ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

KIA GT...สปอร์ตเซ็กซี่ขับหลังลำใหม่จากแดนกิมจิ

อาจจะไม่ใช่รถที่ใครในบ้านเรากล่าวถึงมากนัก สำหรับรถยนต์ยี่ห้อ Kia จากประเทศเกาหลี ทว่าค่ายรถยนต์รายนี้ก็เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และล่าสุดกำลังจะอวดโฉมสปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ที่กำลังจะโชว์ตัวบนเวทีที่ Frankfurt auto show ในชื่อ KIA GT

KIA GT

ก่อนหน้านี้ข้อมูลรถคันนี้ถูกเปิดเผยออกมาว่า Kia กำลังสนใจพัฒนาสปอร์ตคาร์ขับหลังของค่าย โดยยังไม่มีรายละเอียดอะไรมาก นอกจากภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิก 3 ภาพที่ปล่อยออกมา เผยให้เห็นรถต้นแบบใหม่ล่าสุดของค่ายที่กำลังจะเปิดตัว

อย่างไรก็ดีล่าสุด KIA ได้เผยภาพใหม่ของ KIA GT พร้อมเปิดเผยว่า รถรุ่นนี้นอกจากจะเป็นรถสปอร์ตใหม่ที่อาจจะวางจำหน่ายในอนาคตแล้ว ยังเป้นการสำเสนอการออกแบบใหม่ล่าสุดของค่าย KIA ด้วย ซึ่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบ นาย ปีเตอร์ เชเรเยอร์ ปิดเผยว่า ไม่ว่ามุมมองไหนของ KIA ที่มองก็จะพบแต่การพุ่งทะยานไปข้างหน้าและมีความดุดันสื่อถึงพลังในตัวเอง ซึ่งมันเปรียบกับการพัฒนาของ Kia ที่มีแต่พุ่งไปข้างหน้า

KIA GT

ทั้งนี้ KIA GT จะเผยโฉมอย่างเป็นทางการที่งาน Frankfurt Auto Show ในช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่ แต่มีหลายกระแสเปิดเผยออกมาว่าสปอร์ตคาร์คันนี้จะกระโจนสุ่กลุ่มซุปเปอร์คาร์ ด้วยเครื่องยนต์ V8 5 .0ลิตร ซึ่งน่าจะมีแรงม้าเฉียดๆ500 ตัว





 

Create Date : 10 กันยายน 2554    
Last Update : 10 กันยายน 2554 9:42:59 น.
Counter : 1088 Pageviews.  

Toyota Camry Hybrid 2012 ..มันมาแล้วกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่น

ช่วงนี้กระแสรถยนต์นั่งนั้นดูจะไม่มีใครเท่ากับเก๋งกลางรุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ Toyota ที่เพิ่งจะแนะนำ Toyota Camry 2012 ไปเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดก็เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตลาดสำคัญอะไรนัก แต่เวอร์ชั่นนี้ก็หรูอย่างมีสไตล์

Toyota Camry 2012 เวอร์ชั่น JDM หรือ Japan Domestic Market นั้นเพิ่งมีการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ โดยการกลับมาของ Toyota Camry 2012 ครั้งนี้ทางค่ายรถยนต์รายใหญ่ได้ตัดออพชั่นเครื่องยนต์ธรรมดาออกไปเหลือแต่เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ไฮบริดเท่านั้นเป็นคำตอบสำหรับการขับขี่

Toyota Camry Hybrid  2012

ภายนอก Toyota Camry 2012 โฉมญี่ปุ่นนั้นเน้นการให้ความแตกต่าง จาก 2 เวอร์ชั่นที่ผ่านมา ในขณะที่อเมริกา ออกสปอร์ต ยุโรป ออกหรู แต่ถ้าให้เทียบกันจริงๆ ญี่ปุ่นนั้นกลับดูภูมิฐานมากกว่า ที่สำคัญครั้งนี้ Toyota Camry Hybrid 2012 มาพร้อมการอาศัยหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้นมีการออกแบบตัวถังโดยเสริมสิ่งที่เรียกว่า Vortex Generator และปรับอากาศช่วงมุมของรถ Aero corner ที่ยังช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของรถของระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์ด้วย

