The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก

กิจวัตรวันพ่อ



... ดอกไม้สีเหลืองดอกนี้
ฉันถ่ายได้หน้าร้านขายเพชรพลอยแถวสันกำแพง
ไกด์พาพวกเราไปชมพลอย
แต่ฉันมัวแต่ชมดอกไม้อยู่หน้าร้าน

กลีบเหลืองนวล และเวียนกลีบบรรจบกันเป็นวง เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด สวย...จนฉันยกให้มันเป็นดอกไม้ประจำวันพ่อปีนี้...



ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็เห็นพ่อนำธงชาติมาติดหน้าบ้านเพื่อฉลองวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี

พ่อทำอย่างนี้ทุกปีไม่เคยขาด ไม่ว่าพ่อจะแข็งแรงหรือป่วยแค่ไหน

ปี 2553 อายุพ่อมากขึ้นตามกาลเวลา แต่พ่อยังคงแบกเสาธงที่ติดธงชาติไปประดับหน้าบ้านด้วยตนเองเหมือนปีก่อนๆ แต่เพราะพ่อประมาณเรี่ยวแรงตนเองต่ำไป พอติดธงเสร็จ พ่อก็เป็นลมล้มลงหน้าบ้าน นานกว่าจะฟื้น แล้วจึงค่อยพยุงตัวเองเดินกลับเข้าบ้าน

ฉันทราบข่าวพ่อเป็นลมทางโทรศัพท์ พ่อเล่าเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนฟังใจหายวาบ เหมือนกระดกเหล้าโรงเข้าคอหมดทั้งแก้ว

( ฉันไม่เคยดื่มเหล้าโรง แต่เคยอ่านหนังสือ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ที่อธิบายอาการคนกินเหล้าโรงเอาไว้ ฉันเลยพอจะจินตนาการได้ว่าอาการวูบวาบของใจ คงคล้ายตอนดื่มเหล้าโรง...)


ฉันเดินทางกลับไปหาพ่อที่บ้านด้วยใจไม่เป็นสุข เมื่อถึงบ้าน เห็นธงปลิวไสวหน้าบ้านเหมือนเคย แต่เย็นวันนั้นฉันรู้สึกว่าพ่อดูชราภาพลงกว่าทุกวัน

ทุกวันพ่อ พ่อของฉันติดธงชาติแทนความจงรักภักดีที่มีต่อพ่อของคนไทยทั้งชาติ

มันเป็นกิจวัตรที่พ่อทำโดยไม่เนื่องด้วยอายุ สุขภาพ และดินฟ้าอากาศ ซึ่งพ่อบอกเสมอว่าแค่ติดธง ไม่ได้หนักหนาอะไร เทียบกับสิ่งที่ในหลวงทำให้พวกเรา มันเทียบไม่ได้สักนิด

ปกติแล้ว ฉันไม่ค่อยได้ออกจากบ้านตอนกลางคืน เพราะพ่อกลัวเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝันทางร้ายอื่นๆ แต่ทุกหัวค่ำของวันที่ 5 ธันวาคม พ่อมักอนุญาตให้ฉันออกไปชมดอกไม้ไฟกับพี่ชายในเมือง

การชมดอกไม้วันเฉลิมฯเป็นกิจวัตรวันพ่อของฉัน ฉันชมดอกไม้ไฟเผื่อแม่ทุกปี... ระหว่างดูดอกไม้ไฟก็คิดถึงแม่ในทุกๆวาบของแสงบนฟ้า

วันพ่อปี 2553 เป็นปีแรกที่ฉันชมดอกไม้ไฟเผื่อพ่อด้วย


ช่วงชีวิตคนเราไม่ยาวเลย
ถ้าเปรียบปีแสงของแสงอาทิตย์
หนึ่งอายุขัยของคนเราเท่ากับหนึ่งวาบของแสงจากดอกไม้ไฟเท่านั้น

ดอกไม้ไฟมีอายุขัยไม่ยาวเลย
ถ้าเปรียบกับอายุขัยของคนเรา
หนึ่งวาบของดอกไม้ไฟก็เท่ากับการสะอึกหนึ่งครั้งของคนเราเท่านั้น

ถึงอย่างนั้น ทั้งชีวิตและดอกไม้ไฟก็แสนงดงาม และเต็มไปด้วยสีสัน
แม้จะบรรจุอยู่ในระยะเวลาเพียงสั้นสั้น




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2553    
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 14:16:50 น.
Counter : 1367 Pageviews.  

