ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedanขับสนุกนั่งสบายช่วงล่างโอเค

หลังจากประทับใจสมรรถนะการขับขี่ New Ford Fiesta เจเนอเรชั่นที่ 6 (Mark VI) รุ่น 4 ประตู ซีดานแบบเกียร์อัตโนมัติมาแล้วเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรถที่ให้ความคล่องตัวสูงกับการใช้งานในเมือง ล่าสุดกับการนำรุ่น 4 ประตูซีดานตัวท็อปสุดของรุ่นมาทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางระหว่างจังหวัด (กทม.-ชะอำ-กทม.) พร้อมกับถือโอกาสลองใช้งานเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) อุปกรณ์ไฮเทคที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน โทรศัพท์มือถือ และระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์

ภายนอกสวยเด่นภายในทันสมัย

ดี ไซน์ภายนอกและภายในห้องโดยสารไม่แตกต่างจากรุ่นที่เคยนำมาลองขับเมื่อก่อน หน้านี้นัก จะมีอยู่บ้างก็แค่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ่งบอกถึงความเหนือกว่าในออพชั่น เช่น แทบโครเมียมระบบคำว่า Sport และระบบสั่งงานด้วยเสียง สัญลักษณ์รูปปากที่ก้านไฟเลี้ยวที่ติดตั้งด้านซ้ายมือตามสไตล์รถยนต์ตระกูล ยุโรป

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedan


รูปทรงตัวรถออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด "เคเนอติกดีไซน์" ซึ่งนอกจากสะท้อนอารมณ์สปอร์ตและพลังแห่งการเคลื่อนไหวแล้ว ยังให้มิติมุมมองโดยรวมที่โฉบเฉี่ยวต่อสายตาผู้พบเห็น ไฟหน้าเป็นทรงเรียวยาวโค้งรับกับฝากระโปรงหน้า ด้านข้างมีแนวเส้นที่ตัดเฉียงตลอดลำตัว กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวฝังอยู่ที่ขอบประตู เน้นเส้นสายที่ดูแล้วเหมือนพร้อมทะยานไปข้างหน้า ไฟท้ายมีขนาดใหญ่

ห้อง โดยสารถูกดีไซน์ให้สอดรับกับภายนอก วัสดุและการประกอบโดยรวม ๆ ดูโดดเด่นด้วยแผงแดชบอร์ดหน้า แยกปุ่มสั่งงานต่าง ๆ พวงมาลัยแบบสปอร์ต 3 ก้านแบบมัลติมีเดียควบคุมระบบเครื่องเสียง ที่มาพร้อมแอร์แบ็ก เรือนไมล์แบบ 2 วงกลม ดูสปอร์ตด้วยมาตรวัดกรอบสีเงิน และแผงควบคุมดีไซน์ล้ำยุค ตรงกลางเป็นจอแสดงผล วิทยุและนาฬิกา

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedan

คอนโซลกลางติดตั้งวิทยุแบบบิลด์อินออกแบบเป็น รูปปีกนก โดยใช้สีเงินเป็นหลัก พร้อมมีปุ่มล็อก-ปลดล็อกประตูวางอยู่ใต้วิทยุ ด้านล่างลงมาเป็นระบบปรับอากาศ ตำแหน่งเกียร์ถูกจัดวางไว้ในจุดที่เหมาะมือ ส่วนเบาะคนขับออกแบบมาให้นั่งสบาย สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ส่วนด้านหลังแม้ไม่กว้างขวางนัก แต่ก็มีพื้นที่วางเท้าขนาดพอเหมาะ แต่พนักพิงเบาะหลังตั้งชันไปหน่อย และที่น่าสนใจคือ มีการดีไซน์ช่องเก็บของไว้รอบคัน

ขับสนุกนั่งสบาย...ต้นจัดปลายห้อย

ขุม พลังเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Duratec ความจุ 1596 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 151 นิวตันเมตร ที่ 4,050 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมPowerShift ให้กำลังอย่างเหลือเฟือและมีความคล่องตัวสูง

