ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Hyundai เฟิร์ม Accent ใหม่ลุยไทยปลายปีนี้

ฮุนได มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมเขย่าตลาดรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ในเมืองไทยครั้งใหม่ เมื่อมีข่าวว่ามีแผนเปิดตัวแอคเซนต์ใหม่ปลายปีนี้ พร้อมทำตลาดในรูปแบบนำเข้าทั้งคัน และจัดเต็มด้วยอุปกรณ์มาตรฐานมากมาย เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่ปรับในตลาด ส่วนราคายังไม่แย้มออกมาในตอนนี้

ในระหว่างที่ทางทีมงาน Worldwheelsweb.com ได้รับเชิญให้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของฮุนได มอเตอร์ คัมพานีที่ประเทศเกาหลีใต้ ในระหว่างวันที่ 10-14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารของฮุนไดได้เปิดเผยกับทีมข่าวของกรังด์ปรีซ์ว่าในตอนนี้บริษัท ฮุนได มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด วางแผนนำเข้าแอคเซนต์ใหม่เข้ามาสร้างสีสันในตลาดเมืองไทย โดยกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาถึงรุ่นเครื่องยนต์ และตัวถังที่จะเข้ามาขาย

การเปิดตัวจะมีขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงก่อนที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม ส่วนในเรื่อของราคาขายที่อาจจะเสียเปรียบกับคู่แข่งในตลาดไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า ยาริส และวีออส ฮอนด้า แจ๊ซ และซิตี้ รวมถึงฟอร์ด เฟียสต้า และเชฟโรเลต อาวีโอ

เพราะแอคเซนต์ใหม่จะมาในรูปแบบนำเข้าทั้งคันนั้น ทางฮุนได มอเตอร์ ประเทศไทยอาจจะเปลี่ยนกลยุทธ์ของตัวรถ โดยยกระดับแอคเซนต์ให้เกิดความแตกต่างด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน และเหนือระดับจากคู่แข่ง เพื่อเป็นการอัพสเกลของตัวรถให้แทรกกลางระหว่างรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ และคอมแพ็กต์

แม้ราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่เชื่อแน่ว่าจะอยู่ในระดับที่เชิญชวนให้นักขับชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสกัน โดยคาดว่าน่าจะอยู่ในระหว่าง 750,000-850,000 บาท

แอคเซนต์ใหม่เปิดตัวในตลาดเกาหลีใต้เมื่อปลายปี 2010 โดยใช้ชื่อว่าเวอร์นา ส่วนตลาดแห่งอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนชื่อไปตามตลาดแต่ละแห่ง เช่น ในรัสเซียใช้ชื่อว่า ฮุนได โซราลิส หรือในอินเดียใช้ชื่อว่าฟลูอิดิก เวอร์นา ในรุ่นใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของแอคเซนต์นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1994

ในรุ่นใหม่มีขายทั้งตัวถังซีดาน และแฮทชแบ็กซึ่งในเมืองไทยยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะจัดเต็มมาครบทั้ง 2 ตัวถังหรือไม่ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ซึ่งในตลาดโลกตอนนี้ มีให้เลือกหลากหลายถึง 5 รุ่นจากเครื่องยนต์เบนซินและเทอร์โบดีเซล โดยแบ่งเป็น 1,400 ซีซี ที่มีระบบวาล์วแปรผันวีวีที มีกำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที

รุ่น 1,600 ซีซีมีทั้งแบบธรรมดา 123 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที และรุ่น GDI ที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง มีกำลังสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 6,300 รอต่อ/นาที ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซลมีให้เลือกทั้งแบบ 1,400 และ 1,600 ซีซีเช่นเดียวกัน มีกำลังสูงสุด 90 และ128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาทีเท่ากัน






งานนี้คือพูดตามตรงว่าเราไม่ได้รับเชิญจาก Hyundai ไปออนทัวร์เกาหลี แต่ก็ยินดีที่ได้รู้ว่าฮุนไดยังมองตลาดไทย โดยเฉพาะการนำรถรุ่นใหม่ Hyundai Accent เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งรถรุ่นนี้มีการเปิดตัวไปแล้วที่อเมริกา มีทั้ง 4 และ 5 ประตู ให้เลือกตามความชอบ




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 8:26:05 น.
Counter : 1324 Pageviews.  

2012 Chevrolet Captiva ..มีดีทุกด้านแต่น่ารอดีเซล!!

ก็ห่างหายกันไป 1 วันเต็มๆครับ สำหรับการอัพเดทเว็บ Sanook! Auto ของเราที่ในครั้งนี้หายไปแบบแอบเซอร์ไพร์ส เพื่อทำภารกิจฟิชโช่ที่ทางค่ายยานยนต์โบว์ไทน์บุ๊คตัวไปขับทดสอบรถอเนกประสงค์คันใหม่ ที่หวังปั้นยอดขายดึงใจด้วยหนึ่งเดียวในตลาดอเนกประสงค์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ได้

ความเป็นหนึ่งที่บุกเบิกในตลาดอเนกประสงค์นี้ ทำให้เรารู้สึกสนใจเจ้ารถอเนกประสงค์คันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำมัน E85 ที่ถูกพอๆกับเติมแก๊ส แต่อาจจะยังหาใช้ยากสักหน่อยที่คงต้องรอค่ายน้ำมันยักษ์ใหญ่ช่วยดัน ถึงแม้นโยบายในเรื่อง e85 นี้จะมีมานานกว่า 4-5 ปีแล้วก็ตาม

2012 Chevrolet Captiva

LTZ ...ที่สุดในตัวท๊อปที่ครบเครื่องจากโรงงาน

หลังจากฝ่าการจราจรในเมืองมาจนถึงที่นัดหมายย่านใจกลางเมืองเราก็พบกับ Chevrolet Captiva ใหม่ที่พร้อมรอให้เราขับในโรงแรมย่านราชประสงค์ ซึ่งเส้นทางของเรานั้นคือขับจากใจกลางเมืองสู่ปลายทางธรรมชาติที่เขาใหญ่ โดยมีระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร เป็นบททดสอบสำคัญ