บางสิ่งบางอย่างที่รฟท. มีแต่รถไฟชาติอื่นไม่มี

สุดสัปดาห์ก่อน ฉันมีโอกาสไปร่วมทริปประจำปีของบริษัทฯ ซึ่งปีนี้เรามีโปรแกรม จัดทัวร์ 'แอ่วเจียงใหม่ฮื้อหายหนาว' กัน

ฉันเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมงานผู้จัด ก็ใช้กำลังภายในและลูกอ้อนนิ่มๆส่วนตัว เป็นตัวตั้งตัวดีชงเรื่องให้เดินทางขาไปด้วยรถไฟกันเถอะ



และแล้ว เราก็ได้เดินทางไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟสายนครพิงค์สมใจ แม้การเดินทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและถึงช้ากว่ากำหนดไปกว่าสามชั่วโมง **แต่รถไฟไทยก็ยังมีแง่มุมน่ารักๆให้ฉันหลงรักอารมณ์รถไฟต่อไป

( ** แน่นอน ทีมผู้จัดโดนพนักงานสวดกันขรมที่รถไฟถึงช้า เพราะกว่าจะได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็ปาเข้าไปสิบโมงของวันใหม่...

แต่หลายคนก็ชื่นชมที่รถไฟถึงช้าเพราะเรามีโอกาสได้เห็นถ้ำขุนตานตอนตะวันขึ้นแล้ว หนึ่งในนั้นคือฉันนี่แหละ)


บางสิ่งบางอย่างที่รถไฟไทยมีแต่รถไฟชาติอื่นไม่มี



โซฟาเบดที่บ้านสมัยใหม่ฮิตๆกันน่ะ รฟท. เขามีมาตั้งนานแล้ว



รฟท. เป็นอีกสิ่งที่ยืนยันการไม่แบ่งค่าย แบ่งสี แบ่งฝ่ายในสังคมไทย อยากรู้ว่าทำไม โปรดดูแถบสีสองแถบบนตัวถังรถไฟไทยเป็นสำคัญ



คิดจะพัก ไม่จำเป็นต้องคิดถึงคิดแคทเสมอไป คิดถึงโซฟาหัวลำโพงก็ได้ นุ่มสบาย ไม่ต้องจ่ายสตางค์




ส้วมในรฟท. มีช่อง Railway discovery ด้ยนะ ทำธุระไป มองรางไปก็ได้ แถมยังได้คืนสารอินทรีย์สู่ธรรมชาติด้วย



นายรถไฟก็เท้ เท่ สาวๆบางคนยังอยากขอลองเป็นนายรถไฟกันให้คึกคัก



รู้ไหมว่า ห้ามล้อของรฟท. เป็นรูปทรงต้นแบบของอุปกรณ์เย็บลวดแบบแมกซ์ยิงที่ใช้กันในปัจจุบันเชียวนะ



เจ้าหน้าที่ รฟท. เขาฉลองคริสมาสต์กันตลอดปีเลย ไม่เชื่อดูธงสิคะ เขียวกับแดงมาเชียว



สุดท้าย วิวสองข้างทางจากหน้าต่างรฟท.น่ะ มีค้างคาวบินอยู่เหนือท้องนาตอนเช้าๆให้ชมด้วยนะ

ก่อนลงจากรถไฟ ฉันได้ยินเสียงโฆษกประกาศตามสาย ได้ยินความว่า
เกษตรกรไทยมีปุ๋ยตราค้างคาว ผู้โดยสารรฟท. มีวิวตราค้างคาววววว...

มารักรถไฟไทยกับฉันไหมคะ




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2553    
Last Update : 3 ธันวาคม 2553 13:01:49 น.
Counter : 4886 Pageviews.  

Focus Your love: รักของโซคุงและนิจัง



เพื่อนคนหนึ่งส่งลิงค์โฆษณาชิ้นหนึ่งมาให้ โดยบอกสั้นๆว่า ชอบมาก ซึ้งมาก

เพื่อนคงรู้ว่าฉันเป็นคนชอบดูโฆษณา ชอบฟังเพลงบรรเลง และชอบเรื่องราวเรียบง่ายที่ใช้ภาพแทนคำพูด คลิปชิ้นนี้จึงตอบโจทย์ความชอบทุกอย่างให้ฉัน



เมื่อดูจบแล้วเกิดความรู้สึกเหมือนเดินไปร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัวและเหมา ซึ้ง มายกร้าน
ซึ้งมากจริงๆด้วย...

