*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 

สามก๊ก (ภาคต่อ)

ช่วงนี้ ดูสามก๊ก ไปถึงแผ่นที่ ๑๓ แล้ว เหลืออีก ๒ แผ่น ก็จะจบแล้ว รู้สึกสนุกสนานมาก ได้เห็นการใช้กลวิธีของฝ่ายจ๊กก๊ก โดยมีขงเบ้งเป็นกุนซือ (จูกัดเหลียง) กับ ฝ่ายวุ่ยก๊ก ของโจโฉ และ ฝ่ายง่อก๊ก ของ ซุนกวน (ตามแผนที่ฉบับเจ้าพระยาพระคลังฯ ที่นำมาประกอบนี้) แล้วต้องยอมรับความสามารถของคนโบราณ สมัยเมื่อ ประมาณ ๑,๘๐๐ ปีก่อน หรือ ราว ๆ ค.ศ. ๒๐๐



ผมดูมาถึงตอนที่ ขงเบ้ง กำลังสิ้นลม หลังจากที่นำกองทัพ บุกตีวุ่ยก๊ก มาถึง ๕ ครั้ง แต่ไม่ประสบสำเร็จ แล้วต้องมาเสียชีวิตในการบุกครั้งที่ ๖ ด้วย วัยเพียง ๕๔ ปี ในขณะที่ทำงานรบพุ่งกับ สุมาอี้ แม่ทัพของวุ่ยก๊ก

เนื่องจากจูกัดเหลียง หรือ ขงเบ้ง กรำศึก มานาน ๒๗ ปี สุขภาพจึงทรุดโทรม แต่ขงเบ้ง ไม่ได้ ถ่ายทอดวิชาความรู้ ของตนให้กับผู้ใด จึงไร้ทายาทสืบสานเจตนารมณ์ของเล่าปี่ ที่จะรวบรวมแผ่นดินจีน และกอบกู้ราชวงศ์ฮั่น ที่สืบทอดราชบัลลังก์ กันมายาวนาน กว่า ๔๐๐ ปี ก่อน ที่โจผี ลูกชาย โจโฉ ได้ปลดพระเจ้าเฮี่ยนเต้ ออกจากตำแหน่ง จักรพรรดิ์ แล้วสถาปนาราชวงศ์โจ ขึ้นแทน

หลังจากกุนซือขงเบ้ง สิ้นชีวิต พระเจ้าเล่าเสี้ยน หรือ อาเต๊า ทายาทของเล่าปี่ไม่มีความสามารถเพียงพอ เชื่อขันทีชั่วผู้ขายชาติ กินสินบนจากฝ่ายวุ๊ยก๊ก ทำให้จ๊กก๊กของเล่าปี่อ่อนแอลง ทุกครั้งที่ ขงเบ้ง (รวมถึงขุนพล เกียงอุย แม่ทัพในยุคต่อจากขงเบ้ง) จะชนะวุ่ยก๊กอยู่แล้ว ขุนนางชั่ว ก็จะปล่อยข่าวลือว่า ขงเบ้ง และเกียงอุย จะขบถ ทำให้พระเจ้าเล่าเสี้ยน มีพระบรมราชโองการ สั่งถอยทัพกลับทุกครั้งไป

ส่วนวุ่ยก๊ก ของโจโฉ ซึ่งเสียชีวิตไป ทายาทของเขามิอาจรักษาอำนาจไว้ได้ จึงถูกสองพ่อลูกตระกูลสุมาแย่งชิงการครองแผ่นดินไป มาถึงตอนนี้ ความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่โจโฉ ทำไว้กับพระเจ้าเฮี่ยนเต้ แห่งราชวงศ์ฮั่น เหมือนกงกรรมกงเวียน สะท้อนกับมาทำร้ายลูกหลานสกุลโจ ซึ่งเป็นเพียงกษัตริย์แต่เพียงในนาม แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของ สกุลสุมา ถืออาวุธเข้าวัง นั่งบัลลังก์เดียวกับฮ่องเต้ ในการว่าราชการ ฯลฯ และสังหารฮ่องเต้ ของสกุลโจ ในที่สุด

ตระกูลสุมา (ภายหลัง เป็นต้นราชวงศ์จิ๋น) ได้แก่ สุมาเจียว (จีนกลาง: ซือหม่าเจา) นำทหารบุกตีพวก จ๊กก๊ก ของเล่าปี่แตก (ยุคหลังจากกุนซือ จูกัดเหลียงสิ้นชีวิตแล้ว) แล้วยึดครองแผ่นดินส่วนนั้นไว้ ต่อมา สุมาเอี๋ยน (จีนกลาง: ซือหม่าเหยียน) บุตรชายของสุมาเจียว สถาปนาตนเป็นจักรพรรดินามว่า พระเจ้าจิ๋นอู่ตี้ ซึ่งถือเป็นต้น ราชวงศ์จิ๋น ในปี ค.ศ. ๒๘๐ พระองค์นำกองทัพบุกตี ง่อก๊ก ของซุนกวนแตก ถือเป็นการรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ

หากจะว่าไป แผ่นดินจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ มีนักรบเก่ง ๆ หลายคน เป็นต้นว่า เตียวหุย กวนอู จูล่ง ฯลฯ และยังได้กุนซือเก่ง ๆ อย่าง ขงเบ้ง และ บังทอง ผู้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไม่ได้เป็นใหญ่ รวบรวมแผ่นดินไม่ได้ เพราะเล่าปี่ ได้พยายามรักษาภาพของคุณธรรม และใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เมื่อครั้งตอนกวนอู ถูกซุนกวนสั่งประหารชีวิต เล่าปี่ โกรธแค้น จึงยกทหารหลายแสนไปรบกับซุนกวน โดยไม่ฟังคำทัดทานของขงเบ้ง และจูล่ง ที่เห็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของชาติ (ทำให้ จูล่งและขงเบ้งไม่ติดตามไปรบด้วย )

พระเจ้าเล่าปี่ หลังจากได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดิ์แล้ว หยิ่งยะโสว่าตนมีความรู้ ฯลฯ ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ จึงต้องแตกพ่ายกลับมา เจ็บป่วยจนล้มตาย เมื่ออาเต๊า หรือพระเจ้าเล่าเสี้ยน (โอรสพระเจ้าเล่าปี่) ขึ้นครองราชย์ ความอยู่รอดของแผ่นดิน จึงขึ้นอยู่กับขงเบ้งเพียงผู้เดียว เพราะอาเต๊านั้น อ่อนแอ ไร้สติปัญญา เมื่อขงเบ้ง สิ้นลม จ๊กก๊ก จึงล่มสลายในที่สุดหลัง เพราะมีขุนนางชั่ว และผู้นำอ่อนแอ

