Bentley Continental GTC สปอร์ตเปิดประทุน
Prior Design เปิดตัวชุดแต่ง High Society สำหรับ Bentley Continental GTC ที่เน้นการแต่งภายนอกมากกว่าภายใน และให้ดูดุดันมากกว่ารุ่นมาตรฐานด้วยชุดกันชนหน้า-หลังชุดใหม่ สเกิร์ตข้างขนาดใหญ่ ฝากระโปรงหน้าที่มีช่องระบายอากาศ บั้นท้ายมีดิฟฟิวเซอร์ชุดใหม่ สปอยเลอร์ท้าย และชุดท่อไอเสียสไตล์สปอร์ตที่ช่วยเพิ่มกำลังแรงม้าขึ้นมาได้บ้าง จากเดิมที่ Bentley Continental GT Cabriolet รุ่นมาตรฐาน มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ไบเทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 5,998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 560 แรงม้า(PS) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่ 1,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ส่วนภายในห้องโดยสารไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากการตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
Prior Design ยังไม่เปิดเผยราคาของชุดแต่ง High Society นี้ แม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัวในงาน Tuning World ประเทศเยอรมันนี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ขอบคุณเนื้อหาจาก
Create Date : 27 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2554 8:25:09 น. |
Counter : 1540 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Porsche Panamera Diesel : เพิ่มความประหยัดให้สปอร์ตซีดาน
เวอร์ชันล่า สุดของพานาเมอรา สปอร์ตซีดาน 4 ประตูของค่ายปอร์เช่ถูกเผยออกมาแล้ว คราวนี้หันมาเอาใจแฟนๆ ที่ชอบความเร้าใจบนความประหยัด และสามารถทนเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับหนึ่ง กับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ที่พกม้ามา 250 ตัว แต่ประหยัดเอาเรื่องด้วยค่าเฉลี่ย 15.4 กิโลเมตร/ลิตร
| ตรงนี้ถือว่าเป็นการรุกตลาดแบบค่อนข้างต่อเนื่องและตามติดสำหรับ ปอร์เช่ เพราะนับตั้งแต่ต้นปีนี้พานาเมอราเพิ่งจะเปิดตัว 2 เวอร์ชันของทางเลือกใหม่ออกมาสู่ตลาด คือ รุ่นไฮบริด และตัวแรง 550 แรงม้ากับรุ่นเทอร์โบ เอส เรียกว่ายังไม่ถึงพ้นครึ่งแรกของปี พานาเมอราก็มีทางเลือกย่อยให้ลูกค้าได้ปวดหัวในการเลือกเพิ่มขึ้นมาอีก 3 แบบเลยทีเดียวจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 รุ่นด้วยกัน แน่นอนว่าแนวทางในการเพิ่มทางเลือกก็เหมือนกับรุ่นไฮบริด โดยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลรุ่นนี้ยกชุดมาจากบล็อกที่อยู่ในคาเยนน์ ซึ่งก็เป็นขุมพลังบล็อกเดียวกับที่ใช้อยู่ในเพื่อนพ้องอย่างโฟล์คสวาเกน ทัวเร็ก โดยเป็นเครื่องยนต์แบบวี6 3,000 ซีซี พร้อมเทอร์โบคู่แบบมีครีบแปรผัน และการจ่ายน้ำมันแบบแรงดันสูงระดับ 2,000 บาร์ ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,800-4,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 56.0 กก.-ม. ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที
| เมื่อจับคู่กับเกียร์ Tiptronic S แบบอัตโนมัติ 8 จังหวะในการส่งกำลังสู่ล้อหลัง ตอบสนองความเร้าใจในการขับเคลื่อนได้ในระดับหนึ่งกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 6.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 242 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนั้นเพื่อความประหยัดน้ำมันและลดมลพิษมีการติดตั้งระบบ Auto Start/Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เองอัตโนมัติเมื่อรถจอดติดอยู่กับที่
