ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เชฟโรเลต เผยโฉม "โคโลราโด" รถกระบะต้นแบบรุ่นใหม่ งานมอเตอร์โชว์

Car Pictures, รถยนต์ Images

Car Pictures, รถยนต์ Images


Car Pictures, รถยนต์ Images


เชฟโรเลต เผยโฉมรถต้นแบบ โคโลราโด รุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาจากดีเอ็นเอสายพันธุ์แกร่งของรถกระบะเชฟโรเลตที่ได้รับ รางวัลมาแล้วมากมาย ก่อนนำออกโชว์ตัวสู่สายตาชาวไทยครั้งแรกในโลกที่งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 พร้อมเปิดตัวออกจำหน่ายจริงภายในปีนี้

มร.มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตลาดรถกระบะในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศไทยจึงเหมาะสมที่สุดในการเผยโฉมโคโลราโด รุ่นใหม่ซึ่งคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย และเชื่อมั่นว่าจะตรงกับความต้องการและตอบสนองต่อทุกการใช้งานของลูกค้าชาว ไทย

ด้านซูซาน โดเชอร์ตี้ รองประธานกรรมการฝ่ายการขาย การตลาด และบริการหลังการขาย เจนเนอรัล มอเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า รถกระบะได้อยู่เคียงคู่กับประวัติศาตร์อันยาวนานของเชฟโรเลตมาเป็นเวลาเกือบ 100 ปี และโคโลราโด เจนเนอเรชั่นใหม่นี้จะตอกย้ำความสมบูรณ์แบบทั้งด้านการออกแบบ ความพิถีพิถัน และประสิทธิภาพอันเหนือระดับได้อย่างแน่นอน

รถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด ต้นแบบคันนี้ มาพร้อมกับรูปทรงที่แข็งแกร่งบึกบึน ตัวถังแบบเอ็กซ์เทนเดด-แค็บ หรือแบบ 2 ประตูพร้อมแค็บและที่นั่งด้านหลังคนขับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยกสูง สะดุดตาด้วยล้ออลูมิเนียมขนาด 20 นิ้วและยางแบบออฟโรด พร้อมสมรรถนะแห่งความแรงอันยอดเยี่ยมด้วยขุมพลังดีเซลเทอร์โบขนาด 2.8 ลิตร ให้แรงบิดต่อเนื่องตอบสนองทุกการใช้งาน และประหยัดเหนือชั้น

มร.แบรด เมอร์เคล ผู้บริหารระดับสูงด้านสายผลิตภัณฑ์ของจีเอ็ม กล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นเพียงรถต้นแบบ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางในการพัฒนารถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโดรุ่นใหม่ในก้าวต่อไป โดยมีการวางแผนเพื่อเปิดตัวออกสู่ตลาดและจัดจำหน่ายจริงในปีนี้อย่างแน่นอน จากรูปลักษณ์อันแข็งแกร่ง ทรงพลัง ล้ำสมัย ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะถูกถ่ายทอดจากรถกระบะต้นแบบสู่รถเชฟโรเลต โคโลราโดรุ่นใหม่นี้ จะทำให้เชฟโรเลต โคโลราโดรุ่นใหม่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้ทุกรูปแบบทั้งการใช้งานใน เชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการใช้งานอเนกประสงค์ทั่วๆไป

โคโลราโด ได้รับการสร้างสรรค์จากหน่วยงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกของจีเอ็ม โดยฝีมือทีมวิศวกรที่ทำงานอย่างพิถีพิถัน พร้อมกับการเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองไทยนานหลายเดือนของทีมหัวหน้าวิศวกร ที่เฝ้าสังเกตภาวะตลาดรถเมืองไทย และการใช้งานรถกระบะของลูกค้าชาวไทย ตลอดจนสำรวจคุณภาพท้องถนนเกือบทั่วประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจว่ารถกระบะรุ่นใหม่นี้จะตรงกับความต้องการของลูกค้าชาวไทยมาก ที่สุด

"รถกระบะ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และผู้ที่ใช้งานรถกระบะมีความภาคภูมิใจในรถของพวกเขาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาสามารถใช้รถกระบะในการทำงาน และในชีวิตประจำวันส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ลูกค้ามีจุดประสงค์และความต้องการใช้งานรถกระบะให้คุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นเครื่องยนต์ และโครงสร้างตัวถังจะต้องมีความแข็งแกร่ง ทนทานและนั่นคือสิ่งที่เราพร้อมจะมอบให้ลูกค้าของเชฟโรเลต โคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้" มร.เมอร์เคล กล่าว

รายละเอียดการออกแบบ

เป้าหมายการออกแบบของรถต้นแบบโคโลราโด คือ การนำเสนอความแข็งแกร่งออกมาทางตัวถังที่มีขนาดใหญ่และมั่นคง ด้านหน้าโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์กระจังหน้าสองชั้น และโลโก้โบไทสีทองอันโดดเด่นของเชฟโรเลตนำสายตาทุกคู่ไปสู่กรอบไฟหน้าที่พาด เฉียงขึ้นไปบนฝากระโปรงรถ ซึ่งเชื่อมต่อกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ดูทรงพลัง