อัตรา ความเร็วออกตัวตีนต้นถึงช่วงกลางค่อนข้างกระฉับกระเฉง พวงมาลัยตอบสนองดี แต่ครั้นลากเกียร์ไล่ความเร็วมาถึงระดับ 130-140 กม.ต่อชม. ค่อนข้างตื้อ แต่สามารถกดคันเร่งคลิกดาวน์ไล่ความเร็วทะลุกว่า 160 กม.ต่อชม.ได้ แต่ต้องใช้ระยะทางพอสมควร ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ขับขี่เส้นทางในเมืองเฉลี่ย 12.8 กม.ต่อลิตร การขับขี่เส้นทางระหว่างจังหวัด ระยะทางกว่า 300 กม. ความเร็วเฉลี่ย 110 กม.ต่อชม. เฉลี่ย 14 กม.ต่อลิตร จัดว่าน่าคบหาเลยทีเดียว

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedan



ด้านเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียง Voice Control อุปกรณ์ไฮเทคที่ติดตั้งมาให้นั้น โดยคอนเซ็ปต์ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน โทรศัพท์มือถือ และระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์ก็จริง แต่สำหรับคไทยอย่างเราที่อ่อนต่อภาษาทั้งสำเนียงและไวยากรณ์ รวมถึงจะเป็นสิ่งที่ยุ่งยากกว่าจะส่งสำเนียงให้ใช้งานพอสมควร

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedan


บางครั้งเล่นเอาหงุดหงิด แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีคือ ช่วยให้ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร รวมถึงผู้ใช้งานสามารถสนุกกับการฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องใกล้เคียงกับเจ้า ของภาษาได้ไปในตัว ส่วนระบบช่วงล่างโดดเด่นเป็นไปตามสไตล์รถสัญชาติยุโรป ที่เน้นการทรงตัวและเกาะถนน นับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ให้ความไว้วางใจกระชับนั่งโดยสารสบายตัว เกาะถนนดี แม้ใช้ความเร็วสูงหรือขับหวดใส่โค้งแรง ๆ ด้วยความเร็วกว่า 100 กม.ต่อชม.

Ford Fiesta 1.6 Sport Sedan 4 ประตู เป็นรถเล็กที่ขับสนุก ดีไซน์เตะตาทั้งภายนอกและภายใน ขณะที่ช่วงล่างไว้วางใจได้

ที่มาจาก ecareasy.com




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2554    
Last Update : 6 มิถุนายน 2554 8:24:56 น.
Counter : 1591 Pageviews.  

Nissan Leaf สุดเจ๋ง ซิว 5 ดาว Euro Ncap

ค่ายรถยนต์ Nissan เป็นปลื้มหลังรถไฟฟ้าได้รับรางวัลมาตรฐานความปลอดภัยยุโรประดับ 5 ดาว

ค่ายรถยนต์ Nissan ได้เฮ อีกครั้ง หลังรถไฟฟ้าของค่ายรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนตามมาตรฐาน Euro New Car Assessment Program หรือ Euro Ncap ทั้งการชนทางด้านหน้า ด้านข้าง และการชนทางเสาหน้า ตามมาตรฐานใหม่

จากการทดสอบ แบตเตอร์รี่ของรถไฟฟ้า Nissan Leaf ที่ถูกติดตั้งไว้ใต้เบาะนั่งหลังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในขณะที่ Leaf ได้คะแนนการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่มากถึง 89 เปอร์เซ็นต์ และ 84 เปอร์เซ็นต์ สำหรับระบบช่วงเหลือทางด้านความปลอดภัย และ65 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนเดินเท้า ในขณะที่กลุ่มผุ้โดยสารเด็กนั้นทำได้ดีถึง 83 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

อย่างไรก็ดีนี่เป็นการทดสอบ Leaf ครั้งแรกที่ภูมิภาคยุโรป หลังเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Nissan Leaf ได้รับการรับรองจากสถาบันประกันเพื่อความปลอดภัยทางถนนของสหรัฐหรือ IIHS ที่ได้รับเลือกให้เป็นรถที่ควรซื้อเพื่อความปลอดภัย ซึ่งในครั้งนั้น ได้รับคะแนนระดับดีในการทดสอบชนทางด้านหน้า



เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับ Nissan ที่ได้รับความปลอดภัยที่เหนือมาตรฐานของ Euro Ncap ที่ในระดับ 5 ดาวหมายถึงดีเยี่ยมที่น่าจะช่วงส่งรถไฟฟ้านี้เข้าสู่ใจชาวยุโรปได้ ทั้งนี้ Nissan Leaf ถือเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกในตลาดปัจจุบัน ที่วันนี้กำลังรอวันและการตัดสินใจว่าจะมาไทยหรือไม่อย่างไร




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2554    
Last Update : 5 มิถุนายน 2554 9:01:58 น.
Counter : 1140 Pageviews.  

