากหลายสายพันธุ์โดย จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
ความสวยงามของทุ่งดอกคอสมอสสีส้ม
       จุดท่องเที่ยวที่ 3: หมู่บ้านอีสาน ชมความวิจิตรงดงามของ “สถาปัตยกรรมอีสาน” ทั้งบ้านเรือนและศาสนาคารอีสานดั้งเดิมหลากหลายรูปแบบ เรียนรู้เรื่องราวประเพณีวัฒนธรรมของชาวอีสาน เช่น บุญคูนลาน โฮงฮดน้ำ การทำเทียนพรรษา ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ ชมนิทรรศการภาพถ่าย “สี ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ที่สะท้อนถึงวิถีพื้นบ้านของชาวอีสาน พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษประจำปีกับการจัดแสดงนิทรรศการ “ม่อน มอน สะออนหลาย” ที่บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “การปลูกหม่อน” และ “เลี้ยงไหม” สู่กระบวนการผลิตผ้าไหมจนกลายเป็นหัตถกรรมอันเลื่องชื่อของชาวอีสาน รวมถึงเส้นทางของนวัตกรรมหม่อนไหมในอนาคต นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อผ้าไหมทอมือและผ้าทอพื้นเมืองอีสานเป็นของขวัญของฝากได้อีกด้วย

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม แหล่งเรียนรู้เกษตรเชิงวัฒนธรรมที่มุ่งสืบสานภูมิปัญญาและสานต่อองค์ความรู้แห่งถิ่นอีสาน
       จุดท่องเที่ยวที่ 4: หมู่บ้านจิม ชมและเรียนรู้กระบวนการผลิตผ้าไหมอันเป็นเอกลักษณ์ของจิม ทอมป์สันอย่างใกล้ชิด ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่วงจรชีวิตหนอนไหมที่สร้างเส้นใยธรรมชาติ การสาวไหม การฟอกย้อมเส้นไหม การทอผ้าไหม และการพิมพ์ผ้าไหม

       และจุดท่องเที่ยวที่ 5: ตลาดจิม ชมสวนไม้ดอก ไร่มะเขือยักษ์พันธุ์หายาก สัมผัสความงามเหลืองอร่ามของแปลงดอกดาวเรืองฝรั่งเศสที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ก่อนจะปิดท้ายทริปด้วยการสนุกชอปผัก ผลไม้ ต้นไม้ ไม้ดอกกระถางหลากหลายสายพันธุ์ และผลผลิตทางการเกษตรทั้งสดและแปรรูปจากจิม ทอมป์สันฟาร์ม ตลอดจนผ้าไหม ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายจากจิม ทอมป์สัน

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
สินค้าของจิม ทอมป์สัน มีให้เลือกซื้อมากมาย
       ทั้งนี้ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2557 : ม่อน มอน สะออนหลาย” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมระหว่าง วันที่ 13 ธันวาคม 2557 - วันที่ 11 มกราคม 2558 เวลา 9.00 - 17.00 น. ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ราคาบัตรหน้าฟาร์มสำหรับวันธรรมดา บัตรผู้ใหญ่ ราคา 120 บาท และบัตรเด็ก ราคา 80 บาท ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ บัตรผู้ใหญ่ ราคา 140 บาท และบัตรเด็ก ราคา 100 บาท (ผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรล่วงหน้าในราคาพิเศษได้ที่ร้านจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ดิ เอ็มโพเรี่ยม พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ปาลิโอ เขาใหญ่ และหอค้ำคูณ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา)

       สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2762-2566, 08-5660-7336 และ 0-4437-3116 หรือติดตามรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ //www.jimthompsonfarm.com และ //www.facebook.com/JimThompsonFarm  

“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
สินค้าของจิม ทอมป์สัน มีให้เลือกซื้อมากมาย


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
สินค้าของจิม ทอมป์สัน มีให้เลือกซื้อมากมาย


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ


“จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ชวนสัมผัสธรรมชาติงดงาม เต็มอิ่มวัฒนธรรมอีสาน ชอปปิ้งของฝากถูกใจ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2557   
Last Update : 14 ธันวาคม 2557 20:27:14 น.   
Counter : 1504 Pageviews.  

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
บ้านบางพลับ เต็มไปด้วยร่องสวนผลไม้
       การท่องเที่ยวชุมชน ถือเป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ วิถีการทำมาหากิน และภูมิปัญญาต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ ได้ใช้เวลาซึมซับความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ต่างๆ

       อย่างที่ “ชุมชนบ้านบางพลับ” อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เนื่องด้วยพื้นที่ตั้งที่มีลำคลองต่างๆ รายล้อม อีกทั้งยังมีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน ทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนมีความผูกพันกับสายน้ำ

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวจากน้ำตาลสด
       หากเข้ามาที่บ้านบางพลับ จะสังเกตได้เลยว่าเต็มไปด้วยร่องสวนผลไม้ และพืชผักสวนครัวต่างๆ ความเขียวขจีที่อยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เกิดความร่มรื่น สดชื่น และเย็นสบาย