เราใช้เวลาเดินสำรวจรถสักครู่หนึ่งเพื่อหาข้อแตกต่างของรถรุ่นใหม่จากรุ่นเดิมที่สามารถสังเกตได้ทันทีที่มันเตะตาด้วยลุคที่โมเดิร์นและดุดันยิ่งขึ้น ไฟที่ดูหรูหราถูกปรับให้สปอร์ต มีเพื่อนสื่อบางท่านบอกว่าเหมือนไฟ Lancer EX แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในรุ่นท๊อปสุดนี้มาพร้อมล้อขอบ 19 นิ้ว และยาง Hankook Optima จากโรงงาน ส่วนบั้นท้ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยและที่เซ็งที่สุดคือตำแหน่งการวางยางอะไหล่ใต้ท้องด้านหลัง ที่ยืนใกล้ๆอาจจะเฉยๆ แต่เมื่อยืนไกลๆก็จะเห็นชัดเจน ยิ่งใครขับตามกลางคืนส่องไฟหน้าเข้า แทบจะร้องว่า "แม่เจ้า!" เพราะนี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับรถราคาล้านกลาง แต่ได้ข่าวว่าวิศวกรก็สังเกตเห็นข้อนี้เช่นกันและอาจจะเอาออกแล้วแทนที่ด้วยตัวช่วยแบบอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยใช้แรง

2012 Chevrolet Captiva

ในช่วงแรกเรารับบทเป็นผู้โดยสารที่ดีเพื่อสัมผัสอรรถรสเต็มที่ของ Chevrolet Captiva ใหม่ ซึ่งทันทีที่ปิดประตูหย่อนตัวลงบนเบาะหน้า ก็สามารถรับรู้ความรู้สึกที่สะดวกสบายทันสมัย ตบแต่งอย่างลงตัว กลิ่นไอความสปอร์ตแฝงมาเล็กๆ ที่จะพอรู้สึกได้ แต่โดยรวมการออกแบบคอนโซลหน้าทำได้ดี ช่องเก็บของต่างๆ เพียบ ส่วนด้านหลังนั่งสบายไร้ปัญหาไม่ว่าจะตัวใหญ่แค่ไหนก็ลงตัว มีพื้นที่วางขาเหลือพอให้นั่งขัดสมาธิ แต่ที่ดูเหมือนจะขาดคือแอร์ตอนหลังที่น่าจะเพิ่มเข้ามาในอนาคต

เมื่อเริ่มออกจากจุดสตาร์ทเพื่อนสื่อมวลชนของเราพาเราทะยานผ่านการจราจรที่ติดขัดในเมือง ย่านราชประสงค์มุ่งสู่ถนนพระรามที่ 4 เพื่อต่ออยอดออกนอกเมืองนั้น Captiva ค่อนข้างให้ความคล่องตัวได้ดีในระดับหนึ่ง การใช้พวงมาลัยนั้นเท่าที่สังเกตค่อนข้างมีความแม่นยำในระดับที่น่าพอใจ

เรามุ่งเข้ามอเตอร์เวย์ที่เพียงอึดใจเดียวความเร็วก็ไต่ไประดับ 130 ก.ม./ชม. จนแทบไม่ทันสังเกตเพราะเสียงเครื่องนิ่มมาก ประกอบกับเสียงรบกวนจากห้องโดยสารก็ถูกขจัดแทบหมดสิ้นเสียงแหวกลมที่รบกวนใจ ในขณะที่การสั่งสะเทือนจากการขับขี่ในห้องโดยสารไม่ค่อยไม่ค่อยมีมากมายนัก แม้จะเป็นล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้ว ก็ตาม

2012 Chevrolet Captiva

การขับขี่สนุกที่ผ่านการทดสอบจริง

ความสบายในการขับขี่นั้นทำให้สุนทรีย์การเดินทางดีขึ้นโดยที่ไม่รบกวนใจในระหว่างล้อหมุนยิ่งได้ระบบ 3D Sound staging ที่ขับกล่อมผ่านลำโพง 8 ตัวในรถ ควบคุมการทำงานอย่างเหนือชั้นผ่านชุดควบคุมคอมพิวเตอร์ ทำให้รู้สึกได้ว่าเครื่องเสียงในรถนั้นมีมิติเสียงที่แตกต่างอยากชัดเจน โดยสามารถเลือกได้ 2 โหมด คือ Passenger และ Driver ให้การตอบสนองผ่านเสียงกลางและเสียงแหลม โดยมาพร้อมระบบนำทาง และช่องเสียบ USB ที่ต้องปลดคอนโซลกลางเลื่อนถอยหลังเพื่อเสียบใส่ ซึ่งอาจจะลำบากถ้าคุณขับรถคนเดียว

การเดินทางของเรานั้นไม่นานก็มาถึงฉะเชิงเทรา ที่ใครจะคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นบททดสอบสำคัญ ที่ก่อนหน้าที่เราจะออกเดินทาง GM ได้บอกข้อมูลมาคร่าวๆว่าพวกเขาจัด E85 ไว้ให้ได้ลิ้มลองกัน ซึ่งระหว่างทางที่มาก็ตอบสนองได้ดี แต่จะเอาอะไรเป็นตัวชี้วัดที่ดีว่ารถคันนี้ทรงสมรรถนะ

2012 Chevrolet Captiva

คำตอบนี้ไม่มีอะไรดีเท่าการขึ้นประชันกับรถของคู่แข่งค่ายๆอื่น ที่ไม่ช้านานเราก็โดนเพื่อนในคาราวานทดสอบส่งไม้ให้ไปไล่ BMW X3 ซึ่งขับบึ่งตามกันมา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าไม่ถูกต้องนักและไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เพื่อนสื่อมวลชนผู้กุมพวงมาลัย ก็อยากลองว่าสมรรถนะ Captiva ใหม่ จะไปได้ไกลแค่ไหนกัน

ในตอนที่แซงผ่านไปนั้นเราลอยอยู่ที่ความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่จะกระชากเข้าสู่โหมด Driver Shift Control ที่ใช้งานง่านดายเพียงผลักออกข้างซ้ายของตำแหน่ง D แล้วผลักคันเกียร์ขึ้น เพื่อเพิ่มตำแหน่งเกียร์ และตบลงเพื่อลดตำแหน่งเกียร์ ซึ่งทันทีที่เข้าโหมดนี้ เราพบว่าการสั่งการเปลี่ยนเกียร์ Captiva ใหม่ ออกแนวหน่วงเล็กน้อย ก่อนจัดการตามใจฉันแต่ก็ไม่เลวร้ายนักถ้าจับจังหวะได้ แล้วเราก็เร่งเข้าประชิดคู่ขาทันที

2012 Chevrolet Captiva

ถ้าเทียบ Captiva กับรถอเนกประสงค์ยุโรปนั้นถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหนักเอาการและเพื่อนสื่อฯ เราก็พยายามเค้นสุดชีวิตพร้อม 4 ชีวิตในรถและสัมภาระกระเป๋าเป้คนละใบ ทำการประชิดข้าศึกจนทะลุเพดานความเร็วปลายได้ที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่รอบ 5000 กว่าๆ รอบต่อนาที