Mercedes-Benz C-Class Coupe : เร้าอารมณ์ทุกมุมมอง

การยุบสายพันธุ์ CLK แล้วนำ E-Class Coupe กลับมาขายอีกครั้งหลังจากที่ทำตลาดครั้งสุดท้ายกับรหัส W124 พอจะเป็นการบอกได้นัยๆ ว่า ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์กำลังมีการปรับอะไรใหม่ๆ ในไลน์อัพของรถยนต์ตัวเอง เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น

เพราะจะว่าไปแล้ว CLK คือรถยนต์ที่ออกลูกก้ำกึ่งมากเกินไป อันเนื่องมาจากการใช้พื้นฐานของ C-Class แต่อัพราคาและความรู้สึกว่าเหมือนกับจ่ายเพื่อซื้อความสปอร์ตของรถยนต์หรู ระดับกลาง ดังนั้นเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่เป็นรถสปอร์ตขนาดกลางจริงๆ ก็เลยไปไม่เป็นและการเตรียมเปิดตัวเวอร์ชันสปอร์ตคูเป้ของ C-Class ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 ต้นเดือนมีนาคมนี้ ถือว่าคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้



แต่ที่น่าสงสัยคือ ทำไมค่ายดาว 3 แฉกถึงเลือกเปิดตัวรถยนต์ตัวถังใหม่ช่วงกลางอายุของ C-Class เพราะอย่างที่ทราบกันดี แม้ว่า C-Class ตัวถังซีดานและสเตชันแวกอนที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2010 จะใหม่สดทั้งภายนอกและภายใน แต่ทว่าเป็นแค่การไมเนอร์เชนจ์เท่านั้นเอง ซึ่งตรงนี้อาจจะหมายความว่า W204 อาจจะถูกยืดอายุในการทำตลาดต่อไปอย่างน้อยก็อีก 2-3 ปี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมใหม่

C-Class Coupe คือความชัดเจนในเรื่องของการจัดระดับตลาดตัวถังสปอร์ตอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่กล่าวข้างต้น การมี CLK ทำให้เกิดความคลุมเครือในตัวผลิตภัณฑ์ และนั่นทำให้ C-Class ต้องเปลี่ยนทางเลือกในการเจาะตลาดสปอร์ตด้วยการผลิตตัวถังแบบแฮทช์แบ็กอย่าง C-Class Coupe ใน W202 และ CLC ใน W203 แทน



รุ่นใหม่นี้ถือเป็นความสปอร์ตที่แสดงความชัดเจนออกมาอย่าง แท้จริง โดยเฉพาะการแชร์รายละเอียดของรูปลักษณ์และพื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับ C-Class รุ่นปัจจุบันเพื่อบ่งบอกว่าความเร้าใจรุ่นนี้มีความสัมพันธ์อยู่กับรถยนต์ รุ่นใด โดย C-Class Coupe ใช้โครงสร้างตัวถังด้านหน้าจนถึงเสากระจกบังลมหน้าร่วมกับ C-Class รุ่นปกติ และมีการออกแบบด้านท้ายของตัวรถใหม่ เพื่อให้เกิดสัมผัสของความเป็นสปอร์ตคูเป้แบบ 4 ที่นั่งอย่างแท้จริง

และก็เช่นเดียวกัน ภายในห้องโดยสารถูกปรับแต่งโดยอิงรูปแบบของแผงมาตรวัดและแผงหน้าปัดจากสาย พันธุ์ C-Class แต่มีการตกแต่งใหม่เพื่อความสปอร์ตอย่างแท้จริง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันอย่างระบบ COMMAND ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ เพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้ในการเดินทางผ่านทาง Google



สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์เท่าที่มีการเปิดเผยออกมาตอน นี้มีอยู่ 3 รุ่น คือ เบนซิน C350 BlueEFFICIENCY แบบวี6 3,500 ซีซี ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการจ่ายน้ำมันแบบ BlueDIRECT ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม. มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 16.8 กิโลเมตร/ลิตร โดยส่งกำลังคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะในรุ่น 7G-Tronic