       ก่อนจะมาเป็นชุมชนท่องเที่ยวแบบในปัจจุบัน ชาวบ้านที่มีมีอาชีพเป็นเกษตรกร ซึ่งวิถีการเกษตรเดิมนั้นเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างดูแลสวนของตัวเอง ทำให้ขาดความเข้มแข็งและองค์ความรู้ในการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร จนกระทั่ง ครูสมทรง แสงตะวัน หนึ่งในชาวบ้านบางพลับ ต้องการอนุรักษ์ภูมิปัญญาและวิถีการเกษตรพื้นบ้านเหล่านี้ไว้ จึงได้รวบรวมคนในชุมชนที่มีความรู้ด้านต่างๆ มาแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน จนในที่สุด ได้มีการจัดตั้งเป็น “ศูนย์เรียนรู้มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดสมุทรสงคราม” ส่งผลให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และกลายเป็นชุมชนต้นแบบดังในปัจจุบัน

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
หยอดน้ำตาลมะพร้าวลงถ้วย
       การมาเที่ยวที่ชุมชนบ้านบางพลับ ถือเป็นการท่องเที่ยวพร้อมๆ ไปกับการที่จะได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของที่นี่ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนผลไม้ สวนผัก และชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกร ภูมิความรู้ส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องกับการเกษตร การแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่เช่นเดียวกัน

       เริ่มแรกกันที่ความรู้เรื่องการทำ “น้ำตาลมะพร้าว” ซึ่งน้ำตาลมะพร้าวของที่นี่ขึ้นชื่อว่าหอมหวาน เนื่องจากทำจากน้ำตาลสดแท้ๆ จากต้นตาล ที่จะต้องออกไปเก็บน้ำตาลสดวันละสองเวลา เมื่อได้น้ำตาลสดมาแล้วก็จะนำมาเคี่ยวในกระทะจนเหนียวข้นได้ที่ ก่อนจะนำไปหยอดลงในภาชนะ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะกลายเป็นน้ำตาลมะพร้าวที่สามารถนำไปขายเป็นของฝากได้เลย

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
ผัก-ผลไม้กลับชาติ
       ภูมิปัญญาอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ “ผลไม้กลับชาติ” ซึ่งเป็นทั้งการแปรรูปและการถนอมอาหาร ด้วยการนำผัก ผลไม้ที่มีรสชาติขมมาแช่อิ่ม กลายเป็นของหวานแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น บอระเพ็ด หรือ มะกรูด เมื่อนำมาแช่อิ่มแล้วก็ยังคงเป็นรูปร่างเดิม แต่รสชาติเปลี่ยนจากขมเป็นหวานจัด สามารถกินเป็นขนมหรือของหวานได้เลยทีเดียว

       ปัจจุบัน นอกจากผัก ผลไม้ขมๆ ที่นำมาเป็นผลไม้กลับชาติแล้ว ก็ยังประยุกต์มาใช้กับพืชผักสวนครัวต่างๆ ได้ด้วย อาทิ พริก มะนาว มะระขี้นก มะละกอ แตงกวา ผลส้มโออ่อน เป็นต้น

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่
       สินค้าอีกหนึ่งอย่างที่ขึ้นชื่อมากๆ ของบ้านบางพลับก็คือ “ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่” ซึ่งส้มโอพันธุ์นี้ถือเป็นพันธุ์พื้นบ้านของที่นี่ ลักษณะโดดเด่นก็คือเป็นส้มโอที่มีรสชาติหวาน เก็บไว้ได้นาน ไม่โอ่ เพราะเนื้อแห้งกำลังดี สมัยก่อนนั้นส้มโอพันธุ์นี้จะออกผลปีละครั้ง และยังติดผลน้อย แต่ด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้าน สามารถพัฒนาส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ให้สามารถออกผลปีละ 4 ครั้ง สร้างผลผลิตและสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้มากขึ้น

       ที่สำคัญ การปลูกส้มโอ และวิถีการเกษตรของบ้านบางพลับ ยังเป็นการเกษตรที่ปลอดสารเคมี ที่นี่จะใช้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติ ช่วยกันทำปุ๋ยจุลินทรีย์เพื่อใช้กับการปรับสภาพดิน บำบัดน้ำเสีย และใช้เป็นยาฆ่าแมลงจากธรรมชาติ

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
ปั่นจักรยานชมสวน
       ใครที่สนใจจะเข้ามาเยี่ยมชมบ้านบางพลับ วิธีที่เหมาะที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานชมสวน ลัดเลาะไปตามเส้นทางต่างๆ อาจจะปั่นเข้าสวน ไปชวนคุณลุงพูดคุยเรื่องการปลูกผัก ผลไม้ต่างๆ แวะไปที่บ้านผลไม้กลับชาติ ลองชิมผลผลิตจากการแช่อิ่ม หรือจะปั่นจักรยานไปเรื่อย สำรวจเส้นทางสีเขียวที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้จากความอุดมสมบูรณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า ลมเย็นๆ ที่พัดมาปะทะกับตัวก็ทำให้คลายเหนื่อยได้ไม่มากก็น้อย

       ซึ่งนอกจากจะมาเยี่ยมเยือนบ้านบางพลับแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ให้ไปเยี่ยมชมกันอีก อาทิ “วัดบางกุ้ง” ที่มีความน่าสนใจอยู่ที่โบสถ์ปรกโพธิ์ ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ มีรากของต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่โดยรอบ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเข้ามากราบสักการะ