ขุมพลังแบบไฮบริดจากเดิมขนาด 2.4 ลิตร ถูกขยายเป้นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE ยังคงใช้ระบบเผาไหม้เน้นกำลังแรงบิดสูง Atkinson cycle ให้กำลังสูงสุดที่ 160 แรงม้า เรียกแรงบิดได้กว่า 213 นิวตันเมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้านั้นสามารถให้กำลังได้สูงสุด 141 แรงม้า เรียกแรงบิดได้ 270 นิวตันเมตร แต่บั'คับให้เมื่อรวมกันจะเรียdกำลังได้เพียง 205 แรงม้า ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอร์รี่ ลิเธี่ยม เมทัล ไฮดราย

Toyota Camry Hybrid  2012

ด้านความปลอดภัย Toyota Camry 2012 JDM ก็มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่อัดแน่นมากมายภายในรถตั้งแต่ การป้องกันการบาดเจ็บช่วงคอ ถุงลมนิรภัยกว่า 7 จุด แต่ก็อย่างหวังว่าจะได้ใช้ง่ายๆ เพราะยังมีระบบช่วยคุณขับขี่มากมายทั้ง Steering-assisted Vehicle Stability Control (S-VSC) ที่ครั้งนี้ยังเสริมระบบ Hill-start Assist Control (HAC) มาเป็นของแถม และยังมีฟังชั่นเปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน ป้องกันอุบัติเหตุจากการชนท้าย

Toyota Camry Hybrid  2012

ทั้งนี้ Toyota อ้างว่า Toyota Camry 2012 จะเป็นรถที่มีระบบความปลอดภัยมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ในตลาดเดียวกัน เช่นเดียวกับการประหยัดน้ำมันที่ในโหมด 10-15 สามารถทำได้ดีกว่า 23.4กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณค่าสัมประสิทธิ์อากาศที่ต่ำเพียง 0.28 cd เท่านั้น

สำหรับราคาค่าตัวของ Toyota Camry 2012 ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ทางค่ายสามห่วงเปิดราคาที่3.04 ล้านเยน และมีราคาสูงสุดที่ 3.8 ล้านเยน โดยจะมาพร้อมเบาะหนังแท้จากโรงงาน





 

Create Date : 09 กันยายน 2554    
Last Update : 9 กันยายน 2554 7:19:25 น.
Counter : 1714 Pageviews.  

Jaguar CX16 สปอร์ตต้นแบบที่งามหยดจนหลงใหล

ช่วงนี้ก็ใกล้เข้ามาทุกทีกyบงานใหญ่ระดับโลกมรายุโรป Frankfurt auto show ที่จะเริ่มขึ้นในอาทิตย์หน้าที่จะถึง และในขณะที่หลายตลาดรถยนต์กำลังร้อนแรง แต่เวทีนี้มวยรุ่นใหญ่นั้นคงไม่พ้นกลุ่มสปอร์ตคาร์ชั้นนำและวันนี้ค่ายรถยนต์ Jaguar ก็เผยสปอร์ตต้นแบบ Jaguar CX16 ที่พร้อมโชว์ตัวบนเวที

Jaguar CX16 นั้น เป็นต้นแบบสปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ที่จะเปลี่ยนนิยามของคำว่า การออกแบบของค่ายรถยนต์รายนี้ ที่มาพร้อมตัวถังแบบ 2 ที่นั่ง เน้นให้การออกแบบที่ลงตัวเร้าใจและดุดันเฉกเช่นความเกรี้ยวกราดของสัตว์ ซึ่งตรงตามสัญลักษร์ของค่ายรถยนต์รายนี้

