ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย

Toyota Camry Hybrid 2012 ที่จะทำตลาดในเอเชียในอีกไม่กี่เดือนนี้ โดยการเปิดตัวจะมีขึ้นไล่ๆกับเวอร์ชั่นอเมริกา(ที่ดูเพรียวบางจนหลายคนบอกว่าหน้าตาคล้ายกับ Altis ของบ้านเราในบางมุม) ไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้ก็คือเครื่องยนต์ 2AR-FXE 2.5L Hybrid (2,493 ซีซี) ที่มาแทนเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 206 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ CVT 6 สปีด (โดยจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดสำหรับรุ่น Base เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร) อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทดสอบตามมาตรฐานญี่ปุ่นอยู่ที่ 26.5 กิโลเมตร/ลิตร ที่ถือว่าประหยัดน้ำมันมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 1

Camry เจนเนอเรชั่นที่ 9 นี้ มีมิติตัวถังที่ 4,825×1,825×1,470 มิลลิเมตร (กว้างกว่าโฉมปัจจุบัน 5 มิลลิเมตร) ฐานล้อยาว 2,775 มิลลิเมตร (เท่าเดิม) โดยยังคงสร้างบน K-Platform เช่นเดิม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.28 จุดเด่นของรถรุ่นนี้อีกอย่างก็คือ พื้นที่จุสัมภาระที่กว้างขวางมากถึง 440-1,120 ลิตร(ที่คงต้องมีการพับเบาะนั่งลง?!)

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 2

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุเลียนแบบคาร์บอนไฟเบอร์ โลหะ และลายไม้ มาพร้อมเทคโนโลยี/อุปกรณ์ต่างๆอย่างครบครันทั้งพวงมาลัยแบบ Multi-Function ช่องต่อเชื่อม iPod หลังคาซันรูฟไฟฟ้า จอแสดงผล Multi-Function โหมดการขับด้วยไฟฟ้า (EV Mode) และโหมดประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) เบาะนั่งไฟฟ้า และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ทาง Toyota ยังเน้นให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมีอุปกรณ์อย่างระบบแจ้งเตือนการชนด้านหลังที่มีจอแสดงผลบนคอนโซลกลาง กล้องช่วยมองหลังและด้านข้างของรถเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 3

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นคือ สเปคและรายละเอียดของ Camry รุ่นปี 2012 ที่จะจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นและเอเชียส่วนใหญ่ รวมถึงออสเตรเลียในชื่อรุ่นว่า Aurion ซึ่งสำหรับโฉมของไทยอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางอย่าง

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 4

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 5

Toyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 6

ขอบคุณเนื้อหาจากToyota Camry Hybrid 2012 โฉมใหม่เวอร์ชั่นเอเชีย รูปที่ 7




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2554    
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 7:26:05 น.
Counter : 1767 Pageviews.  

มือสองน่าสน : Toyota Wish…มินิแวนสุดสปอร์ตที่ยังน่าเล่น

ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วนะครับ สำหรับคอลลัมน์แนะนำรถมือสองของเราที่นี่ในเว็บไซต์sanook! Auto ที่เผลอแวบเดียวเราก็แนะนำรถมือสองหลากรุ่นหลายสไตล์ไปกว่าเกือบ 8 คัน หรือประมาณ 2 เดือนแล้วสำหรับคอลัมน์ และวันนี้เราก้ยังมีรถดีๆน่าเล่นที่คุ้ค่าคุ้มราคามาแนะนำกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวไม่ควรจะพลาด

ถือว่ายังไม่เก่านักสำหรับรถยนต์ครอบครัวที่ต้องตาโดนใจหลายคนอย่าง Toyota Wish ที่จับเอาความสปอร์ตมาผนวกเขากับรถอเนกประสงค์หรือที่รถแบบนี้เราอาจจะเรียกกันว่า "มินิ-แวน" ซึ่งมันอยู่ในคลาสของ Multi Purpose Vehicle หรือที่ฝรั่งชอบเรียกแบบชาวบ้านๆว่ารถ all in one

Toyota Wish.

Toyota wish นั้นนับว่าเป็นรถที่หลายคนยังสนใจ โดยเฉพาะทรวดทรงที่ดูสปอร์ตผนวกเอาเส้นสายความหรูหราตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อช่วงราวๆปี 2003-2004 ก็ยังดูไม่เก่าอะไรมากมายนัก แม้จะผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้ว แต่ก็ยังพอที่จะตอบโจทย์ได้อยู่บ้าง

เสน่ห์ความลงตัวของรถในแบบออกแนวกึ่งวัยรุ่นกึ่งคนมีครอบครัวนั้นทำให้ตลาดยังนิยมรถรุ่นนี้อยู่มาก แถมยิ่งแต่งยิ่งดูดีหนักกว่าเดิม จึงไม่น่าจะต้องบรรยายอะไรมากมาย โดยเฉพาะรุ่นหลังๆก่อนยกเลิกการผลิตนั้นรถรุ่นนี้มาพร้อมชุดแต่งเสร็จสรรพจากโรงงาน แต่ถ้าชอบจริง ราคามือสองของรุ่นสุดท้ายก็ยังเฉียดๆ ล้านกว่าบาทเป็นค่าตัว จากที่เริ่มต้นในระดับ 6 แสนบาทกลางๆ

Toyota Wish.