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง
       หรืออาจจะไปเที่ยวที่ “ตลาดน้ำอัมพวา” ตลาดน้ำยามเย็นริมคลองอัมพวา ไปดูความคึกคักและสีสันของผู้คนที่แวะเวียนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย แต่หากอยากสัมผัสอีกด้านของอัมพวา แนะนำให้มาถึงตลาดในยามเช้าตรู่ ที่นี่ก็ยังคงมีความเงียบสงบกับวิถีชีวิตริมสายน้ำหลงเหลืออยู่

       การท่องเที่ยวชุมชนแบบนี้ นอกจากจะได้ออกมาใช้วันหยุด ได้ผ่อนคลาย ได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติที่หาได้ยากในเมืองกรุงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้ก็คือ การได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้ด้วย

เยือนชุมชนสีเขียว เที่ยวเลาะสวน ชวนดูของดี ที่ “บ้านบางพลับ” สมุทรสงคราม
บรรยากาศยามเช้าที่อัมพวา
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม โทร.0-3475-2847

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2557   
Last Update : 13 ธันวาคม 2557 9:38:37 น.   
Counter : 1323 Pageviews.  

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) เฟซบุ๊ก Travel-Unlimited-เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง แหล่งท่องเที่ยวใหม่เมืองอุบลฯ
       สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “ดอกไม้ป่า”(บนพลาญหิน) อย่าง ดุสิตา สร้อยสุวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา นั้น ยามเมื่อมันออกดอกชูช่อเล็กๆ 2-3 ดอก
       
       มันคือความงามเล็กๆ ให้คนรักถนอมบุปผาได้สอดส่ายสายตาชื่นชมในความงาม
       
       มันคือความงามเล็กๆ ให้ช่างภาพผู้นิยมถ่ายมาโครได้วาดเลนส์ไปส่องดึงขยายความงาม
       
       มันคือความเล็กๆ ที่แม้จะยากต่อการเซลฟีแต่ก็มีสาวๆ หลายคนพยายาม

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
มวลมหาดอกไม้ป่าบนลานหินที่บานเต็มท้องทุ่งบนลานหินยอดภูหลวง
       แต่ครั้นเมื่อความงามเล็กๆ ของดอกไม้ป่าเหล่านี้มาอยู่รวมกันแล้วพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานสะพรั่ง นับหมื่น นับแสน หรือนับล้านๆ ดอก
       
       มันแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความงามแห่งทุ่งดอกไม้ป่าอันตระการตา น่าตื่นตาตื่นใจ และน่าหลงใหลในความเพริศแพร้วกระไรปานนั้น...

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
มณีเทวาเริงร่า
       1...
       
       สำหรับหนึ่งในจังหวัดที่ขึ้นชื่อด้านการชมทุ่งดอกไม้ป่าบานบนพลาญหินหรือลานหินก็คือ“อุบลราชธานี” ซึ่งเดิมนั้นเมืองดอกบัวงามมีไฮไลต์แหล่งชมทุ่งดอกไม้ป่าอันเลื่องชื่ออยู่ที่บริเวณน้ำตกสร้อยสวรรค์ ในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ขณะที่จุดชมทุ่งดอกไม้ป่าน่าสนใจจุดอื่นๆ ในอุบลฯก็อย่างเช่น ป่าดงนาทาม(อช.ผาแต้ม) พลาญป่าชาด(อช.ภูจองนายอย) ภูหินด่าง(อช.ภูจองนายอย) ภูสมุย เป็นต้น

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ทุ่งดอกไม้กับก้อนหิน
       นอกจากนี้ในอุบลยังมีจุดชมทุ่งดอกไม้จุดใหม่ๆ อีกบางส่วนที่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นอาจไม่รู้จัก(หรือแม้แต่คนอุบลเองก็ยังไม่คุ้นหู) แต่กลับเป็นที่รู้จักกันดีเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้นิยมถ่ายภาพ (ในอุบล) ที่เมื่อไปเห็นทุ่งดอกไม้งามแล้วไม่ได้เก็บไว้ดูคนเดียว แต่หากเลือกเก็บภาพสวยๆ นำกลับมาเผยแพร่ต่อผ่านโลกออนไลน์
       
       ส่งผลให้จุดชมทุ่งดอกไม้แห่งใหม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ดังเช่น แหล่งชมทุ่งดอกไม้ป่า “วนอุทยานน้ำตกผาหลวง” ที่ตัวผมเมื่อได้ไปเห็นกับตาแล้วถึงกลับอึ้งและทึ่งในสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ดอกไม้ต่างชนิดพันธุ์ แต่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสวยงาม
       2...
       