เลยอยากเล่าให้ฟัง เผื่อใครที่เนตช้า แล้วเปิดดูคลิปไม่สะดวก จะได้ติดตามเรื่องได้ว่าคลิปนี้เป็นอย่างไร ส่วนใครที่เนตแรง เนตเร็ว เชิญชมคลิปแล้วมาอ่านเรื่องเล่าประสารักแรกคลิกก็ได้ค่ะ

หมายเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณเวลาอ่าน เพราะผู้เล่าชอบแอบใส่ไข่ระหว่างการเล่า และเพื่อไม่ให้เสียอรรถรส โปรดดูคลิปก่อนอ่าน ไม่อย่างนั้น รับรองว่าคุณจะไม่ซึ้ง แต่จะอยากเขกหัวคนเล่าแทน

ข้อแนะนำ โปรดเตรียมเครื่องคิดเลขไว้ข้างกายขณะอ่าน เพราะคุณควรหารสองเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดด้านล่างนี้เสมอ




เรื่องมีอยู่ว่า ชายสูงวัยคนหนึ่งชื่อ โซคุงนั่งรถไฟกลับมาเยี่ยมสถานที่ในความทรงจำของเขา เมื่อลงสถานี เขาสูดลมหายใจเอาอากาศกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าปอด ก่อนเดินผ่านสวนสาธารณะที่เขาเคยมาบ่อยๆตอนเรียนมัธยม

ระหว่างนั้นเขาหวนนึกถึง นิจัง แฟนสาวที่เคยหนีโรงเรียนมาเที่ยวเล่นกับเขาที่นี่เสมอ และภาพเก่าๆก็สะท้อนกลับมาในห้วงความคิด

โซคุงและนิจังเคยหนีโรงเรียนมาเที่ยวกันที่เมืองนี้ประจำ เพราะสถานที่เงียบสงบ และมีชายหาดสวยๆอยู่ใกล้ๆด้วย

นิจังชอบทะเลมาก เธอมักชวนเขาเล่นกระดานโต้คลื่นประจำ ซึ่งเขามักบ่ายเบี่ยงเพราะเขาเป็นหวัดง่าย เขาวางแผนไว้ว่าถ้าเขาทำงานมีเงินเดือน จะแบ่งเงินมาซื้อประกันชีวิตเป็นหลักประกันให้นิจังไว้สักกรรมธรรม์ เพราะดูท่าแล้ว นิจังชอบทำอะไรเสี่ยงภัยอยู่เรื่อย

แต่ก่อนจะได้ซื้อประกัน โซคุงก็เอาเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้มาถอยกล้องตัวใหม่ออกมาก่อน เพราะโซคุงชอบถ่ายภาพมาก

เขาอุตส่าห์ลงทุนไปทำป้ายติดกล้องว่า SONY ซึ่งเป็นชื่อเล่นของโซคุง และ นิจัง เขาหวังว่านิจังจะปลื้มเมื่อเห็นชื่อ SONY บนกล้อง

แต่เมื่อนิจังทราบว่าราคาค่าทำป้ายดังกล่าวสูงถึง 8400 เยน นิจังก็โกรธมาก เพราะเงินที่เอาไปถอยกล้องส่วนหนึ่งเป็นเงินที่นิจังช่วยออกให้ด้วยเช่นกัน...



ความสัมพันธ์ดำเนินมาอย่างนี้ จนถึงวันที่ความรักของโซคุงและนิจังสุกงอม ทั้งสองก็แต่งงานกัน สองปีต่อมาทั้งสองก็ได้ลูกมาชื่นชมสมใจ

ลูกของโซคุงและนิจังไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะถึงโซคุงจะทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปบ้าง แต่เขาก็มีความรับผิดชอบ ...

นิจังยังแอบออกไปเล่นกระดานโต้คลื่นเสมอ จนวันหนึ่งเธอประสบเหตุพลัดตกจากกระดานและสำลักน้ำจนต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล โซจังเสียใจมาก นึกไว้แล้วว่าสักวันต้องเกิดเหตุนี้ขึ้น แต่เขายังโล่งใจอยู่บ้างเพราะถึงวันนี้ เขาซื้อประกันชีวิตในชื่อนิจังไว้มากถึงสี่กรมธรรม์

หลายปีแล้วที่นิจังจากไป ทุกวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง โซคุงมักเดินทางมาที่เมืองนี้เสมอ และเขามักนำกล้องที่ติดป้าย SONY อันเป็นชื่อย่อของเขาและเธอติดตัวมาด้วยเสมอ มันเป็นหนึ่งในสมบัติไม่กี่ชิ้นที่ไม่ว่าจะผ่านวิกฤตใดๆในชีวิต โซคุงก็ไม่เคยนำกล้องตัวนี้เข้าร้านจำนำ ...