ใต้ฝากระโปรง Toyota Wish พกเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE ติดตัวออกจากโรงงานพร้อมดีกรีความแรงตั้งแต่เกิดด้วยการออกแบบเครื่องยนต์ที่เน้นหนักตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ต ด้วยห้องเผาไหมสี่เหลี่ยมจตุรัส ให้รอบจัดตั้งแต่รอบกลางยันเส้นยาแดง ตอบสนองสูงสุด 142 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 193 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ที่พอเพียงต่อการตอบสนองรถยนต์ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารสูงสุดถึง 7 ที่นั่งได้แบบสบาย ถ้าคุณเน้นขับแบบชิวๆ แถมระบบเกียร์ยังเลือกเล่นได้ตามความชอบ

แม้ Toyota อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องระบบช่วงล่างและสมรรถนะการเกาะถนนในรถหลายรุ่น แต่ Toyota wish กลับเป็นรถที่ทำได้ดี แต่ไม่ถึงกับยอดเยี่ยม เนื่องจากเบรครุ่นนี้ค่อนข้างลึก ถ้าขับเร็วเบรคไม่ชินเท้ามีเลือกซ้าย-ขวาตามสะดวกแน่นอน

Toyota Wish.

อีกข้อที่ดูเหมือนจะมองข้ามไปไม่ได้นั้นคืออัตราประหยัดน้ำมัน แม้รถขนาด Toyota wish นั้นจะมีอัตราซดน้ำมันที่ดุดันเป็นปกติของรถ Mini-Van อยู่แล้ว แต่ 8-9 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับเครื่อง 2.0 ลิตร ถือว่าออกแนวจะเว่อร์ไปหน่อย โดยเฉพาะรถคันนี้มาพร้อมระบบเกียร์ตามยุคสมัยแถมยังสามารถเลือกสับได้ตามต้องการ แต่ก็ยังซดอยู่ดี ซึ่งเป็นข้อที่ห้ามมองข้ามไป ยิ่งมองภายในห้องโดยสารที่วัสดุอาจลอกได้ง่ายแถมเบาะนั่งแถม 3 ยังขาดอากาศหายใจ ไม่มีช่องลมแอร์ รับรองได้เลยว่าถ้านั่งไกลๆจะอึดอัดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ฟังดูรถรุ่นนี้อาจจะมีข้อเสียมากมายบานเบอะ แต่ถ้าคุณคิดว่ากำลังจะมีครอบครัว ต้องการมีรถที่พอจะบอกสไตล์ที่ยังวัยรุ่นและเครื่องยนต์ที่ขับสนุก แต่แน่นอนก็ต้องพร้อมจ่ายค่าน้ำมันด้วย แถมรถหลายคันยังสามารถจัดไฟแนนท์ได้เต็มวงเงิน เรียกว่าอาจจะไม่ต้องดาวน์เลยก็ได้ ถ้าคุณมีเงินเดือนที่จะครอบคลุมพอ Toyota Wish นั้น ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่น่ามองข้ามไปอย่างเด็ดขาด

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลยถ้าเพื่อนๆ คนใดคลิ๊กแล้วไม่ต้องคลิ๊กซ้ำนะครับ




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 7:19:53 น.
Counter : 2251 Pageviews.  

MAZDA 2 ท้าพิสูจน์ความประหยัด กทม.-ภูเก็ต ถังเดียว ไปไกล 919 กิโลเมตร

ช่วงนี้กระแสความประหยัดที่มาแรงในกลุ่มรถซิตี้คาร์ที่ยังไม่นับน้องใหม่อย่าง Eco Car นั้นทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจรถกลุ่มนี้มากขึ้น แต่คำถามหนึ่งที่สำคัญในเรื่องความประหยัดนั้น ก้คงไม่พ้นว่า หนึ่งถังจะไปได้ไกลกันสักเท่าไร

