*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
ความชอบธรรมในการประกาศภาวะฉุกเฉิน และ การปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ของเสื้อแดง โดยรัฐบาล

วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ หลังจากที่ นายอริสมัน ฯ หรือ กี้ บุกเข้าไปในรัฐสภา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก ตอนเย็นเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. รัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ฯ ก็ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับ ปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของฝ่ายผู้ชุมนุม นอกจากนี้ ในวันที่ ๘ เม.ย.๕๓ ยังได้มีคำสั่งไปยัง กระทรวงไอซีที ให้บล๊อกเวปไซต์ที่มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับนโยบายและคำสั่งของรัฐบาล โดยอ้างว่ากระทบต่อความมั่นคง เช่น เวปไซต์ประชาไท เป็นต้น





ผมว่า นายกี้ อริสมันฯ ไม่ค่อยฉลาดแล้วนะ ปรากฎว่า รัฐบาลไม่ฉลาดยิ่งกว่า ในทั้งในแง่ ผลลัพท์ที่เกิดขึ้น หลังจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน และการปิดสถานีโทรทัศน์ของผู้ชุมนุม เพราะเท่าที่สังเกตการณ์ คนที่มาชุมนุมในช่วงกลางคึนของวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ ไม่ได้ลดลงเลย แถมยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า อีกกว่า ๕๐ กลุ่ม ตามศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ออกมาต่อต้าน รวมถึง การต่อต้านของคนเสื้อแดง ณ สถานีดาวเทียมไทยคม ทั้งที่ลาดหลุมแก้ว และ แจ้งวัฒนะก็ยัง มีจำนวนเรือนหมื่น แม้ในท้ายที่สุด คนธรรมดา มือเปล่า จะไปสู่อำนาจรัฐไม่ได้ก็ตาม แต่ความเจ็บแค้น ฯลฯ มันฝังอยู่ในใจเรื่อยไป ไม่มีทางที่แก้ไขเยียวยาได้ ... นายอภิสิทธิ์ฯ ครับ ผมเป็นห่วงนะครับ กลัวว่าท่านและสมาชิก ปชป. จะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ในบางส่วนของประเทศไทยอีกต่อไปอย่างถาวรครับ ....

มาพูดในแง่ของกฎหมายบ้าง การกระทำของรัฐบาลนี้ ช่างเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาของนักกฎหมายที่เป็นกลาง เพราะ หากเรายอมรับว่า การที่มีคนบุกอาคารทำการของรัฐ แล้วรัฐบาลสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้นั้น เป็นเรื่องที่อันตรายต่อการบิดผันการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมโดยรัฐบาลได้ง่ายมาก และการกระทำของรัฐบาลครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เลว .................... ในอนาคตระยะยาว โดยเฉพาะการอ้างว่า มีการปีนเข้าไปในรั้วที่ทำการของรัฐสภา ฯ "มันถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง" ตามประกาศ ของนายอภิสิทธิ์ ฯ ลงวันที่ ๗ เม.ย. ๕๓ ได้หรือครับ ........ ..... มันร้ายแรงขนาดจะประกาศภาวะฉุกเฉินได้จริงหรือ ? อีกหน่อย รถไอติมเปิดเสียงดัง ลอดเข้าไปในอาคารที่ทำการของรัฐ เกิดรัฐบาล ถือบรรทัดฐานนี้ ประกาศภาวะฉุกเฉินมั่ง จะทำอย่างไร ... ตายพอดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำของรัฐบาลที่ปิดหูปิดตาประชาชน โดยการปิดสถานีโทรทัศน์ของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยอ้างว่า "ทำลายความมั่นคงของรัฐ" เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก เพราะปัจจุบัน สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐบาล และ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้ชุมนุม เช่น ASTV ก็ได้เสนอข่าวด้านเดียว อันมีผลร้ายต่อฝ่ายผู้ชุมนุมมาตลอด โดยเฉพาะท่าทีของนายอภิสิทธิ์ และ ผู้นำรัฐบาลอีกหลายคน ก็ไปกล่าวหา สัมภาษณ์ว่า เสื้อแดง คือ คนที่สร้างปัญหา ทำลายประเทศ ทำลายสถาบัน ฯลฯ การเสนอข่าวด้านเดียวเช่นนี้ ต่างหาก ที่ถือว่า เป็นการกระทำที่ทำลายความมั่นคง ...

การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นลักษณะ Double Standards หรือ เลือกปฏิบัติเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความรุนแรงในเชิงโครงสร้าง (Structural Violence) ให้เกิดขึ้นในสังคม โดยฝีมือของรัฐ ที่สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกร้ายแรงต่อคนในสังคม เพราะคนในสังคม จะเห็นว่า มันไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรม และ สร้างความเคียดแค้นชิงชัง ในที่สุด คนในระดับปัจเจกชน จะเกิดการกระทำความรุนแรงในเชิงเลียนแบบ (Liberative Violence) แล้วก็จะมีผลเป็นการสร้างความไม่สงบในแผ่นดินอย่างกว้างขวาง เพราะเกิดสภาวะไร้ระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ ขึ้นในที่สุด อันนี้ ถือเป็นฝีมือและการกระทำของรัฐบาลที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้

มาพูดเรื่องเนื้อหาของทีวีเสื้อแดงนั้น ถ้าไปฟังเนื้อหาที่แกนนำ อภิปรายดี ๆ แล้ว มีแต่มุ่งโจมตี สองสามคนเท่านั้น ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ นายเปรม ฯ กับลูกน้องที่คาดว่าจะไดรับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกองทัพ เท่านั้น ซึ่งอาจจะมีถ้อยคำหยาบคายไปบ้าง แต่ถามว่า มันจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐได้อย่างไร การที่ด่ารัฐบาล การที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา มันเป็นข้อเรียกร้องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร ............ ในทุก ๆ วัน จะมีการอภิปรายในเชิงเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ มาตั้งแต่ยุคสมัย ร.๑ เป็นต้นมา จนรัชกาลปัจจุบัน แต่ที่มาเสียก็มีระบบที่เขาเรียกว่า คนรอบวังหรืออำมาตย์เท่านั้น ที่เข้ามาใช้อำนาจในทางที่เสียหายเท่านั้น เนื้อหาส่วนใหญ่จึงไม่อาจจะถือว่าเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงได้เลย

ผมไม่ทราบว่า รัฐบาล เอาแนวคิดที่ไร้เหตุผล ไร้สาระ หรือ ถึงขึ้นอับจนด้วยปัญญามาอธิบายเพื่อออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน"ที่มีความร้ายแรง" ได้อย่างไร หรือว่า รัฐบาลทนไม่ได้กับการถูกด่า หากรัฐบาลทนไม่ได้กับการถูกด่า ก็ไม่อาจจะเข้ามาทำหน้าที่ด้านการเมืองในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ ต้องไปอยู่จีน หรือ ประเทศคอมมิวนิสต์อื่น ๆ

สิ่งที่รัฐบาลกระทำ จึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ หลักกฎหมายทั่วไป และ ขัดต่อหลักความเท่าเทียม เสมอภาค และหลักความเป็นธรรม รวมถึงกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง ค.ศ. ๑๙๖๖ ซึ่งไทยได้ยอมเข้าภาคีโดยภาคยานุวัติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นต้นมา ไทยจะเอาหน้าไปไว้ไหนในสายตาโลก ...... การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ อย่างชัดแจ้ง เพราะ นายอภิสิทธิ์ฯ และ ครม. ได้ใช้อำนาจในฐานะเจ้าพนักงาน ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่ถือเป็นภาวะฉุกเฉินได้ แต่ก็ยังประกาศเพื่อให้ตนเองมีอำนาจพิเศษ จึงตีความว่ามุ่งกลั่นแกล้งทำให้คนอื่นเสียหาย อันเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา แล้ว ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถเป็นผู้กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรีและ ครม. ได้






เรื่องความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องภาพลักษณ์ของการเป็นเผด็จการโดยรัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างร้ายแรง ... อีกทั้ง การกระทำของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้สร้างรอยร้าวลึกให้กับประชาชนอย่างระยะยาว เพราะคนเสื้อแดง และผู้สนับสนุนแนวคิด หรือ แชร์ความคิดร่วมกับเสื้อแดงในบางประเด็น เช่น การต่อต้านเผด็จการ รัฐประหาร หรือ ระบบไร้มาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย จะโกรธแค้นอย่างมาก ผมว่า รัฐบาล ปชป. คงไม่ได้เกิดอีกแล้ว และ ทหาร หรือตำรวจที่สนับสนุนการกระทำของ ปชป. อาจจะไม่มีหน้าที่เดินอยู่ในสังคม หรือไม่กล้าไปในถิ่นของประชาชนที่เคารพในความคิดของคนเสื้อแดง ....... สรุปว่า อยู่ในแผ่นดินไทย แต่ไม่กล้าเข้าใจ เพราะอาจจะไม่มีใครต้อนรับ หรือ อาจจะถูกแสดงอาการรังเกียจอย่างเด่นชัดออกมา






