ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ไอเดีย รถยนต์ Smart Car จาก ไอเดีย.com









 

Create Date : 21 มีนาคม 2554    
Last Update : 21 มีนาคม 2554 23:08:29 น.
Counter : 2030 Pageviews.  

Eco Car รุ่นใหม่ Honda Brio ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 4 แสน … !!

===เปิดตัว Honda Brio Eco Car

===========ราคา 3.999 จนถึง 5.085 แสนบาท มี 3 รุ่น ให้เลือก





รถ ยนต์ขนาดกะทัดรัดมาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของฮอนด้า เพื่อการขับขี่ในเมืองที่สนุก คล่องตัว ประหยัดเชื้อเพลิง ห้องโดยสารกว้างและปลอดภัย • ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทคโนโลยี i-VTEC ของฮอนด้า ความจุ 1.2 ลิตร 4 สูบ ให้พลัง 90 แรงม้า • ถุงลมคู่หน้าและระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ในทุกรุ่น นับเป็นการยกระดับมาตรฐาน สำหรับรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ • ให้ความคุ้มค่าเป็นเลิศ โดยราคารุ่นมาตรฐานเริ่มต้นที่ 399,900 บาท



Honda Brio เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนทั่วโลกอย่างเป็นทางการวันนี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน นวัตกรรมยานยนต์ล่าสุดของฮอนด้าชิ้นนี้ คาดว่าจะ ยกระดับและสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่รถยนต์อีโคคาร์ในด้านการออกแบบ การจัดวาง ความสะดวกสบาย ในห้องโดยสาร อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงและราคาที่คุ้มค่าเป็นเลิศ



มร. อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ได้แนะนำBrioคันแรกสู่สายตาชาวโลก นี่เป็นรถยนต์ที่ผลิต ประกอบและจัดจำหน่ายในประเทศไทย เราดีใจมากด้วยเช่นกัน ที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นผู้นำการผลิตรถยนต์รุ่นนี้สู่ตลาด นับเป็นการยืนยันขีด ความสามารถและศักยภาพที่เปี่ยมล้นของทีมงานของเรา ตลอดจนบริษัทคู่ค้าในภูมิภาคนี้ ที่คอยให้การ สนับสนุนด้านเทคโนโลยีแก่Brioด้วยดีเสมอมา”



มร. ฟูจิโมโตะกล่าวเสริมว่า ยานยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัด ราคาย่อมเยา และคายไอเสียสะอาด กำลังได้รับความสนใจและการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภคทั่ว โลก



“Brio จะสนองตอบความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของผู้ที่มองหารถที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น สะดุดตา ขนาดกะทัดรัด แต่ให้ความรู้สึกกว้าง โปร่งสบาย และประหยัดเชื้อเพลิง อีกทั้งเป็นแบรนด์ที่พวกเขาให้ความใว้วางใจ ในเรื่องเทคโนโลยีนำสมัยและเทคโนโลยีความปลอดภัย” มร. ฟูจิโมโตะกล่าว



Honda Brio มีความยาว 3610 มม. กว้าง 1680 มม. และสูง 1485 มม. บนฐานล้อ 2345 มม. ฮอนด้าเลือกที่ จะลดความสูงและขยายความกว้างของBrio เพื่อเพิ่มความรู้สึกกว้างสำหรับรถขนาดกะทัดรัด และการขับขี่ ที่คล่องตัวมั่นคง ลำตัวสั้นของBrioนอกจากจะช่วยให้การขับขี่คล่องตัวแล้ว ยังให้ทัศนวิสัยเป็นเยี่ยม ในทุกทิศทางอีกด้วย ซึ่งทำให้การขับขี่และการจอดรถบนถนนแคบสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น



Brio มีพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางพอเพียง เพื่อเสริม“ความรู้สึกกว้างโปร่งสบาย” ประตูบานท้ายช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขนย้ายสิ่งของเข้า-ออกจากพื้นที่ เก็บสัมภาระ ซึ่งสามารถรองรับกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดใหญ่ รถเข็นเด็ก หรือแม้กระทั่งถุงกอล์ฟ



