เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

หุ้นปิดลบ 11 จุด นักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง กังวลการเมืองถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ

หุ้นปิดลบ 11 จุด นักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง ตลาดจับตาการวินิจฉัยของศาล รธน. พรุ่งนี้ ประเด็นการแก้ รธน.ว่าด้วยที่มา ส.ว. ขัดต่อ รธน. หรือไม่ เพราะอาจถึงขั้นยุบพรรค และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทิศทางการเมืองไทย ขณะที่ม็อบนกหวีดประกาศยกระดับชุมนุม 24 พ.ย.นี้

       ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,412.44 จุด ลดลง 11.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.81% มูลค่าการซื้อขาย 33,067.28 ล้านบาท โดยนักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมจับตาการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทิศทางการเมืองไทย

       ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 31 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 893 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 845 ล้านบาท และบัญชีโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 16 ล้านบาท

       นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง และอ่อนกว่าตลาดภูมิภาค จากแรงกดดันปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ขณะนี้กำลังรอผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.พรุ่งนี้ ส่วนอีกด้าน ม็อบต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะยกระดับการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ขณะที่ฝ่ายค้านกำลังยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

       ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย มีการปรับฐานเพื่อรอการแถลงของ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องการดำเนินมาตรการ QE สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดจะผันผวน ขึ้นกับผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,435 จุด

       นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมีโก้ ยอมรับว่า ตลาดหุ้นช่วงบ่ายปรับตัวแรง เพื่อลดความเสี่ยงคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงไม่ได้จึงขายหุ้นออกมาถือเงินสด ซึ่งกรณีร้ายสุดคือ การยุบพรรค จะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงหนัก ให้หาจังหวะซื้อบริเวณ 1,350-1,380 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

       1.MEGA ปิด 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 3.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 6,003.33 ล้านบาท

       2.ADVANC ปิด 228 บาท ลดลง 7 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,101.28 ล้านบาท

       3.KBANK ปิด 180 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,245.73 ล้านบาท

       4.JAS ปิด 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,185.08 ล้านบาท

       5.TRUE ปิด 9 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 935.81 ล้านบาท



//www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000143966




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 21:01:26 น.   
Counter : 851 Pageviews.  

ตลาดซึมหุ้นตัวเล็กหนุนดัชนีปิดบวก 3 จุด ลุ้น Set in the city ดึงเม็ดเงินใหม่

หุ้นปิดบวก 3 จุด นักลงทุนหันเล่นหุ้นตัวเล็ก ต่างชาติยังขายต่อเนื่องอีก 576 ล้านบาท ปัจจัยการเมืองยังกดดัน ลุ้นเม็ดเงินใหม่ปลายเดือนนี้จากงาน Set in the city และการระดมทุนบางส่วนจากกองทุน LTF และ RMF สำหรับแนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดฯ ยังซึมต่อเนื่อง

       ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (18 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,423.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.23% มูลค่าซื้อขายที่ 26,069.99 ล้านบาท โดยภาพวรมวันนี้พบว่า หุ้นขนาดใหญ่ราคาทรงตัว ขณะที่นักลงทุนหันไปเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก ส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นไม่มาก

       ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 576 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 168 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 63 ล้านบาท และบัญชีโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 680 ล้านบาท โดยพบว่า นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท

       นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ยอมรับว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากวันนี้มีประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 2 ล้านล้านบาทว่าจะผ่านวาระ 2-3 หรือไม่ อีกทั้งมีปัจจัยกดดันคือ ทางศาลรัฐธรรมนูญจะพิพากษาประเด็นที่มาของ ส.ว. ว่าจะขัดมาตรา 68 หรือไม่ รวมทั้งสถานการณ์การชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ยังยืดเยื้ออยู่ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในวันนี้ดูซบเซา

       ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) หากยังไม่มีความชัดเจนจากการประชุมวุฒิสภาฯ คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด นอกจากจะต้องติดตามปัจจัยภายในประเทศที่จะส่งผลกระทบต่อหุ้นรายกลุ่มแล้ว ปัจจัยต่างประเทศในตอนนี้ทั้งการทยอยประกาศผลประกอบการของสหรัฐฯ และทางยุโรป และรอการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นของ นายชินโซ อาเบะ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ทั้งนี้ นักลงทุนยังรอเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในช่วงปลายเดือนจากงาน Set in the city และการระดมทุนบางส่วนจากกองทุน LTF และ RMF

       ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ แม้จะปรับตัวขึ้น แต่ยังดูด้อยกว่าตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นได้ดี เนื่องจากตลาดบ้านเรามีปัจจัยการเมืองกดดันอยู่ โดยเฉพาะวันนี้วุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และในวาระที่ 3 และวันที่ 20 พ.ย.ต้องติดตามศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยการแก้ไขที่มา ส.ว. ดังนั้น มองว่าสัปดาห์นี้ตลาดฯคงจะปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด

       นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ประกาศออกมาในวันนี้ GDP ไตรมาส 3/56 ออกมาน่าผิดหวัง เนื่องจากต่ำกว่าที่คาดไว้ และสภาพัฒน์ยังปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือโตแค่ 3% เนื่องจากคาดว่าการส่งออกปีนี้จะไม่เติบโต ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจึงเป็นไปในลักษณะทรงตัว คาดว่าคงจะทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน สังเกตได้จากวอลุ่มเทรดเบาบาง แสดงให้เห็นว่าเป็นการเล่นกันเองของนักลงทุนในประเทศ

       ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีจะซึมตัว เนื่องจากปัจจัยในประเทศไม่เอื้อ พร้อมให้แนวรับ 1,420-1,410 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,430-1,440 จุด




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 20:44:56 น.   
Counter : 625 Pageviews.  

หุ้นไทยแกว่งผันผวนก่อนปิดบวก 4 จุด ต่างชาติขายต่อเนื่องอีก 1.5 พันล้าน

หุ้นส่งท้ายวันศุกร์สุดสวิง เปิดบวก 10 จุด รับข่าว “เฟด” คง “คิวอี” ต่อเนื่อง ก่อนดิ่งลงในแดนลบ เพราะเจอแรงขายลดความเสี่ยง และท้ายตลาดกลับมาปิดบวกได้ 4.97 จุด ต่างชาติขายอีก 1.5 พันล้าน ต่อเนื่องเป็น 12 วันทำการ โบรกฯ แนะจับตาการเมือง “จีดีพี” ไตรมาส 3/56 ส่วนทิศทางสัปดาห์หน้า คาดยังผันผวน

       ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,420.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.35% มูลค่าการซื้อขาย 27,184.68 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ธนาคาร ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ พลังงาน และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่มีแรงขายในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

       ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 1.7 พันล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 510 ล้านบาท สถาบัน ซื้อสุทธิ 951 ล้านบาท และบัญชีโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งพบว่านักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท

       สำหรับภาพรวมความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ เปิดตลาดดัชนีปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10 จุด และปรับขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดที่ 1,427.69 จุด ซึ่งเป็นการรับข่าวดีจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะคงมาตรการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงการประกาศชุมนุมใหญ่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายฉุดดัชนีปรับลดลงไปติดลบที่ 1,414.30 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,420.66 จุด

       นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวน โดยมีปัจจัยบวกจากการที่เฟดยังคงใช้มาตรการ QE ต่อไปอีก ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศจากสถานการณ์ทางการเมืองในเรื่องของการชุมนุมยังส่งผลกระทบในเชิงลบ ซึ่งเย็นวันนี้จะมีการยกระดับการชุมนุมขึ้น

       โดยในสัปดาห์หน้า ต้องติดตามการประชุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของ ส.ว. ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่วันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

       แนวโน้มดัชนีสัปดาห์หน้า ตลาดยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยปัจจัยจากต่างประเทศจะส่งผลในเชิงบวกเพิ่มขึ้น โดยมองว่าตลาดมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นได้ หากประเด็นทางการเมืองไม่มีความรุนแรง พร้อมให้แนวรับที่ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,440-1,460 จุด

       ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าน่าจะเคลื่อนไหวผันผวน สลับทั้งแดนบวกและลบ โดยมีปัจจัยทางการเมืองอย่างการชุมนุมเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ นิรโทษกรรม และการที่รัฐสภาจะมีการพิจารณา พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ในวันที่ 18-19 พ.ย เข้ากดดัน

       สำหรับปัจจัยที่จะช่วยให้ดัชนีมีโอกาสเพิ่มขึ้น ได้แก่ การประเมินว่าเฟดอาจจะยังคงวงเงินมาตรการ QE ต่อไปจนถึงสิ้นปี สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,470

       กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์หน้า แนะนำนักลงทุนรอซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลดลง และขายเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแนะนำหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยประเมินแนวรับที่ 1,380 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,480 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

       TRUE ปิดที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือเปลี่ยนแปลง +4.62%

       JAS ปิดที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือเปลี่ยนแปลง +0.61%

       CPALL ปิดที่ 41.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

       ADVANC ปิดที่ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ +2.17%

       INTUCH ปิดที่ 78.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.32%





//www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000142489




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2556 20:34:25 น.   
Counter : 722 Pageviews.  

หุ้นไทยปิดบวก 7 จุด โบรกฯ คาดปรับบวกทางเทคนิค

หุ้นไทยปิดบวก 7.17 จุด อยู่ที่ระดับ  1,413.08 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 30,463.98 ล้านบาท โบรกฯ คาดปัญหาการเมืองภายในประเทศฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน คาดยังไม่ได้ข้อยุติการชุมนุมภายในเร็วๆ นี้

       ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (12 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,413.08 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.17 จุด หรือ +0.51% มูลค่าการซื้อขาย 30,463.98 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,422.06 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,410.18 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวดีดขึ้นทางเทคนิคหลังจากที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน แนะจับตาประเด็นการเมืองในประเทศที่ยังหาข้อสรุปที่ลงตัวไม่ได้

       หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น จำนวน 452 หลักทรัพย์ ลดลง 208 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 194 หลักทรัพย์

       การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 2,283.73 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 547.36 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 433.55 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,264.64 ล้านบาท

       หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

       BAY ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท หรือ +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 2,797,403 ล้านบาท
       ADVANC ปิดที่ 233.00 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 1,637,911 ล้านบาท
       TRUE ปิดที่ 8.35 บาท เพิ่มขึ้น +0.30 บาท หรือ +3.73% มูลค่าการซื้อขาย 1,598,890 ล้านบาท
       JAS ปิดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น +0.20 บาท หรือ +2.52% มูลค่าการซื้อขาย 1,375,889 ล้านบาท
       INTUCH ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,117,485 ล้านบาท

       นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าปิดตลาดบวกประมาณ 7 จุด กลับมาบวกในเชิงเทคนิค ซึ่งประเมินแนวรับในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 1,400-1,395 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,420-1,425 จุด และยังคงมีการแกว่งตัวที่ผันผวนต่อเนื่องอยู่ ทั้งนี้ ข่าวดีที่จะทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวสูงขึ้นนั้นยังไม่มีข่าวดีอะไรใหม่เข้ามา ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์หลายๆ แห่งประเมินเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นด้านลบในเชิงพื้นฐาน เพราะมองว่า Up Side คาดว่าจะมีอยู่อย่างจำกัดในเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาในช่วงนี้

“ขณะเดียวกัน ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อการลงทุนนั้น น้ำหนักส่วนใหญ่จะอยู่ที่การเมืองภายในประเทศ ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าสรุปแล้วจะหาข้อยุติได้ในรูปแบบไหน ซึ่งแน่นอนว่าการชุมนุมต่อต้านจะมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ต่อเนื่องไปถึงการลงทุน และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมซึ่งจะได้รับผลกระทบโดยตรง และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังไม่ได้คลี่คลายลงไป ในทางกลับกัน ก็ถือได้ว่าเป็นปัจจัยลบที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศนั้นในขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวล และส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก”

       อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะอยู่ในกรอบการลงทุนที่จำกัด เนื่องจากการประท้วงของกลุ่มผู้ชุมนุมจะยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในระยะเวลาสั้นๆ และจะมีการผันผวนปรับตัวขึ้นลงระหว่างวันที่ค่อนข้างสูง โดยแนวรับคาดว่าจะอยู่ที่ 1,390 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,440 จุด โดยกลุ่มที่มีความน่าสนใจลงทุนเป็นพิเศษซึ่งสังเกตุจากมีเม็ดเงินเข้าไปซื้อจำนวนมาก ได้แก่ หุ้นกลุ่มอาหารส่งออกที่มีรายได้จากต่างประเทศ กลุ่มถ่านหินที่ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอ และหุ้นที่ปันผลสูง ก็จะยังคงเป็นกลุ่มหลักสำหรับนักลงทุน

//www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000140983




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 20:43:54 น.   
Counter : 590 Pageviews.  

หุ้นฮึดปรับขึ้นแดนบวกสำเร็จ “จรัมพร” เผยจังหวะนักลงทุนชอปของถูก ดันดัชนียืนเหนือ 1,400 จุด

หุ้นภาคบ่ายฮึดขึ้นแดนบวก ดัชนีปรับยืนเหนือ 1,400 จุด ได้สำเร็จ “จรัมพร” ชี้นักลงทุนแห่ซื้อเก็บหุ้นไทย เนื่องจากหุ้นหลายตัวราคาปรับลงไปลึก ถูกกว่าพื้นฐาน แถมค่า พี/อี ต่ำ เหมาะต่อการลงทุนระยะยาว

       นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงท้ายตลาดภาคบ่าย สามารถปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้สำเร็จ และยืนเหนือระดับ 1,400 จุด แม่ว่าในช่วงเช้าจะปรับลงไปติดลบกว่า 20 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่ง P/E ต่ำ ซึ่งเหมาะต่อการลงทุนระยะยาว

       ทั้งนี้ ปัจจัยการเมืองที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลกระทบระยะสั้น โดยเหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประชุมกับผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงราย เพื่อประเมินสถานการณ์โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทุกแห่ง ได้มีการเตรียมพร้อมในการรับมือตามแผน BCP

       นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีมาตรการในการดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่จะมีการแกว่งตัว เรื่องซิลลิ่งฟลอร์ รวมถึงเซอร์กิต เบรกเกอร์อยู่แล้ว

       นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต ให้ความเห็นว่า ดัชนีผันผวนช่วงเช้าลดลง 20 จุด จนดัชนีหลุด 1,400 จุด แล้วช่วงบ่ายดีดกลับขึ้นมาเหนือ 1,400 จุดเป็นการดีดตัวขึ้นตามเทคนิค และเชื่อว่าดัชนีคงไปได้ไม่ไกล

       นายอดิศักดิ์ เชื่อว่าวันพรุ่งนี้จึงจะเห็นผลกระทบจากสถานยการณ์การเมืองอย่างชัดเจนเพราะกว่าจะรู้ผลการตัดสินการปักปันเขตแดนปราสาทพระวิหารก็ปิดตลาดหุ้นวันนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์จนกว่าเหตุการณ์การเมืองจะชัดเจนจึงค่อยทยอยเข้าซื้อ

       ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,405.91 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.06% มูลค่าการซื้อขาย 32,285.22 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

       ADVANC ปิดที่ 234.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ +2.63%

       TRUE ปิดที่ 8.05 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ -0.62%

       INTUCH ปิดที่ 78.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท +1.61%

       SCB ปิดที่ 167.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท +0.30%

       CPALL ปิดที่ 40.25 บาท ลดลง 0.25 บาท -0.62%




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2556 20:07:50 น.   
Counter : 556 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  199  200  201  202  203  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]