ส่วนคู่แข่งเราก็หนีเต็มที่แต่ก็ห่างกันเพียงช่วง 2 คันรถ แต่แล้วเราก็พบปัญหาอย่างหนึ่งคือถ้าคุณเค้นพละกำลังมากจะได้กลิ่นน้ำมันเข้ารถอย่างชัดเจนได้ดมกันทั่วหน้า ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าปลื้มนักถ้าลูกค้าใช้งานและเดินทางไปกับครอบครัว

หลังทานมื้อเที่ยงจนอิ่มหนำในที่สุดก็เป็นโอกาสของเราที่จะได้สัมผัสการขับขี่ของ Chevrolet captiva ใหม่ด้วยตนเอง ที่เส้นทางใน session 3 นี้ค่อนข้างจะเป็นเส้นทางผสมผสาน ทั้งทางลาดยางและลูกรัง ซึ่งทันทีที่หย่อนตัวลงบนเบาะค่อนข้างน่าประทับใจในความนุ่มสบายก่อนปรับเบาะที่ทำงานด้วยไฟฟ้าใช้งานง่ายไม่ยากจนเกินเข้าใจให้พอดีกับท่านั่ง ที่ตัวผมสูง 183 หนักตอนนี้เริ่มอ้วนที่ 93 กิโลกรัมนั้น ไม่อึดอัดแถมพื้นที่วางขาเหลือเฟือ แล้วจัดปรับพวงมาลัยให้เหมาะสมรัดเข็ดขัดพร้อมออกเดินทาง

2012 Chevrolet Captiva

ทันทีที่เลื่อนรถสู่การเดินทาง ความรู้สึกทางด้านระบบกันสะเทือนนั้นต้องยอมรับว่าเซทมาอย่างดีจนให้ความประทับใจในการขับขี่แม้จะมีเรื่องกวนใจจากเสียงยางบ้างแต่ก็ถือว่ารับได้ เราขับรถมาเรื่อยก่อนยูเทิร์นเข้าทางของคนในพื้นที่ ซึ่งเส้นทางนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวเลี้ยวไปๆมาๆ แต่ช่วงCaptiva ก็ตอบสนองได้ดี เกาะแน่นไม่ย้วย ส่วนหนึ่งมาจากระบบ Traction Contol และการทำงานของ ESP แต่ก็ทำได้ดีเช่นกันเมื่อลองแอบปลดระบบเพื่อความมันส์ ส่วนการโยนตัวในห้องโดยสารนั้นมีเป็นธรรมดาแต่ไม่โคลงมาก ส่วนด้านหลังก็ไม่โยนจนเวียนหัว ถือว่าผ่าน

เราขับมาได้สักพักก็มาเจอทางฝุ่นในถนนปลอดฝุ่น ที่เล่นเอางงตามๆกัน แต่คาราวานเราก็ลุยดะเล่นเอาฝุ่นตลบจนชาวบ้านฝากของแถมมาเป็นนิ้วกลาง ทว่ากลับมาที่บททดสอบ ในจุดนี้รถอเนกประสงค์โบว์สามารถตอบสนองได้ดี แม้ช่วงล่างที่เราบอกแน่นมากน่าจะให้ความรู้สึกกระด้างบนถนนแบบนี้แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

เทคโนโลยีที่เพียบและพร้อมใช้

หลังจากที่เราฝ่าทางลูกรังมาได้ ผมก็ได้โดกาสทดสอบอัตราเร่งของรถอย่างเต็มที่ ที่เราพบว่า Captiva สามารถตอบสนองได้ดีในช่วงรอบกลาง (3-4 พันรอบ) และทำได้ดีขึ้นเมื่อใช้โหมดสับเองแต่ระหว่างเปลี่ยนโหมดนั้นจะมีหน่วงอย่างที่กล่าวไปแล้วประมาณเสี้ยววินาที ส่วนพวงมาลัยนั้นค่อนข้างเบาแต่แม่นยำสูงพอตัวเลยทีเดียว

2012 Chevrolet Captiva

เราลองเหวี่ยงโค้งเล็กน้อยในย่านความเร็วสูงพบว่าไม่มีหนทางใดที่จะทำให้ได้ยินเสียงยางดังเอี๊ยดๆ!! ทว่าพละกำลังเครื่องจากเบนซินนั้นอาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อย โดยเฉพาะยามขึ้นเขาหรือทางชัน เพราะรถจะอืดอย่างชัดเจนจนเหมือนไม่กำลังแต่แก้ได้ด้วยการ คิกดาวน์หรือใช้โหมดตัวช่วยเพื่อลดตำแหน่งเกียร์ ก็พอไหวอยู่

ไม่นานเราก็มาถึงที่หมายที่เป็นอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญในการทดสอบ Hill Decent Control(HDC) ที่ทำงานทันที่กดปุ่มตรงคอนโซลกลาง ใกล้มือซ้ายคนขับ ระบบก็จะเริ่มสั่งการรักษาความเร็วในการลงทางลาดชั้นไม่ให้พุ่งหลาว น่าจะมีประโยชน์มากสำหรับทางชัน แต่หากใช้ร่วมกับ Cruise Control นั้นจะเป็นการรักษาระดับความเร็วที่เดินทางมากเช่นเดินทางมา 20 ก.ม. /ชั่วโมงแล้วล็อคไว้ เมื่อ ทำงานกับ HDC ก็จะปรับการลงเขาในความเร็วของ Cruise speed นั่นเอง

พูดถึง Cruise Control ระบบรักษาความเร็วใน Captiva ใหม่นี้ก็ค่อนข้างใช้งานง่ายทั้งหมดอยู่บนพวงมาลยทางด้านขวา ที่ยังมีการปรับเครื่องเสียงและแอร์เสริมเข้ามาเยอะจนสับสน แต่ก็มีการเล่นระดับให้จับความรู้สึกได้ โดยในส่วนของcruise นั้นพอเปิดSwitch แล้วกดปุ่น Set ที่อยู่ด้านหลังด้านล่างก็จะทำการล็อคความเร็วทันที ซึ่งนอกจากนี้หากใช้ร่วมกับตำแหน่งเกียร์ D และ Eco โหมดที่สามารถเลือกให้ประหยัดได้ ก็พอเห็นตัวเลขประหยัดแถวๆ 10 กิโลเมตรต่อลิตรกันอยู่บ้าง

