ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Rolls-Royce Ghost : ขยายร่างให้ความหรูรุ่นเล็ก

หลัง เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2010 ตอนนี้โรลส์-รอยซ์ แบรนด์รถยนต์ระดับหรูของบีเอ็มดับเบิลยู จัดการเพิ่มความสดใหม่ให้กับความหรูไซส์เล็ก (เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นแฟนธอม) อย่างรุ่นโกสต์ ขยายฐานล้อ เพิ่มความสะดวกสบายเอาใจคนนั่งด้านหลังมากขึ้น ส่วนใครที่ชอบก็ต้องรีบหน่อย เพราะผลิตจำกัด โดยจะเริ่มรับจองกันตั้งแต่ต้นปีหน้า

โกสต์ เป็นรถยนต์ซีดานรุ่นเล็กของโรลส์-รอยซ์ที่ถูกพัฒนาอยู่บนพื้นฐานที่ใช้ร่วม กับซีรีส์ 7 รุ่นปัจจุบันในรหัส F01 ของบีเอ็มดับเบิลยูประมาณ 20% โดยมุ่งเป้าไปที่การขยายฐานลงสู่ตลาดระดับหรูกลุ่มเดียวกับบรรดา Flagship ของบีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์, ออดี้ และเบนท์ลีย์

รถยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนามาจากต้นแบบที่ ชื่อ 200EX ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 ก่อนที่คันจริงจะถูกเปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ปีเดียวกัน โดยชื่อการพัฒนาของรถยนต์หรูรุ่นนี้ คือ RR04 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็น ‘โกสต์’ เพื่อเป็นเกียรติกับซิลเวอร์ โกสต์ รถยนต์หรูรุ่นแรกที่ถูกผลิตขึ้นมาในปี 1906

ในแง่ของการออกแบบเป็นการย่อส่วนของแฟนธอม ยกเว้นประตูซึ่งเป็นการเปิดแบบปกติ ไม่ใช่เปิดออกในสไตล์ตู้กับข้าวเหมือนกับแฟนธอม ตัวถังถูกผลิตจากเหล็กไม่ใช่อะลูมิเนียมเหมือนกับแฟนธอม และงานออกแบบเป็นหน้าที่ของเอียน คาเมรอน

สำหรับรุ่นฐานล้อยาว หรือ Extended Wheelbase ถูกเปิดตัวครั้งแรก งานออโต้ เซี่ยงไฮ้ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีการเพิ่มความยาวของระยะฐานล้ออีก 170 มิลลิเมตร เป็น 3,460 มิลลิเมตร หรือใกล้เคียงกับความยาวของรถยนต์แฮทช์แบ็กในคลาส A-Segment เลยทีเดียว

ความยาวที่เพิ่มเข้ามาเป็นการเพิ่ม ให้กับช่วงพื้นที่วางขา หรือ Legroom ของเบาะนั่งด้านหลัง เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้น ซึ่งจากการเปิดเผยของโรลส์-รอยซ์ระบุว่าพื้นที่ช่วงหัวเข่าในรุ่นฐานล้อยาว มีมากกว่ารุ่นธรรมดาถึงเท่าตัวเลยทีเดียว

หน้าที่ในการขับเคลื่อนยังเป็นงานของขุมพลังเบนซินวี12 6,600 ซีซี เทอร์โบคู่ ที่ปรับปรุงจากเครื่องยนต์รหัส N74 ของค่ายใบพัดสีฟ้า มีกำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 79.5 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที พร้อมกับอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามระเบียบ

การยึดเกาะและความนุ่มนวลมาจากระบบช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ทั้งด้าน หน้าและหลัง ซึ่งชิ้นส่วนผลิตจากอะลูมิเนียม บวกกับการใช้ระบบ Air Suspension ในการทำหน้าที่แทนในการดูดซับแรงกระแทก และเมื่อบวกกับระบบความปลอดภัยอย่าง Active Roll Stabilization ด้วยแล้ว ทำให้การตอบสนองต่อการทรงตัวในทุกสภาพเส้นทางมีความมั่นใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมา แต่ด้วยจำนวนที่ผลิตไม่มากนักแบบจำกัด ทำให้เชื่อว่าค่าตัวของโกสต์ Extended Wheelbase น่าจะแพงขึ้นจากรุ่นธรรมดาอยู่พอสมควร โดยรุ่นธรรมดามีราคาขายอยู่ที่ 255,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 7.65 ล้านบาท




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2554 10:30:34 น.
Counter : 811 Pageviews.  

Chevrolet Corvette Z06 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี

เชฟโรเลต ปรับแต่งคอร์เวทท์ รุ่นปี 2012 เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้ทะลุขีดจำกัดในแบบรถแข่ง และให้ความสบายในการใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในรุ่น Z06 และรุ่นท็อปไลน์รหัส ZR1 รวมถึงทุกรุ่นย่อยในไลน์คอร์เวทท์ ซึ่งรุ่นพิเศษนี้ ออกโชว์โฉมในงานเนชั่นแนล คอร์เวทท์ มิวเซียม พร้อมกับคอร์เวทท์ รุ่นเซนเทนเนียล เอดิชั่น (Centennial Edition) หรือรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีเชฟโรเลต ที่เมืองโบว์ลิ่ง กรีน รัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา และพร้อมขึ้นสายการผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

“เรามุ่งมั่นยกระดับคอร์เวทท์ ให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น ทั้งบนถนน และในสนามแข่ง” แทดจ์ จูเอชเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสายผลิตภัณฑ์คอร์เวทท์ และหัวหน้าทีมวิศวกรรมกล่าวและว่า

“สมรรถนะของคอร์เวทท์ 2012 จะพุ่งสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะเดียวกันก็จะเป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งก็ต้องยกความดีให้กับการเปลี่ยนแปลงหลายจุดที่เกิดขึ้นกับรถรุ่นพิเศษ นี้”

สิ่งแรกที่เชฟโรเลต ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้คอร์เวทท์ 2012 คือ การใช้ยางมิชลิน ไพล็อต สปอร์ต คัพ ซีโร เพรสเชอร์ ยางที่ออกแบบเพื่อเน้นความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะ สามารถรองรับ การใช้งานบนถนนแห้ง และร้อนในระดับเดียวกับรถแข่ง เพิ่มการควบคุมขณะเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี โดยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในคอร์เวทท์ รุ่นน้ำหนักเบารหัส Z06 กำลังสูงสุด 505 แรงม้า และรุ่นสูงสุด ZR1 ที่มีพละกำลังมหาศาล 638 แรงม้า

สำหรับยางมิชลิน รุ่นคัพ ซีโร เพรสเชอร์ ในคอร์เวทท์ 2012 นี้ ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิศวกรที่คิดค้นยางเกรดพิเศษที่ใช้ในรถแข่งคอร์เวทท์ ในรายการอเมริกัน เลอมังส์ ซีรีส์ แต่ต่างกันที่มิชลิน คัพ แซดพี สามารถใช้บนถนนทั่วไปได้ โดยมีขนาด 285/30 ขอบล้อ 19 นิ้วที่ด้านหน้า และ 335/25 ขอบล้อ 20 นิ้วที่ด้านหลัง คู่กับล้ออลูมิเนียมสีดำ หรือสีเงินบรอนซ์ ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมราว 2.2 กิโลกรัม แต่แข็งแรงยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับล้อ 20 ก้านแบบเดิมของคอร์เวทท์ รุ่นปี 2011