เมื่อไม่นานมานี้ Mazda ได้ทดลองท้าพิสูจน์ เติมจริงขับจริง โดยสื่อมวลชน ใน Mazda 2 ใหม่เพื่อค้นหาระยะการเดินทางที่ไกลที่สุด โดยกำหนดเส้นทางกรุงเทพมหานคร ปลายทางภูเก็ต พร้อมด้วย สื่อมวลชน 20 ชีวิต ร่วมด้วยช่วยกันเป็นสักขีพยานทางด้านความประหยัด โดยมีข้อกำหนดเดินทางไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และต้องใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 14 ชั่วโมงในการใช้น้ำมันในถัง 43 ลิตร เพื่อไปให้ถึงไข่มุกอันดามัน

Mazda 2 Eco test

ทีมสื่อมวลชนเริ่มล้อหมุนออกจาก โชว์รูมมาสด้า สตราดิวารี่ ย่านพระราม 2 ในช่วงเช้าเวลา 0.05 น. ใช้ถนนพระราม 2 เพชรษเกษม ปลายทางที่ภูเก็ต ที่ตลอดทางนั้นต้อนรับด้วยสายฝนที่กระหน่ำลมมาตลอดวัน เช่นเดียวกับการจราจรที่คับคั่ง ที่ยังมี คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นผู้กำหนดกติกาเงื่อนไขและกฏเหล็กของการทดสอบ ผลปรากฏว่ารถยนต์มาสด้า2 ทุกคัน สามารถขับผ่านสะพานสารสิน ผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตริย์ตรี ท้าวศรีสุนทร เข้าสู่จังหวัดภูเก็ต และสามารถทำสถิติใหม่น้ำมันถังเดียว (43 ลิตร) สามารถขับได้ไกลถึง 919 กิโลเมตร

สำหรับข้อกำหนดในการขับขี่ทดสอบประหยัดน้ำมัน ใน Mazda 2 นั้น นอกจากการใช้ความเร็ว เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วยังต้องปรับระบบปรับอากาศที่ ระดับ 3 ใน 4 และ ความแรงพัดลมเบอร์ 2 พร้อมวัดระดับแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับปกติ ตามมาตรฐานในคู่มือรถ คู่หน้า32 PSI ด้านหลัง 29 PSI ทั้งยัง ห้ามพับกระจกมองข้าง และห้ามเปิดกระจกทุกบาน เดินทางโดยใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 ทุกคัน

การทดสอบในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งกับกิจกรรมเพื่อความ ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Zoom-Zoom ทั้งยังเป็นการร่วมส่งเสริมนโยบายของภาครัฐ รวมทั้งเป็นการร่วมอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม

Mazda 2 Eco test

นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การบันทึกประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ทางมาสด้าได้นำเอารถยนต์นั่งสปอร์ตซิตี้Mazda 2 ใหม่ รุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู และรุ่นซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 1500 ซีซี ให้กำลังแรงม้าสูงสุดถึง 103 แรงม้า จำนวน 6 คัน เดินทางมุ่งลงทางภาคใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรปกติ ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี พังงา และสิ้นสุดที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยการเติมน้ำมันเพียงครั้งเดียวเต็มถังในปริมาตรความจุ 43 ลิตร รวมระยะทาง 798 กิโลเมตรและคันที่ชนะเลิศสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 919 กิโลเมตร ที่สำคัญMazda 2 ทุกคันสามารถวิ่งถึงภูเก็ตด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวและยังมีน้ำมันเหลือในอยู่ในถังอีกจำนวนหนึ่ง

Mazda 2 Eco test

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การบันทึกการขับประวัติศาสตร์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มาสด้าต้องการสื่อสารกับลูกค้าในยุคดิจิตัล ผู้มีความคาดหวังสูงจากการเลือกซื้อสินค้ามาใช้สอย ต้องการสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากสมรรถนะความแรงแล้วMazda 2 ยังสามารถพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นรถซิตี้คาร์ที่มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ หรือเป็นรถประหยัดน้ำมันนั่นเอง

" แม้ว่าสภาพภูมิอากาศจะมีฝนและลมพายุกระหน่ำตลอดเส้นทาง รวมทั้งการจราจรที่หนาแน่น ซึ่งเป็นถนนที่ประชาชนทั่วไปใช้สัญจร รวมระยะเวลาที่เดินทางในครั้งนี้ประมาณ 14 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาแวะพักระหว่างทาง Mazda 2 สามารถวิ่งด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว 43 ลิตร ถึงภูเก็ตทุกคัน และที่สำคัญรถทุกคันยังสามารถวิ่งต่อไปได้อีกจนกว่าน้ำมันจะหมดถัง"

Mazda 2 Eco test

สรุปการทดสอบการประหยัดน้ำมันมาสด้า 2 เส้นทาง กรุงเทพ-ภูเก็ต

อันดับที่1 ระยะทางที่วิ่งได้ 919 กิโลเมตร

ระยะเวลาที่เดินทาง 13.078 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 60.328 กม./ชม.