Jaguar CX16

ใบหน้าเน้นความสปอร์ตเต็มลุคออกแบบมาให้เป็นกึ่งรถสปอร์ตโรดสเตอร์กระจายน้ำหนักแบบ 50:50 มาพร้อมเรือนร่างยาว 4445 ม.ม. กว้าง 2048 ม.ม. และสูง 1207 ม.ม. มีระยะฐานล้อ 2622 ม.ม. ซึ่งนับเป็นรถ Jaguar ทีมีขนาดเล็กที่สุดตั้งแต่เคยเผลิตมา และด้วยดีไซน์ที่ใบหน้าสปอร์ตเข้มมาพร้อมไฟโปรเจ็คเตอร์ เน้นหลักอากาศพลศาสตร์สูงสุด โฉบเฉี่ยวรอบคันจรดไฟท้ายแบบ LED ก็ชวนให้น่าหลงใหล

Jaguar CX16

ใต้ฝากระโปรง Jaguar CX16 มาพร้อมขุมพลังแบบผสมผสานตามสูตรสปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ที่ทั้งทรงสมรรถนะและทำอัตราประหยัดประทับใจ ที่ครั้งนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 Super Charged 3.0 ลิตร ให้พละกำลัง 380 แรงม้า เรียกแรงบิดสูงสุด450 นิวตันเมตรต่อลิตร ซึ่ง เมื่อนับแล้วเครื่องยนต์ใหม่นี้ให้พลังถึง 126 แรงม้าต่อปริมาตรเครื่องยนต์ 1 ลิตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 8 สปีดซึ่งมีมอเตอร์ที่สามารถปั่นไฟ1.6 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงชาร์จกลับเข้าแบตเตอร์รี่ด้วย

Jaguar CX16

แม้เครื่องยนต์จะทรงพลังพอตัวแล้วแต่ CX16 ยังมาพร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แต่ให้แรงบิด 235 นิวตันเมตร ทำให้เจ้าสปอร์ตต้นแบบคันนี้มีพละกำลังหลือกร้ายจนสามารถเร่ง 0-100 ได้ใน 4.4 วินาที และในช่วง 80-130 ใช้เวลาเพียง 2.1 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 297 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยในการขับเคลื่อนจนถึงความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มีอัตราปล่อยไอเสียต่ำเพียง 165 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

ทั้งนี้เจ้าสปอร์ต Jaguar CX16 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Frankfurt auto show ที่จะถึงในอาทิตย์นี้ และนอกจากภาพเรายังมีคลิปวีดีโอมาให้ชมด้วย






 

Create Date : 08 กันยายน 2554    
Last Update : 8 กันยายน 2554 7:23:50 น.
Counter : 1176 Pageviews.  

มือสองน่าสน : Toyota Corolla สามห่วง..ที่สุดมือสองของคำว่าครอบจักรวาล

มื่อพูดถึงรถยนต์มือสองที่มีอยู่มากมายหลายรุ่นแล้วเราปฏิเสธไม่ได้ครับว่ารถยนต์มือสองต่างก็มีปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อหรือไม่ มากมายไม่แพ้รถยนต์ใหม่ป้ายแดง ซึ่งหากรถคันนั้นสามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า 1 ข้อ มันก็คงคุ้มค่าน่าคบหา

Toyota Corolla นับเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่งตั้งแต่รุ่นพ่อ ยันรุ่นลูกที่วันนี้เราอาจจะไม่คุ้นชื่อ Corolla อีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนเป็น Altis ให้เป็นมุขขำๆกันบนท้องถนนว่า "รถอะไรเล็กที่สุดในโลก" แต่ถ้าคุณงบน้อยต้องการรถคุ้มค่า Toyota Corolla ปี 1992-1995 ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม

1995 Toyota Corolla

หลายคนมักจะเรียก Toyota Corolla รุ่นนี้ว่า โตโยต้าสามห่วงตามภาษาคนไทย "ไลค์" ชื่อเล่น ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจาก Toyota เริ่มแนะนำโลโก้ตัวใหม่ในช่วงดังกล่าวที่ใช้ยาวจนถึงปัจจุบันที่สังเกตดีๆ มันเป็นวงกลม 3 อันซ้อนกันอยู่ภายใน

ตัวรถแนะนำออกมาภายใต้เรือนร่างแบบคอมแพ็คคาร์ตามสมัยนิยมในยุคนั้น โดยรถรุ่นนี้เริ่มผลิตเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1991 ก่อนนำเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ด้วยการนำเอาความเหนือชั้นเข้ามาผนวกที่บอสใหญ่ค่ายสามห่วงในยุคนั้น นาย อะกิฮิโกะ ไซโตะ มีแนวคิดในการทำให้คอมแพ็คคาร์ธรรมดาหรูระดับเดียวกับ Lexus และเป็นครั้งแรกที่รถรุ่นนี้ขยับขึ้นมาในกลุ่มรถยนต์ C-Car อย่างจริงจัง และขยับ Corona ไปอยู่กลุ่มรถซีดานกลาง

การออกแบบที่เรียบง่ายตามยุคสมัยผสานเส้นสายความสปอร์ตเล็กน้อยที่ส่วนหนึ่งมาจากรถรุ่นนี้มีรุ่นสปอร์ตที่เรียกว่า "sprinter Trueno" แต่ที่เอาเข้ามาขายในไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นรถรุ่น 4 ประตู มาพร้อมความยาว 4369 ม.ม. กว้าง 1684 ม.ม. และสูง 1359 ม.ม. สามารถตอบสนองได้อย่างลงตัว

1995 Toyota Corolla

ด้านเครื่องยนต์ก็มีให้เลือกมากมาบตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ,1.5 และ 1.6 ลิตร ตามลำดับ ตอบสนองการขับขี่ได้ตั้งแต่ 99 ,104 และ 113 แรงม้า ที่ถือว่าค่อนข้างทรงพลังพอตัว แม้เครื่อง 1.3 ลิตร มักจะถูกบ่นว่าอืดแต่มันก็ขับสบายสุดด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตามยุคสมัย

ข้อดีของ Toyota Corolla 3ห่วงนั้น มีจุดเด่นที่การดูแลรักษาที่ง่ายมากและไม่วุ่นวาย โดยเฉพาะอะไหล่ยังมีเยอะมากแม้รถจะผ่านมานานกว่าเกือบ 20 ปี หรือถ้าเบื่อชิวอยากแรงหางบประมาณสัก 40,000 บาท วางเครื่องใหม่ก็แรงได้ง่ายๆ ไร้ปัญหา แถมราคาค่าตัวค่าผ่อนก็ไม่แพงบางแห่งปล่อยฟรีดาวน์ไปเลยก็มี ที่เริ่มต้นที่ 100,000 ยัน 2 แสนบาทกลางๆเท่านั้น

1995 Toyota Corolla

อย่างไรก็ดีปัญหาในการเลือกซื้อ Toyota Corolla สามห่วงนั้นมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่สภาพรถ เนื่องจากรถหลายคันในตลาดนั้นเป็นรถแท็กซี่มาก่อนหน้า ทำให้มักเจอรถสภาพแย่มาก็เยอะ เช่นเดียวกับตัวถังที่อาจจะเจอสนิมตามอายุการใช้งานก็เป็นไปได้

ทั้งนี้ toyota สามห่วงนับว่าเป็นรถยนต์ที่ค่อนข้างคุ้มค่าโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังมองรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ทางด้านราคาและการดูแลรักษา ส่วนสมรรถนะก็พอใช้ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย มันก็เป็นทางออกที่ดีที่ไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆ

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลยถ้าเพื่อนๆ คนใดคลิ๊กแล้วไม่ต้องคลิ๊กซ้ำนะครับ




 

Create Date : 07 กันยายน 2554    
Last Update : 7 กันยายน 2554 8:06:12 น.
Counter : 3523 Pageviews.  