"การพัฒนารถกระบะทั่วโลก เกิดขึ้นจากการเชื่อมโยงกันระหว่างความแข็งแกร่ง การรองรับการขับขี่ และการใช้งาน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนี้ถูกบรรจุอยู่ในรถต้นแบบโคโลราโดคันนี้" เอ็ด เวลเบิร์น รองประธาน จีเอ็ม โกลเบิล ดีไซน์ กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า "ความบึกบึนด้านข้างของตัวถังรถเป็นการสานต่อเอกลักษณ์อันโดดเด่นของรถกระบะ ในตระกูลเชฟโรเลตมานานนับศตวรรษ"

สีสันของตัวถังด้านหน้ารถเลือกใช้สีเมทัลลิกชนิดพิเศษที่เรียกว่า ′เปปเปอร์ดัสต์′ ตัดกับอลูมิเนียมขัดเงา เข้าคู่กับบันไดด้านข้างที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของตัวรถ การออกแบบกรอบไฟหน้าโคมดำพร้อมหลอดไฟแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบแอลอีดีทั้งหมดจะสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่ในยามค่ำ คืน

การออกแบบตัวถังภายนอกส่วนอื่น

ประกอบด้วย
"การออกแบบช่วงแค็บที่ไหลลื่น พร้อมปิดกระบะท้ายสีเดียวกับตัวถังรถ
"แถบสีเทาเข้ม พาดผ่านด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้ายรถ
"ล้ออลูมิเนียมขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม ตกแต่งแบบ "ลิควิด เมทัล"
"ยางออฟโรด คูเปอร์ ซีออน แอลทีแซด ขนาด 285/50 R20
"กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี

ภายในห้องโดยสารแบบดูอัล-ค็อกพิท เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเชฟโรเลตที่เน้นความสมดุลลื่นไหลตลอดคอนโซลหน้าไป จนถึงแผงข้างประตู มีการแทรกดีไซน์แบบบิดโค้งเพื่อเพิ่มความล้ำสมัย แสงไฟในห้องโดยสารสีฟ้าไอซ์บลู เบาะหนังตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน เน้นให้เห็นสัมผัสของความสะดวกสบาย กว้างขวาง และรื่มรมย์ตลอดการเดินทาง

มร.เวลเบิร์น กล่าวว่า "การออกแบบภายในของโคโลราโด เน้นให้ผู้โดยสารรู้สึกเหมือนได้รับคำเชิญชวนให้นั่งไปพร้อมกับความรู้สึก พิเศษ ด้วยความกว้างขวางที่เหนือกว่ารถกระบะค่ายอื่นในระดับเดียวกัน และในขณะเดียวกัน ทุกรายละเอียดของห้องโดยสาร จะได้รับการพัฒนามาเพื่อมอบคุณภาพสูงสุด ทั้งในด้านความรู้สึก หรือแม้แต่เพียงแค่การมองเห็น"

มาตรวัดแบบ 3 ช่อง โดดเด่นสะดุดตา ให้อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ต และตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างชัดเจน

ภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีต่างเพิ่มความหรูหรา เบาะหนังสีอ่อนตัดกับลายไม้สีเข้มและโครเมียม พร้อมพื้นผิวที่ไม่มีความมันมากนัก และวัสดุอื่นๆที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม ช่องเก็บของหลากหลายขนาดถูกติดตั้งทั่วห้องโดยสาร รวมถึงช่องเก็บของที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อเก็บของมีค่าและช่องเก็บของขนาดใหญ่ บริเวณคอนโซลด้านหน้าแบบสองชั้นแสดงความหรูหราและตัวตนของเจ้าของรถ ตลอดจนช่วยสร้างความรู้สึกแบบพรีเมียมให้ผู้โดยสารแทบทั้งสิ้น

อุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน และระบบให้ความบันเทิงแบบ "อินโฟเทนเมนท์" เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของเชฟโรเลต โคโลราโด ส่วนคอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอแอลซีดีขนาด 7 นิ้วสำหรับระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อเว็บไซต์ การปรับเลือกเพลง และการใช้งานโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของรถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด จะได้รับการเปิดเผยอีกครั้งภายในปีนี้

ท่านสามารถติดตามรายละเอียดอย่างของเชฟโรเลต โคโลราโดได้อย่างใกล้ชิดก่อนใครที่ www.gmthailand.com




 

Create Date : 25 มีนาคม 2554    
Last Update : 25 มีนาคม 2554 8:49:19 น.
Counter : 5277 Pageviews.  