       วนอุทยานฯน้ำตกผาหลวง ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูโหล่น ในพื้นที่บ้านนาเลิน ต.นาเลิน อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ที่มีเนื้อที่ประมาณ 10,375 ไร่ มีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาติดต่อกัน
       
       ชื่อวนอุทยานฯนั้นเป็นชื่อเดียวกับ “น้ำตกผาหลวง”(ภาษาถิ่นเรียกว่า “น้ำตกผาแซ”) น้ำตกที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากมีถ้ำอยู่ด้านใต้ของสายน้ำตกที่ไหลผ่าน(ปิดบังปากถ้ำไว้) เป็นม่านน้ำแผ่สยายกว้าง มีสูงประมาณ 20 เมตร สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
น้ำตกผาหลวง (ภาพ อบต.นาเลิน)
       อย่างไรก็ดี น้ำตกผาหลวงก็เป็นเช่นเดียวกับน้ำตกหลายๆ แห่งในภาคอีสาน ที่จะมีปริมาณน้ำมากดูสวยงามเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น แต่ครั้นเมื่อพอถึงหน้าแล้งสายน้ำตกก็จะเหือดแห้งหายไป รอฤดูฝนถัดไปมาเยือนสายน้ำจึงจะกับมาพรั่งพรูสวยงามอีกครั้ง
       
       ทุกๆ ปีในช่วงปลายฝนต้นหนาว หลังสายน้ำตกผาหลวงค่อยๆ เหือดแห้งงวดสายลง มวลหมู่ดอกไม้ป่าดอกเล็กดอกน้อยบนพลาญหินอันกว้างใหญ่บนยอดภูหลวง ก็จะค่อยๆ ผลิดอกเบ่งบานเริงร่ารับลมหนาว เกิดเป็นทุ่งดอกไม้ป่าขนาดใหญ่(มาก) อันสวยงามตระการตา ซึ่งล่าสุดทาง “ททท. อุบลฯ” ได้จับมือชาวชุมชน อบต.นาเลิน และป่าไม้ ช่วยกันส่งเสริมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอุบลราชธานี

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว
       ทั้งนี้ก็เพื่อให้ชาวชุมชนได้มองเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติในท้องที่(จากเดิมที่เห็นจนชินตาแต่ไม่ได้ใส่ใจ) แล้วหันมาช่วยกันอนุรักษ์ดูแลรักษา เพื่อให้ดำรงคงอยู่โดยมีผลพลอยได้คือคุณค่าและมูลค่าทางการท่องเที่ยวที่ตามมา
       
       
       
       หลังรับรู้เป็นเลาๆ ว่าที่วนอุทยานน้ำตกผาหลวง มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่คือทุ่งดอกไม้ป่าแสนงาม ผมและคณะก็เลือกหาวันเหมาะๆ ที่ทุ่งดอกไม้ยังไม่โรยราเดินทางสู่บ้านนาเลินเพื่อไปชมทุ่งดอกไม้ป่าบนลานหินที่ได้รับฟังจากคนที่เคยไปมาแล้วว่า “มันใหญ่มาก”

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
รอยทางในหมู่ดอกไม้
       เมื่อมาถึงยังบ้านนาเลิน ทาง อบต.บ้านนาเลินและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ติดต่อประสานงานให้มาช่วยนำทางให้ข้อมูลก็ได้ออกมาต้อนรับ ก่อนจะไม่รีรอออกเดินทางขึ้นเขากันในทันที เพราะถ้าขืนชักช้ากว่านี้แดดจะร้อนเปรี้ยง
       
       จากบ้านนาเลินเราเดินทางประมาณ 1 กม. ก็มาถึงยังที่ทำการวนอุทยานน้ำตกผาหลวง จุดเริ่มต้นของการเดินขึ้นไปชมทุ่งดอกไม้บนยอดภูหลวง ณ บริเวณเสาเฉลียง มีระยะทางประมาณ 2 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที บนเส้นทางเดินผ่านป่าโปร่งที่ไม่โหด แต่ก็ทำเอาผมถึงกับ “หอบ” เหงื่อแตกพลั่ก เพราะทางบางช่วงต้องเดินขึ้นเขาชันพอตัว (ในเส้นทางนี้มีทางแยกไปน้ำตกผาหลวง น้ำตกรากไทร ที่จะสวยงามในช่วงหน้าฝน แต่ช่วงที่ผมไปน้ำน้อยมากไม่ต่างจากคนมาเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เราจึงเลยผ่านไป)

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ทางเดินขึ้นสู่ยอดภูหลวง
       ในช่วงท้ายๆ ก่อนจะถึงยอดภูมีจุดพักเล็กๆกับจุด“หยดทิพย์” ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวธารน้ำหยดผ่านหิน รากไม้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถใช้ดื่มกิน ล้างหน้าหน้าตา หลังจากที่เดินมาเหนื่อยๆ ได้ชะงัดนัก
       
       แล้วจากนั้นอีกสักพักเราก็ขึ้นมาถึงยังลานยอดเขา พบกับป้ายบอกทางไปแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าบนยอดภูนี้จะมีแหล่งท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
บนยอดภูหลวงมีที่เที่ยวหลายจุดให้เลือกเที่ยว
       พี่เจ๋ง -ภาพิสันต์ สาระคำ หัวหน้าสำนักปลัด อบต.นาเลิน ที่มาร่วมคณะพาเดินเที่ยว บอกกับผมว่า บนนี้หากเดินเที่ยวกันจริงๆ แบบเก็บทุกจุดท่องเที่ยวคงต้องใช้เวลาเป็นวันหรือมากกว่านั้น ซึ่งบนยอดภูแห่งนี้ผู้ที่รักธรรมชาติสามารถติดต่อขอมานอนกางเต็นท์ดูดอกไม้ ดูดาว สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดได้
       
       อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ในทริปนี้เรามุ่งเป้าไปที่การเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ จึงไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ค้างแรมมา จึงขอติดไว้ว่า หากมีโอกาสจะกลับขึ้นไปซ้ำบนยอดภูหลวงอีกครั้ง