ข้อคิดที่ได้จากสามก๊ก ทำให้เห็นว่า การสอนงาน การสร้างทีมงาน และการอธิบายเพื่อขายความคิด ในการสร้างเป้าหมายและดำเนินการให้เป็นทิศทางเดียวกันจะนำไปสู่การบริหารที่ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย ซึ่งขงเบ้ง เป็นประเภท "ข้ามาคนเดียว" ไม่ได้สร้างคนไว้รองรับ หรือกระทำการใด ๆ ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

ขงเบ้ง วางแผนสั่งงานโดยไม่มีการปรึกษาหารือ และเมื่อตัดสินใจสั่งการโดยไร้การอธิบายให้ผู้ปฎิบัติได้เข้าใจ หลายครั้งจึงเกิดความเสียหาย และเมื่อผิดพลาดในคราวยกทัพไปตีวุ่ยก๊ก ใช้ม้าเจ๊ก บัณฑิตผู้รอบรู้พิชัยสงครามแต่รบไม่เป็น จึงทำให้พ่ายแพ้ ไม่เป็นท่า ขงเบ้ง จึงขาดความชอบธรรม ในการเป็นสมุหเสนาบดี ของจ๊กก๊ก ไปเยอะ แต่เขาก็ฉลาดที่จะขอลดยศและตำแหน่งของตนเอง เพื่อป้องกันการติฉินนินทา และรักษาความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง สมุหนายก ไว้อย่างได้ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

ชีวิตขงเบ้ง น่านับถือที่ตรงที่ความซื่อสัตย์ แม้กระทั่งจะสิ้นลม ยังได้สั่งเสียให้ข้าราชการทั้งหมด จงรักและภักดีต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยน ผู้ไร้ความสามารถ แม้กระทั่งตัวตายไปแล้ว ยังวางแผนลวงสุมาอี้ แม่ทัพวุ่ยก๊ก โดยใช้หุ่นไม้ นั่งบนรถม้า เช่นเดียวกับครั้งในสมัยยังมีชีวิตอยู่ จนสุมาอี้ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ หลงกล เกือบถูกไฟครอกตาย นั้น กลัวตาย เหงื่อแตก หลบหนี หัวซุกหัวซุน เพราะหุ่นปลอมของขงเบ้ง

ส่วนวุ่ยก๊ก หลังจากบ้านเมืองสงบสุข ไร้ภัยจากกองทัพขงเบ้ง บ้านเมืองก็เกิดศึกภายใน ขุนนางเลว และการเล่นพรรคเล่นพวกของราชวงศ์โจ และญาติ ปลดอำนาจทางทหารจากสุมาอี้ นานถึง ๑๐ ปี (ซึ่งเป็นการปลดครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรก โดนกลลวงของเล่าปี่ ปล่อยข่าวว่า สุมาอี้ ผู้เจนจบเรื่องการศึก แม้กระทั่งขงเบ้งยังหวั่นเกรง นั้นคิดขบถ ) ทำให้ตระกูลสุมา ไม่พอใจ และนำไปสู่การยึดอำนาจจากราชวงศ์โจ ในที่สุด การเล่นพรรคเล่นพวก จึงเป็นภัยร้ายแรง

หากจะพิจารณากันดี ๆ ความชั่วร้ายของโจโฉ นี่ก็ไม่น้อย แต่หากจะมองเฉพาะในแง่ความสามารถในการบริหารงานแล้ว รูปแบบการบริหารงานบุคคลและความสามารถของโจโฉ น่าสนใจเป็นอย่างมาก เขาเป็นผู้รอบรู้ ใฝ่หานักปราชญ์ และผู้มีความรู้ความสามารถ รู้จักเลือกใช้และสามารถบริหารงาน บริหารคนได้เก่งกาจ ที่สำคัญ โจโฉ ไม่เล่นพรรคพวก ทำให้โจโฉ ซึ่งเป็นเพียงลูกขันที และเป็นขุนนางตัวเล็ก ๆ ในยุคตั๋งโต๊ะ ครองเมือง กลายเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้ แต่ตามที่กล่าวไปแล้ว เวรกรรมมีจริง สิ่งที่โจโฉ ทำไว้กับ พระเจ้าเฮี่ยนเต้ และราชวงศ์ฮั่น ได้ถูกสนองย้อนกลับ มาทำร้ายราชวงศ์โจ โดยตระกูลสุมา ต้นราชวงศ์จิ๋น อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

หากจะเปรียบเทียบกับ สังคมปัจจุบัน จะพบว่า สามก๊ก เป็นตัวอย่างที่ให้เห็นถึง การกระทำของผู้มีอำนาจทางการทหาร ของทุกก๊ก ยกเว้น จ๊กก๊ก ของเล่าปี่ ที่ขงเบ้ง และ เกียงอุย มีลักษณะเป็นทหารอาชีพ ไม่เคยแม้แต่จะคิดปฏิวัติรัฐประหาร ทั้ง ๆ ที่ ถ้าขงเบ้งจะยึดอำนาจจากพระเจ้าเล่าเสี้ยนนั้น ง่ายดังพลิกฝ่ามือ แต่ท่านขงเบ้ง มีความเป็นทหารอาชีพอาชีพเพียงพอ รักษากฎเกณฑ์บ้านเมืองอย่างเคร่งครัด แต่ในขณะก๊กอื่น ๆ มีลักษณะอย่างเดียวกัน คือ ใครที่มีกองกำลังทหารในมือ ก็จะยึดอำนาจบ้านเมือง แล้วตั้งตัวเป็นใหญ่เสมอ




การกระทำของทหารที่มีอำนาจ และยึดอำนาจ จึงเกิดขึ้นเสมอกับบ้านเมืองที่ด้อยพัฒนา บ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้กฎเกณฑ์ ในประเทศด้อยพัฒนา ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้ว จะเรียนรู้ประสบการณ์ของ ประเทศด้อยพัฒนาว่า "ทหารไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวการเมือง" และ "ไม่ควรมีอำนาจเหนือรัฐบาลประชาธิปไตย" เพราะถ้าปล่อยให้ทหารมีอำนาจอย่างประเทศด้อยพัฒนาแล้ว วงจรอุบาทว์ จะไม่มีทางหมดสิ้นไป ทหารที่มีอำนาจ จะเข้ายึดอำนาจเสมอ ๆ บ้านเมืองก็จะต้องเริ่มต้นกันใหม่เรื่อยไป สร้างความหายนะมาสู่ชาติ อย่างไม่หยุดหย่อน






 

Create Date : 04 ตุลาคม 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:04:41 น.
Counter : 2030 Pageviews.  