แจ่ม!! ภาพบรรยากาศงาน Motor show 2011


motor show 2011


motor show 2011


motor show 2011


motor show 2011

ข้อมูลและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม

เปิดฉากกันไปเป็นที่เรียบร้อยอย่างยิ่งใหญ่กับมหกรรมงานมอเตอร์โชว์ระดับประเทศ "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32" (The 32nd Bangkok International Motor show) บทพิสูจน์ความยิ่งใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในวันที่ 24 มีนาคม 2554 ณ อิมแพค เมืองทองธานี

งานนี้ทีมงานกระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดเก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ รถเจ๋ง ๆ รวมถึงพริตตี้แจ่ม ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยค่ะ

กําหนดการจัดงาน
วันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2554

วันธรรมดา 12.00 - 22.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ 11.00 - 22.00 น.






motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011motor show 2011

motor show 2011

motor show 2011


motor show 2011


motor show 2011


motor show 2011




 

Create Date : 24 มีนาคม 2554    
Last Update : 24 มีนาคม 2554 20:52:11 น.
Counter : 1257 Pageviews.  

FORD โชว์โฉม New RANGER ครั้งแรกในอาเซียน เตรียมขายจริงในไทยปลายปี 2011

ฟอร์ดเคยโชว์โฉมรถปิกอัพรุ่นใหม่-เรนเจอร์ ที่งานแสดงรถในออสเตรเลียเมื่อปลายปี 2010 พร้อมประกาศชัดว่าจะทำตลาดจริงในช่วงปลายปี 2011 ล่าสุด 23 มีนาคม ฟอร์ดโชว์โฉมเรนเจอร์ใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียนที่กรุงเทพฯ-ประเทศไทย สภาพโดยรวมของรถเป็นคันจริง แม้ยังไม่เปิดตัวจำหน่ายจริง ครั้งนี้เป็นการโชว์โฉม-ปล่อยข้อมูลเพื่อกระตุ้นตลาด อันเป็นนโยบายใหม่ของหลายบริษัทรถที่ไม่ได้เปิดตัวครั้งเดียวแบบแต่ก่อน เน้นว่าการเปิดตัวและทำตลาดจริงเป็นช่วงปลายปีนี้

บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 พบกับการเผยโฉมครั้งแรกในอาเซียน ของรถกระบะสไตล์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่
ฟอร์ดจัดบูทจัดแสดงอุปกรณ์และเทคโนโลยีสุดทันสมัย ที่ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมสนุกได้มากที่สุด นับเป็นครั้งแรกสำหรับงานแสดงรถในประเทศไทย ด้วยอุปกรณ์ในการจัดแสดงต่างๆ มากมาย พร้อมด้วยเกมสุดมัน และเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกจำนวนมาก
รถขนาดเล็กเจ้าแห่งรางวัล ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ แนะนำสีสันใหม่โดนใจ เพิ่มอีกหนึ่งตัวเลือกด้วยตัวถังภายนอกใหม่สีม่วง ‘Phantom Purple’ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ สุดเท่ ขนาดเครื่องยนต์ ดูราเทค 2.0 ลิตร รุ่นเกีย พลัส และรุ่นสปอร์ต พลัส มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ด้วยราคาพิเศษสุดเพียง 849,000 บาทเท่านั้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นรถปิกอัพที่ทำตลาดมากว่า 5 ปี ด้วยการยอมรับในคุณภาพและความเป็นรถปิกอัพนิรภัยรุ่นแรกๆ ของไทย ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมตามอายุตลาดปกติ ที่รถปิกอัพมักทำตลาดรุ่นละระดับ 6-10 ปี
ท่ามกลางกระแสตลาดที่รถปิกอัพหลายรุ่นจะเปลี่ยนโฉมในปีนี้ และเดินไปในทิศทางคล้ายกัน คือ ขนาดตัวถังใหญ่ขึ้น และดูทันสมัยคล้ายรถเก๋งมากขึ้นทั้งภายนอก-ภายใน ในขณะที่เรนเจอรุ์ร่นเดิม ดูคันเหล็กและมีรูปทรงที่อิงไปในทางรถในเชิงพาณิชย์ทื่อๆ
เรนเจอร์ใหม่ จึงถูกพัฒนาบนขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมากอย่างชัดเจน ผสานกับรูปทรงที่ไร้คราบเดิมอย่างสิ้นเชิง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังระดับ 150-200 แรงม้า ในแบบดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ

เรนเจอร์ใหม่มาพร้อมการตลาดยุคใหม่ ที่หลายบริษัทรถนิยมใช้ในช่วง 5 ปีหลังมานี้ คือ ไม่เปิดตัวครั้งเดียวจบ แต่ตั้งใจปล่อยภาพ-ข่าว รวมถึงมีการแถลงข่าวถึงรถรุ่นใหม่ โดยไม่ต้องให้ผู้คนทั่วไปสืบเสาะ
บริษัทรถเปิดเผยเอง เพราะตั้งใจสร้างกระแสล่วงหน้าก่อนเปิดตัวขายจริงไม่ต่ำกว่าครึ่ง-1 ปี โดยไม่กลัวว่ารถรุ่นเดิมจะขายไม่ได้ เพราะจะเน้นขายด้วยแคมเปญต่างๆ หรือดึงดูดด้วยราคารวมถึงข้อเสนอพิเศษ
เรนเจอร์ ก็เป็น 1 ในรถใหม่ที่ใช้กลยุทธ์นั้น โชว์โฉมรถคันที่อาจเรียกว่าต้นแบบหรือพรีโปรดักชัน ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม แต่ก็คือ เกือบเหมือนคันผลิตจริง พร้อมให้ข้อมูลอย่างละเอียดในงานแสดงรถที่อสเตรเลีย ปลายปี 2010 และมีนาคม 2011 อีกรุ่นตัวถังก็มาโชว์ในไทยแบบไม่ปิดบัง แต่ไม่ขายทันทีโดยน่าจะมีกำหนดการขายและประกาศราคาจริงในช่วงครึ่งปีหลังของ 2011

กรณีของการเคยเป็นรถฝาแฝดที่เกือบเหมือนกับ ทั้งแพลตฟอร์มและรูปทรงพื้นฐานระหว่างเรนเจอร์ และมาสด้าบีที-50 ในรุ่นที่ผ่านๆมา ในรุ่นนี้ ไม่น่าเรียกว่าฝาแฝดได้ เพราะมีการใช้แค่พื้นตัวถัง-แพลฟอร์มร่วมกันนั้น ส่วนรูปลักษณ์ภายนอก-ภายในและรายละเอียดทางวิศวกรรม ต่างกันอย่างชัดเจน แบบไม่ต้องเล็ง
โดยรวมของเรนเจอร์ใหม่ มีขนาดตัวถังใหญ่กว่ารุ่นเดิมมากการออกแบบภายนอก-ภายในหวือหวาและดูสปอร์ตขึ้นแบบไร้คราบเดิม เครื่องยนต์แน่นอนว่าแรงขึ้นอย่างชัดเจน
ชมภาพและรายละเอียดคราวๆ เน้นว่า นี่ไม่ใช่การเปิดตัวจำหน่ายจริง แต่คันที่เห็นนี้ คล้ายคันที่ผลิตขายจริงเกือบทั้งหมด ปลายปี 2011 เจอกันกับ FORD New RANGER

เรนเจอร์ ใหม่ เผยโฉมครั้งแรก ในบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน จัดแสดงโชว์ครบทั้ง 3 ตัวถัง คือ แบบธรรมดา, โอเพ่นแค็บ (ตอนครึ่ง) และดับเบิ้ลแค็บ (4 ประตู) มาพร้อมขุมพลังใหม่เต็มสมรรถนะ 3 รุ่น เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2 รุ่น ความจุ 3,200 ซีซี และ 2.200 ซีซี หรือเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค 1 รุ่น ความจุ 2,500 ซีซี หวังสร้างกระแสล่วงหน้า ซึ่งเป็นการทำตลาดแนวใหม่ พร้อมกำหนดราคาและขายจริงช่วงปลายปีนี้
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ถูกผลิตขึ้นภายใต้กลยุทธ์ One Ford ด้วยคุณภาพเดียวทั่วโลก ใช้โครงสร้างตัวรถกระบะระดับโลกของฟอร์ดที่มีความแข็งแกร่งสูง โดยใช้แพลตฟอร์มแบบชิ้นเดียวเหมือนกันจำหน่าย 180 ประเทศ