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
พื้นที่บนยอดภูหลวงมีลักษณะเป็นลานหินกว้างใหญ่
       สำหรับบนยอดภูหลวงนั้น มีระดับความสูง 300 กว่าเมตร ถึงเกือบ 400 เมตร(390 กว่าเมตร) มีลักษณะพื้นที่เป็นลานหินกว้างใหญ่ เมื่อเดินไปสักพักผมเริ่มพบกับดงดอกไม้ป่าขึ้นเป็นแปลงเล็กๆ เป็นหย่อมๆ อันเป็นการทักทายแบบซอฟต์ เวลคัม ก่อนที่พวกเราจะเดินไปดูของจริงกันยังแปลงไฮไลต์ที่“ทุ่งดอกหญ้า” หรือที่พวกพี่ๆ ที่นำทางบางคนเรียกขานมันว่า “ทุ่งใหญ่”

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
บริเวณไฮไลต์ ณ ทุ่งดอกไม้ (ทุ่งใหญ่)
       ทุ่งดอกหญ้า(ทุ่งใหญ่) เป็นทุ่งดอกไม้ป่าบนพลาญหินที่มีขนาดใหญ่มาก(สำหรับเมืองไทย) มีเนื้อที่บานแปลงเดียวประมาณ 4-5 ไร่ โดยเหล่ามวลมหาดอกไม้ป่าดอกเล็กดอกน้อยที่พร้อมใจกันออกดอกเบ่งบาน ณ ลานทุ่งใหญ่(และแปลงอื่นๆ)บนยอดภูหลวงนั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกกลุ่มพืชกินแมลงนำโดย 5 พันธุ์ดอกไม้ป่าพระราชทานจากพระราชินี ได้แก่
       
       -ดุสิตา(หญ้าข้าวก่ำน้อย, หญ้านกขาบ) สีม่วงเข้ม
       -สร้อยสุวรรณา(หญ้าสีทอง) สีเหลืองเข้ม
       -มณีเทวา(กระดุมเงิน, หญ้าหัวหงอก, หญ้าผมหงอก, จุกนกยูง, หญ้าดอกขาว) สีขาวนวล
       -สรัสจันทร(หญ้าหนวดเสือ, กล้วยมือนาง) สีม่วงอ่อนแกมน้ำเงิน
       -ทิพเกสร(หญ้าฝอยเล็ก) สีชมพูอมม่วงอ่อน

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
สร้อยสุวรรณ บานสะพรั่งสีเหลืองสดใส
       นอกจากกลุ่มดอกไม้พระราชทานแล้ว บนนี้ก็ยังมีกลุ่มพืชน่าสนใจ อย่างเช่น จอกบ่วาย(หยาดน้ำค้าง), หญ้าน้ำค้าง(บางพื้นที่เรียกหยาดน้ำค้าง), หญ้าหมู่ดาว, กระดุมทอง, เอนอ้า, โคลงเคลง, แก้มอ้น(อ้นแดง) รวมถึงพวกกล้วยไม้ในกลุ่มช้างน้าว สิงโต เป็นต้น
       
       พี่เจ๋งบอกกับผมว่าช่วงก่อนหน้าที่ผมไปนั้น สร้อยสุวรรณาจะบานเป็นนางเอกย้อมพื้นที่ทุ่งเป็นสีเหลืองอร่ามสดใส แต่ในช่วงที่ผมไปสร้อยสุวรรณาเริ่มโรย แต่ดอกทิพเกสรกลับสุดคึกพากันบานสะพรั่งย้อมพื้นที่บางช่วงเป็นสีชมพูอ่อนดูเนียนตา อีกทั้งยังเป็นดอกทิพเกสรที่มีขนาดใหญ่ประมาณน้องๆ เหรียญบาท ขณะที่ดอกทิพเกสรที่มีรูปร่างคล้ายนกบินของที่อื่นเท่าที่ผมเคยเห็นจะมีขนาดเล็กจิ๋ว ราวๆ น้องเหรียญสลึงเท่านั้น

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ทิพเกสรบานนวลตา
       ในบริเวณใกล้ๆ กับทุ่งดอกหญ้า(ทุ่งใหญ่) ยังมีพวกแปลงดอกไม้อินดี้จำพวกสร้อยสุวรรณา ดุสิตา มณีเทวา ที่แยกตัวออกมาออกดอกเป็นกลุ่มเป็นแปลงย่อมๆ ขึ้นอยู่ใกล้ๆ กับทุ่งดอกหญ้า(ทุ่งใหญ่) ซึ่งหนึ่งในนั้นมีแปลงหนึ่งพิเศษมาก เพราะเป็นแปลงที่มีดอกไม้ 3 ชนิด เบ่งบานเป็นหย่อมใหญ่ๆ ซ้อนอยู่ในแปลงเดียวกัน คือ แปลงทิพเกสรกับดุสิตา และแปลงสร้อยสุวรรณา เกิดเป็นแปลงดอกไม้สลับสี ระหว่างชมพู-ม่วง จากทิพเกสร ดุสิตา แทรกด้วยสีเหลืองเข้มของ สร้อยสุวรรณา ดูสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ทุ่งดอกไม้สลับสี
       สำหรับทุ่งดอกไม้ป่าที่นี่หากเปรียบกับทุ่งที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ผาแต้ม พื้นที่ทุ่งดอกไม้ป่าที่ผาแต้มโดยรวมอาจจะมีพื้นที่มากกว่า แต่ว่าทุ่งดอกไม้ที่ผาแต้มจะบานไล่เป็นแปลงๆ ไป แต่สำหรับทุ่งดอกไม้ที่ทุ่งใหญ่นี้ มันจะพร้อมใจออกดอกกันเบ่งบานนับหมื่นนับแสนดอกพร้อมๆกันเป็นแปลงใหญ่แปลงเดียว ดูแล้วเห็นได้ชัดว่ามันมีเนื้อที่กว้างใหญ่กว่า (การบานเป็นแปลงๆ) ของที่ผาแต้มอยู่พอตัว
       
       อนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นทุ่งดอกไม้ป่า(ประเภทนี้) บานบนพลาญหินในเมืองไทย ที่นี่นับว่ากว้างใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าเราก็ต้องไปให้ถูกช่วงจังหวะเวลาที่มันพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานเต็มที่ด้วย

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
หญ้าน้ำค้าง
       4...
       
       บนยอดภูหลวงนอกจากทุ่งดอกไม้ป่าแสนงามแล้วก็ยังมีลานหินและกลุ่มหินจำพวกเสาเฉลียงรูปร่างแปลกตาอยู่ยอดภูให้เที่ยวชม ทัศนาในรูปร่างอันแปลกตาชวนจินตนาการ จากผลงานที่ธรรมชาติสรรสร้างกัน อาทิ เสาเฉลียงโบกนกยูง ลานหินเต่า ลานจระเข้ เสาเฉลียงใหญ่ รวมถึง “หม้อหินผาหลวง” บริเวณผาหม้อ ที่เป็นลานหินกว้างขนาดใหญ่ริมผา มองลงไปเบื้องล่างเห็นวิวทิวทัศน์ของ อ.ศรีเมืองใหม่ ได้อย่างสวยงามกว้างไกล

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
เสาเฉลียงโบกนกยูง
       นอกจากนี้ที่ผาหม้อยังมีเสาเฉลียงตั้งโดดเด่นอยู่ริมผาด้านหนึ่ง บนนั้นมีธงชาติไทยปักอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์กันได้ แต่ก็ต้องไม่ประมาทและจงระมัดระวังตัวให้ดี โดยเฉพาะกับจุดชมวิวที่เป็นชะง่อนหินแหลมยื่นออกมาจากเสาเฉลียงนั้น มันมีทั้งความสวยงามที่น่ายืนนั่งถ่ายรูป มีทั้งความหวาดเสียว และมีอันตรายอยู่ในที เพราะหากไม่ระมัดระวังพลาดพลั้งตกลงไปสภาพคงไม่น่าดูเท่าไหร่

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
เสาเฉลียง หม้อหินผาหลวง
       นี่ก็เป็นเสน่ห์แห่งธรรมชาติที่วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ที่มีทั้งความชุ่มฉ่ำของสายน้ำตก ความแข็งแรงแกร่งกร้าวแปลกตาของประติมากรรมเสาเฉลียง-ผาหิน ที่สำคัญคือที่นี่มีทุ่งดอกไม้ป่าอันแสนงามบนเนื้อที่กว้างใหญ่
       
       สำหรับผมแล้ว มนต์เสน่ห์ความงามของทุ่งดอกไม้ป่าแห่งน้ำตกผาหลวง มันไม่ได้เบ่งบานเฉพาะบนพลาญหินอย่างที่ปรากฏทางสายตาเท่านั้น
       
       หากแต่มันยังเบ่งบานเข้าไปถึงหัวใจของเราอีกด้วย
       
       *****************************************

“ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกผาหลวง”...อุบลฯมุมใหม่ งามโดนใจ มันใหญ่มาก!!!/ปิ่น บุตรี
ความงามจากธรรมชาติสรรสร้าง
       สำหรับช่วงเวลาของการเที่ยวชมน้ำตกผาหลวงนั้นอยู่ในช่วงฤดูฝนถึงราวๆ เดือน ต.ค. ส่วนช่วงเวลาในการชมทุ่งดอกไม้ที่น้ำตกผาหลวงนั้นเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายฝนต้นหนาวโดยจะบานยาวจนถึงช่วงกลางหนาว หรือประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม โดยช่วงที่บานเต็มที่สวยงามที่สุดจะอยู่ในช่วงราวกลางเดือน พ.ย.-ต้น ธ.ค. แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในปีนั้นๆ
       
       วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูโหล่น ในท้องที่บ้านนาเลิน ต.นาเลิน อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
       
       การเดินทาง โดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทางคือ
       
       1. จากจังหวัดอุบลราชธานี-ตระการพืชผล เลี้ยวขวาเข้าอำเภอศรีเมืองใหม่ ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางและจากอำเภอศรีเมืองใหม่ถึงบ้านนาเลินประมาณ 19 กิโลเมตร เดินทางเข้าน้ำตกอีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 101 กิโลเมตร
       