สามก๊ก

ช่วงนี้ กำลังดูสามก๊ก.... มันไปเลย ครับ ได้ข้อคิดดี ๆ เยอะแยะมากมาย รู้อย่างนี้ ดูมานานแล้ว สนุกเหลือหลายครับ

ได้ดูสามก๊กแล้ว เห็นสัจธรรม เวลาคนไม่มีอำนาจ ก็คิดอย่างหนึ่ง แต่พอมีอำนาจก็ลืมคำและเจตนารมณ์ของตนเอง ตัวอย่างที่เห็นชัด คือ ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ประมาณ ค.ศ. ๒๐๐ หรือ ประมาณ ๑๘๐๐ ปีมาแล้ว ยุคสิบขันทีเรืองอำนาจ กลั่นแกล้งขุนนางตงฉิน จึงมีการคิดปราบกลุ่มขันที โดยแม่ทัพได้เชิญ ตั๋งโต๊ะ แม่ทัพถ่อย แต่มีกองกำลังทหารมาก เข้ามาในเมืองหลวง ตั๋งโต๊ะ จึงได้เข้ายึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ปลดฮ่องเต้ คนก่อน แล้วตั้งฮ่องเต้คนใหม่ เพื่อให้ตนเองสามารถครอบงำได้ แต่ไม่นานตั๋งโต๊ะ ก็คิดจะตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิ์เสียเอง

ตั๋งโต๊ะ ทำให้อาณาประชาราษฎร์เดือดร้อน ข้าราชบริพารที่มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับตั๋งโต๊ะ ก็ถูกกุดหัวสิ้น ต่อหน้าข้าราชการอื่น ๆ แล้วเอาเลือดมาเทรวมกันต่อหน้าข้าราชการอื่น ๆ แล้วเอามากินแทนสุรา ฯ ทำให้หวั่นกลัวกันทั่ว แต่ข้าราชการตงฉิน ฝ่ายบุ๋น ชื่อ อังอุ๋น วางแผนใช้นารีพิฆาต ทำให้ ขุนศึกลิโป้ กับ ตั๋งโต๊ะ ผิดใจกัน จนกระทั่งฆ่าตั๋งโต๊ะทิ้ง

โจโฉ ซึ่งเคยคิดต่อต้าน "ตั๋งโต๊ะ" และพยายามฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จ จึงหนีไป รวมกับอ้วนเสี้ยว ที่มีกองทัพอยู่ในมือ เพื่อต่อต้านตั๋งโต๊ะ กอบกู้ราชวงศ์ฮั่น แต่ภายหลังตั๋งโต๊ะตาย ก็ตั้งธงธรรมมะ เชิดชู ฮ่องเต้ เพื่อปราบกลุ่มต่าง ๆ ที่แต่เดิมตั้งขึ้นมาเพื่อปราบตั๋งโต๊ะ และเมื่อตั๋งโต๊ะตาย กลุ่มต่าง ๆ ก็ได้ประกาศตัวเป็นใหญ่ ไม่ยอมใคร ทั้งนี้เพื่ออำนาจทั้งสิ้น

โจโฉเอง เมื่อได้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ รวมถึงมีฮ่องเต้ไว้ในความพิทักษ์ โจโฉ ก็ปฎิบัติเช่นเดียวกับตั๋งโต๊ะ ไม่ผิดเพี้ยน ปราบปรามกลุ่มอ้วนเสี้ยว ฯลฯ โดยอ้างเพื่อรวบรวมแผ่นดินจีน และเชิดชูฮ่องเต้ ซึ่งโจโฉ เอง ก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ต่างจากตั๋งโต๊ะ เท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม แม้โจโฉเอง จะมีข้อชั่วร้ายมากมาย เป็นต้นว่า โจโฉโหดเหี้ยม ยอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศตนเอง ฆ่าสนมของฮ่องเต้ และราชนิกูลกว่าสองร้อยคน แล้วบีบบังคับให้ ฮ่องเต้ แต่งตั้งลูกสาวของตนเป็นสนิมเอง ... โจโฉนั้น เป็นผู้มีความสามารถ มีลักษณะผู้นำ กับมีศิลปะในการครองใจคนมาก ๆ (แต่หากจะเทียบกับ ฮิตเล่อร์ แล้ว ก็อาจจะสู้ไม่ได้) ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้กลายเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้ รูปแบบการบริหารงานของโจโฉ จึงน่าศึกษาและนับถือใช่น้อย

เล่าปี่ เองแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ และมีคุณธรรมสูงส่ง มีความฉลาดรอบคอบ รวมถึงมีนักรบคู่ใจ ที่ซื่อสัตย์ คือ กวนอู แต่ก็โชคร้ายที่มี เตียวหุย ที่ขี้เมา มีอารมณ์ร้าย ไร้สติปัญญา และแม้จะมีขงเบ้ง เป็นกุนซือ ก็ตาม แต่เล่าปี เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจ ไม่มีบารมีเพียงพอที่จะได้เป็นจักรพรรดิ์

ชีวิตของเล่าปี่นี่ น่านับถือมาก ในเรื่องคุณธรรม น้ำใจงดงาม ความดีสม่ำเสมอ ซื่อสัตย์ สุจริต แม้จะตกอับในยุคใด กองทัพแตกพ่าย บากหน้าไปหาใคร ก็ไม่มีใครกล้าทำร้าย เพราะเกรงคนทั้งแผ่นดินจีนจะประณามได้ เนื่องจากจะกลายเป็นว่า ฆ่าคนดี มีคุณธรรมสูงส่ง .... น่าเชื่อว่า หากเล่าปี ได้เป็นจักรพรรดิ์ ก็จะทำให้แผ่นดินจีนเจริญก้าวหน้าอย่างมาก รวมทั้ง วัฒนธรรมของคนจีน ที่ขงจื๊อ พร่ำสอนไว้ ตั้งแต่สองพันกว่าปีที่ผ่านมา ก็จะได้รับการยกย่องโดยผู้นำอย่างเล่าปี แต่น่าเสียดาย ที่แผ่นดินจีน ไม่ได้คนดีอย่างเล่าปี ปกครอง ....






