หุ้นไทยยืนปิดบวก 1 จุด โบรกฯ คาดพรุ่งนี้ผันผวนต่อ     แรงไล่ซื้อหุ้นพลังงานหนุนดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนบวกทั้งวัน จนปิดตลาดไปที่ 1,468.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด เปลี่ยนแปลง +0.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,492.15 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,474.46 จุด และต่ำสุดที่ 1,466.19 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 654.19 ล้านบาท        ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีช่วงเช้าเคลื่อนไหวแดนบวกในกรอบ 1,468-1,474 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 16,931.10 ล้านบาท สังเกตว่าเป็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ทั้งพลังงานทางเลือก และน้ำมันรับข่าวราคาน้ำมันที่เคลือนไหวเหนือระดับ 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่กลุ่มกดดันตลาดคือ มีแรงขายออกมาในกลุ่ม ICT และอาหาร ที่ปรับตัวลงจากประเด็นสหรัฐฯ ปรับลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยลงเป็น “Tier 3”        คาดการณ์ความเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวผันผวนเนื่องจากวันนี้ดัชนีไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,470 จุดได้ คงคำแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่น่าสนใจ        สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่        1.BLAND มูลค่าซื้อขาย 1,848.38 ล้านบาท ราคาปิดที่ 1.79 บาท ปรับบวก 0.09 บาท เปลี่ยนแปลง 5.29%        2.ADVANC มูลค่าซื้อขาย 1,239.48 ล้านบาท ราคาปิดที่ 215.00 บาท ปรับบวก 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง 0.47%        3.KBANK มูลค่าซื้อขาย 1,174.57 ล้านบาท ราคาปิดที่ 202.00 บาท ปรับลง 2.00 บาท เปลี่ยนแปลง -0.98%        4.TRUE มูลค่าซื้อขาย 1,120.36 ล้านบาท ราคาปิดที่ 9.55 บาท ปรับลง 0.35 บาท เปลี่ยนแปลง -3.54%        5.BBL มูลค่าซื้อขาย 1,117.61 ล้านบาท ราคาปิดที่ 193.00 บาท ปรับลง 0.50 บาท เปลี่ยนแปลง -0.26%   Create Date : 23 มิถุนายน 2557     0 comment Last Update : 23 มิถุนายน 2557 20:56:10 น.     Counter : 711 Pageviews.   Share Tweet

หุ้นไทยปิดบวก +5.38 จุด โบรกฯ แนะสัปดาห์หน้าจับตาวินโดว์เดรสซิ่ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,467.29 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.38 จุด หรือ +0.37 มูลค่าการซื้อขาย 43,339.46 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,468.46 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,460.48 จุดสวนตลาดภูมิภาค โบรกเกอร์ระบุสัปดาห์หน้าดัชนีมีโอกาสผันผวนหากมีปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน        หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 440 หลักทรัพย์ ลดลง 286 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 220 หลักทรัพย์        การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2,631.78 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 1,321.33 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 945.70 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 364.75 ล้านบาท        ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับหลักทรัพย์ คือ        TRUE ปิดที่ 9.90 บาท ลดลง -0.05 บาท หรือ +0.50% มูลค่าการซื้อขาย 1,834,919 ล้านบาท        ADVANC ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -0.93% มูลค่าการซื้อขาย 1,621,857 ล้านบาท        PTTEP ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +1.22% มูลค่าการซื้อขาย 1,467,588 ล้านบาท        SCB ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ+0.60% มูลค่าการซื้อขาย 1,389,039 ล้านบาท        BBL ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น +3.50 บาท หรือ +1.84% มูลค่าการซื้อขาย 1,187,255 ล้านบาท        ฝ่ายวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของสัปดาห์ ไร้ปัจจัยหนุน ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบและปิดตลาดบวก 5.38 จุด สวนทางกับตลาดรอบบ้าน โดยดัชนีสามารถยังปรับขึ้นได้เกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่ม ICT  พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีสัปดาห์หน้า จึงน่าจะอยู่ในลักษณะซึมถึงทรงตัว ประกอบกับการทำวินโดว์เดรสซิงก็จะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้า ทำให้ดัชนียังไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้มากนัก ดังนั้น หากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Side way ในระยะสัปดาห์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพื่อรอความชัดเจนจากแผนงาน 3 ล้านล้านบาท ประเมินแนวรับรายสัปดาห์ที่ 1,454 จุด แนวต้านที่ 1,483 จุด   Create Date : 21 มิถุนายน 2557     0 comment Last Update : 21 มิถุนายน 2557 11:09:10 น.     Counter : 662 Pageviews.   Share Tweet