| ส่วนความประหยัดน้ำมันก็อยู่ระดับ 15.4 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับแบบผสมผสาน โดยที่การคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียมีตัวเลข 172 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อพิจารณาจากน้ำมันในถังขนาด 80 ลิตรแล้ว พานาเมอรา ดีเซลสามารถแล่นทำระยะทางได้ถึง 745 ไมล์ หรือ 1,198 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง และจะดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อใช้ยางแบบประหยัดน้ำมัน เพราะค่าการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงมาอยู่ที่ 167 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร เช่นเดียวกับความสิ้นเปลืองน้ำมันที่ลดลงมาอยู่ที่ 18.1 กิโลเมตร/ลิตร
| ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถ เมื่อเปรียบเทียบกับพานาเมอรารุ่นอื่นแล้วก็ไม่แตกต่างกัน นอกจากการสังเกตคำว่า Diesel ซึ่งถูกแปะเอาไว้ตรงประตูหน้าติดกับแก้มตัวถัง ขณะที่มิติตัวถังมาพร้อมกับความยาวระดับ 4,970 มิลลิเมตร กว้าง 1,931 มิลลิเมตร สูง 1,418 มิลลิเมตร เน้นความสปอร์ตและความปราดเปรียวในแบบ GT Sedan
| ค่าตัวของพานาเมอรา ดีเซลที่วางขายในเยอรมนีอยู่ระดับ 80,183 ยูโร หรือ 3.52 ล้านบาท นักขับบ้านเราถ้าสนใจน่าจะสั่งนำเข้ามาได้ เพราะตอนนี้ปอร์เช่เปิดตัวในอังกฤษแล้ว แต่จะเริ่มส่งมอบรถพวงมาลัยขวาได้เดือนสิงหาคม 2011 อ้อ...ราคาข้างบนเป็นราคาขาย ในเยอรมนี ถ้าเข้าบ้านเราก็อย่าลืมบวกภาษีกันด้วย วิธีง่ายๆ คือ เอา 3 คูณเข้าไปน่าจะได้ราคาคร่าวๆ ที่จะต้องเสียเงิน
| |
Create Date : 26 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 8:21:59 น. |
Counter : 1069 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มิตซูฯ เพิ่มออฟชัน สเปซ แวกอน เอาใจคอรถอเนกประสงค์
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ส่งสเปซ แวกอน รุ่นตกแต่งพิเศษ NAVI-Limited Edition เพิ่มความโดดเด่นด้วยระบบนำทางอัจฉริยะ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น พร้อมวางจำหน่ายที่โชว์รูมฯ ทั่วประเทศ สนนราคาเริ่มต้น 1,595,000 บาท โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมแนะนำมิตซูบิชิ สเปซ แวกอน รุ่นตกแต่งพิเศษ ซึ่งผลิตจำนวนจำกัดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดย รถรุ่นดังกล่าวมาพร้อมระบบนำทาง (Navigator) พร้อมจอภาพ LED ระบบจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดคมชัดถึง 1.15 ล้านพิกเซล และระบบเชื่อมต่อแฮนด์ฟรีแบบไร้สาย (Blue tooth) เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างและชื่นชอบความสะดวกสบายของรถยนต์นั่ง อเนกประสงค์
| สำหรับ มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน รุ่นตกแต่งพิเศษ มีให้เลือกทั้งรุ่น GT และ GLS Limited โดย ในรุ่น GT มาพร้อมกระจังหน้าสีดำผสมคิ้วโครเมียมสไตล์สปอร์ต และชุดตกแต่งดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ส่วนรุ่น GLS Limited มาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ล้ำสมัย ในขณะที่ไฟหน้าจะเป็นแบบ HID และระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ (Auto leveling) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในขณะฝนตกด้วยชุดปัดน้ำฝน หน้าแบบFlat type และ กระจกมองข้างช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำ ด้านการออกแบบห้องโดยสารภาย ในกว้างขวางหรูหรา พร้อมอุปกรณ์ความบันเทิงพร้อมสรรพไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD,VCD,CD MP3 รุ่นใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน พร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง iPod และ USB จอ ภาพด้านหน้าแบบหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 7 นิ้ว จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด ใหญ่ 10.2 นิ้ว ส่วนเบาะนั่ง 7 ที่นั่งเป็นแบบ Space Magic 7 Seats สามารถปรับได้ตามสรีระของผู้ใช้ รวมถึงสามารถปรับระบบอากาศอัตโนมัติแยกสวิตช์ควบคุมอิสระหน้า-หลัง และปรับทิศทางลมได้ 16 ทิศทาง ขณะที่การขับเคลื่อนด้วยขุม พลังจากเครื่องยนต์ ขนาด 2.4 ลิตร 165 แรงม้า เสริมเทคโนโลยี MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีให้แปรผันสัมพันธ์กับรอบ เครื่องยนต์ และรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 ตอบสนองนโยบายพลังงานทางเลือก