 

Create Date : 01 ตุลาคม 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:04:25 น.
Counter : 719 Pageviews.  

ถึงคิว ปปช.

วันนี้ ได้อ่านข่าว ที่ต่อเนื่องจากการ ยุบพรรคการเมือง ในหัวข้อว่า "จ่อคุก! ป.ป.ช.ตั้งอนุ กก.ฟันอาญา “ธรรมรักษ์-เพ้ง-ไอซ์” แล้ว" ประกอบกับคำให้สัมภาษณ์ของคุณ วิชา มหาคุณ อดีตผู้พิพากษาใหญ่ (ซึ่งเคยทำให้พนักงานสอบสวนตัวเล็ก ในกรุงเทพมหานคร ได้รับความเดือดร้อน เพราะพนักงานสอบสวนเขาไม่รู้จักท่าน .. แล้วขอหนังสือรับรองการเป็นผู้พิพากษาตามระเบียบ แต่กลับโดนตั้งกรรมการสอบสวนฯ ... ก็หน้าไม่เหมือนพ่อของพนักงานสอบสวน ทำไมเขาต้องรู้จักคุณด้วยละครับ ... ) และตอนนี้ กลายเป็น ปปช. ที่แต่งตั้ง โดยคณะขบถ เมื่อ ปี ๔๙ แล้ว ผมต้องหัวเราะ แทบตกเก้าอี้




นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ภายใต้อกของ คมช. ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ ๗ มิ.ย. ๕๐ ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ว่า ขณะนี้ทาง ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งที่มี นายวิชัย วิวิชเสวี กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน เพื่อพิจารณาด้านกฎหมายเพื่อดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยความผิดในคดียุบพรรค เพราะถือว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานมีผลผูกพันกับทุกองค์กร

นายวิชา ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การพิจารณาดำเนินการต้องแยกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกว่าด้วยเรื่องการตัดสินยุบพรรคว่าด้วยการตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว และที่ผ่านมา ทางอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่แล้วได้เคยส่งมาให้ดำเนินคดีแต่ในตอนนั้นยังไม่มีมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา และยังไม่ทราบว่ามีใครกระทำทุจริตบ้าง

“เมื่อมีคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รู้ว่ามีอดีตรัฐมนตรี 2 คน และนายทหาร 2 คน รวมทั้งหัวหน้าพรรคเล็กเกี่ยวข้อง เรา (ป.ป.ช.) ก็ต้องดำเนินการต่อ” นายวิชา ระบุ

สำหรับในส่วนที่สองนั้น นายวิชา กล่าวว่า จะเกี่ยวข้องกับความผิดในเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระ การทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทาง ป.ป.ช.โดยอนุกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นจะพิจารณาตามกฎหมายว่าใครใช้อำนาจในทางที่ผิดบ้าง ส่วนจะเกี่ยวข้องถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน

ส่วนบทลงโทษนั้น นายวิชา กล่าวว่า ทาง ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ มีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือมีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสาวกันต่อไป และต้องรีบดำเนินการเพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นที่สนใจของประชาชนและที่สำคัญคือคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญถือเป็นบรรทัดฐานมีผลผูกพันทุกองค์กรดังกล่าว

เมื่อมีการชี้มูลความผิดแล้วก็จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง โดยหากเป็นนักการเมืองก็จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนที่เป็นข้าราชการก็จะฟ้องศาลยุติธรรมต่อไป

สำหรับอดีตรัฐมนตรี 2 คนที่ถูกระบุในคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ส่วนข้าราชการสองคนหนึ่งในนั้น คือ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ รวมทั้งนายทหารยศพลโทอีกคนหนึ่ง




ผมว่า มันตลกร้ายมาก ๆ เพราะบอกว่า ท่านอ้าง จากคำพิพากษาที่ นักกฎหมายเป็นกลางและยึดหลักกฎหมายที่หนักแน่น ต่างออกมาโต้แย้งอย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งข้ออ้างที่ว่าการกระทำทั้งหมด ของผู้ถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดี นั้น เป็นการขัดขวาง หรือ ทำลายประชาธิปไตย ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ล้วนเป็นข้ออ้างที่น่าฟัง แต่ว่า ..... ท่านลองพิจารณาให้ดีว่า .....

แล้วการที่คณะขบถ ใช้รถถัง ยึดอำนาจจากปวงชนชาวไทย นี่มันถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยหรืออย่างไร แล้วการที่ ปปช. ได้รับการแต่งตั้งจากคณะขบถฯ นี่ มันถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยหรืออย่างไร ...




ท่านคณะกรรมการ ปปช. ท่านช่วยตอบคำถามว่า ตนเองมีอำนาจความชอบธรรมเพียงใด และข้ออ้างที่กล่าวนั้น มันขัดกันเองหรือไม่ ...




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:04:06 น.
Counter : 627 Pageviews.  

"โง่จริง ๆ " หรือ "แกล้งโง่" ของ กกต.

เรื่องที่จะเขียนนี่ สืบเนื่องจากการคณะ ตลก. ได้มีคำสั่ง ยุบพรรคการเมือง ทรท. แล้วตั้ง พรรค "คอมมิวนิสต์" ขึ้นมาแทน เอ้ย ไม่ใช่ละครับ สั่งยุบ ทรท. แล้วก็มีคำวิพากษ์วิจารณ์และข้อเรียกร้อง ให้ คณะขบถ ยกเลิกประกาศ ที่ห้ามพรรคการเมือง ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ใด ๆ




ครม. ของ พล.อ. สุรยุทธ์ฯ ก็ได้สนองข้อเรียกร้อง โดยให้ พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ... สมาชิก พรรค ทรท. เดิม ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จึงได้รวมตัวกันไป ร้องขอจดทะเบียน จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อเดิม คือ "ไทยรักไทย" เหมือนเดิม แต่เรื่องนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

เมื่อวานนี้ คุณ "สดศรี" หนึ่งใน กกต. ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า แม้ คณะรัฐมนตรี จะออกมติ ให้พรรคการเมือง ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ฯลฯ แต่คุณสดศรีฯ ไม่ยอมให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรค ทรท. โดยอ้างว่า มติ ครม. ไม่ได้ครอบคลุม ให้มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองได้ .....