รูปลักษณ์ใหม่ถูกนักออกแบบเรียกว่า “ความแข็งแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21” ซึ่งเรนเจอร์ ใหม่มีความหล่อบึกบึนกว้างขวาง ด้วยมิติตัวถังยาว 5,359 มม. และกว้าง 1,850 มม. เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสถานที่
ด้านหน้ามีจุดเด่นด้วยระยะยื่นของกระชนหน้าที่สั้น ลงตัวกับกระจังหน้าลาย 3 แถบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบระดับโลกภายใต้แบรนด์ฟอร์ด กระจกบังลมหน้าถูกออกแบบให้ทำมุมเอียงไปด้านหลังมากขึ้น ช่วยเพิ่มความสปอร์ตและความโฉบเฉี่ยวให้กับรูปทรงโดยรวม ขณะที่ความเหลี่ยมในรถกระบะรุ่นก่อนๆ ได้ถูกลดทอนลง เพื่อทำให้รุ่นใหม่ดูทันสมัยและสอดคล้องกับหลักแอโรไดนามิกมากขึ้น ไฟหน้าและกระจกหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมล้อแม็กลายใหม่ช่วยเสริมรูปลักษณ์ให้ลงตัวสำหรับทุกรุ่น
ยกขอบกระบะให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความโดดเด่น และเพิ่มพื้นที่บรรทุกให้ลึกขึ้น รุ่นตัวถังธรรมดา (ตอนเดียว) และโอเพ่นแค็บ (ตอนครึ่ง) สามารถบรรทุกของด้านหลังได้ถึง 1.85 ลูกบาศก์เมตร และ 1.45 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ส่วนรุ่นดับเบิลแค็บ (4 ประตู) สามารถบรรทุกของด้านหลัง 1.21 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้บริเวณเหนือซุ้มล้อของกระบะท้าย ถูกขยายให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับการวางสิ่งของที่มีความยาวตลอดตัวกระบะ โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 ของรุ่นโอเพ่นแค็บ มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งรายหลักๆ ในตลาด
รุ่นดับเบิลแค็บ ย้ายเสากลางไปด้านหน้าเล็กน้อย ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขา และมีระยะห่างของหัวเข่าถึงเบาะหน้ากว้างที่สุด ผู้ใหญ่นั่งบนเบาะดานหลัง 3 คนได้อย่างสบายๆ แม้ผู้โดยสารทั้งด้านหน้า-หลังจะสูงกว่า 180 ซม.
รุ่นแต่งพิเศษ เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค เติมความสปอร์ตดุดันไปอีกขั้น ด้วยโทนสีเข้มตัดกันบริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้เส้นสายสีดำคาดตรงกลางด้านหน้าตัวถังและตัดสีด้วยการไฮไลท์ช่องลมด้านล่าง
กระจกมองข้าง, มือจับประตู และช่องลมบังโคลนหน้า ใช้สีดำตัดกับสีของตัวถัง ลงตัวด้วยล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว เสริมความลงตัวด้วยแร็คหลังคาและโครงหลังคาด้านหลังแบบสปอร์ต พร้อมตราสัญลักษณ์ของไวล์ดแทรคที่ใช้ลวดลายกราฟิกสุดพิเศษ


เรนเจอร์ใหม่ถูกออกแบบให้มีความสวยงามและทันสมัย เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารเลือกใช้เฉพาะวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และมีรูปลักษณ์ที่ดูดีมีคุณภาพ
สำหรับรุ่นพื้นฐานใช้เบาะไวนิล ช่วยให้ดูแลรักษาง่าย ส่วนรุ่นสูงขึ้นมีการตัดขอบด้วยผ้าและหนังเป็นตัวเลือก โดยวัสดุที่ใช้ในเรนเจอร์ทุกรุ่น ล้วนผ่านการทดสอบความทนทาน เพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์แ
คุ้มค่าทุกพื้นที่ใช้สอยด้วยช่องเก็บมากถึง 23 จุดในรุ่นดับเบิลแค็บ มากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งหมด กล่องเก็บของคอนโซลกลางมีความลึกเป็นพิเศษ มีความจุ 8.5 ลิตร ใสเครื่องดื่มได้ถึง 6 กระป๋อง และสามารถเก็บความเย็นได้ (รุ่นที่มีการต่อท่อแอร์เข้าไป)
กล่องเก็บของด้านหน้าฝั่งผู้โดยสารขนาดใหญ่ ใส่โน๊ตบุ๊คขนาด 16 นิ้วได้สบาย ช่องเก็บของด้านข้างประตูสามารถใส่ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร นอกจากนี้มีพื้นที่สำหรับวางโทรศัพท์เคลื่อนที่และของอื่นๆ บริเวณตรงกลางคอนโซล รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ซึ่งอยู่ในระยะที่ผู้ขับสามารถเอื้อมถึงได้ และใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังมีช่องเก็บของซ่อนอยู่ เหมาะสำหรับการเก็บเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถจะหยิบใช้ได้ง่าย
เติมเต็มนวัตกรรมที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดอย่างครบครัน เพื่อความสะดวกสบาย ปลอดภัย และขับสนุกขึ้น บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านบลูทูธ ยูเอสบี และไอพอด รวมทั้งระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง เพื่อสั่งงานวิทยุ, ซีดี, ไอพอท, ยูเอสบี, ระบบแอร์อัตโนมัติ, โทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบควบคุมการปรับอากาศทั้งร้อนและเย็น รวมถึงระบบครูซ คอนโทรล ในรุ่นสูงๆ และมีหน้าจอสีแสดงผลขนาด 5 นิ้วพร้อมระบบเนวิเกเตอร์ผ่านดาวเทียมในบางรุ่น


