*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
ชัยชนะของอภิสิทธิ์ ฯ กับความร้าวลึกของสองมาตราฐานและความขัดแย้งที่ยากแก่การเยียวยา

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมได้เดินทางต่างประเทศ แต่ก้ได้พยายามติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุม และ มาตรการของคุณอภิสิทธิ์ฯ ที่ใช้ใน "การปราบปราม" ผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ และ คุณสุเทพฯ ใช้ถ้อยคำในการเรียกผู้ชุมนุมว่า "ศัตรูของประเทศ" "ผู้ก่อการร้าย" หรือ อะไรอีกมากมาย ฯลฯ ที่รัฐบาลได้กระทำ โดยจะจงใจหรือไม่ก้ไม่อาจทราบได้ เพราะการใช้ถ้อยคำแบบนี้ จะนำไปสู่ความแตกแยกร้าวลึกที่ยากต่อการเยียวยาในระยะยาว

ที่ผ่านมา รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ฯ มีพฤติการณ์ ที่เข้าขั้นดูแคลนความเป็นมนุษย์ของกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างจากคุณอภิสิทธิ์ ที่สมัยเป็นฝ่ายค้าน ยกย่องเชิดชูกลุ่มพันธมิตรอย่างออกหน้าออกตา ไปเยียมเยียน ไปจับมือกลุ่มเสื้อเหลืองขณะเดินเข้ารัฐสภา ในเช้าวันที่ ๗ ต.ค. ๒๕๕๑ รวมถึงพฤติกรรมของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขึ้นเวทีพันธมิตร สนับสนุนการเงิน ฯลฯ อย่างออกหน้าออกตา แต่กับกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ใส่เสื้อแดง คุณอภิสิทธิ์ และ คณะ มองว่า เป็นศัตรูของแผ่นดิน หรือผู้ก่อการร้าย ไม่เคยเหลียวกลับไปมอง หรือไปพูดคุย แต่ก็อ้างตลอดเวลาว่า เป็นนายกฯ ของทุกคน แต่กลับไม่ทำแบบเดียวกัน ไม่ไปเยียมเยียน ไม่ไปจับมือ ฯลฯ แบบที่เคยทำกับเสื้อเหลือง สิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้กระทำ กลายเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้คุณอภิสิทธิ์ฯ หันกลับไปมองว่าเขายังมีตัวตนอยู่เหมือนกัน .. ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ผ่านมา

ท่านทั้งหลาย คงยังจดจำเหตุการณ์ ต่าง ๆ ได้ดี เมื่อมีการยึดทำเนียบรัฐบาล โดยคนเสื้อเหลือง ที่อ้างพระมหากษัตริย์ อ้างความจงรักภักดีเป็นกำลังสำคัญในการเชิญชวนประชาชนที่มีใจบริสุทธิ์ มาร่วมเป็นกำลัง และ ต่อมามีการยึดสนามบิน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ รัฐบาลในขณะนั้นได้ประกาศใช้ พ.ร.ก. ตัวเดียวกับที่ คุณอภิสิทธิ์ฯ ได้ดำเนินการ ผลเป็นอย่างไร

กลุ่มนักวิชาการ ฯลฯ ออกมาคัดค้าน ทั้ง ๆ ที่การกระทำดังกล่าว เสียหายต่อแผ่นดินเป็นแสน ๆ ล้านบาท แถมคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อม ผบ.เหล่าทัพ ได้ออกโทรทัศน์ เรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี ลาออก หรือ ยุบสภา ..... คำถามอย่างเดียวกัน คือ แล้วเมื่อคุณอภิสิทธิ์ฯ ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉบับนี้ พลเอก อนุพงษ์ฯ และ พวก ทำอะไร ... ท่านยกกองกำกังทหาร พร้อมอาวุธครบมือ มาปราบปรามผู้ชุมนุม ซึ่งผมหมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุม ที่ทำเนียบรัฐบาล ..... ( ไม่ได้หมายถึง ผู้ที่ก่อเหตุความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งสมควรจะต้องกระทำการให้ยุติให้ได้ )