การตีความของคุณ "สดศรี" เป็นการตีความที่เรียกได้ว่า แสดงความอ่อนด้อยในการตีความกฎหมายมหาชน และสติปัญญา ออกมาอย่างชัดแจ้ง เพราะเหตุใด ผมจึงกล่าวเช่นนั้น การตีความเรื่องที่เกี่ยวกับ "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิพลเมือง โดยเฉพาะสิทธิทางการเมือง" นั้น ตามหลักกฎหมายมหาชน และหลักกฎหมายทั่วไปแล้ว จะต้องตีความให้มีผลเป็นทางบวก

กล่าวง่าย ๆ คือ จะตีความไปในทาง "จำกัด" สิทธิ์ ไม่ได้โดยเด็ดขาด นั่นแปลว่า หากไม่ได้เขียนห้ามเช่นนั้น ห้ามเช่นนี้แล้ว จะต้องตีความว่า "ทำได้" ทั้งหมด แต่คุณ สดศรี ท่านตีความในทางตรงกันข้าม หากท่านตีความโดยสุจริต (โดยไม่ได้เป็น เหมือนกระบอกเสียงให้ คมช. ที่แต่งตั้งให้ ท่านมากินเงินเดือนและสิทธิประโยชน์มหาศาล โดยให้ทำอย่างไรก็ได้ ให้กำจัด ทรท. ให้สิ้นซาก) แล้ว ก็ต้องบอกว่า ท่านแสดงความอ่อนด้อยทางสติปัญญาในการตีความกฎหมายออกมาอย่างน่าอายที่สุด

ไม่น่าเชื่อว่า อดีตผู้พิพากษาผู้ใหญ่ของไทย จะมีข้อจำกัด ทางความคิด สติปัญญา และทัศนคติได้ถึงเพียงนี้ การตีความของคุณสดศรี เป็นการปิดประตู ตีแมว หรือ ไล่ให้หมาจนตรอก ... ผมไม่อยากเดาว่า อะไรจะเกิดขึ้น กับประเทศไทย หากมีการเลือกตั้งแล้ว สมาชิกพรรคไทยรักไทย และคนอีก ๑๔ หรือ ๑๙ ล้านคน รณรงค์ ให้ชาวอีสานและภาคเหนือ ไม่เลือกใครเลย เช่นเดียวกับที่ พรรค ปชป. กระทำในอดีต สมัยเลือกตั้ง ๒ เม.ย. ๔๙ ที่ผ่านมา ( ซึ่งเป็นเหตุหนึ่ง ที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างว่า การเมืองถึงทางตัน เกิดวิกฤติ จนนำไปสู่ การรัฐประหารฯ พร้อมกับฉีกรัฐธรรมนูญ ๔๐ ที่ถือว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทิ้งไป)

อะไรจะเกิดกับประเทศไทย หากยุทธวิธี ที่ ปชป. ใช้ กลายเป็นดาบ ทิ่มแทง ตัวเอง .... คนอิสาน และคนเหนือนี่ ผมว่า เขารักใคร รักจริง ... ๑๙ ล้านเสียง คงไม่ปล่อยให้คนที่เขารัก โดนรังแก เพียงเดียวดายหรอกครับ

คงไม่มีใครอยากให้ ประเทศไทย จะต้องล่มจม และหมดหนเยียวยา และเชื่อว่า คณะตลก. (ตุลาการรัฐธรรมนูญ), กกต. และหลาย ๆ องค์กร ที่เป็นเหมือน ลูกกะโปก ของ คมช. ก็คงไม่อยากเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่การใช้กฎหมายในทางที่ไม่เป็นธรรม รังแก คนที่ประชาชน ส่วนใหญ่ หลงรัก ... และ ต่างคน ต่างเล่นเกมส์ โดยไม่หยุดหย่อน ไม่รู้จัก ความสมควร ความพอดี หนทางสู่ความสมานฉันท์ มันจะไม่อาจเกิดได้ และ คนที่แพ้ไม่ใช่ใคร ... ก็คือ ประเทศไทย โดยรวมนั่นเอง




องค์กร ที่ตั้งโดย คมช. เหล่านี้ ซึ่งมีข้อครหาในการรับใช้เผด็จการอยู่แล้ว ควรจะต้องพิจารณาให้จงหนัก ...อย่าอาศัย ความที่คนไทย ที่เป็นเชื่อง่าย เกลียดชังกันง่ายตามลมปากเป่า โดยไม่มีความระแวงสงสัยว่าคนที่มันเป่านั้น มันทำเพื่ออะไร ... ไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์วิจารณ์ แล้วใช้ องค์กร ที่ตั้งขึ้นมา ดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมาย ลวง ๆ เป็นหนทางสู่การกำจัดคนอื่น จนลืมคิดถึงขอบเขตอันสมควร .... และในที่สุด มันจะไม่เหลือแม้แผ่นดินแม่ของตนเอง ... ให้ได้เล่นเกมส์กันอีกต่อไป




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:01:50 น.
Counter : 734 Pageviews.  

คำพิพากษาของ "ศาลเถื่อน" กรณียุบพรรคการเมือง

เมื่อวันสองวันมานี้ มีสิ่งอัปยศเกิดขึ้นในวงการกฎหมายเกิดขึ้นอีกแล้ว สิ่งนั้น คือ คำพิพากษาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๓๐ พ.ค. ๕๐ ที่ผ่านมา




ไม่รู้เป็นไร ตั้งแต่ปีที่แล้วยันปีนี้ มีแต่สิ่งที่ทำให้วงการกฎหมายตกต่ำมา ๆ หลายครั้งหลายครา ตั้งแต่เมื่อมีการเรียกร้องให้ใช้ ม.๗ คือ ขอนายกพระราชทาน ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้ การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เมื่อปี ๒๕๔๙ การรับรองให้ขบถ กลายเป็นรัฐาธิปัตย์ ของศาลไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องตลกร้ายที่สุด ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อวงการนักกฎหมาย ที่สำคัญ และที่จะยิ่งแย่ที่สุดก็คือ การยอมให้ "ตุลาการ" เข้ามากำหนดกฎเกณฑ์ในการปกครองประเทศเสียเอง .... โดยไม่ยอมรับอำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนโดยสมบูรณ์ อย่างที่ประเทศไทย กำลังประสบอยู่

ปัญหาของเรื่องที่จะเขียนนี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่า "พรรคการเมืองจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบ" ใครจะแพ้ หรือ ใครจะชนะ แต่มันอยู่ที่ การใช้กระบวนการกฎหมาย และอำนาจตุลาการ เข้ามากำจัดคู่แข่งทางการเมือง และ ป้องกันล้างแค้นต่อคณะขบถ นี้ มันถูกต้องตามกระบวนการและหลักนิติรัฐ หรือไม่ มันเป็นธรรมหรือไม่ในการใช้ประกาศของคณะขบถ ให้มีผลย้อนหลังไปใช้การกระทำที่มีการก่อน และการใช้กระบวนการทางกฎหมายนี้ ได้สร้างความเสียหายแก่วงการตุลาการ และประเทศชาติ หรือไม่ มากน้อยเพียงใด

ตามผลงานวิจัยของนักกฎหมายและปรัชญา เชื่อว่า การที่ประชาชนจะเชื่อฟังคำพิพากษาของศาลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่อง "ผลของคำพิพากษา" เป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เป็นต้นว่า

(๑) ผู้ถูกดำเนินการนั้น เชื่อหรือไม่ว่า องค์กรที่จะพิจารณาเขามีอำนาจที่ชอบธรรมเพียงใด และ

(๒) องค์กรเช่นนั้น จะให้ความเป็นธรรม (Fairness) ได้จริงหรือไม่ เพียงใด

โดยองค์ประกอบในเรื่อง Fairness นี้ จะมีองค์ประกอบย่อย ๆ คือ เรื่องการปฎิบัติต่อผู้ถูกดำเนินคดี ด้วยความสุภาพ และ มีการใช้กฎเกณฑ์อย่างเป็นธรรม หากเขาได้รับการปฎิบัติอย่างเป็นธรรม เป็นต้นว่า จะต้องมีการประกาศให้รับรู้ล่วงหน้าก่อน ที่จะมีการกระทำผิด จะใช้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ย้อนหลังไปเป็นผลร้ายต่อการกระทำของเขาในอดีต ไม่ได้ ... เพราะเขาจะไม่รู้สึกเป็นธรรม และเขาจะไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งหากวิเคราะห์จาก หลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว องค์กร นี้ ไม่ผ่านมาตราฐาน ทั้งสองประการ เนื่องจากมีที่มาจากคณะขบถ และ กฎหมายที่มีผลร้ายแรงกว่า ใช้ให้มีผลย้อนหลัง บุคคลธรรมดา ทั่วไป ย่อมไม่คิดว่า มันเป็นก่อให้เกิดความเป็นธรรมได้




มากล่าวกันเรื่องคำพิพากษาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า "ศาลเถื่อน" ... ที่เรียกว่า ศาลเถื่อน เพราะเกิดจากการแต่งตั้งโดยคณะขบถ ที่ยึดอำนาจ และทำลายประชาธิปไตย ด้วยกระบอกปืนและรถถัง เมื่อปีที่แล้ว พร้อม ๆ กับ การทำลายศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่งตั้งองค์กรนี้ขึ้นมา ทำหน้าที่ เยี่ยงศาล ... ซึ่งตั้งขึ้นมา เพื่อทำลายพรรคการเมืองโดยเฉพาะ


คำพิพากษาของ "ศาลเถื่อน" นี้ ได้ประกาศเจตนารมณ์ ที่จะยอมรับและอยู่อุ้งตีนของคณะขบถอย่างเต็มอกเต็มใจ ยอมให้ประกาศของขบถมีค่าเทียบเท่าเป็นกฎหมาย ... ทั้งนี้ มีพื้นฐานมาจากการตีความของศาลฎีกาไทยในอดีต ที่แต่เดิมยอมรับว่า "ใครที่มันบังอาจ กระทำรัฐประหาร แล้วดำรงสถานะอยู่ได้ ให้เป็นรัฐาธิปัตย์ จะประกาศ อะไร ก็ให้มีค่าบังคับเป็นกฎหมายได้" คำพิพากษา อันนี้ ผมว่า ล้าสมัยมาก ๆ และขัดขวางกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง

ประเด็น ผมขอยกตัวอย่างให้ชัดหน่อย ... กรณีศาลพิพากษาว่า "ยึดอำนาจสำเร็จ เป็นรัฐาธิปัตย์ ไม่สำเร็จ เป็นขบถ" ว่ามันไม่สมเหตุผลเพียงใด ขอให้ดูตัวอย่างที่ Extreme ซะหน่อยนะครับ ... เอาความผิดฐานลักทรัพย์แล้วกัน ถ้าเกิดผมแย่งการครองครองสำเร็จ ผมก็น่าจะไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ได้ เพราะผมยึดทรัพย์นั้นมาได้แล้ว แต่ถ้าขณะที่ผมกำลังขโมย เจ้าของมาเห็น แล้วผมทำไม่สำเร็จ อันนี้ จึงจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หากตีความยังศาลไทยว่า

หรือ กรณี ความผิดฐานข่มขืน หากผมหน้ามืด ไปข่มขืนใคร แม้เขาจะไม่ยอม แต่เกิดว่า ผมมีฝีมือดี ทำให้เขาเผลอร้องซี๊ดซ๊าดออกมาได้ อันนี้ ผมข่มขืนสำเร็จอย่างแน่แท้ ย่อมไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนได้ แต่ถ้าเกิดผมไม่มีฝีมือ ... ทำไปเท่าไร ไอ้คนที่ผมข่มขืน ไม่เสียว ไม่ร้องซี๊ดซาดสักแอะ อันนี้ ผมจึงมีความผิดฐานข่มขืน ... ตีความเช่นนี้ คงไม่ดีแน่ ๆ ท่านผู้พิพากษา เมื่อไหร่ท่านจะกล้าหาญ ซะหน่อย ตัดสินให้มันสมัย และยับยั้งการกระทำรัฐประหารเสียทีละครับ

คำพิพากษาของศาลเถื่อน เป็นคำพิพากษาที่ห่วยแตก เพราะเป็นเขียนคำพิพากษาที่เยิ่นเย้อมาก เพราะศาลเถื่อนทำได้เพียงแค่เอาคำร้อง คำแก้คำร้อง ฯลฯ มารวม ๆ กันเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ใช้ในการพินิจพิเคราะห์นั้น ต้องบอกว่า อ่อน ถึงขั้นแย่มาก