ด้านนวัตกรรมได้เพิ่มเสถียรภาพการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น กับเทคโนโลยีควบคุมสมรรถนะการขับขี่ PTM (Performance Traction Management) เอกสิทธิ์เฉพาะของคอร์เวทท์ ซึ่งจะควบคุมแรงบิดเพื่อรีดพละกำลังออกมาสูงสุด เมื่อบวกกับสมรรถนะของยางรุ่นดังกล่าว ทำให้คอร์เวทท์รุ่นนี้จะมีสมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยม

ทีมวิศวกรของเชฟโรเลต คาดว่า คอร์เวทท์ 2012 จะมีกำลังอัตราเร่งสูงสุดเพิ่มขึ้นราว 8 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแรงดึงมากถึง 1.1 จี พร้อมกับลดระยะเบรกลงได้อีกด้วย หลังจากผ่านการทดสอบบนสนามแข่งเวอร์จิเนีย อินเตอร์เนชั่นแนล เรซเวย์ ซึ่งคอร์เวทท์ รุ่นพิเศษนี้ สามารถลดเวลาต่อรอบได้ถึง 3 วินาที

ระบบ PTM (ติดตั้งใน Z06 เป็นครั้งแรกในรุ่นปี 2012) จะช่วยจัดเสถียรภาพการควบคุมของรถให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะในระดับเดียวกับรถแข่ง เมื่อผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งจนสุดขณะกำลังทะยานออกจากโค้ง โดยจะทำงานร่วมกับระบบการควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) ระบบควบคุมการบังคับเลี้ยว (Active Handling) และระบบปรับช่วงล่างอัตโนมัติ (Selective Ride Control) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนของรถที่ตอบสนองได้เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน และเป็นนวัตกรรมที่ริเริ่มโดยคอร์เวทท์เมื่อหลายปีก่อน ที่จะช่วยควบคุมอัตราเร่งและตัวรถให้สมดุลกันเป็นอย่างดี

ในส่วนด้านท้ายรถติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ เพิ่มแรงกดท้ายตามหลักอากาศพลศาสตร์ สำหรับเบรกคาร์บอนเซรามิกของเบรมโบ จะถูกติดตั้งอยู่ในรุ่น Z07 (อุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น ZR1) ดังเช่นที่ผ่านมา ขณะที่ยางมิชลิน ไพล็อต สปอร์ต 2 เส้นยังคงเป็นอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานในรุ่น ZR1

ฝากระโปรงหน้าแบบคาร์บอนไฟ เบอร์ จะเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับคอร์เวทท์ Z06 ปี 2012 ขณะที่คอร์เวทท์ ZR1 รุ่นเกียร์ธรรมดา จะมาพร้อมกับอัตราทดเกียร์ที่ 5 และ 6 ชุดใหม่ เพื่อเพิ่มอัตราความประหยัดเชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น

เชฟโรเลต คอร์เวทท์ 2012 ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับพวงมาลัย และเบาะที่นั่งดีไซน์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งพนักพิง และบริเวณที่นั่ง เพิ่มความกระชับรองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ใน ขณะเดียวกันก็ให้ความสบายขณะขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยมีวัสดุหนังกลับไมโครไฟเบอร์ ที่จะให้ความรู้สึกหรูหราในทุกสัมผัส และรองรับการใช้งานได้อีกระดับ เป็นอุปกรณ์พิเศษให้เลือก

ขณะที่พวงมาลัยของคอร์เวทท์ 2012 จะประทับตราตรงกลางวงตามรุ่นย่อยของคอร์เวทท์แต่ละรุ่น พร้อมกับสวิทช์มัลติฟังก์ชั่น และก้านพวงมาลัยรูปทรงใหม่ ขณะที่บริเวณคอนโซลกลาง และที่พักแขน ตกแต่งด้วยหนังแท้ในทุกรุ่น ทั่วทั้งห้องโดยสารตัดกับสีสันของด้ายที่แตกต่างกัน ทั้งสีแดง น้ำเงิน และเหลืองให้เลือกตามความต้องการ

