*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 

รำลึก ๑๕ ปี พฤษภาทมิฬ

บทความนี้ คัดลอกมาจาก ประชาไท ครับ ... เพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งในการรำลึก ครบรอบ ๑๕ ปี เหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของไทย เมื่อปี ๒๕๓๕ ซึ่งขณะนั้น ผมยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ปี ๓ ผมแปลกใจมาก ที่สังคมไทย ลืมเลือนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปอย่างง่ายดาย สรรเสริญ และดีใจกับการกระทำผิดกฎหมายของคณะผู้ยึดอำนาจอธิปไตยไปจากปวงชนชาวไทย ซึ่งตอนนี้ ประเทศไทย กำลังดำดิ่งสู่ความหายนะ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ..... หรือว่า เลือดเนื้อของพี่น้องชาวไทย ไม่มีความหมาย .... หวังว่า สักวันหนึ่ง ประชาธิปไตย จะเบ่งบานในใจของพี่น้องคนไทยเรา ซึ่งรวมถึงหัวใจของคณะทหาร พี่น้องของผมด้วย ....




รำลึก 15 ปี พฤษภา
“การรำลึก 15 ปีนี้จะไม่มีความหมาย ถ้าไปเห็นดีเห็นงามกับเผด็จการ”





วันที่ 17 พ.ค. แนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร (นปตร.) จัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม 2535 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน โดยในช่วงเช้าเวลาประมาณ 6.00 น. ได้จัดให้มีการทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ 15รูป ถวายอาหารสำเร็จรูปแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์อุทิศส่วนกุศลและอวยชัยให้พรระบอบประชาธิปไตย

จากนั้น ตัวแทนองค์กรต่างๆในแนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร อาทิ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ตัวแทนจากกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการณ์ และกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ได้วางพวงมาลารวมทั้งกล่าวปราศรัยรำลึกวีรชนและเชิดชูการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้ นายจารุนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวีรวมทั้งประชาชนกว่า 50 คนได้เข้ามาร่วมในพิธีการนี้ด้วยโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ นับ 10 นาย และเจ้าหน้าที่เทศกิจ คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่โดยรอบ

ท่ามกลางฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่า เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม 2535 เกิดจากการที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ออกมาต่อต้านเผด็จการณ์และรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจต้องพ้นจากอำนาจ จนในที่สุดจึงได้แก้ไขรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้าอย่าต่อเนื่อง

แต่ 14 ปี ผ่านมาผู้สืบทอดเจตนารมณ์เดือนพฤษภาต้องรู้สึกเจ็บปวดที่มีการรัฐประหารและนำเอาเผด็จการกลับมา มีรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกทั้งยังเป็นการฟื้นระบอบอมาตยาธิปไตย

“การรำลึก 15 ปีนี้จะไม่มีความหมาย ถ้าไปเห็นดีเห็นงามกับเผด็จการ แต่จะมีความหมายถ้าต่อสู้ตามเจตนารมณ์เดือนพฤษภาที่ต้านเผด็จการ ต้องมุ่งมั่นและมีกำลังใจว่าเจตนารมณ์เดือนพฤษภาสอดคล้องกับการพัฒนาของสังคมโลก”

ด้านนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540 และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ขอไว้อาลัยรวมทั้งสดุดีวีรชนและรำลึกถึงประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนเมื่อพฤษภาคม 2535 ครบรอบ 15 ปีการต่อสู้ใหญ่อีกครั้งในวันนี้ หลังจากการต่อสู้ใหญ่เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 หรือหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475

การต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อประชาธิปไตยเดือนพฤษภาคม 2535 เจตนารมณ์ที่แท้จริงคือการต่อต้านและทำลายเหตุปัจจัยของการรัฐประหารที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน เป็นการต่อต้านเผด็จการ การไว้อาลัยก็คือการรับช่วงต่อเจตนารมณ์

แต่น่าเสียดายที่นักต่อสู้เดือนพฤษภาคม 2535 บางคนได้เปลี่ยนขั้วไปเห็นด้วยกับเผด็จการคิดว่าวันนี้สำหรับเขาเหล่านั้นเช่น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หรือนายสมศักดิ์ โกศัยสุข มีทางเลือก 2 ทาง ทางแรกคือขอโทษวีรชนเดือนพฤษภา ที่นำพวกเขาไปต่อสู้จนตายและบาดเจ็บ ส่วนอีกทางเลือกคือไปขอโทษ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ตอนนี้ยังมีชีวิตว่าที่ทำไปครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ที่ถูกคือต้องให้ทหารปกครองประเทศและประเทศต้องปกครองโดยระบอบเผด็จการเท่านั้น

“กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ถือว่ารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นดอกผลที่สำคัญที่สุดของการต่อสู้ใหญ่เดือนพฤษภาคม 2535 กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ถือเอารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่แท้จริงของประเทศ เป็นธงนำต่อต้านเผด็จการ ต้านรัฐประหารเพื่อประชาธิปไตย จนกว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง” นายจรัล กล่าว

ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ได้ตกลงร่วมกันมาว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การตกลงร่วมกันตั้งแต่ครั้งนั้นยังไม่มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น แต่ขณะเดียวกันถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เป็นประมุขของประเทศประชาธิปไตยความมั่นคงก็ลดน้อยลง พระเกียรติอันเป็นที่เป็นที่ยอมรับโดยนานาชาติก็ลดน้อยลง ในสายตาชาวโลกและทางวิชาการเป็นเช่นนั้นไม่มีใครเถียงได้