| เสริมความมั่นใจในการขับขี่จากการติดตั้งระบบเบรก ABS 4 แชนแนล 4 เซ็นเซอร์ ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ELR ที่เบาะนั่งคู่หน้า รวมทั้งถุงลมนิรภัยแบบปกป้องทั้งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนความสะดวกสบายในการขับขี่ติดตั้งกล้องจับภาพขณะถอยหลัง สัญญาณกะระยะจอดหน้า-หลัง แบบ 5 จุด และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่รถระยะทางไกล สำหรับสนนราคา มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน รุ่นตกแต่งพิเศษ มี 4 สี ให้เลือก คือ สีเงิน สีเทาดำ สีดำ และสีขาว โดยรุ่น GLS Limited ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,595,000 บาท ในขณะที่รุ่น GT ราคาอยู่ที่ 1,700,000 บาท และหากต้องการสีขาว “ไวท์เพิร์ล” ราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 15,000 บาท
|
Create Date : 25 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2554 8:38:23 น. |
Counter : 809 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Audi Q3 : ทางเลือกใหม่ SUV ไซส์คอมแพกต์
ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีรุ่นเล็กกว่านี้อย่าง Q1 ตามออกมาขายหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในตอนนี้ ถ้าพูดถึงตัวลุยที่มีไซส์เล็กที่สุดเท่าที่ออดี้มีวางขายบนโชว์รูม ตำแหน่งตรงนี้ตกเป็นของ Q3 เอสยูวีน้องใหม่ที่เพิ่งเผยโฉมให้เห็นตัวเป็นๆ ในงานออโต้ เซี่ยงไฮ้ 2011 ไปแล้ว โดย Q3 ถูกกำหนดให้พร้อมลุยตลาดเพื่อเป็นคู่ปรับโดยตรงของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 และจะเริ่มขายในยุโรปช่วงเดือนมิถุนายนนี้
| การเปิดตัว Q1 ช่วยเติมเต็มทางเลือกของเอสยูวีในแบรนด์ออดี้ให้ครอบคลุมกับทุกความต้องการ ของลูกค้า และรับมือกับคู่แข่งสำคัญอย่างบีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างครบถ้วน โดย Q7 จะประชันกับ X5 และ Q5 จะประชันกับ X3 โดยที่ Q3 จะมีต้องรับบทบาทที่สำคัญในการช่วยขยับยอดขายให้แก่ค่าย 4 ห่วง ซึ่งวางแผนที่จะขึ้นเป็นนัมเบอร์วันของตลาดรถยนต์หรูของโลกให้ได้ภายในอีก 3 ปี ข้างหน้า
| งานนี้ก็เหมือนกับ Q5 และ Q7 เป็นการหยิบยืมและแชร์พื้นฐานร่วมกับแบรนด์พี่น้องในเครือ ซึ่ง Q3 ถูกพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับโฟล์คสวาเกน Tiguan โดยใช้พื้นตัวถังรุ่น PQ35 สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าไซส์คอมแพ็กต์อย่างโฟล์คสวาเกน กอล์ฟ, ออดี้ เอ3 และในอนาคตเอสยูวีอีกรุ่นที่จะเปิดตัวออกมาโดยแชร์พื้นฐานเดียวกับ คือ เซียท Tribu ที่พัฒนามาจากต้นแบบชื่อเดียวกันนี้ แต่เปิดตัวออกมาในปี 2007
| สิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้คือ ไลน์ผลิตของ Q3 ซึ่งแทนที่จะอยู่ในเยอรมนีเหมือนกับพี่น้อง แต่กลับถูกโยนไปอยู่ที่โรงงานของเซียทในเมืองมาร์โทเรลล์ ประเทศสเปน ซึ่งทางบริษัทแม่ได้ลงทุนถึง 300 ล้านยูโร หรือ 15,000 ล้านบาท ในการปรับไลน์ผลิตรองรับการประกอบเอสยูวีรุ่นนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตต่อปีอยู่ที่ 80,000 คันเลยทีเดียว