สำหรับความบันเทิงภายในห้องโดยสารจะติดตั้งระบบเครื่องเสียงของโบส ที่มีลำโพง 9 ตัว (มากกว่ารุ่นปี 2011 ที่มี 7 ตัว) และได้รับการปรับแต่งให้มีคุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น พร้อมกับลำโพงทวีตเตอร์ และเสียงเบส เทคโนโลยีล่าสุดของโบส ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารในคอร์เวทท์เพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

นอกจากนี้ เจ้าของคอร์เวทท์สามารถเลือกได้ว่าต้องการคาลิปเปอร์เบรกสีใด เพื่อความแตกต่างตามแต่รสนิยมของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีเงิน หรือสีเทา

ปิดท้ายยังมีแพกเกจเทคโนโลยีแบบอินโฟเทนเมนท์ล่าสุด ทั้งวิทยุเนวิเกชั่น ดิสเพลย์บริเวณคอนโซลขนาดใหญ่ ระบบเครื่องเสียงชั้นยอด และระบบเชื่อมต่อไร้สายบลูทูธ ตลอดจนช่องเสียบยูเอสบีไว้เพื่อรอบรับการใช้งานหลากหลายอีกด้วย








 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 9:45:23 น.
Counter : 1057 Pageviews.  

รถแปลก ๆ รถรองเท้า






























 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 8:21:09 น.
Counter : 2264 Pageviews.  

Opel Zafira Tourer Concept : อีกไม่นานคงเป็นคันจริง

แม้ในบ้านเราจะขาดหายไป 1 รุ่นที่ไม่ได้ทำตลาด และคิดว่าในรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวก็คงไม่มีเข้ามาขายเหมือนกัน แต่ทว่ายังมีกลุ่มแฟนที่เหนียวแน่นและเฝ้ารอติดตามความเคลื่อนไหวของมินิแวน แบบ 7 ที่นั่งของโอเปิลอย่างรุ่นซาฟิรากันอยู่ตลอดเวลา

และในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 3-13 มีนาคมที่ผ่านมาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โอเปิลจัดการเผยความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของซาฟิราใหม่ผ่านทางต้นแบบทรงสวย สุดล้ำในชื่อซาฟิรา ทัวเรอร์ คอนเซ็ปต์ ซึ่งว่ากันว่าจะกลายมาเป็นโฉมใหม่ของซาฟิรา ซี หรือเจนเนอเรชันที่ 3 ของมินิแวนรุ่นนี้ ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี 2011 นี้

สำหรับต้นแบบรุ่นนี้เมื่อดูจากภายนอกแล้ว มีโอกาสสูงที่ทางทีมออกแบบของโอเปิลแทบจะไม่ต้องดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะตัวรถถูกสร้างสรรค์มาเพื่อสอดคล้องกับการใช้งานจริง และอิงกับสไตล์หรือเอกลักษณ์รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของโอเปิล

โดยเฉพาะไฟหน้าซึ่งถูกออกแบบมาให้กลม กลืนและต่อเนื่องกับช่องของไฟสปอตไลท์บนกันชนจนดูเหมือนกับเครื่องหมาย >< โดยรถยนต์รุ่นแรกของโอเปิลที่จะใช้การออกแบบสไตล์นี้คือ แอมเพอรา ฝาแฝดรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ของเชฟโรเลต โวลต์

ภายใต้แนวคิด Lounge on wheel ต้นแบบรุ่นนี้ (และน่าจะรวมถึงซาฟิราใหม่คันจริง) สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างเต็มที่แห่งความสะดวกสบายของการเดินทาง ด้วยภายในห้องโดยสารที่โอ่อ่า และกว้างขวาง เพียบพร้อมด้วยความหรู