Honda Brio ท้าพิสูจน์ความประหยัด ทะลุ 33.55กม./ลิตร

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด จัดกิจกรรม Honda Brio Eco Challenge ท้าพิสูจน์ความประหยัดรถยนต์อีโคคาร์สายพันธุ์สปอร์ต ขุมพลัง i-VTEC 1,200 ซีซี 4 สูบ 90แรงม้า ซึ่งเป็นการโดยสื่อมวลชนกว่า 40 ชีวิต แบบการใช้งานจริงกับน้ำมันหนึ่งถังบนเส้นทาง กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี มีระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 25-26 สิงหาคมที่ผ่านมา

งานนี้จัดขึ้นกันตั้งแต่เช้าตรู่ ณ โชว์รูมฮอนด้า พระราม 2 โดยสื่อมวลชนเริ่มทยอยกันมาลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 5 นาฬิกา พร้อมทำการชั่งน้ำหนักผู้ขับ ผู้โดยสารพร้อมสัมภาระ โดยมี คุณอรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการส่วนงานการตลาด และคุณเรวดี รักปทุม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวต้อนรับ และอธิบายกฎกติกาการแข่งขันในครั้งนี้ พร้อมการจับสลากเลือกรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน โดยหมายเลข 1-15 เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที ส่วนหมายเลข 16-20 จะเป็นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

Honda Brio Eco Challenge

ส่วนข้อบังคับคือ ต้องขับในสภาวะการใช้งานจริง เปิดแอร์เบอร์ 2 โดยปรับระดับความเย็นไว้ที่กึ่งกลาง ความดันลมยางตามมาตรฐานใช้งานปกติ ใช้ความเร็วเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 60กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาถึงจุดสิ้นสุดการแข่งขันไม่เกิน 12 ชั่วโมง โดยใช้ปริมาณการใช้น้ำมันเฉลี่ยจากมาตรวัดบนเรือนไมล์เป็นข้อมูลในการตัดสิ้นอัตราสิ้นเปลืองครับ

เริ่มต้นการแข่งขัน รถแต่ละทีมทยอยออกเดินทางพร้อมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 เต็มถัง ตั้งแต่เวลา 6.08 นาฬิกา ทิ้งระยะห่างระหว่างคันด้วยเวลา 1 นาที ช่วงแรกทุกทีมตั้งใจใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 กม./ชม.และประคองรอบเครื่องแบบต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 60 กม./ชม. ซึ่งเป็นกฎบังคับจากทางฮอนด้า จนถึงจุดเช็คพอยท์ที่ 1 บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ถนนบายพาสเมืองหัวหินระยะทางรวม 183 กม.ใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชั่วโมง โดยผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 11 รุ่น เกียร์อัตโนมัติ ซีวีที สามารถทำสถิติได้สูงสุด 35.5 กม./ลิตร

Honda Brio Eco Challenge

ต่อด้วยเช็คพอยท์ 2 ซึ่งมีจุดหมายที่ร้านอาหารคุณสาหร่าย จ.ชุมพร ด้วยระยะทาง 248 กิโลเมตร ช่วงนี้เริ่มมีตัวแปรที่มากขึ้น ทั้งระยะทางที่มากขึ้น และสภาพถนนที่เป็นเนินเขา ทำให้ตัวอัตราสิ้นเปลืองต่างลดลงไปตามๆกัน โดยอันดับที่ 1 ยังคงอยู่กับรถหมายเลข 11 ด้วยอัตราเฉลี่ยการใช้น้ำมัน 34.00 กม./ลิตร ด้วยเวลา 4 ชม. 8 นาที