Honda Brio มีให้เลือกสองรุ่น S กับ V โดยทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร ที่ให้พลัง 90 แรงม้า สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20 และประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งปล่อยไอเสียสะอาดตามเกณฑ์มาตรฐานยูโร-4 ด้วยประสิทธิภาพของตัวถังยังผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากการทดสอบการชนทั้ง ด้านหน้าและด้านข้างตามที่ระบุโดย UNECE 94 และ 95 ตามลำดับ ในส่วนของระบบส่งกำลัง Brioมีทั้งแบบธรรมดาและอัตโนมัติทั้งในรุ่น S และ รุ่น V ขณะที่เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT จะมีเฉพาะในรุ่น V



นอกจากนี้ ฮอนด้ายังติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งแบบเชิงป้องกันและเชิงรับ อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ซึ่งช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน และช่วยให้คนขับยังสามารถควบคุมทิศทาง ของรถได้อย่างปลอดภัย ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ถุงลมคู่หน้า โครงสร้างตัวถังเอกลักษณ์ เฉพาะตัวที่ออกแบบมาให้กระจายแรงกระแทกจากการชน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงให้แก่ ตัวถังรถในขณะเดียวกัน และเข็มขัดนิรภัยชนิดปรับความตึงอัตโนมัติ ล้วนเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในBrioทุกรุ่น โดยเฉพาะถุงลมคู่หน้าสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าซึ่งนับว่าเป็นการยก มาตรฐานด้านความปลอดภัย ขึ้นอีกระดับหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์รถยนต์กลุ่มอีโคคาร์



จุดเด่นที่น่าประทับใจอื่นๆ ของ Brio ทุกรุ่น มีอาทิ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS) ที่นั่งหลังพับเก็บได้ พวงมาลัย ปรับระดับได้ ไฟสัญญาณประหยัดเชื้อเพลิง ECO ระบบปรับอากาศ สัญญาณเตือน (สำหรับเบรกมือ กุญแจ ไฟหน้าและเข็มขัดนิรภัย) ระบบล็อกป้องกันเด็ก กุญแจ WAVE ระบบ Immobilizer เข็มขัดนิรภัยและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED



คุณอรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของฮอนด้ากล่าวว่า “เราจะสื่อสารกับลูกค้าภายใต้แนวคิด The Perfect Happiness หรือ ความสุขที่ลงตัว โดยมี Honda Brio เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะมอบความสุขให้กับลูกค้าของเราทั่ว ประเทศ โดยมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา ผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ งานแสดงมอเตอร์โชว์ การแสดงคอนเสิร์ตและการสนับสนุนรายการต่างๆเพื่อเพิ่มการรับรู้ รวมทั้งการชักชวนให้เแวะเข้ามาขับขี่ ทดสอบ”



ฮอนด้าตั้งราคา Brio


รุ่น S เกียร์ธรรมดา ไว้ที่ 399,900 บาท

รุ่น V เกียร์ธรรมดา 469,500 บาท

รุ่น V เกียร์อัตโนมัติ CVT 508,500 บาท




Brio มีให้เลือก 5 สี ได้แก่

เขียวเฟรชไลม์ (เมทัลลิก)

ขาวทาฟเฟต้า

ฟ้าเซรูเลียน(เมทัลลิก)

เงินอลาบาสเตอร์(เมทัลลิก)

ดำคริสตัล (มุก)




ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและทดลองขับขี่ได้ที่โชว์รูมผู้จำหน่าย รถยนต์ฮอนด้าทุกแห่งทั่วประเทศ





===========*** สวยใช้ได้เลย ผมว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปนะ ***







Credit : autospinn

เรียบเรียง : Peacebong




 

Create Date : 18 มีนาคม 2554    
Last Update : 18 มีนาคม 2554 8:37:12 น.
Counter : 1935 Pageviews.  

ไอเดียแปลงรถตู้ให้กลายเป็นรถสปอร์ต




 

Create Date : 17 มีนาคม 2554    
Last Update : 17 มีนาคม 2554 21:18:45 น.
Counter : 2448 Pageviews.  