อันดับที่2 ระยะทางที่วิ่งได้ 905 กิโลเมตร

ระยะเวลาที่เดินทาง 12.162 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 64.875 กม./ชม.

อันดับที่3 ระยะทางที่วิ่งได้ 879 กิโลเมตร

ระยะเวลาที่เดินทาง 13.090 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 60.274 กม./ชม.


แม้งานนี้เรียนตามตรงว่าเราไม่ได้ไปด้วย แต่จากการพูดคุยแบบออนไลน์จากทีมสังเกตการต้องบอกครับว่างานหินมาก เพราะ ฝนตกตลอดทาง ตั้งแต่ช่วงกลางทาง โดยเฉพาะกลางทางนี่ได้ข่าวว่าตกหนักมาก ซึ่งสภาวะอากาศก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ชี้ว่ามาสด้า 2 ยังมีดีที่ประหยัดเช่นเดียวกับสมรรถนะการขับขี่ที่วางใจได้




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2554    
Last Update : 23 สิงหาคม 2554 7:24:46 น.
Counter : 2082 Pageviews.  

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ตัวจริงเรื่องความสปอร์ตกับน้องเล็กของอีโว

หากพูดถึงรถยนต์ในตลาดที่มีอยู่อย่างมากมายแล้ว รถในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ในปัจจุบันนั้น แม้จะได้รับความนิยมน้อยลงตามกระแสน้ำมันแพงทำให้คนจำนวนมากเริ่มมองรถเล็กที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้หลายอย่างมากขึ้น แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถที่ให้อรรถรสการขับขี่ที่เปี่ยมล้นนั้นยังเป็นที่ถวิลหาของใครหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพูดถึงพิกัดความเร้าใจที่ใส่มาให้เต็มเปี่ยมจากโรงงาน

เมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมานั้น เราได้มีโอกาสได้นำรถยนต์ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มาคลุกคลีกันอย่างเต็มๆ หลังเมื่อช่วงต้นปีเราได้ไปทดสอบแบบ Group Test มาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าในครั้งนี้เป็นการทดสอบในสภาวะการใช้งานจริง ที่รถคันนี้ต้องสามารถตอบโจทย์บนสภาวะถนนให้ได้ว่ามันมีดีพอกับราคาค่าตัว 1,051,000 บาท จนน่าจับจองเป็นเจ้าของหรือไม่

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

บ่ายๆ ก่อนวันแม่หนึ่งเรารีบกุลีกุจอเคลียร์งานต่างๆก่อนมุ่งหน้าสู่บริษัท Mitsubishi Motors ย่านรังสิต ไปรับ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มาเลี้ยงดูเต็มๆ 3 วัน ช่วงหยุดยาว ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เหมาะเจาะในการทดสอบยนตรกรรมแถวหน้าคอมแพ็คคาร์ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

แม้ Mitsubishi ดูเหมือนจะให้ความสนใจในการเทขายรุ่น 1.8 ลิตรมากกว่า สำหรับ Mitsubishi Lancer EX ที่เปิดตัวมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ความเปี่ยมล้นในจิตวิญญาณของเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี นั้น ก็เชิญชวนให้เราอยากลิ้มลองโดยเฉพาะ เมื่อนี่คือรุ่นที่ "จิตวิญญาณการแข่งขัน" ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ และประกอบกับราคาที่ปรับลงมาเย้ายวนใจใครหลายๆคนที่รักรถที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง บททดสอบนี้จึงเริ่มขึ้น

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

รัก...แรกพบ

เมื่อช่วงต้นปีตอนไป Group Test กับค่าย Mitsubishi ที่ถือเป็นงานแรกๆที่ทาง Sanook! auto ออกไปเปิดหูเปิดตาโลกยานยนต์ในไทยนั้น เราได้มีโอกาสสัมผัสรถรุ่นนี้กันไปแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เมื่อมาควงกันเคียงข้างเป็นเพื่อนคู่ใจนั้น ทำให้เราหวนนึกถึงความประทับใจแรกเห็น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ใหม่ของรถรุ่นนี้ที่ไม่ต่างจาก Mitsubishi Evolution รถสปอร์ตแรลลี่ตัวเต็มขับเคลื่อน 4 ล้อ... รถในฝันของใครหลายๆคน