หลังจากแวะทานอาหารด้วยเวลาจำกัด ช่วงเวลาคล้อยบ่ายก็มุ่งหน้าต่อไปยังเช็คพอยท์ที่ 3 ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ก่อนถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีเล็กน้อย ด้วยระยะทาง 161 กิโลเมตร เมื่อดูจากกำหนดการแล้วผู้เข้าแข่งขันเกือบทุกคันใช้ระยะเวลาเกินกว่าที่กำหนดไปอยู่พอสมควร ทำให้ในช่วงนี้ต้องทำความเร็วก็สูงขึ้นอีกสักเล็กน้อย เพื่อรักษาเวลาให้ได้ตามที่กำหนด สำหรับในช่วงนี้ ตัวเลขความประหยัดสูงสุดสามารถทำได้ที่ 33.30 กม./ลิตร ด้วยเวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 30 นาที

เช็คพอยท์สุดท้ายก่อนที่จุดสิ้นสุดการแข่งขัน เมื่อรวมเวลาทั้งหมดทุกทีมใช้เวลาไปแล้วกว่า 9 ชั่วโมง 30 นาที เหลือระยะทางอีก 121 กิโลเมตร ที่ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ อำเภอดอนสัก เมื่อลองคำนวนดูจะมีเวลาเหลืออยู่เพียง 2 ชั่วโมงเศษ ประกอบกับทางในช่วงนี้เริ่มเป็นเนินเขา และทางโค้งมากขึ้น ทั้งยังมีฝนโปรยปรายลงมาตลอดช่วง ทำให้หลายทีมต้องปรับแผนการกันครั้งใหญ่

ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับหลายทีมจึงหันมาแข่งกับเวลาแทน เพราะหากจะเน้นความประหยัดกันต่ออาจต้องใช้เวลาเกินกว่าที่กำหนด ทั้งยังอาจจะไม่ทันเรือเฟอร์รี่เที่ยวสุดท้ายอีกด้วย

Honda Brio Eco Challenge

จากการสอบถามผู้เข้าแข่งขันเกือบทุกคันหันมาใช้สมรรถนะสูงสุดของ ฮอนด้า บรีโอ้ ต่างกระแทกคันเร่งกันอย่างสุดเหวี่ยงเพื่อให้ทันเวลาที่เหลือ ด้วยความเร็วสูงสุดตลอดช่วงที่สามารถทำได้ เรียกว่ามีเท่าไหร่ก็ใส่กันแบบไม่ยั้ง จนไปสิ้นสุดการแข่งขันที่ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ ด้วยระยะทางเฉลี่ย 713 กิโลเมตร ภายในเวลา 12 ชั่วโมงตามกำหนด โดยน้ำมันหนึ่งถังที่เดิมมาจากกรุงเทพยังเหลืออีกเกือบครึ่ง

และแล้วผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 ทีม ก็มาถึงยังจุดสิ้นสุดการแข่งขันที่ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ เพื่อข้ามไปเกาะสมุย บางคันฉิวเฉียดกับเวลา ส่วนบางคันที่ตั้งใจปั้นตัวเลขก็จนลืมดูนาฬิกา มาถึงช้ากว่าที่กำหนด แม้อัตราสิ้นเปลืองจะทำได้ประหยัดขั้นเทพสักแค่ไหน ก็ต้องตกรอบไปโดยปริยาย ซึ่งต่อจากนี้เราต้องข้ามฝั่งไปยังเกาะสมุย โดยเรือเฟอร์รี่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ทำเอาสื่อมวลชน และทีมประชาสัมพันธ์ ฮอนด้าออโตโมบิล ต่างเมาเรือไปตามๆกัน