| จากเลย์เอาต์พื้นตัวถังรหัส PQ35 การจัดวางของเครื่องยนต์จะเป็นแบบวางตามขวางเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อ หน้าทั่วไป ส่วนในแง่ของรูปทรงของตัวรถถูกถอดแบบมาจากเอสยูวีรหัส Q เน้นความโฉบเฉี่ยวของเส้นสาย โดยเฉพาะเส้นแนวหลังคาที่ให้สัมผัสถึงความสปอร์ตตามสไตล์ Crossover Coupe กับค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ Cd 0.32 แต่มาในรูปแบบ 5 ประตูที่มีความยาวตัวถังในระดับ 4.39 เมตร กว้าง 1.83 เมตร และสูง 1.60 เมตร
| ในห้องโดยสารตอบสนองความสะดวกสบายได้ อย่างเต็มที่ด้วยเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง เบาะนั่งหลังสามารถแยกพับในอัตราส่วน 40:60 ซึ่งเมื่อเบาะหลังอยู่ในสภาพปกติ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายจะมีความจุอยู่ที่ 460 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด ตัวเลขจะขยับขึ้นมาเป็น 1,365 ลิตร
| ขณะที่งานออกแบบภายในมีการผสมผสานความสปอร์ตกับความหรูได้อย่างลงตัว และมีการติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกมากมาย ซึ่งก็รวมถึงหน้าจอแบบ MMI ที่ควบคุมและสั่งการทำงานของระบบต่างๆ ภายในตัวรถ และยังทำหน้าที่เป็นหน้าจอสำหรับระบบนำทางอีกด้วย ส่วนคนที่ชอบความปลอดโปร่งในการรับแสงแดดก็มีหลังคาแบบ Panoramic Sunroof ให้เลือกเป็นออปชันอีกด้วย
| 3 ทางเลือกของเครื่องยนต์ในแบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน เทอร์โบ 2000 ซีซี แบบ 4 สูบ โดย 2 รุ่นเป็นแบบเบนซินในรหัส TFSI ที่มีให้เลือก 2 ระดับของการขับเคลื่อน คือ 170 และ 211 แรงม้า ส่วนอีกรุ่นเป็นเทอร์โบดีเซล 140 แรงม้า ซึ่งมีแรงบิดระหว่าง 28.5-38.7 กก.-ม. โดยหลังจากนั้น ออดี้จะส่งอีกทางเลือกของรุ่นเทอร์โบดีเซลตามออกมาขาย ทุกอย่างเหมือนกัน แต่อัปกำลังขึ้นมาเป็น 177 แรงม้า
| ทางด้านสมรรถนะในการขับเคลื่อนเร้าใจอย่างมากโดยเฉพาะรุ่นท็อป 211 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 6.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตร ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซล 140 แรงม้าก็ตอบสนองในด้านความประหยัดอย่างลงตัว โดยในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 19 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการขับแบบเฉลี่ย สำหรับระบบส่งกำลังนอกจากเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแล้วก็มีเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ S-Tronic เป็นอีกทางเลือก เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อนซึ่งนอกจากรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงอย่างเดียว แล้วก็ยังมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา Quattro เป็นอีกทางเลือก
| ออดี้เลือกวางกลยุทธ์ในการ เข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่ และตั้งราคาเอาไว้ไม่แรงมากเพื่อหวังแชร์ส่วนแบ่งในตลาดจากรุ่ท็อปของตลาด ล่างที่ครอบครองโดยโอเปิล แอนทารา และโฟล์คสวาเกน Tiguan โดยในรุ่นพื้นฐานสตาร์ทกันที่ 29,900 ยูโร หรือ 1.5 ล้านบาท
| |
Create Date : 24 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 8:31:10 น. |
Counter : 1447 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Subaru Impreza : พลิกโฉมใหม่มาครบทั้งซีดาน-แฮทช์แบ็ก
หลังเผยภาพบางส่วนออกมายั่วน้ำลายบรรดาแฟนๆ ทั่วโลกอยู่พักหนึ่ง ในตอนนี้ ทางด้านซูบารุจัดการกระตุกผ้าคลุมเผยโฉมใหม่ของอิมเพรซาออกมาแล้ว รุกตลาดพร้อมกันทั้งตัวถังซีดาน และแฮทช์แบ็กเหมือนกับรุ่นที่แล้ว โดยมีกลิ่นอายการออกแบบที่ได้รับมาจากพี่ใหญ่อย่างเลกาซี่ในทุกมุมมอง