ส่วนนายแพทย์เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยกล่าวว่า ภาระสำคัญที่ต้องทำคือการล้มคว่ำรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการ ล้มคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เพราะเป็นปิศาจล้มล้างประชาธิปไตย และล้มอมาตยาธิปไตยอันเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย

ระหว่างที่กล่าวคำปราศรัยไว้อาลัยเวียนกันไปนั้นฝนได้ตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่า นายกุลศักดิ์ เรืองคงเกียรติ หรือจิ้น กรรมาชน ซึ่งนำพวงมาลามาร่วมวางรำลึกถึงเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ด้วยไม่ได้กางร่มหรือหลบฝนแต่อย่างใด ยืนนิ่งสงบก่อนจะกล่าวคำคารวะดวงวิญญาณวีรชนที่สู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย รวมทั้งร้องเพลง ‘ปณิธานแห่งเสรีชน’ ที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อต้านรัฐประหารด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังกึกก้องไปทั่วบริเวณอนุสาวรีย์

จนกระทั่งการรำลึกถึงเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยใกล้เสร็จสิ้น ผู้อาวุโสที่มาร่วมพิธีการท่านหนึ่งที่ยืนข้างนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ เกิดอาการขาอ่อนล้าซวนเซ นางประทีปจึงช่วยผดุงให้ทรงกายไว้ได้ แต่อีกพักหนึ่งจึงค่อยๆยุบตัวลงไปนั่งเหยียดเท้าโดยนางประทีป และคนรอบข้างร่วมประคองซึ่งผู้อาวุโสคนดังกล่าวอยู่ร่วมจนเสร็จพิธีการหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

จากนั้น กลุ่มแนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหารจึงเคลื่อนย้ายไปหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์เพื่อแสดงละครจำลองเหตุการณ์การปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงโดยนายแพทย์เหวงกล่าวว่าการปราบปราครั้งนั้นนำโดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ทำให้มีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก สำหรับที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นสถานที่พยาบาลคนเจ็บในเวลานั้นก็ถูกทหารใช้ความรุนแรงเข้าบุกค้นด้วย สำหรับกลุ่มผู้แสดงละครในครั้งนี้มีการแปะป้ายชื่อคณะแกนนำคมช.และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังและผู้กระทำการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 หลังแสดงละครจบทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับ

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น.ที่สวนสันติพร ข้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรมได้มีการจัดงานไว้อาลัยเหตุการณ์ 15 ปีพฤษภา 2535 พร้อมวางพวงรีดรำลึกให้กับเหล่าวีรชนที่เสียชีวิตเช่นกัน เพียงแต่มีลักษณะการแบ่งแยกการจัดงานกับที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยค่อนข้างชัดเจน

การจัดงานรำลึกบริเวณนี้มีนายพุทธิพงษ์ ปุณกันณ์ รองผู้ว่า กทม. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สนช. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายโคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และญาติวีรชน เข้าร่วม

นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ จัดงานรำลึกเหตุการณ์ 15 ปีพฤษภาทมิฬว่า เป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตยที่ทุกคนสามารถทำได้ เป็นจุดที่เลี่ยงไม่ได้ในกระบวนการประชาธิปไตย โดยทางกลุ่มได้คาดการณ์ไว้แล้วไม่ได้กังวลใจ โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่าที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่กระบวนการการตรวจสอบภาคประชาชนยังทำไม่เต็มที่ ซึ่งทุกวันนี้สังคมไทยต้องสร้างวัฒนธรรมเพื่อแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้เกิดกระบวนการทางประชาธิปไตย ซึ่งด้านหนึ่งเราต้องทบทวนตัวเอง เนื่องจากไม่รู้ว่าประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไร

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ในส่วนของการทำให้ประชาชนเกิดความสับสนนั้น เรื่องนี้ประชาชนต้องสับสนแน่นอน แต่ถ้าเข้าใจว่าจุดประสงค์ของแต่ละกลุ่มที่ดำเนินการคืออะไร ภาคประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง

ส่วนนายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาญาติวีรชน กล่าวถึงกรณีที่นพ.เหวง ระบุว่า ลืมอุดมการณ์ของกลุ่ม ขอยืนยันว่าไม่ได้ลืมอุดมการณ์ทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการทำรัฐประหารในครั้งนี้ซึ่งปัจจุบันได้ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 และเตรียมที่จะบัญญัติเป็นรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยจะบังคับใช้กับประชาชน

ในฐานะที่ออกมาเคลื่อนไหวในรัฐธรรมนูญ ปี25400 เมื่อรัฐธรรมนูญ ปี2550 จะคลอดออกมา ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะหากมีการบัญญัติออกมาต้องนำมาใช้กว่า 10 ปี อีกทั้งกลุ่มก็ไม่ได้สนับสนุนการทำรัฐประหาร ดูได้จากกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ไม่มีตำแหน่งใดๆ เลย รวมทั้งได้ลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพราะเห็นว่าการทำรัฐประหารในครั้งนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนสิ่งที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก

“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยความเสียหายต่อผู้สูญเสียในการทำรัฐประหาร ให้กับญาติผู้สูญเสียอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการสูญหายเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลต้องตอบคำถามสำหรับผู้ที่สูญหายให้ได้ ว่าจะชดเชยอย่างไร และผมจะขอเรียกร้องต่อรัฐบาลต่อๆ ไป” นายพิภพ กล่าว