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

ถ้าจะบอกว่านี่คือน้องเล็กของ Evolution ใครก็คงจะเชื่อด้วยใบหน้าที่ถูกปั้นแต่งใหม่มาในแบบจมูกเบิกกว้างหน้าทรงปลาฉลาม ไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวดุดัน เติมแต่งด้วยชุดแต่งจากโรงงาน ควบมาหมดตั้งแต่สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสปอร์ยเลอร์หลังที่ลงตัวไม่เทอะทะ แต่อยากจะบอกว่าทั้งหมดรวมถึงเจ้า Diffuser ด้านหลังที่ปลายกันชนนี้ ทั้งหมดเป็นของสำนัก Ralliart แท้จากโรงงาน และเจ้าน้องเล็กคนนี้สวมรองเท้าขอบ 18 รมดำกว้าง 7 นิ้ว มาพร้อมยางสปอร์ต Yokohama Advan ซีรี่ย์ 215/45/R18 เรียกว่าครบถ้วนหมดทุกอย่าง

สปอร์ตทันสมัยแม้ภายในห้องโดยสาร

หลังจากทำพิธีรับมอบกันสักพักใหญ่เราก็ได้รับกุญแจรีโมท Keyless Operation System หรือ KOS ที่หมายถึงเราพร้อมแล้วที่จะขับ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ที่เพียงปลายนิ้วแตะสัมผัสเบาๆที่ปุ่มข้างประตู เจ้าน้องอีโวคันนี้ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว กางหู กระพริบไฟ เหมือนดีใจจะได้ออกเที่ยว

Keyless Entry ช่วยให้เราสามารถขึ้น-ลงรถได้อย่างสะดวกและจะไม่ตอบสนองหากเรายืนห่างจากรถ 2 เมตร แต่ที่สังเกตคือการใช้ระบบ Keyless ที่ฝากระโปรงหลังนั้นยังตอบสนองบ้างไม่ตอบสนองอาจจะเป็นเพราะระยะห่างจากตัวเซ็นเซอร์แต่ข้อดีที่เห็นชัดของระบบนี้คือมันสามารถใช้งานง่าย

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

หลังจากทำความคุ้นเคยกับระบบพักใหญ่ ก็ได้เวลาประจำตำแหน่งในห้องโดยสารที่รถคันนี้เน้นความสปอร์ตในจิตวิญญาณอย่างมาก ด้วยการตบแต่งภายในสีดำทั้งคัน ซึ่งอาจจะทำให้มิติห้องโดยสารโดยรวมนั้นดูเล็กไปแต่เมื่อลงนั่งบนเบาะนั่งแบบสปอร์ตทางด้านคนขับที่ติดตั้งมาให้คู่หน้านั้น ก็โอบกระชับพอดีตัวทำให้รู้สึกเหมือนคุณอยู่ในรถแข่ง ที่ตรงหน้ามีพวงมาลัยมัลติฟังชั่น 3 ก้านสามารถควบคุมเครื่องเสียง และมีระบบ Cruise Control มาด้วย ส่วนลึกลงไปเป็นมาตรวัดแบบสปอร์ตพร้อม Trip Computer ที่ฝังไว้ในคอนโซลหน้าสีดำ สามารถดูข้อมูลได้ด้วยปุ่ม Info ที่อยู่ด้านข้างขวาหลังพวงมาลัย

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

ตรงกลางคอนโซลจุเครื่องเล่น DVD ที่มาเสร็จสรรพพร้อมจอทัชสกรีน 7 นิ้ว มีระบบเชื่อมต่อ bluetooth ลิงค์กับโทรศัพท์ยามขับขี่ ทำงานทันทีที่คุณเปิดวิทยุ ที่ต้องเซทค่าก่อนแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ USB และIpod ตรงรุ่น สายนั้นเก็บไว้ในคอนโซลหน้าฝั่งคนนั่ง ถัดลงมาเป็นสวิทช์ระบบปรับอากาศ มาพร้อมระบบแอร์อัตโนมัติใช้ลูกเล่นหมุ่นปรับระดับส่วนตรงกลางนั้นกดตัดการทำงานคอมเพรสเซอร์ หรือ กดเพื่อให้ไล่ฝ้ากระจกหลังทำงาน ถังลงมาเป็นคันเกียร์อัตโนมัติ ไล่เรียง P R N D และ ผลักทางด้านขวาจะเป็น Manual Mode + เพิ่มตำแหน่งเกียร์ผลักขึ้น ส่วน ลดตำแหน่งเกียร์ - ให้ผลักลง

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

เหลียวไปมองเบาะหลังลงตัวด้วยหนังสีดำเช่นกันตรงกลางมาพร้อมพนักวางแขนที่ยังสามารถพับเบาะเปลี่ยนเป็นพื้นที่วางของได้ในอัตรา 60 :40 ส่วนเหนือเพดานมีไฟส่องสว่างและกระจกก็เป็นตัดแสงมาจากโรงงานช่วยให้ขับขี่ได้โดยไม่ล้ายามค่ำคืน