ขุมพลังถูกพัฒนาเป็นพิเศษ เพื่อให้กำลังและแรงบิดที่เหนือชั้น ผสานกับประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ โดยมี 3 เครื่องยนต์รุ่นใหม่ 3 เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน
ดีเซล ฟอร์ด ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2,200 ซีซี แบบ 4 สูบ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร
ดีเซล ฟอร์ด ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 3,200 ซีซี แบบ 5 สูบ กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร
เบนซิน ฟอร์ด ดูราเทค 2,500 ซีซี แบบ 4 สูบ กำลังสูงสุด 166 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 226 นิวตัน-เมตร สามารถใช้พลังงานทางเลือกอย่างแอลพีจีได้ มอบความประหยัดน้ำมันสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน รุ่นที่ขับเคลื่อน 2 ล้อ ใช้น้ำมันเฉลี่ย 9.8 ลิตร/100 กม.
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2,200 ซีซี ใช้น้ำมันเฉลี่ย 7.6 ลิตร/100 กม. ในรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3,200 ซีซี ใช้น้ำมันเฉลี่ย 9.6 ลิตร/100 กม. ในรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ
บางรุ่นใช้ถังน้ำมันที่สามารถจุได้ถึง 80 ลิตร ทำให้สามารถขับได้ระยะทางมากกว่า 1,000 กม. ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง และเครื่องยนต์ทุกรุ่น มีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในระดับเดียวกับมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดของประเทศต่างๆ ที่จะวางจำหน่าย
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีให้เลือกระบบส่งกำลัง 2 แบบ คือ เกียร์อัตโนมัติแบบซีเควนเชียล พร้อมเทคโนโลยี Grade Control Logic 6 จังหวะ หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ เพื่อให้เหมาะกับการเหยียบคันเร่งอย่างสนุกสนาน มอบการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ รวมทั้งความเงียบภายในห้องโดยสาร


แชสซีส์รวมถึงระบบช่วงล่างทั้งด้านหน้า-หลัง และระบบพวงมาลัยใหม่ ทำให้เรนเจอร์ใหม่ มอบความสบายแบบเดียวกับรถนั่งส่วนบุคคล โดยผู้ขับไม่ต้องใช้แรงมากมายในการบังคับทิศทางของรถ ด้วยพวงมาลัยที่มีความแม่นยำ จึงให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
ระบบกันสะเทือนด้านหลังของเรนเจอร์ใหม่ ถูกพัฒนาให้เหมาะกับสภาพถนนหลายรูปแบบ พร้อมรองรับการบรรทุกน้ำหนักมากๆ ทั้งยังช่วยให้การทรงตัวดีเยี่ยมเมื่อขับด้วยความเร็วสูงบนพื้นดิน ช่วยลดการส่ายของรถ และช่วยให้รถไม่ลื่นไถลเมื่อขับบนพื้นผิวที่ขรุขระ นอกจากนี้ การปรับตั้งระบบกันสะเทือนที่เป็นเอกลักษณ์ ยังรวมถึงการพัฒนาสปริงและโช้คให้มอบความสบายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการขับขี่บนถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ เช่นในประเทศไทย
ปลอดทุกการลุยในเส้นทางสุดโหด เพราะเก็บซ่อนชิ้นส่วนที่สำคัญให้พ้นจากอันตราย จุดต่ำสุดของรถอยู่สูงจากพื้นสูงสุดถึง 241 มม. โดยยกชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังขึ้นไปอยู่ด้านบนคานเหล็กของโครงสร้างตัวถัง ทั้งชุดเกียร์ ถาดน้ำมัน และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ จึงได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลุยน้ำ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหลักๆ และชุดดักอากาศภายในห้องเครื่องจึงถูกยกให้สูงขึ้น สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อและรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 80 เซนติเมตร พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ระบบ Hill Descent Control (ลงทางลาดชัน) จะทำงานแบบอัตโนมัติในการช่วยเสริมแรงเบรกและลดความเร็วของรถโดยไม่ทำให้เบรกล็อค และผู้ขับไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกแต่อย่างใด และระบบ Hill Launch Assist (ออกตัวบนทางลาดชัน) แม้รถมีน้ำหนักรวมถึง 3,200 กิโลกรัม กับความชันถึง 60% ก็ผ่านสบาย
สะท้อนความเป็นรถกระบะสไตล์แกร่งอย่างแท้จริง ด้วยการองรับน้ำหนักลากจูงได้สูงสุด 3,350 กิโลกรัม และสามารถบรรทุกหนักได้ถึง 1,500 กิโลกรัม (ในบางรุ่น)
รุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ได้รับการติดตั้งห้องเกียร์เสริม (Transfer Case) ที่มีความทนทาน ทั้งในรุ่นระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อเป็นแบบ 4 ล้อได้ทุกเวลา (Shift on the fly) ด้วยปุ่มควบคุมบนคอนโซลที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย สำหรับบางรุ่นผู้ขับขี่สามารถเลือกเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ด สลิป หรือระบบดิเฟอเรนเชียลล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic locking rear differential) เพื่อช่วยลดอาการล้อหมุนฟรี
เรนเจอร์ ใหม่ ถูกทดสอบอย่างเข้มข้นในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อพิสูจน์ความทรหดทั้งในสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศสุดโหด ในประเทศออเสเตรเลีย ดูไบ ประเทศไทย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ สวีเดน และแอฟริกาใต้ ฝ่าฟันทั้งอากาศที่ร้อนจัด หนาวจัด ถนนที่เปียกลื่นในช่วงฤดูฝน การขับบนภูเขาสูง ไปจนถึงการขับฝ่าแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ทะเลทรายอันแห้งผาก และถนนที่เป็นหลุมบ่อ เรนเจอร์ ใหม่ ได้ผ่านการเดินทางมาแล้วกว่า 1 ล้านกิโลเมตร ยังไม่รวมถึงการทดสอบอีกมากมายในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์