ส่วนที่เหลืออีก 2 รุ่นเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลอย่าง C220CDI BlueEFFICIENCY และ C250CDI BlueEFFICIENCY ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,200 ซีซี มีกำลัง 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. และ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน โดยในรุ่น C220CDI จะติดตั้งระบบ Auto START/STOP ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เองเมื่อจอดติดอยู่กับที่ และสตาร์ทใหม่อีกครั้งเมื่อต้องออกตัวมาให้ด้วย



เรื่องของระบบช่วงล่างมีการปรับเซ็ตจาก C-Class รุ่นปกติ โดยด้านหน้าเป็นแบบยึด 3 จุด ส่วนด้านหลังใช้แบบมัลติลิงก์ และมีระบบช่วงล่างปรับระดับด้วยไฟฟ้า หรือ AGILITY CONTROL ให้เลือกเป็นออพชั่นสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสนุกสนานในการขับขี่เพิ่ม ขึ้น

เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังไม่เปิดเผยราคาของ C-Class Coupe ออกมา โดยการทำตลาดจริงๆ ในยุโรปจะเริ่มกลางปีนี้ และเมื่อดูจากสภาพแล้ว นอกจากรุ่น Coupe เราน่าจะได้เห็นเวอร์ชันเปิดประทุนของ C-Class ตามออกมาด้วยอย่างแน่นอนในเร็วๆ นี้




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2554    
Last Update : 4 มิถุนายน 2554 10:05:16 น.
Counter : 1877 Pageviews.  

Nissan เปิดโปรฯดันยอด จัดหนัก Tida แค่เดือนละ 6,777 บาท

ค่ายรถยนต์ nissan ส่งโปรโมชั่นใหม่ลงตลาดดันยอด ตอกย้ำความสำเร็จ ต่อเวลา Nissan Easy pay ชูเก๋งคอมแพ็คเบากระเป๋าเดือนละ 7000 บาท

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ส่งโปรโมชั่นใหม่ลงตลาดกระตุ้นยอดขาย ตามโปรแกรม นิสสัน อีซี่ เพย์ (Nissan Easy Pay) ที่ให้ลูกค้าสามารถจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ Nissan ในเงื่อนไข ง่ายๆ และผ่อนสบาย ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน และ หมดเขต 30 มิถุนายนศกนี้

ในกลุ่มรถกระบะ Nissan Navara ในรุ่น Single Cab มาพร้อม ประกันภัยชั้น 1 Premium Protection 1 พร้อมพื้นปูกระบะท้าย ส่วนในรุ่น King Cab และ Double cab 4 ประตู มาพร้อม ดอกเบี้ยต่ำ 1.99% เมื่อจัดกับ Nissan Leasing ในระยะเวลาผ่อน 48 เดือน ภายใต้เงินดาว 20% ที่ยังมีประกันภัยชั้น 1 มาพร้อมกันด้วย ส่วนในรุ่น frontier ออกง่ายกับประกันภัยชั้น 1 และฟรีคูปองน้ำมูลค่า 5000 บาท

ด้านกลุ่มรถนั่งเริ่มในรุ่น Nissan Tida ที่ให้ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,555 บาท กับ Tida Latio และ 6,777 บาท ในรุ่นแฮทช์แบ็ค ที่มาพร้อมเงื่อนไขดอกเบี้ยเพียง 1.99% ภายใต้เงือนไขดาว 20% ในขณะที่น้องเล็กอีโค่คาร์ยอกนิยมมาพร้อมเงือนไขเดียวกัน แต่ผ่อนเริ่มเพียง 4,099 บาท ตามราคาใหม่ (รุ่น S M/T ราคา 380,000 บาท) ที่ยังมาพร้อมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี

กลุ่มรุ่นใหญ่ Nissan Teana มาพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 ในขณะที่รถอเนกประสงค์ ให้ในเงื่อนไขเดียวกัน ที่ยังมาพร้อมดอกเบี้ยแบกับดิน 1.39% ตามเงื่อนไข ดาว 20% ผ่อน 48 เดือน ที่ผ่อนเริมต้นเพียง 12,222 บาทเท่านั้น

ใครที่สนใจก็อย่ารอช้าไปสอบถามได้ที่โชว์รูม Nissan ทั่วไปประเทศ ที่ต้องรีบหน่อย เพราะโปรแบบนี้มีไม่นานนัก

ที่มาจาก Nissan




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2554    
Last Update : 3 มิถุนายน 2554 8:14:21 น.
Counter : 1130 Pageviews.  

10 ทริคประหยัดน้ำมัน ที่แค่ทำอาจช่วยคุณได้ถึงลิตรละ 10 บาท

ในช่วงนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนใช้ รถใช้ถนนอย่างเราๆท่านๆกำลังประสบปัญหาหนึ่งที่ใหญ่หลวง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้หลายคนกระเป๋าฉีกที่วันนี้นอกจากหนทางประหยัดทั่วๆไปแล้ว เรามีแนวทางใหม่มานำเสนอที่กล่าวกันว่ามันสามารถทำให้รถคุณประหยัดได้มากถึง ลิตรละ 10 บาท หรือประมาณ 1 ใน 3 ของราคาน้ำมันปัจจุบัน

ที่ผ่านมาเราเคยนำเสนอทริคความประหยัดนี้ไปเยอะแยะมากมายและหลายครั้งก็ ได้รับข้อโต้แย้งว่ามันทำได้จริงหรือไม่ แต่ทางหนึ่งที่เราพอจะบอกได้นอกจากขับกันประหยัดสุดๆแล้ว การดูแลรักษารถยนต์ก็ยังนับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันที่ 10 สิ่งเหล่านี้มักถูกละเลยและเป็นต้นเหตุของการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

1.กรองอากาศ รถยนต์วิ่งด้วยอากาศและน้ำมันผสมกันแล้วจุดระเบิดนั้น ยังถือเป็นเรื่องที่เราปฏิเสธไม่ได้ หลายคนมักคิดว่าการดูแลรถคือการที่เราเสียเงินเพิ่มแต่ถ้าเราบอกว่า การเปลี่ยนกรองอากาศตามระยะเสมอสามารถช่วยคุณประหยัดราคาน้ำมันได้ถึง 1.25 บาท นั้นถือว่าไม่น่าจะไกลเกินจริง เพราะอากาศคือหนึ่งในส่วนผสมหลักที่เครื่องยนต์ต้องการ หากมันเดินทางได้โดยไม่ติดขัดเครื่องยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงมากนัก

2.ศูนย์ล้อ อย่างมองข้าม หลายคนมักคิดว่าศูนย์ล้อสามารถตั้งยังไงก็ได้ แต่การตั้งศูนย์ล้อไม่ได้มาตรฐานนั้น จะทำให้ยางสึกเร็วกว่าปกติ และนั่นหมายความว่า เครื่องยนต์จะทำงานหนักตามไปด้วย ซึ่งเป็นต้นเหตุของการสิ้นเปลือง ทางที่ดีควรตั้งศูนย์ล้อให้ขนานกับพื้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ยางใช้ได้นาน ได้หน้าสัมผัสเต็มแล้วยังช่วยประหยัดน้ำมันด้วย

3. เช็คเครื่องยนต์เป็นประจำ พวกเราหลายคนมักละเลยในการตรวจเช็คเครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ การเช็คเครื่องยนต์นั้นไม่ต้องรอให้รถวิ่งไม่ได้แต่ควรทำอยู่สม่ำเสมอให้ชิน โดยเฉพาะรถที่มีอายุมากหากเครื่องยนต์เก่าเกินไปการวางเครื่องใหม่ที่เหมาะ สม ก็อาจทำให้รถประหยัดขึ้นก็ได้

4.ลมยางหมั่นเช็ค เรื่องเล็กๆ แม้แต่ลมยางก็มีผลต่อความประหยัดเช่นกัน และจากผลการสำรวจในสหรัฐพบว่า 1 ใน 3 ของลมยางรถที่วิ่งบนถนนนั้นมักมีการอ่อนค่ากว่าปกติ ซึ่งทุกๆ 7.5 ปอนด์ ที่ลมอ่อนลง ก็จะมีความสิ้นเปลืองมากขึ้น 2.8 เปอร์เซ็นต์

