การชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย กับการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี
เมื่อวันที่ ๑ พฤศิจกายน ๒๕๕๖ เวลารประมาณ ๐๔.๐๐ น. พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ได้ลงมติผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ล้างผิดทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอรัปชั่น และการฆาตกรรม ผู้ชุมนุม เมื่อพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ อย่างเบ็ดเสร็จ set zero ทันทีทันใด การดำเนินการของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล นำมาซึ่งเสียงนกหวีด ของหลายกลุ่มในสังคม ตั้งแต่นักธุรกิจ คณาจารย์ และนักศึกษาจำนวนมาก ตลอดจนผู้พิพากษากลุ่มหนึ่งที่ลงนามทำนองว่า ตุลาการผู้รักแผ่นดิน อะไรทำนองนั้น ส่งเสียงต้านในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแถลงการณ์ หรือการเป่านกหวีด หรือเดินขบวน ฯลฯ การต่อต้านอย่างรุนแรง ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ถอยออกสู่ต้นซอยในทันทีทันใด ทั้ง ๆ ที่แต่เดิม มั่นอกมั่นใจว่าประชาชนจะไม่ต่อต้าน แต่ลืมไปว่า พลังเงียบเหล่านี้ หากเขารู้สึกว่า มันหนักหนาเกินไป เขาย่อมออกมาต่อต้านแน่ ๆ พรรคประชาธิปัตย์ ถึงขนาดประเมินว่า ผู้ร่วมอุดมการณ์ในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะมากพอที่จะล้มรัฐบาลได้ ประกอบกับมีวาระที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ จะพิพากษาคดีพระวิหาร ที่ประชาธิปัตย์ ก่อความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชา จนกัมพูชา ร้องขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตีความคำพิพากษาเดิม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ (ซึ่งทีมนักกฎหมายของ ปชป.ในอดีต นำความพ่ายแพ้มาสู่ประเทศไทยมาครั้งหนึ่งแล้ว ) จนกระทั่งมี สส. ปชป. ๙ นายลาออกมานำขบวนประท้วงรัฐบาล โดยอ้างว่า ล้มระบอบทักษิณฯ การชุมนุมดูเหมือนเริ่มจุดติด มีประชาชนร่วมชุมนุมสูงสุด ประมาณเกือบ ๒๐,๐๐๐ คน รวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีดารานักร้องจำนวนมาก เข้าร่วมเป่านกหวีด ฯลฯ แสบแก้วหูกันไปตาม ๆ กัน แต่ทว่า จำนวนคนลดลงเรื่อย จนกระทั่ง วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ มีรายงานว่า ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด ๔,๐๐๐ คนเท่านั้น ซึ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลลดเงื่อนไขทุกอย่างลงหมด และสัญญาว่าจะไม่เสนอกฎหมายดังกล่าวอีกต่อไป ปัญหาที่ต้องการเสนอคือ รัฐบาลกระทำการดังกล่าว เพียงพอหรือไม่ และจะจัดการยุติปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวอย่างไร ??? แค่ประกาศยืนยันจะไม่นำกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาอีก เพียงพอที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ และการร้องขอให้เลิกชุมนุม แล้วกลับบ้านนั้น จะเวิร์ค หรือไม่ ผู้เขียนเห็นว่า การที่รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ได้ดำเนินการทำลายความเชื่อถือและศรัทธา และเข้าทางข้อครหาของหลายฝ่ายว่า " จะใช้อำนาจเพื่อประโยชน์คน ๆ เดียว" นั้น จะดำเนินการอย่างไร หากพิจารณาตามหลักการและแนวทางสันติวิธีแล้ว รัฐบาลอาจจะต้องแสดงความใจกว้าง สร้างเวทีแห่งการพูดคุยให้เกิดขึ้น การดำเนินการให้มีคนกลางที่เป็นที่เคารพ เพื่อดึงให้ทุกฝ่ายที่มีข้อขัดแย้งเข้าสู่กระบวนการเจรจา เพื่อหา Common Interest ของทุกฝ่าย ฝ่ายมีอำนาจจะต้องสร้างเวทีขึ้นหลาย Track ทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เพื่อนำไปสู่การเจรจา และแสวงหาประโยชน์ของชาติร่วมกัน ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า รัฐบาลต้องใจกล้า ขอโทษประชาชน สร้างเส้นทางการเจรจา ทอดสะพานแห่งไมตรี ให้ฝ่ายผู้ชุมนุมได้เข้ามาหารือ อย่าไปถือยศ ถือศักดิ์ ทอดสะพานลงไป แล้วอย่าได้ดำเนินการอะไรให้เข้าทาง ... "ทำเพื่อคน ๆ เดียว" อีก สร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาให้ได้
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556 | | |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 23:23:55 น. |
Counter : 780 Pageviews. |
| |
|
|
|