นอกจากนี้ในพิธีรำลึก ยังมีแถลงการณ์ของคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 โดยเนื้อหาระบุว่า ในวาระครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์พฤษภาประชาธรรมในครั้งนี้ อยู่ในช่วงรัฐบาลซึ่งมาจากเผด็จการทหาร โดยการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภา 2535 จึงเห็นสมควรไม่เชิญผู้แทนรัฐบาลเผด็จการนี้มาร่วมงาน แต่สิ่งที่อยากจะเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยเฉพาะกองทัพบก เนื่องในวาระครบรอบ 15 ปี ในเหตุการณ์ดังกล่าวคือ




1.รัฐบาลและกองทัพ ต้องคืนกระดูกวีรชน ตลอดจนผู้สูญหายในเหตุการณ์เดือนพฤษภา 2535 ให้โดยเร็วที่สุด

2.ขอให้กองทัพต้องเร่งสอบสวนนำผู้กระทำผิดต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาลงโทษ ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางสังคมไทยให้เกิดขึ้น

3.คณะกรรมการฯเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลเร่งคืนอำนาจให้ประชาชน โดยทำการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด




โดย : ประชาไท วันที่ : 18/5/2550





 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:00:14 น.
Counter : 712 Pageviews.  

ขอเขียนถึงผู้ชายคนนี้: พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์

วันนี้ ผมขอเขียนถึงผู้ชายครับ .... ผู้ชายคนนี้ คือ คนที่คุณ "สนธิ" แห่งสำนักกระดาษเปื้อนหมึก เคยชี้วงการสีกากีควรยกเลิกระบบอาวุโส และ เพราะ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะเป็น ผู้บัญชาการตำรวจที่ดีที่สุดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2547 คลิ๊กอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ ครับ




สโรชา– คุณผู้ชมค่ะ เราเคยคุยกันมาแล้วนะคะเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ถึงการแต่งตั้ง พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งคุณสนธิได้เล่าให้เราฟัง ถึงหลายๆ แง่มุมในตอนนั้น แต่มาถึงตอนนี้คงต้องมีภาค 2 แล้วค่ะ เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และมีการร้องเรียนด้วยว่าเป็นการแต่งตั้งข้ามอาวุโส

สนธิ – ธรรมดาแล้วในการแต่งตั้งหลายๆ ครั้งที่มีลักษณะแบบคุณเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ คือว่า ข้ามอาวุโส ก็จะมีคนทักท้วง แต่ทักท้วงพักหนึ่ง ก็หยุดไป ทุกครั้งเลยนะครับเหตุผลที่หยุดไปก็เพราะว่า ยอมรับสภาพ สภาพ ตรงที่ว่าบางครั้งความเหมาะสม ความสามารถ ผลงาน จะสูงกว่าความมีอาวุโส ก็เงียบไป ยกเว้นครั้งนี้ครั้งเดียว ซึ่งรู้สึกจะเป็นครั้งเดียวที่ผมเพิ่งเห็น ว่าได้มีการทำเรื่องถึง ผบ.ตร.สันต์ และทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ... ทีนี้ต้องย้อนกลับมาถึงเรื่องการแต่งตั้งนิดนึง เพื่อพูดโดยภาพรวมก่อน คือหลักการแต่งตั้งเนี่ย ในวงการตำรวจและวงการราชการทั่วไป ผมเอาเฉพาะวงการตำรวจก็แล้วกันเขาจะยึดหลักอาวุโส หลักความสามารถ หรือผลงานและหลักความเหมาะสม อาวุโสก็คือว่าขึ้นมามีอาวุโสในตำแหน่งนี้ กี่ปีแล้วอันดับที่เท่าไหร่นะครับ ... แต่ถ้ายึดหลักอาวุโสอย่างเดียวจะเป็นธรรมกับข้าราชการ แต่แน่ใจว่าเป็นธรรมกับประชาชนผู้รับบริการจากรัฐหรือเปล่า




ถามว่า เหตุใด ผมจึงจะต้องเขียนถึง ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ หลายคนเห็นนามสกุลท่าน แล้วก็คงจะตั้งข้อรังเกียจไว้ก่อน เพราะคงจะจำได้ท่านเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมานฯ ซึ่งก็คือ ภริยา ท่านทักษิณฯ ที่ถูกคณะปล้นประชาธิปไตย ยึดอำนาจจากประชาชาวไทยไปนั่นเอง ... ผมเขียนถึงท่าน เพราะมีหลายเหตุผล ดังจะได้กล่าวถึงดังต่อไปนี้ครับ ...




ผมรู้จัก พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ตั้งแต่ผมยศ ร.ต.ท. กลาง ๆ ก่อนจะได้เป็น ร.ต.อ. ประมาณปลายปี ๔๐ เห็นจะได้ และได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านในระดับหนึ่ง ในขณะที่ท่านเป็น พล.ต.ต. ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในขณะนั้น ท่าน พล.ต.อ.เสรีฯ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( ผบช.ก.)

พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ที่ผมรู้จัก คือ คนที่เสียสละ เงินทองส่วนตัว ช่วยเหลืองานตำรวจ ออกค่าใช้จ่ายส่วนตัว สืบสวนสอบสวน คดีต่าง ๆ ที่ สถานีตำรวจท้องที่ ไม่สามารถดำเนินการได้เอง หรือ เป็นคดียุ่งยาก ต้องใช้เทคโนโลยีสูง ๆ ในการค้นหาพยานหลักฐาน คดี ๆ หนึ่ง ๆ ถ้าจะว่ากันไป ตำรวจต้องใช้เงินหลายแสนบาท ในการคลี่คลายคดี ซึ่งท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ควักกระเป๋า ส่วนตัวจ่ายเองทั้งสิ้น

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นคนเรียบง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีระบบเจ้าขุนมูลนาย ในสำนักงาน ท่านกินง่าย แต่งตัวด้วยเสื้อซาฟารีเก่า ๆ ที่ใช้มาหลายปี จนกระทั่ง ภริยาของท่าน ต้องขอให้เปลี่ยน ไปไหนมาไหน ท่านก็ไม่ได้แขวนเสื้อตำรวจไว้ในรถยนต์ หรือ ถ้าแขวนก็เอาถุงคลุมจนมิด ไม่มีตรา หรือ เครื่องหมายใด ๆ แสดงให้เห็นถึงว่า เป็นรถยนต์ตำรวจ เพื่อได้อภิสิทธิ์จากคนในเครื่องแบบด้วยกัน

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นมีน้ำใจ กล้าหาญ ท่านรู้ว่าข้าราชการตำรวจมีเงินเดือนน้อย งานหนักหากทุ่มเทการทำงานอย่างจริงจัง ท่านจึงควักกระเป๋าส่วนตัว จ่ายเงินอุดหนุนข้าราชการตำรวจที่ทำงานกับท่าน เดือนละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท ต่อคน ต่อเดือน (ในปี ๒๕๔๐) ซึ่งมีค่ามหาศาล

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ เป็นคนกล้าหาญ ท่านสืบสวนคดีสำคัญ ๆ ที่ประเทศไทย จนแต้ม สืบสวนไม่ได้สำเร็จ และจะต้องเสียความน่าเชื่อถือ ในหลาย ๆ คดี เช่น คดีจับกุม พรรคพวก ของราชายาเสพติดรายใหญ่ หรือ บังรอน ในปี ๒๕๔๒ และคดีจับกุม มือปืนรับจ้าง ที่ฆ่า นายไมเคิล เออวันสะเล่ย์ ผู้ตรวจสอบบัญชี โรงงานน้ำตาล ที่ นครสวรรค์ ซึ่งกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาก ๆ ถ้าหากประเทศไทย ไม่ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี รวมถึงสืบสวนจับกุมคดีสำคัญ ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในขณะไปสืบสวนหาข่าว เพื่อจะจับกุมคนร้าย ท่านเกาะติดอยู่กับลูกน้องตลอดเวลา ท่านนั่งเฝ้าระวังเข้าจุด ฯลฯ ทั้งคืน เหมือนที่ พลตำรวจ และ นักสืบร่วมทีมของท่านทำ ซึ่งท่านทำเช่นนี้ มาตั้งแต่ เป็น ร้อยตำรวจตรี จนถึง พลตำรวจเอก ... ผมไม่มีทราบว่า จะมีข้าราชการตำรวจระดับผู้ใหญ่ หรือ ข้าราชการทหาร ในคณะปล้นประชาธิปไตย จะทำได้เสี้ยวหนึ่งของท่านหรือไม่

ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในขณะจะเข้าจับกุมคนร้าย ท่านแจกเสื้อเกราะกันกระสุนให้ลูกน้องหมด (เสื้อเกราะที่ท่านหาซื้อมาเองหลายชุด) จนท่านไม่มีจะใส่ แต่ด้วยใจที่ห้าวหาญ ท่านก็บุกจับผู้ร้าย ด้วยตัวท่านเอง ก่อนใคร ๆ เช่นกัน ท่านคณะปล้นประชาธิปไตย เคยทำอะไรอย่างนี้หรือไม่ครับ ...

สุดท้าย กระผมขอสรรเสริญ ท่าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ฯ ในฐานะที่ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานสืบสวน และความเสียสละที่ดีของผมคนหนึ่งเลยละครับ ... ไม่ว่าท่านจะหมดอำนาจ วาสนา ไปแล้วหรือไม่ ผมก็ยังเคารพท่านเช่นเดิม และตลอดไปครับ

น่าเสียดาย ที่ท่านถูกคำสั่งของคณะปล้นประชาธิปไตย ให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือน ประจำสำนักนายกฯ ในข้อหา "เพื่อความเหมาะสม" ตามคำสั่งที่ผมสำเนามาท้าย บทความนี้ .... ผมอยากทราบจริง ๆ ว่า ท่านผิดอะไรหรือครับ .... ผิดที่เสียสละมากไป หรือ ทุ่มเทชีวิตให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มากไปหรือครับ .... ท่านคณะปล้นประชาธิปไตย ช่วยไขปัญญาอันทึบ ๆ ของผมหน่อย




คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีคำสั่ง ที่ 11/2549 เรื่องให้ข้าราชการมาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ความว่า

เพื่อความเหมาะสมและประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 11(4) แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในฐานะเป็นผู้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ตามประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 4 เรื่องอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมีคำสั่งให้

1.พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นักบริหาร 11

2.พล.ต.ต.พีระพันธ์ เปรมภูติ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นักบริหาร 11

3.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

4.พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีโดยให้ได้รับเงินเดือนตามสังกัดเดิมไปพลางก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันให้พลโทไวพจน์ ศรีนวล ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และให้รับเงินเดือนจากต้นสังกัดเดิมไปพลางก่อน

สั่ง ณ วันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2549

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:59:54 น.
Counter : 2759 Pageviews.  