เหตุการณ์ร้าย ๆ ในบ้านเมือง ได้ยุติลง เพราะคุณอภิสิทธิ์ฯ ได้ใช้ทหารพร้อมอาวุธครบมือในการเข้าข่มประชาชนมือเปล่า คนทั่วไป คงไม่แปลกใจหรอกครับ ว่า ทำไม กลุ่มคนเสื้อแดงในทำเนียบ จึงประกาศยุติการชุมนุม เพราะเขาจะชุมนุมกันอย่างไร ถ้าไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ฯลฯ เพราะทหารปิดทางเข้าทั้งหมด ฯ ล ฯ หลายท่านคงทราบว่า คนที่มาชุมนุม ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ... ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ถ้าเขาจะยุติการชุมนุมในกรุงฯ แต่ฐานกำลังที่แท้จริงมันอยู่ต่างจังหวัด .... การเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ใช่ว่า พอยุติในกรุงเทพ ฯ มันจะหายไปจากแผ่นดิน มันพร้อมที่จะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

ที่ผมเชื่อมั่นว่ามันพร้อมจะปะทุตลอดเวลา ก็เพราะ ข้อเรียกร้อง ความเชื่อ ฯลฯ ของเขาไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลเลยมากกว่า ตั้งแต่ เบื้องหลังการรัฐประหาร เมื่อปี ๒๕๔๙, กลุ่มอำนาจที่อยู่เหนือกระบวนการประชาธิปไตย การใช้ระบบศาล องค์กรอิสระ ฯลฯ ที่แสดงถึงสองมาตรฐานตลอดเวลา ในการจัดการกับกลุ่มการเมืองเฉพาะกลุ่ม และช่วยเหลือกลุ่มการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ มันค้างคาใจประชาชนที่ไม่ได้รักทักษิณฯ แต่รักความเป็นธรรม และ ความยุติธรรม รวมถึง รักระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง อยู่ตลอดไป ... มันเป็นเชื้อไฟ ที่ร้าวลึก ที่คุณ
อภิสิทธิ์ฯ ไม่อาจเอาชนะได้ด้วยกระบอกปืนและกลุ่มอำมาตย์ฯ ทั้งหลาย

หลายคนคงมองแบบเดียวกันว่า ความแตกแยกทางความคิดที่ร้าวลึกเช่นนี้ ไม่มีทางจางหายไป และยากที่ลบเลือนไป หากรัฐบาล ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นผู้นำในการจัดการปัญหาในระยะยาว จัดการค้นหาต้นตอกับสิ่งที่นำมาสู่ความขัดแย้ง อยากจะกล่าวว่า หากรัฐบาลได้เหลียวหางตากลับไปมองกลุ่มเสื้อแดงว่า เป็นประชาชนที่ออกมาเรียร้องประชาธิปไตย แล้วลองนำข้อเรียกร้องไปพิจารณา หรือ ตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาพิจารณาปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้พรม หรือ ใต้ดิน ใต้หิน ฯลฯ นำมาหาทางออกในระยะยาว อย่าให้เป็นดัง กรณีสามจังหวัดชายแดนภายใต้ ที่คนไทยไม่เคยรับทราบ ไม่เข้าใจ ความรู้สึกของพวกเขาในฐานะเป็นแขกมาลายู มีขนบธรรมเนียบประเพณี และ ภาษาของตนเอง ... อันนำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงและยาวนานหากไม่อาจเยียวยาได้ .... ผมได้แต่ภาวนาว่า รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ฯ ที่จบเมืองนอกเมืองนามา จะได้มองย้อนไปถึงวิธีการที่ประเทศอารยะ ได้กระทำและแก้ไขปัญหา ความขัดแย้งอย่างจริงจัง .... และ ก้าวผ่านจุดหักเหนี้ไปได้ด้วยดี .... ผมไม่อยากเป็นคุณอภิสิทธิ์ฯ สร้างตราบาปให้ตัวเอง .... ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศไทยแตกเป็นเสี่ยง ๆ หากปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และเลิกสองมาตรฐานเสียที

ต่อไปคือ สิ่งที่รัฐบาลต้องกระทำ คือ ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ใช้สองมาตรฐาน และไม่ได้ละเลยต่อข้อเรียกร้อง ฯลฯ .... สิ่งที่อาจจะพิสูจน์ได้ง่าย ๆ ก็คือ รัฐบาลดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงรวดเร็วเพียงใด .... เมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อเหลือง ... ฯลฯ เป็นต้น หากรัฐบาลละเลยดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อเหลือง แต่ดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงอย่างรวดเร็ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า รัฐบาล กลุ่มพันธมิตร และ กลุ่มอำมาตย์ ฯลฯ เป็นกลุ่มเดียวกัน ตามข้อกล่าวหาของกลุ่มเสื้อแดง .....