หุ้นไทยมีลุ้นไปทดสอบที่ 1,470 จุด แนะระวังความเสี่ยงจากความผันผวน โบรกฯ มองหุ้นไทยวันนี้ ปิดบวก 10 จุด เป็นการดีดตัวขึ้นทางเทคนิค และเป็นไปในทิศทางเดียวกับต่างประเทศ คาดแนวโน้มวันพรุ่งนี้ ดัชนีมีลุ้นไปทดสอบที่ 1,470 จุด แนะระวังความเสี่ยงจากความผันผวน        นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 มิ.ย.) ปรับตัวขึ้นทางเทคนิค (Technical rebound) หลังจากที่วานนี้ดัชนีฯ ปรับตัวลงแรงเกือบ 20 จุด ตลอดจนเป็นมีแรงเข้าซื้อในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้าอย่าง DTAC        อย่างไรก็ตาม การรีบาวน์กลับก็ยังถูกแรงกดดันจากการติดตามความคืบหน้าการดำเนินตามนโยบายด้านเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นไปในทิศทางใด อีกทั้งกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงสั้นนี้ยังคงเห็นแรงขายออกมา ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองภายใต้การปกครองของ คสช.        นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศมีความชัดเจนไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ และการปรับลดวงเงินมาตราการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามความคาดการณ์ของตลาด รวมถึงธนาคารกลางยุโรปที่มีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งทั้งสองประเด็น มองว่าส่งผลดีในระยะยาวพอสมควร        สำหรับพรุ่งนี้ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังติดตามการดำเนินการของโครงการต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ขณะที่การซื้อขายหุ้นในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นของนักลงทุนรายย่อยเป็นหลักส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายไม่คึกคักเท่าที่ควร        ขณะที่นักลงทุนเริ่มโยกการลงทุนจากหุ้นขนาดใหญ่ไปยังหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกทั้งยังคงจะเห็นแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องในช่วงสั้น ด้านกลยุทธ์ แนะเก็งกำไร KSL-PTT-PTTEP โดยประเมินแนวรับ 1,450 จุด แนวต้าน 1,465-1,470 จุด        ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์หลังจากปรับลงแรงเมื่อวานนี้ ส่วนหนึ่งได้ Sentiment จากตลาดต่างประเทศด้วย โดยวันนี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากมีถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ระบุว่า จะยังใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป        ส่วนตลาดบ้านเราก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา คงรอดูนโยบายเศรษฐกิจด้านต่างๆ ดังนั้นช่วงนี้ตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวผันผวนไปก่อน        สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ คาดว่า ตลาดฯคงจะยังอยู่ในช่วงผันผวน โดยมีแนวรับ 1,450-1,440 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด ซึ่งที่ระดับแนวต้านนี้เชื่อว่าคงจะผ่านไปได้ยาก โดยต้องอาศัย Fund Flow มากอยู่   Create Date : 20 มิถุนายน 2557     0 comment Last Update : 20 มิถุนายน 2557 7:25:27 น.     Counter : 707 Pageviews.   Share Tweet

บล.โกลเบล็กลุ้น SET INDEX แตะ 1,649 จุด แนะลงทุนหุ้นพลังงาน-รับเหมา รับเศรษฐกิจฟื้น บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ชี้สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ส่งผลตลาดหุ้นฟื้น เหตุนักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นการลงทุนอีกครั้ง ด้าน “ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GBS เชื่อครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจาก คสช. เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ลุ้นดัชนีปีนี้ แตะระดับ 1,649 จุด ขณะที่ “ธวัชชัย อัศวพรไชย” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ แนะหุ้นกลุ่มพลังงานชูโรงจับตา PTTEP-PTTGC-PTT และ BANPU ราคาหุ้นถูก เชื่อผลการดำเนินงาน Q 2/57 เด่นแนะ CK- STEC และ ITD มีศักยภาพมากสุดที่จะชนะการประมูลโครงการภาครัฐ        นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารรักษาความสงบของประเทศ พร้อมทั้งมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจ โดยสังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่ทยอยกลับมาคึกคักอีกครั้ง และจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งก็อาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,649 จุด ได้ภายในสิ้นปีนี้ “การที่ คสช. เข้ามาบริหารรักษาความสงบของประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะด้านตลาดหุ้นโดยจะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเล็งเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อภาพรวมในหลายธุรกิจ รวมถึงกลุ่มหลักทรัพย์ ที่เชื่อว่าจะมีวอลุ่มการซื้อขายเพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าว ทาง บล.โกลเบล็ก คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 57”        ปัจจัยการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในข้างต้น ทาง บล.