ความเห็นสุวรรณภูมิ จากวิศวกร EIT 2 คนที่จบ Ph.D. MIT and UIUC

I come across this kra-too on Pantip regarding the "crack" in Thailand's Airport. The Kra-too stated that:




ความเห็นสุวรรณภูมิ จากวิศวกร EIT 2 คนที่จบ Ph.D. MIT and UIUC

//www.iht.com/articles/2007/02/02/news/thai.php

มาอ่านความเห็นผู้เชื่ยวชาญ ด้าน Geotechnical engineering จาก MIT and UIUC อันนี้ของจริงกว่า

Suchatvee Suwansawat Ph.D. (MIT); Noppodol Phien- Wej Ph.D. (UIUC)




In sum, this article indicates that: there is nothing called "crack," and the shortcoming is a common type of damage as commonly seen in airports all over the United States. It is only 2.3 percent of the airport's total pavement which is incomplete. Stated differently, the damage to the runways is "minute." Please read the rest of this article bellow. How do think about it?




BANGKOK: Reports of damage to runways and tarmacs at Bangkok's new airport have been significantly overblown, a government panel of engineers set up to investigate the problems said Friday.

"There are no cracks," Suchatvee Suwansawat, the secretary of the panel, said as he stood over a section of asphalt cut up as part of the investigation. The main problem was ruts, not cracks in the asphalt, Suchatvee and other experts said, contradicting several weeks of reports in local media here.

"The cement base is fine. The problem can be fixed."

While good news for the more than 40 million passengers expected to use Suvarnabhumi Airport this year, the findings may complicate efforts by Thailand's military- appointed government to use shoddy construction at the airport as one of the justifications for the coup that ousted Prime Minister Thaksin Shinawatra, who pushed the construction project through during his five years in power.

Plagued by delays and allegations of corruption during four decades of planning and construction, Suvarnabhumi was touted as a regional hub that would take business away from airports in Hong Kong and Singapore.

An ally of Thaksin, Chotisak Asapaviriya, resigned Thursday as president of Airports of Thailand, the government-controlled company that manages Suvarnabhumi. Asapaviriya said the imbroglio over the airport had been so stressful that he needed to resign to maintain his health.

The panel of engineers said it was unusual for tarmacs at Suvarnabhumi airport to be damaged only four months after opening, but played down the magnitude of the problem. Reporters who accompanied officials Friday to what were described as the worst-affected areas saw ruts a few centimeters deep but only a small area with hairline cracks.

"This is a common type of damage. You see it in airports all over the United States," said Noppodol Phien- Wej, a representative from the Consulting Engineers Association of Thailand and a member of the committee investigating the problems.

"What is unusual here is the scale of the problem and the speed it is happening." About 70,000 square meters, or 84,000 square yards, amounting to 2.3 percent of the airport's total pavement, is damaged, said Noppodol, noting that damage to the runways is "minute."

The finding dovetails with comments from airlines that use the airport. "Everything is normal," said James Ward, a spokesperson for British Airways. "So far we haven't had any reported problems. Takeoffs and landing are normal. We haven't heard any complaints from the staff."

Thaksin was both credited for speeding up a project that had stalled and criticized for rushing it into completion.

"To say that all the corruption was confined to the Thaksin regime is exaggerated," said Thitinan Pongsudhirak, a former consultant to Airports of Thailand who helped prepare the company for its listing on the stock market. "But most of the construction was done under Thaksin."

Thitinan predicted that future investigations would reveal further problems and malfeasance. "What we are seeing today is just the tip of the iceberg."

Every aspect of the project, Thitinan said, "the duty free concessions, the parking lost construction, the baggage system — has got something hidden underneath."

"This airport is really the embodiment of all that was wrong with Thaksin: the corruption, cronyism, the hubris," Thitinan said. "It's reached a point where it's not just a national embarrassment. It could collapse the aviation industry and the Thai economy could really take a hit."

Initial plans for the airport date back four decades but the bulk of the construction was carried out during the administration of Thaksin, who was prime minister from 2001 until he was deposed in a coup last September.

With Suvarnabhumi running close to its capacity of 45 million passengers a year, the government will decide Tuesday whether to transfer some flights to the old airport, Don Muang, which today handles only charter flights. Proposals range from allowing low-fare airlines to use the old facility to reserving Don Muang for domestic flights.

Uamdao Noikorn contributed reporting for this article from Bangkok.




Click to read original article.




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:59:31 น.
Counter : 771 Pageviews.  

ทักษิณฯ กับการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

ที่จริง ตั้งใจว่าจะงดเรื่องการเมืองไปแล้ว แต่บังเอิญได้เข้าไปอ่าน เวปไซต์ สือมวลชนที่ไม่เป็นกลางอย่างร้ายแรง มาตลอด และได้รับอีเมลล์ จากเพื่อน ๆ ว่าทักษิณฯ คิดตั้งตนเป็นกบฎ .... ผมเลยมานั่งทบทวนว่าการกระทำของทักษิณฯ นี้ เรียกว่าเป็นกบถ จริงหรือ ทักษิณฯ มีความชอบธรรมเพียงใด ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และระบอบประชาธิปไตย ในการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ฯ




หากพูดกันตรง ๆ ตามหลักการแห่งกฎหมาย และหลักการประชาธิปไตยแล้ว คุณทักษิณฯ ยังมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ หลักการประชาธิปไตยทุกประการ หากคุณทักษิณฯ ตัดสินใจ ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น และ อานารยะประเทศให้การสนับสนุน ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมทุกประการของคุณทักษิณฯ เอง แต่จะเป็นผลดี หรือ ผลเสียต่อประเทศไทย เพียงใด หรือไม่ ก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง




ผมเอาอีเมลล์ที่ได้รับการส่งต่อมา มาให้อ่าน ... ท่านที่อ่านแล้ว ก็ลองตรึกตรองกันเองนะครับ สำหรับผมว่ากันไปตามหลักการแห่งกฎหมาย และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ... ไม่มีวี่แววใด ๆ ที่จะเรียกได้ว่า เป็นเรื่องกบถ แม้แต่น้อย

อีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมอ่านข่าวแล้วต้องส่ายหน้า ... คือ เรื่องสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของคุณทักษิณฯ ที่ถูกเหยียดหยามว่า พูดภาษาอังกฤษไม่เหมือนสำเนียงเจ้าของภาษา แล้วยังอยากพูด .... เฮ้อ .... ได้คนที่เหยียดหยามเขา ก็พูดสำเนียงแบบไทย ๆ เหมือนกัน จะไปว่าอะไรเขา และที่สำคัญ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย มันเป็นเรื่องเสียหายตรงไหน ถ้าตราบใด ฝรั่งมันฟังเข้าใจ ก็พอแล้ว ที่แปลกกว่านั้น คือ ถ้าเป็นคนอื่นพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ๆ หรือ สำเนียงแขก แบบนายสมเกียรติ อ่อนวิมล กลับไปชมว่า เป็นเอกลักษณ์ดี สำเนียงอินเดีย มันดี ขนาดมีคนได้รับโนเบลมาแล้ว ... แปลกดี

นี่ ถ้าใครเคยได้ยิน การพูดภาษาอังกฤษแบบ ญี่ปุ่น แล้ว คงจะหงายเก๋งไปเลย แต่ไม่เห็นชาวญี่ปุ่น เขาจะตำหนิ คนที่พูดภาษาอังกฤษ แบบสไตล์ญี่ปุ่น เลย หรือ คนไทยเรา จะกระแดะ รังเกียจสำเนียงแบบไทย ๆ เกินสมควร ก็ไม่ทราบ ... ลองอ่านเนื้อข่าวครับ




หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 ได้พาดหัวตัวไม้ขนาดใหญ่ที่อ่านดูแล้วก็น่าตกใจ เพราะได้พาดหัวไว้ว่า “แม้วตั้งตนเป็นกบฏ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปรากฏในสังคมไทย

เนื้อหาของเรื่องระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่มีพลังทางการเมืองต่อรัฐบาลและสภาคองเกรสของสหรัฐ เพื่อให้ดำเนินการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยได้

โดยได้ระบุฐานะว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงฐานะตนเองว่ายังเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศไทยอยู่

เอาแล้วสิ ! เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และเป็นเรื่องที่ใหญ่โต เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกเหตุการณ์หนึ่งแล้ว

เป็นเหตุการณ์ที่ลบล้างคำพูดทั้งหมดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทะแนะหน้าหอ ที่พยายามพูดชักชวนให้คนเชื่อว่าวางมือแล้ว ไม่เอาการเมืองอีกแล้ว ขอมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเพื่อทำบุญและสาธารณกุศล

เพราะพฤติกรรมการกระทำทั้งหลาย ตลอดจนคำพูดคำจาที่จ้วงจาบหยาบช้าต่อพระมหากษัตริย์ก็ประจักษ์ชัดเจนมาโดยลำดับ และมาคราวนี้ก็ประจักษ์ชัดในเอกสารสัญญาเป็นพยานหลักฐานที่มั่นคงเชื่อถือได้

นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังถือว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศไทยอยู่ และนั่นคือการปฏิเสธไม่ยอมรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ไม่เคยมีคนไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่บังอาจท้าทายและปฏิเสธพระบรมราชโองการเหมือนเหตุการณ์ครั้งนี้เลย

ลองย้อนไปอีกหน่อยก็ได้ เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศว่าตัวเองยังเป็นที่นิยมนับถือของคนไทย แต่คนไทยฝ่อหรือยอมจำนนให้กับอำนาจรัฐในปัจจุบันก็เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ

ครั้งนั้นเราก็ได้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมเช่นนี้กำลังทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนฐานะจากอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นอริราชศัตรูไปแล้ว เพราะเป็นการจาบจ้วงล่วงเกินกล่าวหาพระมหากษัตริย์ที่ประจักษ์ชัดเจนและรุนแรง

หลอกฝรั่งและชาวโลกให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนับสนุนการปฏิวัติ ทำให้คนไทยจะต้องจำยอมและต้องหงอต่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของคนคนนี้ว่าเป็นอย่างไร ทำให้ข้อครหาทั้งหลายที่เคยมีมาแต่ก่อนว่าจาบจ้วงล่วงเกินพระมหากษัตริย์ ตีตนเสมอพระมหากษัตริย์ และคิดมุ่งร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

บรรดาเหล่าทหารทั่วทุกเหล่าทัพเมื่อได้เห็นพฤติกรรมเช่นนี้แล้วพากันกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นอริราชศัตรู และเป็นหน้าที่ของทุกเหล่าทัพ ตลอดจนทหารทุกคนที่จะต้องปฏิบัติการตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ต่อธงชัยเฉลิมพล หรือที่ได้ปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์

ความจริงการมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิวัตินั้นไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในคราวนี้ แต่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาแต่ก่อนแล้ว และเท่าที่จำได้เมื่อครั้งที่พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นั้นก็ได้ขอรับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะ รสช.

