หนึ่งในข่าวใหญ่ของวงการไอทีโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการประกาศปิดบริการสารบัญเว็บไซต์ ยาฮูไดเร็กทอรี่ (Yahoo Directory) อายุ 20 ปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัท ยาฮู (Yahoo!) ในสิ้นปี 2014 ปรากฏว่าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ไปพร้อมกับข่าวชวนลุ้นว่า ยาฮูจะยอมผนวกกิจการกับอดีตยักษ์ใหญ่อย่างเอโอแอล (AOL) ตามที่นักลงทุนเสนอไว้หรือไม่? แน่นอนว่าทั้ง 2 ข่าวนี้เป็นสัญญาณที่ทำให้โลกจับตาดูยาฮูอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปทางใดในอนาคต
การประกาศปิดบริการ Yahoo Directory เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ในแถลงการณ์ ยาฮูยกการตัดสินใจครั้งนี้ให้เป็นผลจากการปรับเพื่อให้บริษัทสามารถเทความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจหลักอย่างเต็มที่ โดยระบุว่าหลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2014 ซึ่งบริการ Yahoo Directory จะหยุดให้บริการ นักโฆษณาสามารถเลือกรับบริการใหม่ได้ทันที และยาฮูจะติดต่อเพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมในกรณีนี้โดยตรง
เจย์ รอสสิเตอร์ (Jay Rossiter) รองประธานอาวุโสของยาฮู กลุ่มธุรกิจคลาวด์แพลตฟอร์ม ยอมรับในแถลงการณ์ว่า ธุรกิจของยาฮูมีจุดเริ่มต้นจากการเป็นบริการสารบบเว็บไซต์ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน บริการนี้ (Yahoo Directory) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่ายเพราะผู้ใช้สามารถใช้ยาฮูเป็นประตูเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ที่ต้องการได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม แม้วิสัยทัศน์ของยาฮูจะยังอยู่ที่การเน้นเชื่อมต่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น แต่บริษัทตัดสินใจว่าจะหยุดให้บริการ Yahoo Directory ลง ซึ่งจะทำให้ยาฮูยุคใหม่สามารถมุ่งพัฒนาบริการหลักทั้งบริการค้นหาข้อมูล (search), บริการเพื่อการสื่อสาร (communication), บริการนิตยสารดิจิตอล (digital magazine), และบริการวิดีโอ (video) ต่อไป
|
 | | แฟ้มภาพบริการ Yahoo Directory ที่จะปิดฉากวันที่ 31 ธันวาคมนี้ | |  | เพื่อบริการ 4 ประเภทนี้ ยาฮูตัดสินใจทิ้งบริการ Yahoo Directory ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากผู้ก่อตั้งยาฮูอย่างเจอร์รี่ หยาง (Jerry Yang) และเดวิด ฟิโล (David Filo) สองบัณฑิตจากสแตนฟอร์ด (Stanford University) ที่ร่วมกันสร้างโปรแกรมสารบบเว็บไซต์ในชื่อ "Jerry and David's Guide to the World Wide Web" เมื่อเดือนมกราคม 1994 โดยมีนาคมปีเดียวกัน สารบบนี้ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า Yahoo!" มาจากการเรียงตัวอักษรย่อของชื่อบริการเต็มว่า "Yet Another Hierarchical Officious Oracle"
สัญญาณที่สะท้อนชัดเจนจากการตัดสินใจครั้งนี้ คือยาฮูรู้ตัวดีว่าบริการ Yahoo Directory นั้น ให้ประโยชน์น้อยลง ในวันที่เว็บไซต์มีจำนวนมหาศาล ผู้ใช้ส่วนใหญ่นิยมใช้บริการค้นหาเว็บไซต์ของกูเกิล (Google) ที่ให้ผลลัพท์ดีและสะดวกรวดเร็ว จนชัดเจนว่าบริการต้นกำเนิดบริษัท Yahoo นั้นไม่มีมนต์ขลังพอที่จะดึงความสนใจจากนักท่องเน็ตปัจจุบัน
ไม่เพียง Yahoo Directory ยาฮูลงดาบปิดธุรกิจมากกว่า 60 บริการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหตุผลเดียวคือยาฮูต้องการสร้างบางบริการที่ดีกว่า ทั้งหมดนี้แสดงว่า Yahoo Directory อาจเป็นฝางเส้นสุดท้ายเพื่อการแปลงโฉมยาฮูแบบพลิกฝ่ามือ
***ลุ้นผนวก AOL
วันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนจากกลุ่ม สตาร์บอร์ด (Starboard) ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ยาฮูผนวกกิจการเข้ากับอดีตยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตอเมริกันอย่าง AOL.com โดยเชื่อมั่นว่าการรวมกันของ 2 บริษัทจะทำให้ทั้งคู่มีจุดยืนแข็งแกร่งในตลาดบริการวิดีโอออนไลน์ ซึ่งแม้จะรวมกิจการกันแล้ว ยักษ์เคยใหญ่อย่าง AOL และ Yahoo จะสามารถคงชื่อแบรนด์ของตัวเองไว้ เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งของแต่ละคนในธุรกิจโฆษณาออนไลน์ได้ต่อไป (แบบดีกว่าเดิม)
|
 | | จากซ้าย Tim Armstrong และ Marissa Mayer | | | การกดดันครั้งนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการเสนอให้ยาฮูและ AOL รวมกิจการกันตั้งแต่ปี 2012 ครั้งนั้น ทิม อาร์มสตรอง (Tim Armstrong) หัวเรือใหญ่ AOL เป็นผู้ผลักดันแผนรวมกิจการแต่ไม่สำเร็จ แม้จะมีการวิเคราะห์ว่า การรวมกันของ 2 เว็บไซต์จะทำให้เกิดการลดต้นทุนการดำเนินงานมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท
ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ายาฮูจะตัดสินใจอย่างไร แต่ในเบื้องต้น Tim Armstrong และซีอีโอยาฮูอย่าง มาริสสา เมเยอร์ (Marissa Mayer) ถูกคาดหวังว่าจะมีการเปิดเผยแนวโน้มของดีลนี้ในงานประชุม แอดเวอร์ไทซิง วีค (Advertising Week) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่นิวยอร์ก โดยแม้งานปีนี้ผู้บริหารจากทั้ง 2 บริษัทจะขึ้นเวทีในเวลาไม่ตรงกัน แต่วันโชว์ตัวเดียวกัน (พฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม) ก็ทำให้นักวิเคราะห์จับตาดูความเคลื่อนไหวจากงานนี้อย่างใกล้ชิด
Tim Armstrong และ Marissa Mayer นั้นไม่ใช่คนอื่นไกล ทั้งคู่มีดีกรีเป็นอดีตมือดีของเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นอย่างกูเกิล ซึ่งแสดงจุดยืนต้องการกอบกู้บริษัทออนไลน์ที่เคยยิ่งใหญ่ของตัวเอง ให้สามารถชนะใจนักโฆษณาออนไลน์ให้ได้ จุดยืนนี้อาจทำให้ทั้งยาฮูและ AOL ตัดสินใจร่วมมือกันก็ได้
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