เปิดตัว BMW X1 sDrive18i รุ่นประกอบในไทย

เปิดตัวแล้วสำหรับ BMW X1 sDrive18i รุ่นประกอบในไทย BMW X1 นั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นรถอเนกประสงค์ แบบ Crossover คือใช้งานสะดวก คล่องตัว มีปประสิทธิภาพ

BMW X1 sDrive18i ป้ายแดง

มร. ราล์ฟ บิสซิงเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดของ BMW ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัว BMW X1 sDrive18i ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ของ BMW แล้ว ยังเป็นการเปิดเซ็กเมนท์ใหม่ สำหรับตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นหลัก ซึ่งเป็นรุ่นประกอบในประเทศด้วย นี่เป็นการสะท้อนให้เห็น ถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่ สุดให้กับตลาดเมืองไทย และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเตรียมพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ ในเซ็กเมนท์พรีเมี่ยม, BMW X1 ถูกพัฒนาขึ้นในคอนเซ็ปต์รถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ เน้นความนำสมัย ความปราดเปรียวคล่องตัว และความอเนกประสงค์สำหรับไลฟ์สไตล์คนเมือง

ด้านข้าง BMW X1 sDrive18i

การกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลหน้า-หลัง 50:50 และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และนี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ BMW X1 คันนี้ มีอารมณ์การขับขี่สปอร์ตในสไตล์ของBMWอย่างเต็มขั้น และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับพรีเมี่ยม

BMW X1 sDrive18i มาพร้อมกับอุปกรณ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ระบบไฟหน้าแบบไบ-ซีนอน พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต, เบาะหนังแท้ โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเมมโมรี่, ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC Dynamic Stability Control, ระบบช่วยกะระยะจอด PDC Parking Distance Control สำหรับด้านหน้าและหลัง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น และระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ”

BMW X1 sDrive18i

BMW X1 SAV สปอร์ตครอสโอเวอร์ ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น

ภาย ใต้คอนเซ็ปต์ครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานความสปอร์ตและความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว BMW X1 ได้เอาคุณสมบัติที่โดดเด่นของรถยนต์อเนกประสงค์ (เช่น ความบึกบึน ความสูงใต้ท้องรถ และตำแหน่งนั่งขับสูง) ผนวกรวมเข้ากับคุณสมบัติของรถยนต์แบบสปอร์ตซาลูน (เช่น โอเวอร์แฮงค์สั้น ฐานล้อยาว) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รูปทรงของ BMW X1 มีสัดส่วนที่เน้นถึงความสปอร์ตล้ำสมัย ด้วยความยาวตัวรถ 4.45 เมตร ความยาวฐานล้อ 2.76 เมตร ฝากระโปรงหน้ายาว และแนวหลังคาลาดเอียงลงในด้านท้าย มันจึงมีรูปลักษณ์ที่บ่งสะท้อนความสปอร์ตได้อย่างมีสไตล์ ในขณะเดียวกันมันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรถ BMW ซีรี่ย์ X ไว้อย่างเหนียวแน่น อย่างเช่น ซุ้มล้อทรงเหลี่ยมที่บึกบึน พื้นผิวตัวถังเน้นเหลี่ยมสัน และสัญลักษณ์ไตคู่ของ BMW ขนาดใหญ่

การออกแบบภายในสะท้อนแนวทางสปอร์ตครอสโอเวอร์

การ ออกแบบภายในของ BMW X1 ได้สะท้อนแนวทางของรถครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานความสปอร์ตและความอเนกประสงค์ได้ อย่างไร้ที่ติ ตำแหน่งการนั่งขับสูงตามแบบรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งนอกจากทำให้ผู้ขับมีทัศนวิสัยที่ดีแล้ว ยังเป็นระดับความสูงที่สะดวกในการขึ้น-ลงรถด้วย ตำแหน่งของอุปกรณ์แสดงผลและปุ่มบังคับควบคุมต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเหมาะสม ใช้งานง่ายสะดวกมือ ส่วนคอนโซลกลางและแดชบอร์ดที่เอียงทำมุมเข้าหาผู้ขับ ให้ความรู้สึกเฉกเช่นรถสปอร์ต อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ด้วย