| สำหรับอิมเพรซาใหม่ถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ของคอมแพ็กต์คาร์สุดสปอร์ตจากค่ายซูบารุนับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1993 โดยความเปลี่ยนแปลงของอิมเพรซาเกิดขึ้นในรุ่นที่ 3 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2007 เมื่อแบรนด์ดังของญี่ปุ่นสลัดคราบความเป็นสปอร์ตซีดานมาสู่การเข้าถึงความ ต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยละทิ้งเอกลักษณ์อย่างประตูแบบไร้กรอบ และเส้นสายบนตัวถังที่เน้นความดุดันในทุกรายละเอียดมาสู่การเป็นรถยนต์ สำหรับลูกค้าทั่วไป รวมถึงยังไม่มีรุ่นแวกอนมาให้สัมผัส แต่ส่งแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเข้ามาทำตลาดแทนที่
| ในรุ่นใหม่ก็คงรูปแบบนี้ต่อไป ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็กยกสูงแต่งเข้มออกแนวลุยๆ เหมือนพวกเอาท์แบ็ก หรือ XV คาดว่าน่าจะมีขายแน่ๆ เพราะขณะที่รุ่นปกติถูกนำออกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2011 ซูบารุก็จับเอารุ่นแฮทช์แบ็กมาแต่งยกสูง และเน้นความสวยแปลกตาเพื่อจัดแสดงในงานออโต้ เซี่ยงไฮ้ที่จัดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน และใช้ชื่อว่า XV Concept
| อิมเพรซาใหม่มาพร้อมกับเส้นสายตัวถัง ที่ออกแบบได้อย่างเฉียบคมและสะท้อนความสปอร์ตในทุกมุมมอง โดยสไตล์นี้ถูกนำมาใช้กับเลกาซี่ใหม่ที่กำลังขายอยู่ในตอนนี้ และถูกถ่ายทอดรวมถึงขัดเกลาให้เข้ากับตัวถังที่เล็กลงมาอย่างอิมเพรซาภายใต้ แนวคิด Smart
| ในแง่ของมิติตัวถังเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิมนั้น ซูบารุเผยว่าใหญ่ขึ้นในเกือบทุกส่วน โดยเฉพาะในเรื่องความยาวของระยะฐานล้อ ถูกขยายจาก 2,620 มิลลิเมตรมาเป็น 2,644 มิลลิเมตร และนั่นทำให้ความกว้างของห้องโดยสารมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของเบาะหลัง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 2 นิ้ว หรือ 50.8 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็ก เบาะนั่งหลังสามารถแยกพับในอัตราส่วน 40/60 หรือพับลงทั้งหมดได้
| สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดจะเริ่ม ต้นกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ หรือสูบนอนซีซีต่ำในคลาส 1,600 ซีซีซึ่งเป็นบล็อกใหม่ โดยในแง่ของแรงม้าและแรงบิดยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือว่าอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ซึ่งซูบารุเรียกว่า Lineartronic และเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของเกียร์ชุดนี้แล้ว ขณะที่รุ่นสูงขึ้นไปในเกียร์ CVT จะมีโหมดล็อกคอัตราทด 6 จังหวะเดินหน้าเอาไว้ให้ และมี Paddle Shift ติดตั้งที่พวงมาลัยเอาไว้เปลี่ยนเกียร์กันเอาเอง ส่วนรุ่น 2,000 ซีซีเป็นบล็อกใหม่เหมือนกันจะเริ่มต้นกับรุ่นหายใจเองที่มีกำลังอยู่ในระดับ 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.1 กก.-ม.ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ AWD แบบ Symmetrical โดยซูบารุบอกว่า เครื่องยนต์บล็อกนี้มีน้ำหนักเบาขึ้น และตอบสนองการขับเคลื่อนในระดับใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี และประหยัดน้ำมันในระดับ 16.2 กิโลเมตร/ลิตรสำหรับการขับนอกเมือง
| ขณะที่บล็อกตัวแรง น่าจะมีขายเหมือนเดิม เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งก็รวมถึงตัวแรงในรหัส STI ที่จะต้องมีขายจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะขาดไม่ได้ แฟนๆ ของซูบารุยังต้องอดใจอีกสักนิด เพราะถึงแม้จะเปิดเผยให้เห็นคันจริงกันแล้ว แต่กำหนดเริ่มวางขายยังไม่ถึง ต้องรอจนถึงประมาณปลายปีนี้
| |
Create Date : 23 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 8:25:34 น. |
Counter : 912 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |