กระบวนการยุติธรรมที่ไร้ความเป็นธรรม กับการล่มสลายของรัฐ
นับแต่การชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา จนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ สังคมโลกได้รับรู้ถึงนวัตกรรมทางกฎหมายใหม่ ๆ ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกจากศาลรัฐธรรมนูญ ศาลแพ่ง และศาลอาญาของไทย ตลอดจนบทบาทขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญหลายองค์กรที่เข้ามาพัวพันในการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกต้ั้งของประชาชนหลายประการด้วยกัน ไล่เรียงกันไป ตัวอย่างเช่น
ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญ ได้กระทำการหลายประการในลักษณะที่น่ากังขาทางวิชาการ ตั้งแต่ การแทรกแซงการใช้อำนาจอธิปไตยของทางนิติบัญญัติของรัฐสภา ซึ่งทั่วโลกยอมรับว่า ศาลจะต้องจำกัดบทบาทของตนเองมิให้เก้าวล่วงการใช้อำนาจอธิปไตยขององค์กรอื่น ๆ โดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะศาลไม่ได้มีความชอบธรรมในฐานะตัวแทนประชาชน เจ้าของประเทศเจ้าของอำนาจอธิปไตย ศาลจึงมีบทบาทจำกัดอย่างมากในการพิจารณาเฉพาะข้อกฎหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งเท่านั้น แต่ศาลรัฐธรรมนูญไทย ได้กล้าหาญชาญชัยที่จะยกหลักกฎหมายในอวกาศ หลักคุณธรรม คุณงามความดี จากฟ้าจากสวรรค์ มาเพิ่มเติมอำนาจตนเองให้มากกว่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญไทย จึงกล้าที่จะก้าวล่วงเข้าไปในดินแดนของอำนาจนิติบัญญัติในการสถาปนารัฐธรรมนูญได้อย่างหน้าตาเฉย แถมด่าฝ่ายนิติบัญญัติเป็นวรรคเป็นเวร ค่อนข้างชั่วโมง ในคำวินิจฉัยของตนเอง คำวินิจฉัยที่ผิดหลักวิชาการทางมหาชน ยังได้ถูกนำไปขยายความในการชุมนุมต่อต้านกฎหมายและโค่นล้มรัฐบาล แม้รัฐบาลจะประกาศยุบสภาแล้ว การชุมนุมของ กปปส. ยังคงดำเนินต่อไป และเมื่อมีประชาชนไปฟ้องร้องว่า การชุมนุมของ กปปส. ที่ปิดถนนหนทาง ยึดส่วนราชการ ปิดกั้น ทำร้ายประชาชน ฯลฯ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ปรากฎว่า ศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธที่จะรับคำร้องโดยอ้างว่า กำลังจะมีการเลือกตั้งแล้ว แม้จะมีความพยายามที่จะร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าการชุมนุมของ กปปส. ไม่ชอบอย่างไร มีการใช้อาวุธสงครามไล่ยิงชาวบ้าน (ที่แยกหลักสี่อย่างไร) มีการขัดขวางการเลือกตั้งอย่างไร ทำร้ายประชาชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ บีบคอผู้เลือกตั้ง ฯลฯ อย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญก็ปฏิเสธไม่รับคำร้องอีกเช่นกัน
เมื่อมีความพยายามในการร้องขอต่อศาลให้วินิจฉัยว่าการชุมนุมของ กปปส. ขัดต่อหลักการตาม มาตรา ๖๓ เรื่องการคุ้มครองสิทธิการชุมนุมโดยสงบ และเป็นการล้มล้างการปกครองโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๖๘ ศาลรัฐธรรมนูญยังกล้าที่จะวินิจฉัยว่า เป็นการใช้สิทธิในการต่อต้านรัฐบาล แล้วปฏิเสธรับคำร้องที่จะวินิจฉัยว่า เป็นการชุมนุมโดยสงบที่จะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมหรือไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกัน ปรากฎว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องที่จะล้มการเลือกตั้ง จากหลายฝ่าย ไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือ กกต. ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ กกต. ไม่เคยแสดงท่าที ที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างจริงจัง นอกจากจะพยายามร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้เลื่อนหรือล้มการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ถึงกระบวนการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ กลับกล้าหาญที่จะวินิจฉัยว่า การเลือกตั้ง ไม่จำต้องดำเนินการภายใน ๔๕ - ๖๐ วัน ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
การวินิจฉัยหลายประการ ของตุลาการรัฐธรรมนูญ นำมาซึ่งผลอันแปลกประหลาด เพราะถ้าเห็นว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ตาม รธน. ไม่ได้บังคับเด็ดขาด ย่อมมีผลทำให้ความเป็นสูงสุดของรัฐธรรมนูญสิ้นผลไปทันที ศาลรัฐธรรมนูญคิดอย่างไร นอกจากนี้ ยังวินิฉัยว่า รัฐบาลมีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้งโดยตราเป็น พรฎ. ใหม่ แต่ถามว่า : การตรา พรฎ. ตามกฎหมายเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ทำครั้งเดียว ???? และการตรา พรฎ. จะต้องอ้าง "อาศัยอำนาจตาม มาตรา ...." คุณจะให้รัฐบาลอ้างอะไร ????? ใครจะต้องรับผิดชอบในความผิดเพี้ยนในการตีความกฎหมายดังกล่าว
คราวหน้า มาต่อความบิดเบี้ยว การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกัน
Create Date : 18 มีนาคม 2557 |
Last Update : 18 มีนาคม 2557 15:52:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 817 Pageviews. |
|
|