หลังจากพร้อมเสร็จสรรพปรับเบาะนั่งปรับเบาะนั่งด้วยระบบอัตโนมือ ที่เราหวังเล็กว่า Mitsubishi จะให้เบาะไฟฟ้าในอนาคตนั้นก็ได้เวลาบิดสวิทช์สตาร์ท แต่เมื่อขับรถออกมาสักระยะหนึ่งก็สังเกตว่าประตูไม่ล็อคอัตโนมัติ และตำแหน่งล็อคประตูที่กับมือจับเปิดประตูนั่นทำให้ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเท่าไร น่าจะย้ายมาช่วงสวิทช์กระจกดีกว่า

จิญวิญญาณเดียวกับ Evolution แค่ไม่มีตัวเพิ่มพลังเท่านั้น

เครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี รหัส 4B11 ที่มองจากหน้าปัดมีอัตราเร่งสูงสุดที่ 6500 รอบต่อนาที แต่จากรายละเอียดทางเทคนิคระบุว่าขุมพลังตัวนี้ให้อัตราเร่งสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที ตอบสนองแรงบิดสูงสุด 198 นิวตันเมตร ที่ 4250 ต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ Invect III 6 สปีด และที่สำคัญหลังพวงมาลัยมีความมันส์กับ Paddle Shift ให้ได้บริหารนิ้วกันด้วยแหละ

เราสตาร์ทเครื่องยนต์ที่จอดนิ่ง และทันทีสิ้นเสียงแชะ! ขุมพลัง 4B11 รหัสเดียวกับพี่ใหญ่ Evolution จะขาดก็แต่เพียงเทอร์โบเบ่งพลังที่แน่นิ่งก็ส่งเสียงคำรามพร้อมทะยานและเดินเบาที่ 700 รอบต่อนาที ถ้าไม่สังเกตเรือนไมล์ก็แทบไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่พร้อมภาระการทดสอบ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT นั้น เราก็พบว่าการวอร์มเครื่องตอนเช้าค่อนข้างหฤโหดฟาดไปเสีย 1500 รอบต่อนาที หึ่งจนน่ารำคาญ

สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะกังขาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี คงไม่พ้นความเหมาะสมในการใช้งาน ที่ยังไม่นับราคาที่แพงกว่าแต่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มีอะไรมากกว่าแค่เครื่องยนต์เปี่ยมสมรรถนะ และเราก็นำมันออกทะยานสู่ปลายทางเมืองหัวหินเพื่อหาข้อพิสูจน์

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

ในการเดินทางออกทะเลครั้งนี้เราเดินทางด้วยผู้โดยสาร 2 คน พร้อม สัมภาระที่ไม่มีอะไรมาก แค่กระเป๋าและขาตั้งกล้อง ที่ดันวางลืมทิ้งเอาไว้แถมไปให้ตอนนำรถไปคืนยังบริษัท Mitsubishi ที่ต้องขอบคุณ พีอาร์สาวสวยพี่จิมที่ช่วยเก็บไว้ให้เป็นอย่างดี

กลับมาว่าการทดสอบกันต่อก่อนเดินทางเราเช็คลมยางให้อัตราลมยาง 4 ล้อที่ 38 PSI เอาค่อนข้างแข็งเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ช่วงล่าง ก่อนปักตะไคร้มองฟ้าฝนน่าจะเป็นใจ แต่เมฆเยอะ แล้วก็ได้ฤกษ์เคลื่อนพลสู่ปลายทาง

จุดเริ่มต้นการทดสอบนั้นอยู่ที่ย่านหลักสี่ และเดินทางออกทางถนน นครอินทร ดิ่งออกถนนกาญจนา จรดถนนพระราม 2 ยิงยาวถึงวังมะนาวแล้วไปตามทางถนนเพชรเกษม โดยใช้เส้นทางเดิมผ่านตัวเมืองชะอำ การขับทดสอบนั้นเราใช้ความเร็วประมาณ 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ถือเป็นความเร็วเดินทางปกติของคนสมัยนี้ แต่แล้วเมื่อเข้าสู่ถนนพระราม 2 ขณะมุ่งหน้ามหาชัย การจราจรคับคั่งก็กลับกลายเป็นติดขัด ยาวยันเกือบถึงย่านนาเกลือสมุทรสงคราม

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

2 ชั่วโมงบนถนนยังห่างจากกรุงเทพมหานครไม่ถึง 100 กิโลเมตรเล่นเอาเซ็งไปเหมือนกัน แต่แล้วการจราจรก็เริ่มเคลื่อนตัวได้ ต้นเหตุไม่ใช่อะไรแค่มีงานวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ริมถนนเท่านั้น ก่อนยิงยาวทำความเร็วเพิ่มไปเหยียบ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และป้วนเปี้นแถวๆนั้น

ช่วงที่ขับย่านความเร็วสูงนี้ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT สามารถตอบสนองได้ดี การขับขี่แน่นหนึบแม้เปลี่ยนเลนในความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นใจได้ เช่นเดียวกับการเข้าโค้งที่ฟิตปั๋งไม่มีโยนให้เห็น ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นต้องยกให้ชุดสปอร์ยเลอร์หลัง แม้เคยโดนกังขาว่าบดบังทัศนวิสัย อีกข้อหนึ่งที่สำคัญก็มาจากล้อแม็กขอบ 18 นิ้วทำให้ยางมีหน้าสัมผัสเยอะขึ้นช่วยเพิ่มสมรรถนะการเกาะถนนยิ่งขึ้น

น้ำมันที่เต็มจากกรุงเทพมหานครสามารถวิ่งถึงหัวหินได้ด้วยความเร็วตามที่กล่าว โดยใช้น้ำมันเพียงครึ่งถังจากถังน้ำมันขนาด 59 ลิตรเท่านั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยเฉพาะเมื่อเลยชะอำเราลองทำความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ปั้นได้ดีสุดที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อกดดูอัตราการใช้เชื้อเพลิงจาก trip computer ก็ได้ตัวเลขที่ 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าดีเยี่ยมกับความเร็วระดับนี้ ซึ่งเมื่อเทียบออกมาเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร บททดสอบนอกเมืองนี้ใช้เงินเพียง 3.7 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น

วันใหม่ในเมือง..คันนี้ก็คล่องตัว

เช้าวันใหม่หลังจากการทดสอบนอกเมืองเราตื่นมาขี่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT สู่ย่านใจกลางกรุงการขับในเมืองคนจำนวนมากมักจะเลือกขับในโหมด D ตลอด และนั่นก็เป็นเช่นเดียวกับเรา โดยวันนี้ออนทัวร์ฉายเดี่ยวขับไปๆมาๆ ก็พบว่าเกียร์ Invect III นั้นตอบสนองได้ดีแต่ค่อนข้างลากรอบไปสักนิด เรียกว่าไม่ถอนคันเร่งก็ไม่เปลี่ยน และเป็นเช่นนี้หลายรอบ จนต้องได้แตะ Paddle shift ที่สามารถใช้งานได้ทันที แต่เจ้าเกียร์มือนี้แม้จะตอบสนองดีตามใจฉันแต่ก็ให้ผลไม่ต่างจากเดิมเลย คือ เปลี่ยนตำแหน่งช้า และไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องมีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองอย่างแน่นอน

Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการจราจรในเมืองนั้นถือเป็นโจทย์ที่ยากที่เครื่องขนาด 2.0 ลิตร จะตอบเรื่องอัตราซดน้ำมันอยู่แล้ว เราฝากเสนอแนะว่า หาปุ่มหรือทำโหมดประหยัดขึ้นมาน่าจะช่วยได้ โดยเฉพาะการปรับโปรแกรมเกียร์ไม่ให้ลากรอบในช่วงโหมด D จะทำให้อัตราประหยัดนั้นดีกว่านี้ แต่จากการทดสอบ ที่วิ่งไปรอบๆเมืองนั้นเราได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 9.2 กิโลเมตรต่อลิตร อ้างอิงจาก Trip Computer

ข้อหนึ่งที่น่าชมเชยใน Mitsubishi Lancer Ex 2.0 GT นั้น คือความคล่องตัวในเมืองที่ทำได้ดีรถหน้าสั้นนั้นทำให้มันขับง่าย เช่นเดียวกับ walking Speed หรือ อัตราเดินเบาแบบไม่แตะคันเร่งนั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ซึ่งโดยรวมน่าจะเรียกว่ารถคันนี้มีสมรรถนะเข้าขั้น

ถ้าไม่นับข้อติเตียนจากเราเล็กๆน้อย Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ก็เป็นคอมแพ็คคาร์อีกรุ่นที่พกสมรรถนะมาอย่างเต็มเปี่ยม ตั้งแต่เรือนร่างที่ดุดันและสง่างาม จนถึงเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีและช่วงล่างที่แน่น ด้วยราคา 1.051 ล้านบาท หากคุณชอบความสปอร์ต..ต้องไม่พลาดคว้ามันมาเป็นเจ้าของ

ตารางคะแนนการขับขี่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT

Sanook! Drive Car Recommend **** point 90

หัวข้อ

คะแนน (เต็ม10)

คำแนะนำและข้อเสนอแนะ

รูปลักษณ์ภายนอก

9.5

การให้รูปโฉมของ Evolution ในรถรุ่นนี้ถือว่าลงตัวมา ชุดแต่งพร้อม ล้อแม็กครบทั้งหมดพร้อมซิ่ง ถือว่าเป็นจุดเด่น ความจริงก็อยากให้เต็มอยู่ แต่เมื่อความงามแบบนี้มาจากการเสริมชุดแต่งก็ขอหักเล็กน้อย แต่ทำได้ดีเลยทีเดียว ..