เน้นความปลอดภัยเต็มพิกัดด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ช่วยปกป้องทั้งก่อนและในขณะเกิดการชน
ปลอดภัยเหนือชั้นด้วย โครงสร้างตัวถังที่ใช้เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงพิเศษตลอดทั้งคัน เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชน ขณะที่เฟรมตัวถังใหม่ช่วยลดความแรงจากการกระแทกได้
ความปลอดภัยหลังการชน ด้วยถุงลมนิรภัยตามจุดต่างๆ ของรถที่จะมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศที่วางจำหน่าย, ม่านถุงลมนิรภัยได้รับการติดตั้งในตัวถังทุกรูปแบบเป็นครั้งแรก โดยถุงลมนิรภัยเหล่านี้จะถูกบรรจุไว้บริเวณขอบหลังคา ขณะเกิดการชนด้านข้าง ถุงลมนิรภัยเหล่านี้จะพองตัวขึ้นเพื่อรองรับการกระแทกบริเวณศีรษะของผู้โดยสารที่นั่งอยู่ติดกับประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยครอบคลุมทั้งโครงสร้างตัวถังและส่วนที่เป็นกระจก จากบริเวณเสาหน้า (A-pillar) ไปจนถึงเสาหลัง (C-pillar) ของรถ
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหน้านับว่าเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับเรนเจอร์ ถุงลมนิรภัยชุดนี้จะติดตั้งบริเวณด้านข้างของเบาะเพื่อปกป้องบริเวณลำตัวเมื่อเกิดการชนจากด้านข้าง นอกจากนี้ เรนเจอร์ ใหม่ ยังมาพร้อมถุงลมนิรภัยด้านหน้าสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดพร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง และระบบลดแรงกระแทกจากการเบรกสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า รวมทั้ง เทคโนโลยี BeltMinder ช่วยเตือนให้ผู้โดยสารด้านหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ
ความปลอดภัยก่อนการชน โดยมีระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีเอสพี) ที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มแรงเบรกและลดแรงบิดของเครื่องยนต์เพื่อลดการปัดของล้อ และลดอาการท้ายปัดหรือดื้อโค้งบนถนนลื่นๆ หรือต้องเปลี่ยนเลนกระทันหัน ทำงานร่วมกับ
ระบบ Trailer Sway Control ที่จะคอยจับการเคลื่อนไหวของส่วนพ่วงท้ายว่ามีการแกว่งหรือไม่ และหากพบอาการดังกล่าว ระบบจะเพิ่มแรงเบรกเข้าไปยังล้อเพื่อลดการแกว่งของส่วนพ่วงท้าย
ระบบ Adaptive Load Control ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาเสถียรภาพของรถได้แม้ในขณะบรรทุกน้ำหนักมาก
ระบบ Roll-over Mitigation ตรวจจับความเร็วของรถ การเร่งด้านข้าง และองศาของพวงมาลัย ซึ่งเมื่อรถมีแนวโน้มว่าจะเสียสมดุล ระบบจะเข้าแทรกแซงการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงของการพลิกคว่ำ
ศักยภาพในการเบรกที่เหนือชั้น ด้วยการใช้เบรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเทคโนโลยีเสริมอย่างครบครันตั้งแต่ ป้องกันล้อล็อก (เอบีเอส) , ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์อีบีดี และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน
เรนเจอร์ ใหม่ ไม่เพียงให้ความสำคัญกับผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังใส่ใจผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นๆ โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น โครงสร้างรูป 6 เหลี่ยมภายใต้ฝากระโปรงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บบริเวณศีรษะของผู้เดินถนน และกันชนหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยดูดซับแรงกระแทก

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นงานมหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และสำคัญมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการจัดงานในปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม-4 เมษายน 2554 ที่ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี




 

Create Date : 24 มีนาคม 2554    
Last Update : 24 มีนาคม 2554 8:49:50 น.
Counter : 5063 Pageviews.  

จากรถเก่ากลายเป็นเบนซ์ขั้นเทป มาดูวิธีทำกัน
























































 

Create Date : 23 มีนาคม 2554    
Last Update : 23 มีนาคม 2554 8:23:20 น.
Counter : 1569 Pageviews.  