2012 Chevrolet Captiva

ท้ายที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่พักย่านเขาใหญ่ ที่ซึ่งเราได้ทดลองระบบ Hill Start Assist ระหว่างทางขึ้นลาดชันของ lobby ระบบนี้จะช่วยหน่วงประมาณ 2 วินาที ซึ่งเมื่อทำงานกับเกียร์อัตโนมัติรถจะไม่ไหลเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มเบนซินนี้ ที่มีแรงบิดสูงในรอบกลางชัดเจนมาก และมีประโยชน์มากต่อท่านสตรีเพศ


LT พระรองก็น่าคบแค่แตกต่างกันเล็กน้อย

หลังจากผ่านค่ำคืนอันแสนหวานในเช้าวันใหม่นี้เราก้ได้ฤกษ์เดินทางกลับเมืองหลวง ที่เราแทบจะไม่อยากออกจากห้องของ "มุติมายา" รีสอร์ทแสนสวยระดับหรูที่หากมีโอกาสต้องมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติที่นี่

ในแมทช์ขากลับนี้เราโบกมือลาเจ้า LTZ แล้วโดดขึ้นรุ่น LT แต่ทีแรกก็นึกว่าเพื่อนๆสื่อจะขับกลับแต่กับให้เรารับหน้าที่พลขับกลับยังกทม. แทนเสียอย่างงั้น การขับรุ่นพระรองนั้นเมื่อหย่อนตัวนั่งลงบนเบาะที่ตบแต่งเหมือนกันทำให้รู้สึกไม่แตกต่างอะไรมากมายจากรุ่นท๊อปนัก ทั้งเกียร์ 6 สปีด แอร์อัตโนมัติ ฟังชั่นความปลอดภัยและเทคโนโลยีชั้นนำยังมาครบครัน จะขาดก็แต่จอนาวิเกชั่นและทัชสกรีน 7นิ้วที่ยังไร้วี่แววช่องเสียบ USB ด้วย

2012 Chevrolet Captiva

เราเดินทางออกตามเส้นทางถนนมิตรภาพที่สามารถรู้สึกได้ว่าเสียงยางตีปั๊บๆ หายไป เพราะมาล้อคันนี้ใช้ขอบ 18 นิ้ว แต่แทนที่จะรู้สึกว่ารถนุ่มกว่าเจ้าตัวท๊อปกับแข็งกระด้างกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากยางอีกเช่นเคยที่เลือกใช้ยาง Dunlop ซึ่งยี่ห้อนี้มีเอกลักษณ์ความเป็นสปอร์ตก็ไม่น่าแปลกใจนัก

โดยรวมสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างจากตัวท๊อปการเก็บเสียงห้องโดยสารก็ทำไม่ได้แพ้รุ่นพี่ แต่แล้วเราก็มาเจอบททดสอบสำคัญช่วงปากช่องเมื่อเพื่อนร่วมทาง เกิดตัดโค้งเข้ามาและในขณะที่อัด140 ก.ม./ชม. เรารู้สึกว่ารถจะมีอาการโยนออกมากขึ้นเมื่อยางแก้มสูงกว่า การเกาะถนนมีความแม่นยำลดลงจนพอสังเกตได้แต่ก็ไม่มากมายนัก เราทำเวลาเข้ากรุงพอสมควรและจัดเต็มบนทางด่วนโทลเวย์เพื่อทดสอบโหมดความเร็วสูงแต่กระแทกกระทั้นเท่าไรความเร็วก็แตะ 170 กม/ชม. เหมือนเดิม ซึ่งไม่แน่ใมจว่าตั้งใจล็อคไว้หรือไม่ ในขณะที่การทรงตัวนั้นทำได้ดีแม้จะเจอวูบวาบบ้างถ้าเจอลมข้าง(Cross Wind)แรงๆ

2012 Chevrolet Captiva

ทั้งนี้หลังจากขับทดสอบ Chevrolet Captiva ใหม่นี้ ต้องยอมรับครับว่าเป็นรถที่มีความอเนประสงค์ลงตัวสมรรถนะการขับขี่เน้นย่านความเร็วเดินทาง ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันที่เราขับความเร็วเฉลี่ย 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแทบจะตลอดทางและย่านความเร็วสูงนั้น เราได้ตัวเลประหยัดจาก trip meter ที่ 12.7 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือประมาณ 7-8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งไม่น่าแปลกใจสำหรับรถที่มีน้ำหนัก 1.8 ตัน ที่รวมผู้โดยสาร 4 คน+สัมภาระก็น่าจะราวๆ 2 ตันได้

****อย่างไรก็ดีเท่าที่ได้พูดคุยหลังทดสอบทาง Chevrolet ได้แบไต๋มาว่ารุ่นดีเซลมีแน่แต่จะออกมาในช่วงหลังจากนี้ 6 เดือนหรือในต้นปีหน้า ซึ่งน่าจะเป็นเพราะรอเครื่องใหม่จากกระบะขั้นเทพของค่าย ที่หากไม่รีบรอได้ก็น่าจะรอ

คะแนนขับขี่โดยรวม ของ 2012 Chevrolet captiva

หัวข้อ

คะแนน (เต็ม10) ให้

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

รูปลักษณ์ภายนอก

8

น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบั้นท้ายบ้างโดยเฉพาะเรื่องของที่ไว้ยางอะไหล่ที่โผล่มาจนไม่น่าประทับใจสำหรับรถที่มีราคาล้านอัพ

ภายในห้องโดยสาร

9.5

ทุกอย่างลงตัวเราชอบมากโดยเฉพาะการตบแต่ง แต่ด้วยความเยอะบางทีก็พาสับสนไป โดยเฉพาะที่พวงมาลัยคงต้องใช้ความคุ้นเคย แต่ถือว่ายอดเยี่ยม ทั้งความกว้างด้านหน้า-ด้านหลัง รวมถึงส่วนสัมภาระด้วย แต่น่าจะเพิ่มแอร์ตอนหลัง เพื่อการกระจายลมเย็น

สมรรถนะเครื่องยนต์-ความประหยัด

9

อย่างที่กล่าวว่ารถคันนี้มีดีที่ E85 และเราขอปรบมือให้ความตั้งใจจริงขิง GM แต่เรื่องกลิ่นน้ำมันเข้ารถในการเค้นเครื่อง นี่ต้องแก้ไขโดยไว ส่วนเกียร์ก็หน่วงไปหน่อยถ้ายามคับขันอาจจะเป็นปัญหาได้ แต่การไล่ X3 พอตามตูดได้ถือว่าโอเคเลย

การเกาะถนนและเทคโนโลยี

9.5

ทำได้ดีในจุดนี้ ความหนึบแน่นนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากเทคโนโลยี แต่เราลองแอบปลอดระบบดูก็ถือว่าใช้ได้แท้จะโยนๆไปบ้างก็ตาม




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 7:39:07 น.
Counter : 2029 Pageviews.  