5.น้ำหนัก อีกเรื่องที่บอกประจำ หลายคนโดยเฉพาะคุณผู้หญิง แม้เราจะเตือนกันประจำแต่ก็ยังทำกับการพกข้าวของที่บอกว่า ต้องพร้อมไว้ก่อนเสมอ ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า และอีกจิปาถะ ที่จากรายงานพบว่า ทุก 45 กิโลกรัมที่เพิ่มขึ้นรถจะสิ้นเปลืองมากขึ้นถึง 2 % หรือว่าง่ายๆทุก 20 กิโลเมตร รถจะเปลืองขึ้น 4 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อเทียบกับรถขนาดเล็กอย่างซิตี้คาร์

6.ฝาถังน้ำมัน เคยคิดบ้างไหม?? ใน บ้านเรามีคนจำนวนน้อยมากที่จะเคยเห็นฝาถังน้ำมันของตัวเอง และนี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าฝาถังน้ำมันมีสภาพเช่นไร อันที่จริงชิ้นส่วนนี้ที่ดูไม่สำคัญกลับสำคัญมาก ที่ช่วยในการรักษาแรงดันของน้ำมันที่ส่งไปยังห้องเครื่องยนต์ ซึ่งหากฝาถังน้ำมันชำรุดหรือเสียหาย มันจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นถึง 17% จากปกติ

7.ความเร็วต้องพอเหมาะ ทุกครั้งที่คุณเพิ่มความเร็วขึ้น 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถก็จะมีอัตรากินน้ำมันมากขึ้นถึง 7 % หนึ่งในทางออกที่สำคัญคือการใช้ความเร็วที่พอเหมาะ เช่นใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นั่นหมายถึงคุณต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าจะใช้ความเร็วเท่าใดจะเหมาะสม เพราะบางครั้งการวิ่งช้าไม่ได้ช่วยให้ประหยัดเสมอไป

8.ขับอย่างนิ่มนวล พฤติกรรมการขับขี่นั้น นับว่ายังเป็นเรื่องสำคัญในการประหยัดน้ำมัน การที่คุณคุมคันเร่งได้ดั่งใจนั้นอาจช่วยให้ประหยัดขึ้นในถนนหลวง 33% และในเมืองสามารถได้มากถึง 5% ซึ่งจำไว้ว่าขับไม่ว่าเร็วหรือช้าแต่ถ้านิ่มนวลกับรถของคุณก็ประหยัดแล้ว

9.อย่าพักเท้าที่แป้นเบรค ข้อนี้สำหรับใครก็ตามที่ขับเกียร์ออโต้โดยเฉพาะ ที่มีคนจำนวนไม่น้อยชอบเอาเท้าวางไว้ที่เบรค ซึ่งนอกจากจะทำให้เบรคหมดไวแล้วยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ วันนี้ถึงเวลาที่ต้องคิดใหม่ทำใหม่แล้ว และการที่คุณไม่พักเท้าที่เบรคอาจประหยัดมากกว่าถึง 35%

10.เดินเบาเครื่องยนต์ เรื่องนี้ที่ไม่จำเป็น มีความเข้าใจผิดมากในเรื่องหนึ่งคือการอุ่นเครื่องก่อนใช้งานจริง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดี แต่ความจริงแล้ว แม้เครื่องยนต์จะทำงานได้ดีที่อุณหภูมิ 85-90 องศาเซลเซียส แต่ทุกครั้งที่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 2 นาที คุณกำลังเสียเงิน 1.5 บาท ที่ไม่รวมความสึกหรออีก ดังนั้นถ้าอยากประหยัดดับเครื่องเสียเถิดและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

ทั้ง 10 ข้อ นี้ เป็นทริคดีๆจากองค์กรผู้บริโภคสหรัฐ ที่แนะนำไว้ให้ประหยัดในการเดินทาง ซึ่งเราสามารถนำไปใช้ได้ แม้จะไม่ประหยัดเห็นๆ แต่ก็ช่วยเพิ่มระยะการเดินทางของรถได้ไม่มากก็น้อย


อันที่จริง แต่ละคนก็มีแนวทางการประหยัดไม่เหมือนกัน แต่ 10 ข้อนี้คงช่วยคุณได้บ้าง หากกำลังมองหาวิธีประหยัดน้ำมันด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานทางเลือก




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2554    
Last Update : 2 มิถุนายน 2554 8:00:56 น.
Counter : 1517 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.