ภายในห้องโดยสาร

8.5

ห้องโดยสารสีดำดูงดงามอุปกรณ์พร้อมดี เครื่องเสียงเวิร์ค รถขายจริงมีระบบนำทางด้วย แต่ข้อติติงคือ 1.ปุ่มล็อคประตู ถ้าไม่คิดจะย้ายทำให้มันล็อคเองนะ Mitsubishi 2.เรื่องปุ่มที่พวงมาลัย จริงๆใช้งานไม่ยากถ้าคุ้นเคย แต่ถ้าไม่คุ้นเคยนี่ปัญหาใหญ่ 3.เบาะนั่งน่าจะใส่ปรับไฟฟ้าได้แล้ว

สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด

9

เครื่องยนต์ 4B11 นี่รหัสเดียวกับ อีโวเลยขับ ขับมันส์ ขับสนุก แต่อัตราทานน้ำที่ยังเป็นรองนั้นปัญหาใหญ่คือระบบส่งกำลัง ที่ยังลาก หรือมีการกระชากบ่อยครั้ง เราได้ลองใช้ manual Mode ขับดูพบว่าทำอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าอย่างชัดเจน ดังนั้นต้องไปปรับปรุงอีกหน่อย ส่วนอัตราสิ้นเปลืองระหว่างทดสอบถ้าเทียบกับพิกัดเครื่องถือว่าผ่าน แต่เชื่อว่าเมื่อปรับเรื่องเกียร์จะดีขึ้นกว่านี้อีก

ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี

9

ทุกอย่างลงตัวทำได้ดีแล้ว แต่ความดีความชอบนั้นก็มาจากการปรับแต่งด้วย เช่นการเพิ่มสตรัทบาร์ในห้องเครื่อง การใส่สปอร์ยเลอร์อะไรแบบนี้ ซึ่งหากตัวเปล่าแล้วขับได้เทพขนาดนี้ คะแนนเต็มไม่ไกลเกินเอื้อม

ภาพและเรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับข้อมูลและรถทดสอบMitsubishi Lancer EX2.0 GT




//auto.sanook.com/item/2721-sanook-drive-mitsubishi-lancer-ex-2.0-gt-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95.html




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2554    
Last Update : 22 สิงหาคม 2554 8:01:04 น.
Counter : 2921 Pageviews.  

เปิดตัวดีเซลสุดประหยัด… Hyundai i20 Blue

กลับมาอีกครั้งแล้ว สำหรับข่าวสารวงการรถยนต์ คราวนี้ทาง Thaicarlover.com เอาใจคนที่ชื่นชอบซิตี้ คาร์ นำข่าวจากค่าย Hyundai มาฝากพี่ๆ น้องๆ กันครับ
ซึ่งล่าสุด…

ฮุนได รุกตลาดอย่างต่อเนื่องอีกระลอกด้วยการเปิดตัว Hyundai i20 Blue หลังบุกตลาดรถเล็กในสหราชอาณาจักรไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาด้วย i10 Blue โดย Hyundai i20 Blue นี้จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล CRDi 1,400 ซีซี 90 แรงม้า ที่มาพร้อมระบบ ISG หรือ Intelligent Stop & Go ตัวยางจะลดแรงต้านการหมุน ช่วงล่างหลังมีแผ่นปิด และแผ่นบังลมที่ล้อหลัง จิบน้ำมันเพียง 27 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดกว่ารุ่น i20 Style ประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ และลดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ลงได้ 12 เปอร์เซ็นต์ จาก 111 เหลือ 98 กรัมต่อกิโลเมตร

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านข้าง

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านข้าง

นอกจากนี้ Hyundai i20 Blue 2011 ยังมาพร้อมล้อแม็ก 15 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมระบบจดจำเสียง, ระบบฮีตเตอร์, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, กระจกข้างหน้าและหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า, พวงมาลัยมีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง, ช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX, ระบบปรับอากาศ และรีโมตเซ็นทรัลล็อก

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านหน้า

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านหน้า

สำหรับราคา ฮุนได i20 บลู 2011 จะอยู่ที่ประมาณ 660,000 บาท เท่านั้นครับ

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านหลัง

Hyundai i20 Blue 2011 - ด้านหลัง

แฟนๆ Hyundai ในบ้านเราคงจะต้องอดใจไปก่อน แต่ก็ไม่แน่ที่ Hyundai i20 Blue จะมาอวดโฉมให้ชมกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2554 (Motor Expo 2012) ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอันนี้แฟนๆ ฮุนไดคงต้องติดตามกันต่อไปครับ

อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2554    
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 10:53:18 น.
Counter : 1470 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.