ฮอนด้า เปิดราคา "บริโอ้" แพงกว่า นิสสัน มาร์ช รุ่นเกียร์ออโต้ 5 แสนกว่า



ฮอนด้า” เขย่าตลาดอีโคคาร์ แนะนำ “ฮอนด้า บริโอ้” สู่ตลาดไทย ทุบคู่แข่งสำคัญ “นิสสัน มาร์ช” เคาะราคาตัวขายรุ่นท็อป 5.08 แสนบาท ต่ำกว่าร่วม 3 หมื่นบาท แต่ จังหวะไม่ดีเจอหางเลขสึนามิ อาจทำให้การผลิตสะดุด เพราะชิ้นส่วนนำเข้ามีรองรับถึงแค่ช่วงสงกรานต์หรือกลางเดือนเมษายนนี้ และหากสถานการณ์ไม่คลี่คลายมีสิทธิ์ส่งมอบรถลูกค้าช้าได้

นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิด เผยว่า หลังจากลงทุนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับโครงการผลิตรถยนต์นั่งประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ และวันนี้(17 มี.ค.) ถึงเวลาแนะนำ “บริโอ้” รถยนต์คันแรกของฮอนด้าภายใต้โครงการอีโคคาร์ และถือเป็นการเปิดตัวสู่ตลาดไทยเป็นแห่งแรกในโลก

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

“บริโอ้เป็นรถที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาวะราคาน้ำมันแพง โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 20 กม.ต่อลิตร ขณะเดียวกันมีราคาจำหน่ายที่เหมาะสม ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ด้วยราคาเริ่มต้น 399,900 - 508,500 บาท จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้า โดยตั้งเป้าการขายปีแรก 40,000 คัน จากเป้าหมายรวมทุกยี่ห้อของฮอนด้าปีนี้ 145,000 คัน”

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท


สำหรับฮอนด้า บริโอ วางเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ขนาด1200 ซีซี 90 แรงม้า มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น S มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท รุ่น V เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท และรุ่น V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 508,500 บาท โดยตั้งเป้าสัดส่วนการขายรุ่นท็อปเกียร์อัตโนมัติ 70% รุ่น V เกียร์ธรรมดา 25% และรุ่นล่าง 5%

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ทั้งนี้จากการเปิดราคาของฮอนด้า บริโอ จะเห็นว่าตัวขายหลักรุ่นท็อปเกียร์อัตโนมัติ ฮอนด้า ประเทศไทย ตั้งราคาจำหน่ายเพียง 508,500 บาท ซึ่งต่ำกว่าอีโคคาร์คู่แข่ง นิสสัน มาร์ช ที่รุ่นท็อปมีราคาจำหน่าย 537,000 บาท ที่สำคัญฮอนด้า บริโอ มีอุปกรณ์ความปลอดภัยถุงลมนิรภัยคู่หน้า และเบรกเอบีเอสทุกรุ่น

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท


นายฟูจิโมโตะกล่าวว่าสำหรับเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศ ญี่ปุ่น ส่งผลกระทบให้โรงงานฮอนด้าบนเกาะฮอนชูได้ปิดการผลิตไปจนถึงสัปดาห์นี้ เนื่องจากระบบขนส่ง ไฟฟ้า และเรื่องความปลอดภัย เช่นเดียวกับซัพพลายเออร์ที่หยุดการผลิตเช่นกัน โดยสัปดาห์จะต้องดูสถานการณ์อีกครั้งว่า จะเริ่มกลับมาผลิตหรือไม่

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท

“ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทย ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่ชิ้นส่วนที่นำเข้าจากญี่ปุ่นที่มีในสต็อก และที่กำลังส่งมายังไทยก่อนเกิดเหตุการณ์สึนามิสามารถรองรับการผลิตรถฮอนด้า ได้ไปจนถึงช่วงสงกรานต์ หรือกลางเดือนเมษายนนี้ ส่วนต่อไปจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถระบุได้ ต้องประเมินสถานการณ์กันใหม่อีกครั้ง และแน่นอนหากยังไม่คลี่คลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ฮอนด้าในไทย อย่างเช่นฮอนด้า บริโอ้ ที่จะผลิตส่งมอบให้ลูกค้าในเดือนพฤษภาคม อาจจะมีการเลื่อนส่งมอบได้เช่นกัน”

ฮอนด้า บริโอ้ ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศและอาเซียนประมาณ 93% ในส่วนของเกียร์ธรรมดา และมีนำเข้าชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นประมาณ 7% โดยส่วนใหญ่จะเป็นระบบไฟฟ้าต่างๆ ดังนั้นในรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะมีสัดส่วนของการนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศ ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงระบบเกียร์ CVT ซึ่งกำลังพิจารณาในการผลิตที่ประเทศไทยในอนาคตด้วย

ฮอนด้าบรีโอ้ ราคาเริ่มต้น ราคา 399,900 บาท




 

Create Date : 22 มีนาคม 2554    
Last Update : 22 มีนาคม 2554 8:08:25 น.
Counter : 4241 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.