       2. จากจังหวัดอุบลราชธานี-พิบูลมังสาหาร ข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร ตรงไปอำเภอศรีเมืองใหม่ เลี้ยวขวาเข้าอำเภอศรีเมืองใหม่-นาเลิน ประมาณ 19 กิโลเมตร เดินทางเข้าวนอุทยานน้ำตกผาหลวง อีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 99 กิโลเมตร
       
       ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลนาเลิน โทร. 0-4525-2574, 08-5025-7165, 09-5620-5656, 08-3746-5536 หรือที่วนอุทยานน้ำตกผาหลวง โทร. 08-9848-3343
       
       สามารถสอบถามข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร สินค้าโอทอป การเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน จ.อุบลราชธานี เชื่อมโยงกับวนอุทยานน้ำตกผาหลวง ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี โทร.0-4524-3770, 0-4525-0714

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2557   
Last Update : 12 ธันวาคม 2557 8:42:10 น.   
Counter : 1756 Pageviews.  

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
บรรยากาศงาน “Christmas Wonderland @ Gardens by the Bay”
“เทศกาลคริสต์มาส” วันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นวันที่มีความหมายสำคัญของชาวคริสต์ทั่วโลก ช่วงเวลานี้ในหลายๆประเทศ จะมีการประดับประดาและตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวด้วยต้นคริสต์มาสและแสงไฟไว้อย่างสวยงาม รวมถึง “ประเทศสิงคโปร์” ประเทศเพื่อนบ้านแห่งอาเซียนของไทยเรา ที่เป็นศูนย์รวมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ก็ได้มีการประดับประดาแสงไฟเพื่อเฉลิมฉลองในช่วงนี้พิเศษของปีด้วยเช่นกัน

       ประเทศสิงคโปร์ในเวลานี้ของปี ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ จะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน แต่งแต้มค่ำคืนของสิงคโปร์ให้งดงามมากยิ่งกว่าช่วงไหนๆ ของปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความสวยงามยามค่ำคืนได้ไม่ยากในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เช่นที่ “การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์” (Gardens by the Bay) และ “ถนนออร์ชาร์ด” (Orchard) ที่จะมีการประดับไฟในธีมคริสต์มาสไว้อย่างสวยงาม ให้ได้ชมพร้อมกับการตะลอนเที่ยวสิงคโปร์ในช่วงพิเศษของปี

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่าน เคียงคู่ซูเปอร์ทรี ที่“การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ ”
       เริ่มต้นการชมความงดงามของเทศกาลคริสต์มาสแห่งสิงคโปร์ กันที่ “การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ ” (Gardens by the Bay) ซึ่งในปีนี้ ได้จัดงาน “Christmas Wonderland @ Gardens by the Bay” เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส บรรยากาศภายในสวนนั้น ได้มีการประดับตกแต่งไปด้วยธีมคริสต์มาส อาทิ ต้นคริสต์มาสประดับแสงไฟ สูงตระหง่านเคียงคู่ ซูเปอร์ทรี (Supertree) ตุ๊กตาสโนว์แมน เต้นท์จำหน่ายสินค้าที่มีการออกแบบธีมคริสต์มาส ซึ่งได้ทำให้สวนแห่งนี้ มีบรรยากาศแบบดินแดนมหัศจรรย์เหมือนในเทพนิยาย อีกทั้งในช่วงเวลา 19.45 และ 20.45 น. ก็ยังมีโชว์แสงสีแสง “OCBC Graden Rhapsody” อันตระการตาและสนุกสนาน ที่จะจัดขึ้นท่ามกลางซูเปอร์ทรี ให้ได้ชมกันอีกด้วย



ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
แสงสีของซูเปอร์ทรีเข้ากับบรรยากาศงานเทศกาลคริสต์มาส
       อีกทั้งยังได้มีการนำประติมากรรมแสงไฟ ที่ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรก สถาปัตยกรรมที่บ่งถึงความหรูหราโอ่อ่าและความมีอำนาจของประเทศอิตาลี มาจัดแสดงให้ชมกันอีกด้วย โดยจะเป็นซุ้มประตูประดับไฟสูงตระหง่าน ขนาด 16 เมตร พร้อมแสงและสีซุ้มประตูที่ถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟกว่า 95,000 ดวง งานประติมากรรมแสงที่งดงามจากยุโรปนี้ ได้ถูกนำเข้าและประดับตกแต่งโดยบริษัทจากประเทศอิตาลี

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
ซุ้มประตูประดับไฟ งดงามอลังการต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
       ในจุดที่จัดงานนั้น “การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ ” (Gardens by the Bay) เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวมาริน่า (Marina Bay) ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ “สวนเบย์ อีสต์” (Bay East) “สวนเบย์ เซาท์” (Bay South) และ “สวนเบย์ เซ็นทรัล” (Bay Central) ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อสวนสองแห่งแรกไว้ด้วยกัน ในส่วนของสวนเบย์ อีสต์ (Bay East) จะประกอบไปด้วยศาลาที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม มีสนามหญ้าเขียวฉะอุ่ม ต้นปาร์มและดอกไม้นานาชนิดให้ได้ชม และในจุดนี้ยังเป็นที่ตั้งของ อาคารเรือนกระจกจัดแสดงพันธุ์ไม้ (Conservatory Complex) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนให้เข้าไปชม คือ ฟลาวเวอร์ โดม (Flower Dome) และ คลาวด์ ฟอเรสต์ (Cloud Forest)