โกลเบล็ก จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่อ้างอิงกับแผนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนของโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มที่บริษัทที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ด้าน นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง 2557 ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,649 จุด ซึ่งถือว่าเป็นจุดทดสอบที่ระดับสูงสุดเดิมของปี 2556 เพราะภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากการเข้ามาบริหารประเทศโดย คสช. ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น “ความเชื่อมั่นในประเทศเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ คสช.เข้ามารักษาความสงบ และได้วางแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คาดว่าไตรมาส 3 ของปีนี้จะเห็นนโยบายเป็นรูปธรรม และเริ่มเห็นการลงทุน จึงมั่นใจว่าดัชนีสิ้นปีตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวทะลุเดิมที่เคยทำไว้ที่ 1,649 จุด”        ประกอบกับทาง คสช.ได้มีการวางโรดแมปกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วน พร้อมทั้งมีการหยิบเอาโครงการเมกะโปรเจกต์มาดำเนินการต่อ โดยคาดว่าประมาณไตรมาส 3/2557 จะเริ่มเห็นการดำเนินการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ และสร้างรายได้ให้ภาคประชาชน เชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวอย่างชัดตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ซึ่งไตรมาส 4/2557 จะเป็นไตรมาสที่เห็นตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เด่นชัดที่สุด และจะส่งผลต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปรับตัวดีขึ้นในระยะยาวเช่นเดียวกัน        ขณะที่สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนั้น นายธวัชชัย กล่าวว่า ทาง บล.โกลเบล็ก ยังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มพื้นฐานหลักของประเทศ เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ยังคงน่าจับตา โดยแนะ “ซื้อ” หุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 2/2557 อัตราการเติบโตต่อเนื่องเช่น PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 185 บาท PTTGC ราคาเป้าหมาย 84 บาท และ PTT ราคาเป้าหมาย 375 บาท นอกจากนี้ ทาง บล.โกลเบล็ก ยังแนะนำหุ้นกลุ่มรับเหมายังน่าสนใจ แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมารับข่าวได้ประโยชน์จากแผนโรดแมปแล้วก็ตาม แต่คาดว่าเมื่อมีการเปิดประมูลหุ้นกลุ่มนี้จะน่าสนใจมากขึ้น โดยเลือกหุ้นเด่น เช่น CK ราคาเป้าหมาย 22 บาท STEC ราคาเป้าหมาย 22.20 บาท และ ITD ราคาเป้าหมาย 4.84 บาท ซึ่งมีศักยภาพมากสุดที่จะชนะการประมูล        ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA, HEMRAJ, ROJNA และ TFD ก็เป็นกลุ่มที่น่าจับตาอีกกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากจะได้อานิสงส์จากการปลดล็อคอุปสรรคด้านการลงทุนของภาคเอกชน ในกรณีที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ไม่สามารถพิจารณาอนุมัติโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท รวมทั้งปัญหาการออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ที่เรียกว่าว่าใบ รง.4 ที่ค้างอยู่ 870 แห่ง ดังนั้น มองว่าจากปัจจัยดังกล่าวหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์อีกกลุ่มหนึ่งจากเรื่องดังกล่าว   Create Date : 19 มิถุนายน 2557     0 comment Last Update : 19 มิถุนายน 2557 7:18:50 น.     Counter : 726 Pageviews.   Share Tweet

หุ้นไทยปรับฐานปิดตลาด -0.83 จุด โบรกฯ คาดพรุ่งนี้ผันผวนต่อเนื่อง       ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวันที่ 17 มิถุนายน 2557 ไปที่ 1,471.02 จุด ลดลง 0.83 จุด เปลี่ยนแปลง -0.06% มูลค่าการซื้อขาย 46,146.97 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,477.53 จุดและต่ำสุดที่ 1,468.80 จุด เนื่องจากนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 591.13 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 753.43 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 60.82 ล้านบาท และนักลงรายย่อยซื้อสุทธิ 1,283.74 ล้านบาท        ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป สรุปภาพรวมความเคลื่อนไหวหุ้นไทย แกว่งตัวในกรอบแคบ +1.95 จุด ระหว่าง 1,470-1,460 จุด รอปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง ดังนั้นคาดว่าวันพรุ่งนี้ดัชนียังไม่น่าไปไหนได้ไกล ดังนั้น ระยะสั้นแนะเก็งกำไรขึ้นขาย-ลงซื้อ ในกรอบ 1,460-1,475 จุด พร้อมแนะหุ้นกลุ่มสื่อสารยังน่าสนใจ โดยสลับเล่นหุ้นกลุ่มโรงกลั่น        สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก        1.ทรู ปิดที่ 9.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท        2.เอไอเอส ปิดที่ 222.00 บาท ลดลง 7.00 บาท        3.ปตท.สผ. ปิดที่ 166.00 บาท ลดลง 1.00 บาท        4.อินทัช ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 1.25 บาท        5.ซีพีออล ปิดที่ 47.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท   Create Date : 18 มิถุนายน 2557     0 comment Last Update : 18 มิถุนายน 2557 7:06:40 น.     Counter : 737 Pageviews.   Share Tweet