รุ่นเกียร์ธรรมดาจะเสียเปรียบเกียร์ CVT อยู่พอสมควร เพราะที่ความเร็วเท่ากัน เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะจะใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่า ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. เกียร์ CVT ใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 รอบ/นาที ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดารอบเครื่องยนต์จะอยู่แถว 1,800 รอบ/นาที จึงฟันธงได้เลยว่า CVT ประหยัดกว่าเกียร์ธรรมดาแน่นอน ซึ่งจะเห็นผลความประหยัดในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เพราะเกือบทุกทีมได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทะลุ 30 กม./ลิตร ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาจะได้ค่าเฉลี่ยเกือบๆ 29 กม./ลิตร

Honda Brio Eco Challenge

ด้วยเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เฟอร์รี่ลำโตก็มาเทียบฝั่งยังท่าเรือหน้าทอน ขบวบฮอนด้า บริโอ รวมทั้งรถติดตามกว่า 30 คัน ก็ทยอยกันออกตั้งขบวนท่าเทียบเรือ โดยมีตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า เกาะสมุย มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นขบวนจึงมุ่งหน้าสู่ โรงแรมเซ็นทารา วิลล่า สมุย ซึ่งเป็นที่พักของเราในค่ำคืนนี้ และที่สำคัญยังเป็นที่ประกาศผลการแข่งขันขับประหยัดน้ำมันกับ ฮอนด้า บริโอ้ ในค่ำคืนนี้ด้วยเช่นกัน

และในที่สุดช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่ได้อันดับที่ 1 ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที ได้แก่รถหมายเลข 11 ซึ่งสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้สูงสุด 33.55 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นเกียร์ธรรมดาได้แก่หมายเลข 18 ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุด 29.68 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนทีมงาน Worldwheelsweb ที่จับมือกับพันธมิตรจากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง ร่วมกันคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยอัตราสิ้นเพลิงเชื้อเพลิงเฉลี่ย 28.60 ในรุ่นเกียร์ธรรมดา แม้จะแข่งขันกันเพียง 5 คันก็ตาม

Honda Brio Eco Challenge

การทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ปั้นตัวเลขกันตลอดระยะทาง เนื่องจากมีเวลาเป็นตัวกำหนดต้องคุมให้อยู่ภายใน 12 ชั่วโมง ช่วงแรกจึงเป็นการขับแบบปั้นตัวเลขให้ประหยัดที่สุด แต่ในช่วงสุดท้ายเกือบทุกทีมโดนเวลาบีบคั้นให้ต้องทำความเร็ว เพื่อให้เข้าจุดหมายให้ทันเวลา นาทีนั้นความประหยัดจึงถูกลืม และหันมาใช้ความเร็วเต็มสมรรถนะกันเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรเสีย...ก็ไม่ได้ตะบี้ตะบันกระแทกคันเร่งกันอย่างเดียว แม้จะใช้ความเร็วสูง แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับความประหยัด พูดง่ายๆ คือจะแรงทั้งทีต้องคุ้มกับตัวเลขน้ำมันที่เสียไป เทคนิคต่างๆ จึงถูกนำมาใช้

การแข่งขันครั้งนี้จึงถือได้ว่าเป็นการแข่งขันในรูปแบบการใช้งานจริงโดยสมบูรณ์แท้จริง ทั้งการขับแบบประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้สมรรถนะสูงสุดในสถานการณ์เร่งรีบ ถือได้ว่าการทดสอบครั้งนี้ได้ทั้ง 2 อารมณ์ ทั้งซิ่ง ทั้งประหยัด แต่ตัวเลขที่ออกมากลับดีเกินคาดที่33.55 กิโลเมตร/ลิตร ด้วยระยะทาง 713 กิโลเมตร และที่สำคัญน้ำมันในถังยังเหลืออีกเพียบ


ขอขอบคุณ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด


เรื่อง : ธัชนนท์ ตาปนานนท์

ภาพ : บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด




 

Create Date : 06 กันยายน 2554    
Last Update : 6 กันยายน 2554 7:48:10 น.
Counter : 2081 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.