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
พระอาทิตย์ใกล้ตกที่ “การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ ” เห็น “ซูเปอร์ทรี”และ“โอซีบีซี สกายเวย์” ด้านหลัง
       ในส่วนของสวนเบย์ เซาท์ (Bay South) จะเป็นที่ตั้ง “ซูเปอร์ทรี” (Supertree) สวนแนวตั้งสูงเท่าตึก 16 ชั้น ที่สามารถเก็บน้ำฝนและพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน แล้วนำไปใช้เป็นแสงไฟประดับโครงสร้างในยามค่ำคืน และยังมี “โอซีบีซี สกายเวย์” (OCBC Skyway) ทางเดินระฟ้าเชื่อมต่อระหว่างซูเปอร์ทรี ที่สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์สวนสวยและอ่าวมารีน่าจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
ยามตะวันใกล้ตก ในบรรยากาศคริสต์มาส
(คลิกติดตามเรื่องเที่ยว “มารีน่าเบย์” สัมผัสเสน่ห์ไฮไลต์สิงคโปร์ ได้ที่ลิงค์นี้)

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
แสงสียามค่ำคืนที่ “ถนนออชาร์ด” ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
“ถนนออร์ชาร์ด” (Orchard) ถนนชื่อดังของประเทศสิงคโปร์ ก็เป็นจุดชมแสงสียามค่ำคืนช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาพิเศษนี้ ถนนตลอดทั้งเส้นจะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟและต้นคริสต์มาสเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส โดยบรรยากาศตลอดสองฟากฝั่งของถนนนั้น จะเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสันตลอดเส้นทาง มีเเสงระยิบระยับจากดวงไฟนานาชนิด อีกทั้งบริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่เรียงรายขนาบสองฝั่งถนนยังถูกตกแต่งไปด้วยประติมากรรมต่างๆ ในธีมคริสต์มาส ถนนออร์ชาร์ดยามค่ำคืนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ จึงเป็นค่ำคืนที่สวยงามที่สุดแห่งปี นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเที่ยวในช่วงนี้ จึงได้เพลิดเพลินไปกับการชอปปิ้งและได้ชมความงดงามของสีสันบนท้องถนนไปพร้อมๆ กัน

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
คริสต์มาส ช่วงเวลาพิเศษแห่งปี ถนนทั้งสายจะถูกประดับด้วยไฟหลากสีสันอย่างดงาม
       สำหรับประวัติความเป็นมาของถนนออร์ชาร์ดนั้น เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นถนนสายเกษตรกรรม ที่ถูกตั้งชื่อขึ้นตามสวนพริกไทยและจันทน์เทศที่ปลูกเรียงรายขนาบกันเป็นแนวทางเดินตามแนวถนนในอดีต ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 โดยเจ้าของที่มีชื่อว่า Scotts, Cairnhill และ Cuppage เเละต่อมาในปี 1900 เกิดโรคระบาดทำลายพืชผลเสียหายเจ้าของจึงได้อพยพออกไป จนในปีค.ศ. 1970 รัฐบาลเริ่มเข้ามาฟื้นฟูและขุดคลอง และได้มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ขึ้นตามแนวถนน จนเกิดเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา ปัจจุบันถนนออร์ชาร์ดเป็นศูนย์รวมของ แหล่งชอปปิ้ง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย จนกลายเป็นย่านดังของประเทศสิงคโปร์

       บรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนั้น จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่พิเศษของปี แสงสีและความงามยามค่ำคืนในช่วงปลายปี ที่จะจัดขึ้นตั้งเเต่วันนี้ไปจนถึง วันที่ 1 มกราคม 2558 คงเป็นภาพความทรงจำที่แสนประทับใจยิ่งนัก

ชมค่ำคืนคริสต์มาสที่ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์-ถนนอร์อชาร์ด ช่วงพิเศษเเห่งปีของ สิงคโปร์
บรรยากาศตลอดสองฟากฝั่ง “ถนนออชาร์ด” ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ
********************************************************************************************************************************

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจําประเทศไทย โทร.0-2108-1273-4 และทางอีเมล์ stb_bangkok@stb.gov.sg

การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์  (Gardens by the Bay) สวนสาธารณะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 05.00-23.00 น.
ส่วนอาคารเรือนกระจกจัดแสดงพันธุ์ไม้และดอกไม้ และ โอซีบีซี สกายเวย์ (OCBC Skyway) เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-21.00น. ปิดขายบัตร 20.00น. ปิดให้เข้าชม 20.30น.

ราคาค่าเข้าชม อาคารเรือนกระจกจัดแสดงพันธุ์ไม้และดอกไม้ ผู้ใหญ่ : 28 SGD ผู้สูงอายุ : 28 SGD เด็ก 15 SGD
ราคาค่าเข้าชม โอซีบีซี สกายเวย์” (OCBC Skyway) ผู้ใหญ่ : 5 SGD ผู้สูงอายุ : 5 SGD เด็ก 3 SGD
(ผู้สูงอายุ : อายุตั้งแต่ 60 ขึ้นไป เด็ก : อายุต่ำกว่า 12 ปี)
SGD : สกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ 1 SGD : ประมาณ 25 บาท

       **********************************************************************************




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557   
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 8:40:14 น.   
Counter : 1241 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]