New! Toyota Fortuner ..เพิ่มความหรู-ชูสมรรถนะ

หลังจากที่เราได้เคยกล่าวว่ารถอเนกประสงค์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์โตโยต้าจะออกวางจำหน่ายโฉมใหม่ เมื่อไม่นานมานี้ตามแล่งข่าวที่เชื่อถือได้นั้น ในที่สุด มันก็เปิดตัวออกมาพร้อมกับรถกระบะคู่ขวัญ Toyota Vigo Champ ที่การกลับมาครั้งนี้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่วางแผนเป็นอย่างดีท่ามกลางสงครามใหญ่ส่งท้ายปี

การกลับมาของรถอเนกประสงค์ในกลุ่มกระบะดัดแปลงหรือ PPV นั้น ถือเป็นเกมใหม่ที่เริ่มให้ความครุกรุ่นในตลาดอเนกประสงค์หลังค่าย Chevrolet ออกตัวล้อฟรีไปเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา และการมาของเจ้าตลาดอเนกประสงค์พันธุ์ทางครั้งนี้ก็อาจจะทำให้คนหันมาสนใจไม่น้อย

New! Toyota Fortuner

Toyota Fortuner ใหม่ เป็นรถที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมาก ท่ามกลางภาพหลุดที่เปิดออกมามากมายหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะน่าสนใจไปกว่าเรือนร่างภายนอกที่ครั้งนี้เปลี่ยนคอนเซปต์เป็น Above and Beyond เพิ่มความหรูหราเต็มพิกัด ตั้งแต่ใบหน้าที่หยิบยืมกระจังจากสไตล์ของรถรุ่นพี่มากใช้ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนโคมไฟหน้า Projectorที่โฉบเฉี่ยวขึ้น กันชนที่สปอร์ตขึ้น พร้อมโป่ใหม่และ ล้ออัลลอยที่ครั้งนี้ปั้นขอบ 17 นิ้วจากโรงงานรัดด้วยยางขนาด 265/65/17

ในห้องโดยสาร Toyota เติมเต็มความหรูหราที่ยังยัดความสะดวกสบายสูงสุดมาให้ไปพร้อมกันตามแบบฉบับรถอเนกประสงค์ชั้นนำ มาพร้อมคอนโซลหน้าและคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ ในรุ่นใหญ่เพิ่มลายไม้ให้ความหรูหราที่ลงตัวควบกับเครื่องเล่น DVD และจอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว ในรุ่น 3.0 V Navigator ส่วนรุ่นลองลงมาขนาดเล็กลงมาเหลือ 6.1 นิ้ว ส่วนรุ่นล่างเครื่อง 2.5 ลิตร มาพร้อมวิทยุ CD 2 Din แต่ทั้งหมดควบพวงมาลัยมัลติฟังชั่นมาเป็นมาตรฐานใหม่

New! Toyota Fortuner

ใต้ฝากระโปรง Toyota Fortuner ใหม่ ตอบสนองด้วยทางเลือกการขับขี่ตามความชอบด้วยเครื่องยนต์ เบนซินและดีเซลตามความต้องการของลูกค้า โดยในกลุ่มดีเซลมาพร้อมเครื่อง 2.5 และ 3.0 ลิตร ตอบสนองความ 144 และ 163 ตามลำดับเพิ่มสมรรถนะด้วยเทคโนโลยี Diamond Tech เช่นเดียวกับที่อยู่ใน Vigo มาพร้อมกันด้วยการเคลือบสารคาร์บอนที่หัวฉีดเพิ่มการกระจายตัวของน้ำมัน เช่นเดียวกับระบบควบคุมการทำงานเครื่องยนต์แบบ 32 บิท ที่สามารถเรียนรู้การใช้งานในการขับขี่ได้เพื่อสมรรถนะประหยัดสุงสุด ในขณะที่กลุ่มเครื่องยนต์เบนซินตอบสนองด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ให้สมรรถนะ 160 แรงม้า

พูดถึงรถครอบครัวก็คงต้องมองเรื่องระบบความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ และ Toyota Fortuner ใหม่ ก็มาพร้อมหลากฟังชั่นการทำงานที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่โครงสร้างแชสซี top platform ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างปีกนกสองชั้นทางด้านหน้า และ โฟร์ลิ้งค์ทางด้านหลัง ที่มั่นใจได้ยิ่งขึ้นกับระบบทรงตัว VSC Vehicle Stability Control) ที่ยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ควบด้วยการเบรกหยุดมั่นใจจาก ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ป้องกันล้อล็อคขณะเบรก เสริมการกระจายน้ำหนักผ่าน EBD (Electronic Brake-force Distribution) และที่ยังมั่นใจได้กับการเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) (ในรุ่น 3.0 V)

New! Toyota Fortuner

อย่างไรก็ดีถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุร้ายได้ Toyota Fortuner ใหม่ก็ยังพร้อมปกป้องด้วยโครงสร้างนิรภัย GOA ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และเฉพาะด้านคนขับรุ่น 2.5 ที่ยังควบมาพร้อมแป้นเบรค และพวงมาลัยยุบตัวได้ เพิ่มความมั่นใจขึ้นในยามขับขี่

ทั้งนี้ Toyota Fortuner ใหม่จะมีการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายสัปดาห์นี้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ โดยมีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ดังต่อไปนี้

ราคาจำหน่าย 2012 Toyota Fortuner

Toyota Fortuner 3.0V NAVI 4WD A/T เครื่องยนต์ดีเซล - 1,489,000 บาท

Toyota Fortuner 3.0V 4WD A/T เครื่องยนต์ดีเซล - 1,389,000 บาท

Toyota Fortuner 3.0V 2WD A/T เครื่องยนต์ดีเซล - 1,319,000 บาท

Toyota Fortuner 2.7V 2WD A/T เครื่องยนต์เบนซิน - 1,219,000 บาท**

Toyota Fortuner 2.5G M/T เครื่องยนต์ดีเซล - 1,059,000 บาท

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลย




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 12:12:03 น.
Counter : 2288 Pageviews.  