เครื่องยนต์ BMW X1 sDrive18i

BMW X1 sDrive18i ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ยกตัวอย่างเช่น ระบบเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ระบบปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ On-demand ทำให้มันสามารถเร่งจาก 0 ถึง100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 10.4 วินาที BMW X1 sDrive18i มีค่าเฉลี่ยอัตราการประหยัดน้ำมัน 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร และค่าเฉลี่ยการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 195 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU Cycle นอกจากนั้น เครื่องยนต์ของ BMW X1 sDrive18i ยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 ได้ด้วย

ระบบแชสซีที่ยอดเยี่ยม สปอร์ต คล่องแคล่ว ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น

ระบบ แชสซี BMW X1 sDrive18i ได้รับการพัฒนาโดยเน้นความปราดเปรียวและอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตเต็มขั้น ยกตัวอย่างเช่น การกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลหน้า-หลัง 50:50, ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างอันทันสมัย ที่ใช้ระบบปีกนกแบบ Double-joint สำหรับด้านหน้า และระบบมัลติลิงค์แบบ 5 จุดสำหรับด้านหลัง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ BMW X1 sDrive18i มีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม สปอร์ต คล่องแคล่ว ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น




 

Create Date : 17 มีนาคม 2554    
Last Update : 17 มีนาคม 2554 9:07:13 น.
Counter : 2013 Pageviews.  

ฮุนไดหวั่นอีโคคาร์...ทบทวนแผนรุกรถเล็ก ไอ10

กระแสอีโคคาร์แรง ทำค่าย “ฮุนได” หวั่นไหว ต้องทบทวนและศึกษาแผนการทำตลาดรถเล็ก “ฮุนได ไอ10” ในไทยใหม่ เพื่อความรอบคอบยิ่งขึ้น จึงไม่สามารถกำหนดดีเดย์ส่งบุกตลาดไทยได้หรือไม่ แต่มั่นใจยอดขายในไทยปีนี้พุ่งเป็น 5,000 คัน หลังเปิดตัว “ฮุนได โซนาต้า” โฉมใหม่ รวมถึงรถธงรุ่นเอช1 เวอร์ชั่นปี 2011 พร้อมขยายโชว์รูม และทุ่มงบตลาดเพิ่มอีก 20%

ซูน คิม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป สำนักงานใหญ่ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก บริษัท ฮุนได มอเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็ก กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทย ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะมีการผลิตรถเล็ก “ฮุนได ไอ10”(Hyundai i10) ใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย และจะเปิดตัวทำตลาดในช่วงปลายปี 2554 นี้ ในส่วนของไทยได้มีการพิจารณาจะนำเข้ารถรุ่นนี้จากมาเลเซีย เพื่อมาทำตลาดในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน

“แต่เป็นที่ทราบกันรถยนต์ขนาดเล็กอย่างอีโคคาร์ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่จะทำตลาดรุ่นไอ10 ในไทย จึงต้องมาคิดทบทวนใหม่ เพื่อจะได้พิจารณาและศึกษาอย่างรอบคอบ ทำให้ไม่สามารถกำหนดลงไปได้ชัดเจนว่า จะมีการนำเข้ารถรุ่นนี้มาทำตลาดในไทยแน่นอนหรือไม่”

ทั้ง นี้แม้จะนำเข้ารถยนต์ฮุนได ไอ10 จากมาเลเซียมาทำตลาดในไทย ภายใต้กรอบข้อตกลงเสรีการค้า หรืออาฟต้า(AFTA) แต่อีโคคาร์เป็นรถที่ผลิตในไทย และยังได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิต นับเป็นอีกข้อได้เปรียบของอีโคคาร์ ซึ่งหากในไทยจะทำตลาดรุ่นไอ10 ต้องพิจารณาและศึกษาปัจจัยเหล่านี้ รวมถึงสภาพตลาดและความต้องการให้รอบคอบ ฉะนั้นสิ่งแรกที่ฮุนไดมองจึงอยู่ที่การผลิตและทำตลาดรุ่นนี้ ที่ประเทศมาเลเซียช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