รัฐบาลประชาธิปัตย์ครับ ยังไม่สายหรอกครับ ที่จะแก้ไข สิ่งที่ท่านทำ เมื่อวันก่อน ท่านก็ขอให้ศาลสั่ง ให้คนชุมนุมออกจากพื้นที่สาธารณะ คือ ถนนหนทาง แน่นอนครับ มันผิดกฎหมายจราจร มันทำให้เศรษฐกิจเสียหาย แต่มันคือวิถีของระบอบประชาธิปไตย คือ การประท้วง การชุมนุม ที่ย่อมจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนไปบ้าง แต่ถ้ายังปกครองระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับว่า มันจะมีสิ่งที่ทำให้เราไม่พึงพอใจได้เสมอ แบบนี้ ถ้าไม่อยากให้มีประท้วง ก็ต้องเปลี่ยนการปกครอง เป็นคอมมิวนิสต์ไปเลย ... และการใช้กฎหมายความมั่นคง หรือกฎหมายบริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็น ย่อมไม่ชอบธรรมกับการชุมนุมสาธารณะ โดยตามหลักทฤษฎีกฎหมายแล้ว การใช้กฎหมายผิดวัตถุประสงค์ ผิดเรื่อง ผิดที่ผิดทาง คือ การบิดผันเจตนารมณ์ของกฎหมาย ย่อมขัดรัฐธรรมนูญในทางปฏิบัติ (Unconstitutional by practice) ซึ่งกระทำไม่ได้ ... หากจะเปรียบ ก็เหมือนกับ การใช้ถุงยางอนามัย มาเป่าแทนลูกโป่ง ประดับบ้านแหละครับ ... แม้มันจะดูเหมือนแทนกันได้ แต่มันก็ไม่ใช่ครับ ....






ปล. ได้เห็นความเลวของสื่อชั่ว ๆ ที่ไม่เป็นกลางจำนวนมาก รายงานข่าวด้านเดียว เสนอความจริงบางส่วน เสนอแต่ปัญหา แต่ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงลึก ๆ หรือ Root of Conflict อยู่ตรงไหน ไม่ได้เสนอตัวแบบที่สร้างสรรค์ นำไปสู่ Sustainable Peace ได้อย่างไร รวมถึงการเสนอข่าว บิดเบือนความจริง .... เช่น หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว คนหายหมด ความจริงแล้ว ได้รับรายงานว่า คนมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ... รัฐบาลลองหันมามองคนจน แล้วลงมาสัมผัสกับเขาหน่อยดีไหม ... เผื่อจะแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด อย่าไปเชื่อสื่อ ฯลฯ ที่เขาเสนอข่าวตามที่ท่านอยากฟังเลย ...มันจะพังกันทุกฝ่ายครับ เพราะถ้าท่านใช้ทหารกดดัน คนในกลุ่มเสื้อแดงที่นักวิชาการ เช่น ดร. ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ได้ประมาณไว้ว่าไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้าน มันจะเพิ่มขึ้น ..... จนท่านประมาณไม่ได้เลยละครับ

ระวังความแค้นมันฝังแน่น ........ ตัวอย่างก็เคยได้เห็นมาแล้วในหลายประเทศ ผมไม่อยากเห็นว่า นักการเมืองกลุ่มนี้ และนายทหารที่ยินยอมทำตามนโยบายรัฐบาลในครั้งนี้ เมื่อเกษียณไปแล้ว หรือ เวลาจะไปไหนมาไหน ต้องใส่เสื้อเกาะกันกระสุนหรอกนะครับ ท่าน คิดดูดี ๆ เถอะครับ คิดใหม่ ทำใหม่ อย่าใช้อำนาจทางการทหารกดดันเลย ท่านชนะได้ระยะสั้นเท่านั้นแหละครับ รวมถึง อย่าได้คิดว่า ปล่อยมันไป ให้มันร้อนตายไป .... เดี๋ยวมันก็เฉา ไปเอง ท่านจะสร้างความแค้น ความชิงชัง ให้ดำรงอยู่ไม่รู้หาย เพราะท่านไม่ได้เห็นว่าคนจน ๆ เหล่านี้ มีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกันท่าน ... ทำให้ดีเถอะครับ เพราะประโยชน์และความสงบในระยะยาว .... ท่านจะได้รับความชื่นชมอย่างไม่มีวันตายเลยละครับ นายอภิสิทธิ์ฯ เอ๋ย ..


Create Date : 08 เมษายน 2553
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 8:16:20 น. 0 comments
Counter : 440 Pageviews.

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.