ของจริงมาแล้ว ใหม่! “วีโก้ แชมป์-ฟอร์จูนเนอร์” สองคู่หูถล่มตลาดรถกระบะ

บ่ายวันนี้ (13 ก.ค.) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ยึดชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพค เมืองทองธานี จัดงานเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ของ ปิกอัพ “ไฮลักซ์ วีโก้” ซึ่งเพิ่มคำต่อท้ายว่า “แชมป์” และรถอเนกประสงค์ “ฟอร์จูนเนอร์” ชูความทันสมัยของการออกแบบใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมขุมพลังที่ให้สมรรถนะยอดเยี่ยม และประหยัดน้ำมันหมดจด ทั้งยังใช้นักฟุตบอลชื่อดัง “คริสเตียโน โรนัลโด” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญโฆษณา ขณะที่ราคายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า “วีโก้ แชมป์” จะปรับขึ้น 10,000-20,000 บาทแล้วแต่รุ่น ส่วน “ฟอร์จูนเนอร์” ประมาณ 40,000 บาท

ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ปรับให้เด่นแน้นสมรรถนะ

เริ่มจากปิกอัพยอดนิยม “ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์” ออกแบบด้านหน้าใหม่ทั้งกระจัง กันชน โคมไฟ ไฟตัดหมอก (เฉพาะเกรด G และ Prerunner 2.5E ABS) ฝากระโปรงลงตัวกับช่องดักลมขนาดใหญ่ขึ้น โคมไฟหลัง ไฟเบรกดวงที่ 3 สีใหม่ รวมถึงกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว โป่งล้อ (เฉพาะรุ่น Prerunner และ 4x4) ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 16 และ 17 นิ้ว ในส่วนของเกรด J ก็ใช้ล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบลายใหม่เช่นกัน ขณะที่เสาวิทยุเป็นแบบพับเก็บได้

นอกจากนี้ ในรุ่นสมาร์ทแค็บ (ประตูตู้กับข้าว) ยังสะดวกสบายทุกการเข้าออกและการใช้งาน ด้วยประตูและบานเปิดที่กว้างถึง 92 องศา หรือเพิ่มความกว้างทางเข้า-ออกห้องโดยสารอีก 51 เซนติเมตร พร้อมเทคโนโลยีระบบล็อก 2 ชั้น เพิ่มอรรถประโยชน์ของการใช้งาน ปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการหนีบขณะปิด พร้อมสัญญาณเตือนเมื่อบานแค็บปิดไม่สนิท

ภายในได้รับการปรับแต่งพอเป็นพิธี ทั้งแผงคอนโซลหน้า ลูกบิดปรับอุณหภูมิแอร์ มาตรวัดเรืองแสงแบบใหม่ พวงมาลัยMulti-function และที่เก็บแว่นตา-ไฟส่องแผนที่ดีไซน์ใหม่ แบนเรียบกับเพดานหลังคา ที่สำคัญ วีโก้ ใหม่ ยังเพิ่มช่องต่ออุปกรณ์ USB / AUX ที่มาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงขนาด 2Din เล่น CD 1แผ่น รองรับ MP3 และ WMA

เหนืออื่นใดในรุ่นดับเบิลแค็บยังเสริมด้วย เบาะที่นั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น 3.0G 4x4) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ “Cruise Control” (เฉพาะรุ่น 3.0 G 4x4 เกียร์อัตโนมัติ) ชุดเครื่องเสียงใหม่ ขนาด 2Din พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1 และเครื่องเล่น DVD 1แผ่น (Prerunner และ 3.0G 4x4) หรือแบบเครื่องเล่น CD 1 แผ่น รองรับ MP3 และ WMA ช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX และกล้องมองหลัง ทำงานสัมพันธ์กับเกียร์ถอยหลัง (เฉพาะ Prerunner และ4x4 3.0G)

ในส่วนช่วงล่าง TOP Platform โครงสร้างเฟรมชิ้นเดียวยาวตลอดคันไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงดึง และการบิดตัวสูง ระบบกันสะเทือนปรับปรุงให้นิ่มนวล โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบนและคอยล์สปริง หลังแบบแหนบซ้อน



ความปลอดภัยสูงสุด ระดับดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน / ดรัมเบรกหลังพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ LTS and Super LSPV ถุงลมเสริมความปลอดภัย แบบ Dual SRS Airbag คู่ด้านหน้า ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแรงกระแทกด้านหน้า (เฉพาะ เกรด G)

ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางและหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในขณะเบรก (เฉพาะเกรด G และ E ABS)

ตลอดจนโครงสร้างนิรภัย GOA (Global Outstanding Assessment) พร้อมคานประตูใหญ่ และหนา คานกันกระแทกด้านข้าง, พวงมาลัยแบบยุบตัวได้, เข็มขัด ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้,แป้นเหยียบเบรกแบบยุบตัวได้, ไฟเบรกดวงที่ 3, แผงไล่ฝ้ากระจกหลัง,กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัยพร้อมแถบกรองแสง, วาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ, โครงเสาหลังคาและหลังคารถด้านในได้รับการออกแบบให้มีความอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยผ่อนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ



เครื่องยนต์กำลังสูงสุดแรงบิดสูงสุดวางในรุ่น
1KD – FTV 3.0 ลิตร
ไดเรกอินเจ็กชัน 16 วาล์ว
VN เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที343 นิวตัน-เมตร
ที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที
รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สมาร์ทแค็บ ทุกระบบขับเคลื่อน
ดับเบิลแค็บ ทุกระบบขับเคลื่อน
2KD – FTV (VNT) 2.5ลิตร
ไดเรกอินเจ็กชัน 16 วาล์ว
VN เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
144 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที343 นิวตัน-เมตร
ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที
สมาร์ทแค็บ Pre-runner และ 4x4
ดับเบิลแค็บ ทุกระบบขับเคลื่อน
2KD – FTV (I/C) 2.5ลิตร
ไดเรกอินเจ็กชัน 16วาล์ว
เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
120 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที325 นิวตัน-เมตร
ที่ 2,000 รอบ/นาที
สมาร์ทแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ Pre-runner
ดับเบิลแค็บ Pre-runner
2KD – FTV 2.5ลิตร
ไดเรกอินเจ็กชัน 16 วาล์ว
เทอร์โบ
102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที200 นิวตัน-เมตร
ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที
รุ่นมาตรฐาน / เอ็กซ์ตราแค็บ
สมาร์ทแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ
2TR – FE 2.7 ลิตร
เบนซิน VVT-I 16 วาล์ว
160 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที241 นิวตัน-เมตร
ที่ 3,800 รอบ/นาที
รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สมาร์ทแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 2 ล้อ