การกระทำเช่นนั้นเป็นการถวายความจงรักภักดีและเป็นการนอบน้อมยอมรับพระราชอำนาจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระประมุขของประเทศ ทรงเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทุกคน

มิใช่การกระทำเพื่อชักจูงให้เห็นว่าทรงสนับสนุนค้ำจุนการยึดอำนาจแต่ประการใด และเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนล้วนรู้ ล้วนเข้าใจเป็นอย่างเดียวกันทั้งสิ้น

ในการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินก็ได้ปฏิบัติตามประเพณีอันมีมาแต่ก่อน คือเมื่อทำการสำเร็จแล้วก็ได้เข้าเฝ้าถวายรายงานให้ทรงทราบเป็นเบื้องต้น ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและความนอบน้อมยอมรับนับถือสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนองค์พระมหากษัตริย์

มิใช่เป็นการจาบจ้วงล่วงเกินหรือละเมิดหรือกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทแต่ประการใด

หลังจากนั้นก็มีการนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาเป็นทางการ ขอรับพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ หลังจากนั้นอีกเกือบสองวันพระบรมราชโองการก็ได้พระราชทานลงมา

อย่างนี้แล้ว ถ้าหากไม่มีเถยจิตคิดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ยังจะมีหน้าไปกล่าวหาเป็นนัย ๆ ให้กระทบกระทั่งต่อพระบรมเดชานุภาพได้อย่างไร

ก็แลเพราะว่านายกรัฐมนตรีนั้นไม่ได้แต่งตั้งกันเองได้ แต่ดำรงตำแหน่งหรือเป็นได้ก็ต้องอาศัยพระราชอำนาจ คือพระบรมราชโองการแห่งพระมหากษัตริย์

การยึดอำนาจทำให้นายกรัฐมนตรีพ้นไปจากอำนาจโดยทางพฤตินัย และทางพฤตินัยเป็นเบื้องต้นแล้วก็ตาม แต่การแผ่นดินนั้นเป็นการใหญ่ เป็นการสำคัญ และมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ดังนั้นเพื่อถวายความเคารพสักการะและยืนยันในความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระบรมราชโองการ ย่อมจำเป็นที่จะต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิวัติเพื่อให้มีศักดิ์และสิทธิ์ที่ทัดเทียมกัน

มิฉะนั้นก็จะมีคนเอาไปแอบไปอ้างได้อีกว่าเป็นการยึดอำนาจแบบเถื่อน ๆ เหตุนี้เมื่อมีพระบรมราชโองการแล้วจึงปิดปากมิให้ใครอ้างได้อีกว่าเป็นการยึดอำนาจแบบเถื่อน ๆ เพราะเป็นการชอบและถูกต้องด้วยราชนิติทุกประการ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในทันทีที่มีการยึดอำนาจสำเร็จ เป็นการพ้นทั้งโดยพฤตินัยและโดยนิตินัย และชอบด้วยราชนิติในทันทีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหัวหน้าคณะปฏิรูป

จากนั้นก็เป็นกระบวนการในการวางธรรมนูญการปกครองและแต่งตั้งผู้เป็นรัฏฐาธิปัตย์คนใหม่ และภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราวแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทันทีที่มีพระบรมราชโองการและรับสนองพระราชโองการตามกฎหมายและราชนิติแล้ว พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างสมบูรณ์

เหตุการณ์ผ่านพ้นมาไกลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะอ้างว่ายังมีฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งอีกแล้ว

การอ้างฐานะเช่นนี้ในเอกสารสัญญาจึงเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับพระราชอำนาจ ตลอดจนพระบรมราชโองการที่ทรงพระราชทานทั้งสองครั้ง

อย่างนี้แล้วรัฐบาลและหน่วยงานตลอดจนผู้รับผิดชอบทั้งปวงย่อมจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่พิจารณาว่าพฤติกรรมอย่างนี้เป็นกบฏต่อราชอาณาจักร และต่อพระมหากษัตริย์หรือไม่

การพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ในครั้งนี้จึงจุดประกายความคิดให้คนไทยทั้งประเทศได้สังเกตถึงเช่นชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้อย่างชัดเจนที่สุด

และถึงเพียงนี้แล้ว ใครยังจะเข้าด้วยช่วยกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องคิดให้จงดี แล้วรีบถอนตัวออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้.

//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000015842




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:59:10 น.
Counter : 743 Pageviews.  

ส.ส.ร. กับ Advisor ของผม ในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของไทย

ท่านคงจะได้ทราบไปแล้วว่า ได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส.ส.ร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่กันเรียบร้อยแล้ว ผมโคตรสงสัยเลยว่า ทำไม คณะ คมช. ต้องการที่จะร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จไปในคราวที่ยังครองอำนาจอยู่ ไม่ทราบทำไม กลัวกับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ แบบประชาธิปไตยนัก กลัวดาบคืนสนองหรือครับ ที่ปล้นประชาธิปไตยมาเนี่ย

ทั้งกระบวนการสรรหา .... ตลอดจน รายชื่อสมาชิก ส.ส.ร. แล้ว เห็นแล้วก็ต้องตกใจ ผมไม่ได้ดูถูกหรอก แต่นี่มันเป็นการร่างกฎเกณฑ์ของการอยู่ร่วมกันของคนทั้งประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย แล้วเอาใครมาร่างกันกันนี่ แล้วหากท้ายที่สุดประชาชน ลงประชามติ ไม่เอา รัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว ก็ให้อำนาจเด็ดขาด คมช. หยิบรัฐธรรมนูญในอดีต เป็นต้นว่า คมช. อาจจะเอา รัฐธรรมนูญฉบับ จอมพล ที่ครองอำนาจยาวนานนับสิบปี มาใช้ได้ .... วันนั้น คนไทยจะเริ่มสำนึก กันเสียที สนับสนุนกันดีนัก รัฐประหาร ...