ในรุ่นต้นแบบดูเหมือนว่าทางโอเปิลจะ เน้นไปที่การเป็นรถยนต์ในสไตล์ลิมูซีน โดยเฉพาะการให้ความสะดวกสบายกับคนที่นั่งอยู่บนเบาะแถวที่ 2 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโอเปิลจะลืมเรื่องความอเนกประสงค์ เพราะเบาะนั่งแถวที่ 3 ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ถูกพับเก็บอย่างกลมกลืนและลงตัวอยู่ที่พื้นของห้องเก็บสัมภาระด้าน ท้ายภายใต้แนวคิด Flex7 เหมือนกับรุ่นที่แล้ว

นอกจากนั้นยังเพิ่มความสะดวกสบายในการเปลี่ยนเบาะนั่งหลังจากแบบ 3 ที่นั่งมาเป็น 2 ที่นั่งด้วยการกดปุ่มพับพนักพิงหลังตรงกลางลงมา ซึ่งจะกลายมาเป็นที่วางแขน

ในรุ่นต้นแบบมาพร้อมกับล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางไซส์ 245/40R20 ดังนั้นมั่นใจว่าพอรุ่นใหม่เปิดตัวใครที่อยากแต่งสวยก็สามารถใส่ล้อไซส์นี้ ได้อย่างสบายๆ ส่วนเครื่องยนต์เป็นขุมพลังเทอร์โบเบนซินบล็อกเล็กขนาด 1,400 ซีซีภายใต้แนวคิด Downsized and Fuel-Efficient รายละเอียดของเครื่องยนต์ยังไม่เปิดเผย แต่มีการติดตั้งระบบ Auto Start/Stop มาให้ด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจ คือ ในรุ่นใหม่นี้มีข่าว (ลือ) ระบุออกมาว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระดับตลาดของซาฟิรา เพราะถึงแม้จะมีรุ่นใหม่เปิดตัวออกมา แต่ทว่าซาฟิรารุ่นที่ 2 หรือ B จะยังทำตลาดต่อไป โดยมีการปรับหน้าตาอีกนิด และอิงอยู่กับตลาดกลุ่มเดิม

ส่วนรุ่นใหม่ก็จะถูกอัพขนาด และระดับตลาดขึ้นสู่ด้านบน เพื่อแข่งขันกับโฟล์คสวาเกน ชาราน และฟอร์ด S-Max แทน....ก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้จะจริงเท็จแค่ไหน




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 8:06:39 น.
Counter : 1383 Pageviews.  

Mazda2 Sedan VS Toyota new Vios

Mazda2 Sedan และ Toyota new Vios ปัจจุบัน กลายเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ที่กำลังได้รับการพิจารณาประกบเป็นคู่เปรียบมากยิ่งขึ้น ทั้งด้วยหน้าตาและทรวดทรง ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ ทั้งราคาจำหน่าย ครั้งนี้ "ป้ายแดง" จึงขออาสามาพิสูจน์ว่า "คันไหนจะเป็นรถเล็กในสเปกคนไทย"

สำหรับการเปรียบมวยในครั้งนี้ ฝั่ง Mazda2 Sedanใช้ตัวท็อปรุ่น Maxx A/T ลงประกบกับ Toyota Vios ใหม่ในรุ่นรองท็อป หรือรุ่น E A/T แม้จะมีออพชั่นบางอย่างหายไปแต่ถ้าคุยเรื่องสมรรถนะรับรองไม่แพ้กัน

==================

Mazda2 สด...ค่าตัวยั่วใจ

==================

กับราคาจำหน่ายในช่วง 5.64 แสนถึง 6.15 แสนบาทของ Mazda2 Sedan ส่วน Toyota Vios ที่เคาะราคามาในช่วง 5.39 แสนถึง 7.14 แสนบาท ภาพใหญ่คือ Toyota ดูจะวางราคาแรงเหนือคู่แข่ง ส่งผลให้ Mazda2 ดูราคาย่อมเยาไปถนัดตา