คำพิพากษาของศาลเถื่อน เป็นเพียงการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ อดีตนายกฯ ทักษิณ เท่านั้น โดยศาลเถื่อนได้ทำตัวเป็นวรสาร แจกจ่าย คำด่าทอ ของพรรคแมลงสาบ หรือ พรรค ปชป. ต่อ รัฐบาล ทรท. โคตรโกง เท่านั้น ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการยุบพรรคการเมือง น้อยมาก หากจะว่าไป จะถือว่าไม่ตรงประเด็น และไม่ควรให้นำสืบเสียด้วยซ้ำ โดยสรุป ศาลเถื่อน ท่านทำตัวเป็นโฆษก พรรค ปชป. ในการเผยแพร่ คำด่าทอต่าง ๆ นานา ๆ ที่มีต่อ ทักษิณฯ และ รัฐบาล ทรท. เท่านั้น คำพิพากษานี้ จึงไม่อาจใช้เป็นมารตราฐานได้แม้แต่น้อย

คำพิพากษาของศาลเถื่อน กรณีสายสัมพันธ์ ระหว่างตัวแทนของนายสุเทพฯ นายสาทิตย์ฯ ผู้บริหารพรรค ปชป. ศาลเถื่อนเหมือนตั้งธงไว้ก่อนแล้วว่า จะไม่ยุบ พรรคแมลงสาป จึงได้พยายามให้เหตุผลว่า ความสัมพันธ์ของตัวแทน ของนาย สาทิตย์ สิ้นสุดลงตั้งแต่ ยุบสภา ... ซึ่งไม่สมเหตุ สมผลอย่างยิ่ง เพราะ ความสัมพันธ์ทางการเมือง มันไม่คงไม่ง่าย "เหมือนน้ำแตก แยกทาง" หรอกครับ กรณีหลักฐานที่จะเอาผิดต่อพรรค ปชป. ที่มีการถ่ายบันทึกเทปนั้น แม้จะกระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้การจังหวัด ให้มาสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กรณี ตัวแทนนายสุเทพฯ ไปข่มขู่ ชาวบ้านในโคราช ... ศาลบอกว่า ต้องฟังด้วยความระมัดระวัง ... เป็นการใช้ภาษาที่น่ารักมาก เพราะจริง ๆ มันแปลว่า "ไม่ฟัง" ซะมากกว่า เพราะมันเป็นการให้ผลร้ายต่อ ปชป. มีอย่างที่ไหน พยานหลักฐานที่รวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ กลับไม่ฟัง ทั้ง ๆ ที่ในคดีอื่น ๆ ที่ผ่านมา ศาลก็รับฟังมาโดยตลอด กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้เทปบันทึกเสียง ฟังการสนทนา การซื้อขายยาบ้า ฯลฯ ยังฟัง แต่กรณีนี้ มีทั้งภาพ ทั้งเสียง ไม่ฟังซะงั้น ... กลุ้มใจแท้

ในทางตรงกันข้าม คำพิพากษาของศาลเถื่อน จงใจที่จะรับพยานบอกเล่า ซึ่งไม่น่าเชื่อถือยิ่งกว่า เทปบันทึกภาพ ฯลฯ กรณี เลือกตั้ง รองประธานวุฒิสภา ฯลฯ และ กรณีอื่น ๆ ไม่ว่า จะเป็นการขัดขวางการเลือกตั้ง กับการเป็นตัวแทนของนาย ไตรรงค์ฯ ศาลว่า ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ที่จะแสดงให้ถึงสายสัมพันธ์ ระหว่างการเป็นตัวแทน ไม่มีการว่าจ้าง จะว่าไป ก็คือ ไม่มีหลักฐานใบเสร็จ ฯลฯ นั่นเอง ... บ้าไปแล้ว จะเป็นไปได้หรือ ที่จะมีใบเสร็จกันเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ ที่นายไตรรงค์ หรือ นายสุเทพ หรือ นายสาทิตย์ จะเขียนหนังสือ สั่งการ ให้ไปขัดขวางการเลือกตั้ง ให้ไปจ้างพรรคเล็ก ฯลฯ

ศาลเถื่อน เลยพิพากษาว่า ถ้าไม่เห็นความสัมพันธ์ใด ๆ จึงไม่ต้องพิจารณาว่า พรรคแมลงสาบ กระทำผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ กรณีนายสุเทพฯ และเมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจน แสดงว่า พรรค ปชป. หรือ ผู้บริหาร พรรค ปชป. มีส่วนรู้เห็น ในการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมไม่ต้องพิจารณาเลยว่า พรรค ปชป. กระทำผิดตามข้อกล่าวหา จึงไม่ยุบพรรค ปชป.

ในทางตรงกันข้าม ศาลเถื่อนบอกว่า การกระทำของ พลเอกธรรมรักษ์ฯ ทำให้ พรรค ทรท. ได้ประโยชน์ จึงเชื่อว่า พรรคและกรรมการบริหารพรรคทั้ง ๑๑๑ คน ต้องรู้เห็นเป็นใจด้วย .... โห ทำไม ทีอย่างนี้ ศาลเถื่อนเชื่อง่ายนัก ....ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร นอกจากคำว่า "อุบาทว์" แท้ ๆ

ศาลเถื่อน ยังยอมรับว่า ประกาศคณะขบถ ที่ประกาศเพิ่มเติม กม. เกี่ยวด้วยพรรคการเมือง ให้ ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่กระทำผิด ๕ ปี เพิ่มเติมจาก ข้อกำหนดเดิม ที่กำหนดแค่ ห้ามผู้กระทำผิดตั้งพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคอีก ใช้ย้อนหลังไปได้ .... โอ้อนาถ ....