นายโยชิซึมิ คุราตะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิด เผยว่า สำหรับปีนี้ฮุนไดในไทยจะโฟกัสไปที่รถยนต์นั่ง “ฮุนได โซนาต้า”(Hyundai Sonata) ซึ่งเป็นเก๋งขนาดกลางที่นำเข้าจากเกาหลีใต้ โดยจะเปิดตัวสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายเดือนมีนาคมนี้ พร้อมกับรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี “ฮุนได เอช1” (Hyundai H1) เวอร์ชั่นปี 2011

“ในปีที่ ผ่านมาฮุนไดประสบความสำเร็จมาก มียอดขายกว่า 3 พันคัน หรือเติบโตกว่า 70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 5,000 คัน ซึ่งสินค้าหลักยังจะเป็นเอ็มพีวีรุ่นเอช1 แต่จะมีการปรับสัดส่วนการขายใหม่ จากเดิมรุ่นเอช1 จะมากถึงกว่า 90% แต่จากการเปิดตัวฮุนได โซนาต้า จะทำให้สัดส่วนการขายรุ่นเอช1 ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 85% ขณะที่รุ่นโซนาต้าและรถเอสยูวี ฮุนได ทูซอน(Hyundai Tucson) จะมีสัดส่วนเป็น 15% หรือตั้งเป้าเฉพาะรุ่นโซนาต้า 300-400 คันในปีนี้”

สำ หรับฮุนได โซนาต้า โฉมใหม่ นับเป็นรถยนต์ที่ออกแบบใหม่แตกต่างจากรุ่นเดิม ที่เคยทำตลาดในไทยอย่างชัดเจน ด้วยรูปลักษณ์ของรถยนต์นั่งแบบ 4 ประตู แต่ดีไซน์สไตล์รถคูเป้ ขณะเดียวกันอุปกรณ์ทันสมัยและระบบความปลอดภัยครบครัน โดยนำเข้ามาทำตลาดในไทย 2 รุ่น คือ รุ่น S ราคาช่วงแนะนำ 1.55 ล้านบาท และรุ่น G ราคา 1.87 ล้านบาท

ส่วน ฮุนได เอช1 เวอร์ชั่นปี 2011 ได้มีการปรับราคาเพิ่มเพื่อรองรับอุปกรณ์พื้นฐานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงรุ่นต่างๆ ไว้เช่นเดิม คือ รุ่น Touring ราคา 1.086 ล้านบาท รุ่น Executive ราคา 1.412 ล้านบาท และรุ่น Deluxe ราคา 1.494 ล้านบาท โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมรางเลื่อนนิรภัยในเบาะแถวที่ 1, 2 และ 3 ของห้องโดยสาร จึงทำให้การปรับพื้นที่ใช้งานเหนือกว่าเดิม ซึ่งมีรางเลื่อนเพียงแถวที่ 1 และ 3 เท่านั้น

นายคุราตะกล่าวว่า จากการเปิดตัวรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น และการจัดกิจกรรมตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้มีการวางงบการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 20% หากไม่มีปัญหาเรื่องการส่งมอบรถจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 คันในปีนี้แน่นอน โดยในช่วง 2 เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.)ของปีนี้ ฮุนไดมียอดขายเติบโต 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ฮุนไดในประเทศไทยไม่ได้เน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการหลังการขาย การปรับปรุงองค์กรให้สอดคล้องกับสภาพตลาด และคุณภาพของบุคลากร จึงได้มีการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมกับวางแผนจะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 4 แห่งในปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 23 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30 แห่งในปีหน้า ซึ่งน่าจะครอบคลุมความต้องการลูกค้าได้ทั่วประเทศ


Car Pictures, รถยนต์ Images




 

Create Date : 16 มีนาคม 2554    
Last Update : 16 มีนาคม 2554 15:41:06 น.
Counter : 1339 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.