ต่อไปนี้ คือ สิ่งที่ผมได้อ่านมาจากเวปไซต์ประชาไท .... ผมคิดว่า มันสะท้อนความจริงในสังคมไทยอย่างชัดเจนทีเดียว หากไม่แก้ไขปัญหา ... ให้ผ่านพ้นจุดหักเหที่อันตรายไปได้ ก็น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า ประเทศไทยจะอยู่ด้วยกันอย่างไร .....

‘2 บรรทัดฐาน’ ของทหาร, สื่อ, นักวิชาการ เอ็นจีโอ กรณีใช้พรก.ฉุกเฉิน

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่มา: กระดานข่าวฟ้าเดียวกัน, 13 เมษายน 2551



หลังเกิดการปะทะในคืนวันที่ 1-2 กันยายน 2551 ซึ่ง ณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ของ นปช. ถูกคนของพันธมิตรฯ ทำร้าย จนเสียชีวิต รัฐบาลสมัครได้ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ปรากฏว่า นอกจากทหาร ที่รับมอบหน้าที่ ไม่ยอมปฏิบัติอะไรทั้งสิ้นแล้ว วงการสื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ ยังพร้อมใจกันออกมาประณามรัฐบาลสมัคร และเรียกร้องให้ สมัคร ลาออก และยกเลิกประกาศ พรก.ฉุกเฉิน นี่เป็นรายงานข่าว ของบางตัวอย่างของปฏิกิริยาของบรรดาสื่อมวลชน เอ็นจีโอ ในขณะนั้น (ความจริง ยังมีตัวอย่างอีกมาก)



อันที่จริง อาจกล่าวได้ว่า การไม่ยอมปฏิบัติตามหน้าที่ของทหาร และการพร้อมใจกันออกมาคัดค้าน ความพยายามดำเนินการยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯของรัฐบาลสมัครในขณะนั้น ของสื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ มีส่วนรับผิดชอบ ต่อความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นที่ตามมา



..............................................



"องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 5 องค์กรออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน"

//www.prachatai.com/05web/th/home/13457







"กป.อพช.เรียกร้องนายกฯ ลาออก ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน..."

//www.prachatai.com/05web/th/home/13456



กป.อพช.มีข้อเรียกร้องดังนี้



ประการแรก ให้นายกรัฐมนตรีลาออก เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะที่รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายและมาตรการตามปกติได้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจึงเป็นการใช้อำนาจที่เกินกว่าเหตุ



ประการที่สอง เราขอให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะยิ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าและมีความรุนแรงยิ่งขึ้น





"สัมภาษณ์ ไพโรจน์ พลเพชร: ข้อเสนอผ่าทางตันทางการเมือง"

//www.prachatai.com/05web/th/home/13464



ถาม : ขอถามถึงเหตุผลอีกทีชัดๆ ในการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก?

ไพโรจน์ : เพราะการลาออกคือการแก้วิกฤตปัญหา และเป็นวิถีทางประชาธิปไตย เพราะเมื่อนายกฯ ลาออกจะเป็นการลดเงื่อนไข





รวม "แถลงการณ์" ของ นักวิชาการ, เอ็นจีโอ :

//www.prachatai.com/05web/th/home/13470

คณะผู้บริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สุรพล, สมคิด, นครินทร์, นิพนธ์, ธเนศ, จุลชีพ ฯลฯ, ฯลฯ)



คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาใช้ดุลพินิจในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรง ที่เกิดขึ้นด้วยการเสียสละให้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่อันเป็นกระบวนตามวิถีทางประชาธิปไตย เมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองที่มิอาจหาทางออกในระบอบทางการเมืองโดย ปกติได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เวลาและให้โอกาสแก่สังคมไทย ในการเยียวยาความเสียหาย และความลดระดับความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงและเหตุการณ์นองเลือดใน ระหว่างประชาชน ชาวไทยด้วยกันเองลงได้







คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย

ขอประณามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ....

ขอประณามการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ ของรัฐบาล .....

เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ด้วยการลาออกทั้งคณะ ...





คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ซึ่งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่เป็นอิสระ ทำหน้าที่ติดตามสอดส่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน เห็นว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช บกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างร้ายแรง ไม่สามารถทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิในชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพในการชุมนุมและแสดงความคิดเห็น ตลอดจนทรัพย์สินของประชาชนได้ ...



คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ขอเรียกร้องอย่างจริงจัง ให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบความบกพร่องและการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ของคนในรัฐบาลด้วยการ “ลาออก” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี....





กลุ่มคณะอาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ขอให้ยกเลิกประกาศ พรก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก





คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ขอคัดค้านการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร





เครือข่ายประชาสังคมเพื่อความสมานฉันท์ภาคเหนือ

ให้นายกรัฐมนตรีลาออก เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และยังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอันเป็นเครื่องมือให้กับนายกรัฐมนตรีในการใช้ อำนาจกับประชาชน







Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 9:12:03 น. 8 comments
Counter : 652 Pageviews.

 
เป็นนักกฎหมายคนหนึ่งที่แอบซุ่มอ่านบทความของคุณ จขบ. มาหลายเดือนแล้วค่ะ วันนี้ขออนุญาต add friend เลยและขออนุญาตเรียกคุณ จขบ. ว่าพี่ด้วยนะคะ เพราะหนูอ่อนวัยกว่าหลายปีอยู่

หนูชอบอ่านบทความที่พี่เขียนมากๆ ค่ะ ได้ความรู้มากทีเดียว โดยเฉพาะวันนี้ที่โดนใจอย่างแรงเนื่องจากหนูก็คิดคล้ายๆ พี่ หากแต่ไร้ความสามารถที่จะถ่ายทอดเป็นภาษาที่สละสลวยได้อย่างพี่

ปล. ขออนุญาตส่งหลังไมค์นะคะ


โดย: ThE BooK@HoLiC วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:15:27:45 น.  

 
การตัดสินบนความไม่เท่าเทียม 2 มาตรฐาน รังแต่จะสร้างความแตกแยก


โดย: น้ำเค็ม วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:18:25:34 น.  

 
ไม่ได้เข้าข้างสีอะไรแต่มีคำถามในใจตลอดว่าทำไมเมืองไทยเรามีสองมาตรฐาน ยิ่งกรณีแดงสงกรานต์ด้วยแล้วยิ่งชัดเจน อาจารย์เขียนได้ดีจริงๆๆ อ่านเข้าใจง่าย บางทีวิชาการมากชาวบ้านเขาก็ไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วได้ความรู้ชื่นชมอาจารย์ค่ะ


โดย: ยังมีผู้รู้ (ครูจิมมี่ ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:41:33 น.  

 
ขอบคุณอาจารย์น่ะค่ะ
ดีใจได้เข้ามาอ่านค่ะ
ตอนนี้มีคำถามถามตัวเอง
ตลอดเวลาเลยค่ะว่า
เรามี ประชาธิปไตย จริงๆ หรือเปล่า


โดย: Jeab (rayasuree2526 ) วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:0:04:30 น.  

 
Double standard, division and discrimination already have arrived. Sadly their negative effects to this society will last longer than anyone can expect.

All people are born equalled....


โดย: amatuer translator วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:11:20:48 น.  

 
สองมาตรฐานเสมอ

จนเกินจะเยียวยา


โดย: MARON CREAM วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:14:20:41 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่เขียนถึงความยุติธรรมของประเทศไทยนี้...อยากให้คนอื่นมองในมุมที่อาจารย์มองบ้างไม่ใช่อยากที่จะเอาชนะแต่ไม่ดูเหตุและผลเลย... อยากมีความยุติธรรมนี้ในประเทศไทยบ้างค่ะ


โดย: piladluck วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:18:27:08 น.  

 


โดย: ต้นอ้อท้าลม วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:18:39:40 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.