เรื่องนี้ ขัดต่อหลักการ ที่เรียกว่า Principle of Legality ที่ทั่วโลกยอมรับนับถือว่า การใช้กฎหมายใด ๆ ที่เป็นผลร้าย จะต้องประกาศให้ประชาชนพลเมือง ได้รับรู้ล่วงหน้าเสียหายก่อนเสมอ หากจะใช้ผลดี อาจจะไม่ต้องประกาศให้รู้ล่วงหน้า แต่ใช้ย้อนหลังได้

แม้คณะศาลเถื่อน ท่านจะยอมรับว่า สิทธิทางการเมือง เป็น Civil Rights ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญก็ตาม แต่ท่านว่า มันไม่ขัดกับหลักการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา ๒ คือ จะใช้กฎหมายอาญา ให้มีผลเป็นโทษ ย้อนหลังไปไม่ได้ แต่กรณีนี้ ไม่ใช่โทษทางอาญา จึงใช้ย้อนหลังไปได้ อุบาทว์แท้ ๆ ความจริง อะไรที่เป็นผลร้าย จะใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะประชาชน จะไม่เชื่อมั่นในรัฐ ซึ่งแท้จริง อำนาจของรัฐ มาจากประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยนั่นเอง ... การใช้อำนาจ ตามอำเภอใจ จึงกระทำไม่ได้โดยเด็ดขาด

คำพิพากษานี้ ยังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทย มีพันธะสัญญาจะต้องบังคับให้เป็นไปตามสนธิสัญญาอย่างสุดกำลัง เพราะประทศไทยเป็นภาคีสมาชิก International Covenant On Civil and Political Rights ซึ่งยอมรับว่าจะปฎิบัติตามเงื่อนไขในเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอย่างเคร่งครัด

เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังก็คือ สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เป็นเครื่องยืนยันศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเกิดมาและติดตัวเราพร้อมกับความเป็นตัวตนของมนุษย์ ไม่ว่าใคร ก็จะพรากไปเสียไม่ได้ เว้นแต่จะต้องกระทำโดยกฎหมาย

หลักการที่ว่า กฎหมายนั้น จะต้องมีการประกาศใช้บังคับล่วงหน้าก่อน จึงเป็นหลักการสำคัญของประเทศที่เจริญแล้วทางกฎหมาย เพราะมิเช่นนั้น ย่อมไม่เป็นธรรมอย่างร้ายแรง

ด้วยเหตุที่ สิทธิทางการเมือง เป็นเครืองยืนยันถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากศาลเถื่อนจะบอกว่าไม่ใช่โทษทางอาญา เลยใช้ย้อนหลังได้ จะเกิดผลร้ายอย่างมากมายต่อความเชื่อมั่นที่มีของประชาชนในรัฐต่อระบบกฎหมาย และความไม่เชื่อมั่นศรัทธา จะขยายร้ายแรงไปถึงประชาคมโลกด้วย ศาลเถื่อนน่าจะพิจารณาให้จงหนัก




คำพิพากษาของศาลเถื่อน จึงน่าเชื่อว่า จะสร้างปัญหาและโต้แย้งมากมาย ต่อวงการกฎหมายเอง และต่อตัวปัจเจกชนของคณะกรรมการศาลเถื่อนนี้เอง ไม่แน่ว่า ในอนาคต อีกสัก ๓๐ ปี จะเห็นมีการายการแฉ ก็ได้ว่า อะไรมันเป็นอะไร หากผมมีชีวิตอยู่ ผมจะคอยดูครับ




หมายเหตุ: การยอมรับคำพิพากษา ไม่ใช่การนิ่ง โดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ เราจะเห็นได้จากอดีต ที่มีผู้พิพากษาและนักปราชญ์ทางกฎหมาย เช่น อ.จิตติฯ ที่เขียนหมายเหตุ ท้ายคำพิพากษาฎีกา ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกต และวิพากษ์วิจารณ์ คำพิพากษา จนกลายเป็นตำราเรียนกัน น่าเสียดาย ที่นักกฎหมายไทย รุ่นใหม่ ไม่มีความสามารถเช่นท่าน ซึ่งคนรุ่นใหม่ ก็ทำได้เพียง การเอาคำพิพากษามารวม ๆ กัน แล้วอ้างว่าเป็นตำรา แค่นั้น ....

การวิพากษ์วิจารณ์ คำพิพากษา จึงเป็นเรื่องที่ส่งเสริมและสร้างสรรค์ ให้เกิดการโต้เถียง และสติปัญญา เกิดประโยชน์ทางวิชาการอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในสหรัฐฯ ที่มีการวิจารณ์ คำพิพากษาของ U.S. Supreme Court อย่างต่อเนื่อง เพราะเขาเคารพใน Freedom of Speech และ เขาเชื่อว่า การโต้แย้ง โต้เถียงกัน เป็นสิ่งดี ทำให้เกิดปัญญา และพัฒนาการความรู้ก็จะงอกเงยขึ้น ....




สุดท้าย เป็นที่น่าสังเกตว่า ... คำพิพากษาเรื่องนี้ มีผลโดยตรงในระยะอันใกล้นี้ อย่างน้อยสองสาม ประการ คือ

๑) ส่งเสริมให้ พรรค ปชป. เป็นรัฐบาล (ผสม) ได้อย่างแน่นอน หากมีการเลือกตั้ง และไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้นก่อน

๒) ทำให้ คมช. หรือ คณะคนมันชั่ว สามารถก้าวลงจากตำแหน่ง ได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องกลัวการเช็คบิลล์ หากภายหลังการเลือกตั้งแล้ว พรรค ทรท. กลับมาได้ชัยชนะ หรือ ยังมีเสียงในรัฐสภา อยู่ ก็จะถูกเปิดโปงความชั่วต่าง ๆ นานา ได้อย่างกว้างขวางต่อไป

๓) ทำให้การดำเนินคดี กับ รัฐบาลเดิม ตามข้ออ้าง การฉีกรัฐธรรมนูญ เล่น ทำได้ต่อไป โดยไม่มีอะไรขวางกั้น และ สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่วนหนึ่ง ต่อไปได้ว่า การยึดอำนาจถูกต้อง เป็นปีศาลที่จำเป็น ต่อสังคมไทย

และสุดท้าย ของสุดท้าย ... เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญ ล้วนจบสถาบันเดียวกับ ผู้นำส่วนใหญ่ของพรรค ปชป. และ เคยทำงานอยู่ทางภาคใต้ ... และในอดีต ระบบตุลาการ ยังมีได้สองขั้น ฯลฯ เหมือน ข้าราชการในระบบอื่น ๆ เช่นกัน

หมายเหตุสุดท้าย ... ขอย้ำว่า "สิ่งที่พูดไปทั้งหมด ไม่ได้พูดถึงผลของคำพิพากษา แต่พูดตามหลักการแห่งกฎหมาย ที่ควรจะเป็นของประเทศที่ประกาศตนเองว่า จะยึดมั่นในหลักนิติรัฐ และรัฐธรรมนูญนิยม แบบที่ประเทศไทย อยากจะเป็นครับ




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 ธันวาคม 2550 14:03:14 น.
Counter : 795 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.