ฟอร์จูนเนอร์ ชูหรู-อเนกประสงค์

ด้านปิกอัพดัดแปลง “ฟอร์จูนเนอร์ ไมเนอร์เชนจ์” ปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ทั้งกระจังหน้าโครเมียม กันชนหน้า และกันชนหลัง ไฟตัดหมอก ฝากระโปรงลงตัวกับช่องดักลมใหม่ โคมไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ พร้อมที่ฉีดล้างไฟหน้า (เฉพาะในรุ่น 3.0V 4x4) โคมไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบปรับด้วยไฟฟ้า โป่งล้อประกบล้อแมกซ์อัลลอยลายใหม่ ขนาด 17” และยางขนาดใหญ่ 265/65 R 17 รวมถึงกล้องมองหลัง เพิ่มปลอดภัยทุกครั้งเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (ยกเว้นในรุ่น 2.5G)

ภายในก็ใหม่ ไล่ตั้งแต่ พวงมาลัย Multi-function แผงคอนโซลหน้าและกลาง พร้อมลายไม้ แผงประตูข้างแบบทูโทน (ในรุ่น 3.0V และ 2.7V) และเมทัลลิก (ในรุ่น 2.5G) เบาะผ้าลายใหม่สี 2 โทน (เฉพาะรุ่น 2.5G) หัวเกียร์ลายไม้ใหม่ (ในรุ่น 3.0V และ 2.7V) ลูกบิดปรับอุณหภูมิแอร์ ดีไซน์ใหม่ (เฉพาะรุ่น 2.5 G) ที่เก็บแว่นตา/ไฟส่องแผนที่แบนเรียบกับเพดานหลังคา

ระบบเครื่องเสียง 2 Dinเล่นวิทยุ ซีดี ดีวีดี พร้อมระบบ MP3/WMA และลำโพง 6 ทิศทาง พร้อมระบบ ASL ปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ พร้อมช่องต่อ USB/AUX ส่วนรุ่น3.0V Navi เป็นเครื่องเล่นแบบ 1DVD พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.5” และระบบนำทาง Navigator สะดวกสบายด้วยฟังก์ชันการค้นหาสถานที่-แนะนำเส้นทาง-ที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ พร้อมเมนูบนจอแสดงภาพแบบ Touch-screen

ด้านระบบเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เชื่อมต่อระบบ Hand free ของโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การสนทนา และควบคุมโทรศัพท์เป็นไปอย่างง่ายดาย และปลอดภัยในการขับขี่ ผ่านเครื่องเสียงได้แบบ Hand-free (เฉพาะในรุ่น 3.0V และ 2.7V)

ระบบความปลอดภัย จัดระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control / ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) / ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) (ในรุ่น 3.0 V)

ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก, วาล์วตัดน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ, ไล่ฝ้ากระจกหลัง, เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง (เฉพาะรุ่น 2.5G) กุญแจรีโมท Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS

โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ประกอบด้วยคานรับแรงกระแทกในประตูทุกบาน วัสดุช่วยกระจายแรงกระแทก ถุงลมเสริมความปลอดภัยคู่หน้า ด้านคนขับและผู้โดยสาร Dual SRS Airbag (ในรุ่น 3.0V และ 2.7V) และ เฉพาะด้านคนขับ (ในรุ่น 2.5G) - เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด ทั้ง 3 แถวที่นั่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้, แป้นเบรกนิรภัย และพวงมาลัยยุบตัวได้

“ฟอร์จูนเนอร์ ไมเนอร์เชนจ์” ยังใช้โครงสร้างของระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง แบบโฟร์ลิงก์ พร้อมคอยล์สปริง

ด้านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (ในรุ่น 2.5G) และอัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม 3 ทางเครื่องยนต์ คือ 1 KD-FTV (I/C) 3000 ซีซี ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรกอินเจ็กชัน 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ 2 KD-FTV (I/C) 2500 ซีซี ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรกอินเจ็กชัน 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด144 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

สุดท้ายเครื่องยนต์เบนซิน 2 TR-FE 2700 ซีซี VVT-i DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที

ทั้งนี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เตรียมเปิดตัว วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ใหม่ อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน 22-24 กรกฎาคม นี้ ที่โชว์รูมโตโยต้า 329 แห่งทั่วประเทศ และห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ คือ แฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2554 8:02:35 น.
Counter : 1767 Pageviews.  

กระบะยกพลลุยปลายปี..คิดจะซื้อควรรอสักนิด

ช่วงนี้ถ้าถามว่ากระแสข่าวอะไรที่เงียบงันแต่แรงอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น คงไม่มีอะไรมากกว่าการแข่งขันเปิดตัวรถใหม่ ทั้งรถนั่งและรถกระบะที่ปลายปีนี้เราจะได้เห็นกันมากมายหลายรุ่น แต่ที่อยู่ในความสนใจจริงๆนั้นคงไม่พ้นเรื่องราวของรถกระบะที่ไทยนั้นเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคอาเซียนเลยทีเดียว

ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมากระแสกระบะในบ้านเรานั้นดูจะมาแรงอย่างมาก หลังติดตามกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับค่ายรถยนต์ Ford ที่การห้ำหั่นกระบะนั้นเริ่มดุเดือดมากขึ้นหลังการมาของ Nissan Navara ที่เปิดฟลอร์นิยมใหม่ของกระบะยุคโมเดิร์น ที่แม้จะโดนติเตียนจากหลายกระแสในเรื่องต่างๆ แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็ซูฮกในเรื่องสมรรถนะการขับขี่เช่นเดียวกับเรือนร่างที่ใหญ่โตขึ้น จนท้าพิสูจน์น้ำหนักบรรทุกได้ถึง 1.5 ตัน จากเดิม 1 ตัน

Nissan Navara 2011

ความใหญ่โตนี่เองเป็นจุดแข็งของนาวาร่า ที่ทำให้ค่ายรถยนต์คู่แข่งมองตาเป็นมัน แม้ค่ายเจ้าตลาดจะทำไม่สนใจเดินหน้าเปิดรุ่นอัญมณีต่อเนื่องที่น่าจะหมดชื่อจะใช้แล้ว ส่วนอีกค่ายก็แอบสนใจในการขยายร่าง แต่เมื่อคู่แข่งไม่ขยับก็นิ่งเฉย จนกระทั่งในที่สุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเมื่อค่ายรถยนต์อเมริกาเปิดตัวกระบะรุ่นใหม่ ภายใต้บอดี้ t6 ก็ทำเอาตลาดกระบะลุกเป็นไฟ