คมช. ควรจะปล่อยให้ การร่างรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย อย่างที่ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๔๐ ได้ปฎิบัติมา ไม่เห็นต้องรีบร้อนให้ร่างด้วยคณะที่ตอนครอบงำอยู่ เช่นนี้ สุดท้าย น่าเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะไม่เหลือบทบัญญัติว่า นายกฯ ต้องมาจาก สส. ที่ผ่านระบบการเลือกตั้ง สว. เป็นข้าราชการประจำได้ ฯลฯ เพื่อที่จะได้พวกพ้องของตนได้เป็น สว. ในอนาคตต่อไป ได้แต่หวังว่า คณะผู้ร่างฯ จะไม่ลืมเลือดเนื้อของคนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักการประชาธิปไตยเมื่อ ปี ๓๕ ... เขาคือ พี่น้องเพื่อร่วมชาติของคุณทั้งนั้นครับ แม้จะไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น ไม่เคยคุย กันก็ตาม




อีกเรื่องหนึ่ง คือ Professor Tom Ginsburg แห่ง College of Law University of Illinois ซึ่งเป็น Advisor ของผม ได้รับเชิญไปบรรยายให้ความรู้กับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ที่เป็นประชาธิปไตย ระบบการประกันความเป็นอิสระขององค์กรต่าง ๆ รวมถึงประเด็นปลีกย่อยต่าง ๆ ให้แก่คณะผู้ร่าง และนักการเมืองของไทย รวมถึงที่สถาบันพระปกเกล้าฯ ด้วย ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ผมหวังว่า หลักการที่ Advisor ของผม ได้พูดให้เขาเหล่านั้นฟัง มันจะซึมเข้าไปในจิตสำนึก ของพวกเขาบ้าง ไม่อยากให้มันเหมือน เอาน้ำรดลงบนตอไม้ รดลงเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันโต ... หวังว่าเขาทั้งหลาย จะเข้าใจ แล้วร่างรัฐธรรมนูญ ให้มันออกมาเป็นประชาธิปไตยให้ได้ ....




Professor Ginsburg provides expertise as Thailand prepares to write a new Constitution

Professor Tom Ginsburg, the Director of the Program in Asian Law, Politics and Society, gave multiple presentations from January 3-6, 2007 on "Constitutions: Issues for Consideration" in Bangkok and the northern city of Chiang Mai as Thailand beings to write a new constitution in preparation for a return to democratic rule. On January 3, Professor Ginsburg, a Professor of Law and Political Science, gave a presentation to 25 Thai diplomatic service officers in the North American division of the Thai Ministry of Foreign Affairs; later in the day he gave a presentation to 40 officers at the Justice Officials Training Institute.

The following day, Professor Ginsburg traveled to Chiang Mai and gave a luncheon presentation, hosted by Consul General Beatrice Camp, to 25 leading academics, government officials and civil society leaders; in the afternoon he made a similar presentation at the American Corner at Chiang Mai University to 70 students from several universities in Chiang Mai.

On January 5 and 6, Professor Ginsburg was the keynote speaker and panelist at a seminar hosted by King Prajadhipok's Institute (KPI), one of Thailand's leading think tanks, that was attended by over 100 invited guests, including several members of the Constitution Drafting Council, leading academics, media figures, political party activists, civil society/NGO leaders, local administrators, private sector representatives, and representatives from independent agencies—the Administrative & Constitutional Courts, Office of the National Counter Corruption Commission, Office of the National Human Rights Commission, and the Office of the Ombudsman. Seminar topics included "Checks and Balances," "Independence and Oversight of the Exercise of State Power," and "Political Parties, Elections and the Exercise of Legislative Power."

Professor Ginsburg’s program with KPI was covered by several leading Thai newspapers and on primetime television news programs, including Matichon (readership: 675,000), Thai Rath (readership: 11,500,000), Daily News (readership: 5,700,000), Krungthep Turakit (readership: 110,000), Bangkok Post (English-language newspaper; readership: 100,000), and on four Thai national television stations.

Professor Ginsburg arrived in Thailand in the midst of the final preparations of the selection of the new Constitution Drafting Council (CDC), which convened on January 8, 2007. The speaker program was designed to inform Thai audiences about the U.S. Constitution and the American constitutional system, while also presenting ideas about different constitutional systems and issues that Thais may wish to consider when drafting its new constitution.

In a diplomatic report to the U.S. State Department, it was noted that Professor Ginsburg's clear speaking, well-organized presentations, encyclopedic knowledge of the U.S. Constitution, as well as his broad knowledge of constitutions from around the world, resulted in Thai audiences gaining a stronger understanding of the U.S., as well as the implications of various constitutional issues for Thailand. With members of the CDC in the audience, the report concluded that Professor Ginsburg’s presentation has potential long-term impact on the constitution that Thailand eventually approves.

Professor Ginsburg is currently co-directing "The Comparative Constitutions Project" with Professor Zachary Elkins (Political Science). The goal of the project is to collect data on the formal characteristics of written constitutions, both current and historical, for most independent states since 1789. Characteristics include aspects of both form and content of these documents. The project is housed at The Center for the Study of Democratic Governance. The website for this project is https://netfiles.uiuc.edu/zelkins/constitutions/




 

Create Date : 09 มกราคม 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:58:52 น.
Counter : 719 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.