นอกจากนี้ Mazda2 sedan ยังดึงดูดสายตาได้มากกว่า Vios ค่อนข้างชัดเจนจากทรวดทรงที่เปรี้ยวกว่า สดกว่า ต่างกับ Vios ที่แม้ว่าจะเพิ่มลูกเล่นเข้าไปนิดหน่อย อาทิ ฝากระโปรงหน้าใหม่แบบโครเมียมวาววับ ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED (มีเฉพาะรุ่น G ขึ้นไป) กับแม็ก 15 นิ้วลายใหม่ แต่เพียงเท่านี้คงไม่พอกระชากสายตาใครๆที่กำลังหลงใหล Mazda2 Sedan ให้หันกลับมาชายตามองได้ง่ายๆ

ส่วนฟังก์ชันต่างๆภายในห้องโดยสาร Vios ใหม่ ยังตกเป็นรองอยู่ โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ตกแต่งใหม่ ที่เสริมโน่นนิดนี่หน่อย เรียกว่าสร้างบรรยากาศไม่ต่างจากเดิมเท่าที่ควร แต่เมื่อมองเทียบกับ Mazda2 ในทุกองค์ประกอบล้วนแสดงอารมณ์สปอร์ตออกมาได้อย่างชัดเจนกว่า โดยเฉพาะในรุ่นท็อปด้วยกันแล้วถือว่าให้สูสีแม้จะมาช้ากว่าก็ตาม

================

Vios หิ้วด้านสมรรถนะ

================

ถ้าลองเทียบกันในข้อมูลเชิงทฤษฎีแล้ว ทั้งคู่อาจถูกมองว่ามีชั้นเชิงใกล้เคียงกัน แต่เท่าที่ได้ทดสอบมา ผลปรากฏว่า Mazda2 Sedan ทำตัวเลขสปีดต้นได้สวยงามกว่า และค่อยๆแผ่วลงจนถูก Vios สวนขึ้นมาตั้งแต่ช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. ลากยาวไปจนถึงช่วง Top speed เมื่อประกอบกับตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่เจ้าเก่า Vios ยังเฉือนเอาชนะอยู่ในระดับ 14.71 กม./ลิตร สรุปแล้ว Mazda2 Sedan หล่ออย่างเดียวยังไม่พอ!

บทสรุป แม้ภาพลักษณ์ของทั้งคู่จะออกมาต่อสู้ขับเคี่ยวแย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกัน แต่ถ้ามองกันให้ชัดกลุ่มที่ปักใจเลือก Mazda2 Sedan ส่วนใหญ่น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น ทั้งยังเรียนและเพิ่งเริ่มชีวิตทำงาน แตกต่างกับกลุ่มลูกค้าของ Toyota Vios ที่ ส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มครอบครัวที่ตั้งใจมองยาวๆ มองข้ามความฉาบฉวยสวยงาม หากลองทำความรู้จักกับตัวเองให้มากยิ่งขึ้น ดูความเหมาะสมกับการใช้งาน เรียนรู้ถึงอุปนิสัยของทั้งรถและทั้งคุณไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นรถแบบไหน ยี่ห้อใด ให้เกจิสำนักใดฟันธงอย่างไร หากคุณคิดว่าเหมาะสมกับคุณแล้ว จัดไปเลย!


Mazda 2 Sedan นี้ถือว่าเป้นรถที่ได้รับความสนใจอย่างมากหลังค่าย ซูม-ซูม ตัดใจลงตลาดรถเล็กที่แน่นอนว่า มเอมองราคาและความง่ายในการเป้นเจ้าของแล้วคงต้องข้ามศพโตโยต้าไปก่อน ซึ่ง วีออสรุ่นปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าทำมาได้ค่อนข้างโอเค แม้ในส่วนของดีไซน์จะเน้นไปทางความสะดวกสบายและเหมาะกับผู้หญิงผิดกับรุ่น ก่อนหน้านี้ ทว่า มไว่าคุรจะเลือกอะไร สิ่งสำคัญคือดูที่มันเหมาะกับความเป็นคุณ




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 8:15:25 น.
Counter : 1543 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.