All New! Ford Ranger นั้น ถือเป็นรถที่ปลุกกระแสโหมโรงกระบะเป็นอย่างดีไม่เพียงเฉพาะในไทยแต่เป็นกันทั้งโลก ที่โชว์สมรรถนะและศักยภาพต่างๆนาน ก่อนการขายจริง มีการเปิดเผยในหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ชั้นนำ ในขณะที่ในไทยเองก็เอามาโชว์ในฐานะฐานการผลิตใหญ่เมื่อช่วงมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และจะมีการวางจำหน่ายที่ตอนแรกบอกกลางปี แต่ดูเหมือนจะรอชนปลายปีนี้กับคู่แข่งยักษ์ใหญ่

All New! Ford Ranger Wildtrak

เมื่อพูดถึงคู่แข่งยักษ์ใหญ่จากทางค่ายอเมริกันเหมือนกัน Chevrolet ก็เป็นค่ายรถยนต์อีกเจ้าที่เตรียมวางจำหน่ายกระบะใหม่กับ All new Chevrolet Colorado ที่มาเปิดตัวแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงก่อนมอเตอร์โชว์ แล้วนำไปโชว์ในงาน ประชันกันระหว่าง 2 สายพันธ์กระบะอเมริกัน ที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนใครจะชอบแบบไหนก็แล้วแต่สะดวกเลย

ไหนๆ ก็พูดถึงฟอร์ด ถ้าไม่พูดถึงค่ายรถยนต์พันธมิตรอย่าง Mazda ก็ดูจะขาดๆอะไรไป เพราะ เมื่อ Ford มีโมเดลใหม่ ค่ายนี้ก็ตามติดด้วยว่าที่ Mazda BT-50 ใหม่หมดจดเตรียมพร้อมวางขายเช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวมากมายนักในไทยเรียกว่ายังเงียบอยู่อย่างต่อเนื่อง จนอาจจะเป็นไปได้ว่ามาในปีหน้า ส่วนจะใช่หรือไม่ถ้าชอบ Mazda BT-50 ก็ต้องอดใจรอสักนิด

Holden Corolado ฝาแฝด Chevrolet corolado

ด้าน 2 เจ้าตลาดกระบะในศึกนี้ทีแรกก็เงียบๆแต่เมื่อค่ายรองบุกตะลุยใกล้ถึงท้ายครัว ก็ต้องใช้สูตรเด็ด D4D VNT เทอร์โบเร่งหนี ที่ในอีกไม่นานนี้กำลังจะมีการอวดโฉมสู่สาธารณะชนกับ New! Toyota Vigo 2012 ที่จะควงมาพร้อมรถอเนกประสงค์ Toyota Fortuner ที่ยังไม่ใช่โฉมใหม่ แต่ในวงการเรียกว่า Big minor Changed ที่เปลี่ยนหน้าตาให้สอดรับและดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น พอจะต่อสูhกับคู่แข่งได้ ส่วนรายละเอียดของตัวรถนั้น อีกไม่นานเกินรอได้รู้กัน

มองอีกaากทางคู่แข่งอย่าง Isuzu ช่วงนี้ปิดปากเงียบ แต่ก็มีล่ำลืออกมาว่าจะมีการเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ โดยรถรุ่นใหม่ที่ว่านี้จะมีการแต่งหน้าทาปากหรือไม่ ยังไม่ชัดเจนนักแต่ออพชั่นหนึ่งที่ว่าจะเปิดออกมาอาจจะเป็นรุ่น Open Cab ที่ล่ำลือกันมานานพอสมควร ว่า Isuzu ให้ความสนใจหลังทุกค่ายในตลาดมีหมดแล้วทุกเจ้า ไม่เว้นกระทั่ง Tata ซึ่งทำให้ ค่ายรถยนต์รายนี้เป็นรายเดียวที่ยังไม่สามารถตอบข้อนี้ได้ แม้จะชูขุมพลังสุดประหยัดก็ตาม ทว่ามีหลายกระแสที่กล่าวมาตรงกันว่า ค่ายรถยนต์รายนี้รอรถรุ่นใหม่ที่พัฒนาภายใต้รหัส RT50 ซึ่งใกล้จะพร้อมแล้ว

2012 Mazda BT-50

อีกค่ายที่ลืมไปไม่ได้คงไม่พ้น Mitsubishi ที่ออกตัวแรงในช่วงต้นปีและเบิกฤกษ์กระบะ2.5 ที่แรงที่สุดในตลาด ขณะที่เดินหน้าปั้นภาพลักษณ์กับ ตูน บอดี้แสดลมที่ได้ใจไปครอง และล่าสุดปรับทัพส่งรุ่นสีขาวลงตลาดเพิ่มช่วยดันยอดขายอีกทาง

การปรับโฉมในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นคำตอบที่ดีว่า เราคงจะไม่ได้เห็นกระบะใหม่จากค่ายนี้ในปีนี้อย่างแน่ชัด เช่นเดียวกับพันธมิตร Nissan ที่น่าจะไม่มีความเคลื่อนไหวในปีนี้เช่นกัน ทว่าจากการจับมือกันของ 2 บริษัทนี้ คาดว่าน่าจะมีความร่วมมือกันในกลุ่มกระบะ ซึ่งในตอนนี้มีการย้ายสถานที่ประกอบรถ Nissan Navara ไปยังโรงงานที่แหลมฉบัง ส่วน Mitsubishi Triton ใหม่จะมาเมื่อไร ยังไม่กำหนดแน่ชัดแต่คาดอาจจะรอยาวสักนิดหลังโหมโรงอีโค่คาร์ที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้ว

ทั้งหมดนี้คือความเคลื่อนไหวในตลาดกลุ่มรถกระบะในภาพรวมที่เกิดขึ้นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา และแน่นอนว่าบทสรุปของศึกกระบะปีนี้อยู่ที่ปลายปี โดยเฉพาะงานส่งท้ายที่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ต่างเตรียมลงตลาดกวาดยอด ที่มั่นใจได้เลยว่ากระบะหลากรุ้นพร้อมให้คุณจับจองเป็นเจ้าของ

Sanook! Auto Comment

ศึกตลาดกระบะในปีนี้ต้องยอมรับครับว่าน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะปลายปีที่มีอย่างน้อย 3 รุ่นลงตลาดตามจ่าวที่ได้รับมา ซึ่งแน่นอนว่างานนี้คงจะถูกใจใครที่กำลังมองหากระบะใหม่ แต่อยากฝากสักริดครับว่า ถ้าขับในเมืองเป็นประจำจะใช้รถใหญ่ให้เทอะทะทำไม ..??



ข่าวรถยนต์ สาว ๆ น่ารัก อิอิ กดเลย...




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2554 8:37:36 น.
Counter : 3114 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.