และนี่เป็นที่มาอันแสนงดงามของโซคุงและนิจัง ผ่านความทรงจำในแผ่นเมโมรี่ของกล้อง SONY NEX 5




โซคุงเรียนรู้ว่า
ความผูกพันของมนุษย์เป็นเรื่องสามัญธรรมดา
แต่ถ้าความผูกพันนั้นเกิดจากความรู้สึกของเราเอง
มันมักพิเศษมากกว่าธรรมดาเสมอ

เช่นกัน
การจากพรากของมนุษย์เป็นเรื่องสามัญธรรมดา
แต่ถ้าการจากพรากนั้นเกิดกับคนที่เรารัก
มันมักจะทุกข์มากกว่าธรรมดาเสมอ


ทุกสิ่งอย่างในโลกล้วนตั้งอยู่ ดับไป
กล้องพัง เราซื้อกล้องใหม่ได้
อยากถ่ายภาพแต่แฟลชเสีย เราไว้รอถ่ายภาพตอนเช้าๆที่มีแดดได้

แต่กับชีวิต เรามีเพียงปัจจุบันขณะเท่านั้น
ที่ต้องนำพามันให้ตั้งอยู่ และดับไปอย่างมีสติ

และชีวิตที่ดำเนินไปด้วยสติ
จะมีความหมายมากขึ้น
หากมันหล่อเลี้ยงด้วยความรัก



หมายเหตุสุดท้าย ทุกบรรทัดที่ว่ามา ผู้เล่าใส่ไข่ทั้งสิ้น แต่ส่วนสุดท้ายที่โซคุงเรียนรู้ มันคือสัจธรรมที่ใครต่อใครสามารถอ่านและทบทวนความจริงนี้ได้ โดยไม่ต้องหารสอง





 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2553 15:01:25 น.
Counter : 2586 Pageviews.  

อิทธิฤทธิ์วิสกัส

เดือนก่อนฉันพาพ่อเดินทางไปเยี่ยมพระพี่ชายที่จำพรรษาในวัดป่าแถวอ.ลำนารายณ์

หลวงพี่เป็นคนรักแมวโดยนิสัย ซึ่งส่วนหนึ่งคงถ่ายทอดความรักแมวนี้มาถึงฉันด้วย



รอบกุฎิที่หลวงพี่อยู่ มีจานและชามวางเกลื่อน เหมือนแผงแบกะดินขายจานชาม มุมนี้เป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ประจำวันของบรรดาแมวๆที่หลวงพี่อุปถัมภ์ไว้

ข้างกุฎิมีกล่องเหล็กใส่อาหารเม็ดวิสกัสสำหรับแมว หลวงพี่เตือนทุกครั้งว่าห้ามเขย่าไม่งั้นจะเกิดจลาจล ซึ่งฉันมักขัดคำเตือน ไปถึงกุฎิก็ชอบเขย่ากล่องต้องห้ามนี้ทุกที


ผลคือแมววัดจากทุกสารทิศจะวิ่งกรูมาที่กุฎิหลวงพี่เหมือนต้องมนต์ ฉันต้องใฝ่สันติด้วยการเปิดกล่องและเทวิสกัสในกล่องให้พวกมัน



อิทธิฤทธิ์วิสกัสรุนแรงมาก แมวมองกลายสภาพเป็นแมวมุงในทันที พร้อมมี ซาวด์เอฟเฟคเป็นเสียงงึมงัมๆของแมวมุงที่กำลังกำจัดวิสกัสกันอย่างบ้าคลั่ง



พอพายุวิสกัสสงบ ต่างตัวต่างหามุมเอกเขนกไว้เอนหลังเล่น เช่นนางงามตัวนี้ที่มุมไม้แขวน



ส่วนแมวตัวนี้ค่อนข้างทันสมัยเพราะทำไฮไลท์ขนเป็นสองสี หลวงพี่บอกว่ามันผ่านสงครามชีวิตมาโชกโชนกว่าโอชิน เพราะเคยโดนหมาหมู่กว่าห้าตัวรุมขย้ำมันเจียนตายมาแล้ว



พอมันรอดมาได้ ก็ต้องมาเผชิญศึกรักกับแมวตัวผู้ตัวอื่นๆอีกในหนัง แมว สอง สามตัว ( ภาคต่อของหนัง เรา สอง สามคน)

ฉันนั่งลุ้นสงครามชีวิตของบรรดาแมวๆจนเหนื่อย ตอนเที่ยงเลยลาหลวงพี่ออกมา และพาพ่อไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน

เราเจอร้านน่านั่งริมอ่างเก็บน้ำ เราเลยไปสำรวจเมนูเล่นๆ แต่สั่งอาหารกันจริงๆจังๆ เราสั่งกันไม่มากอย่างเพราะนิยมวิถีกินอยู่พอเพียง ( โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...)


เราสั่งแค่ปลาเซ็กซี่ ( อันที่จริงมันคือปลาซูฉี แต่เรียกกันไปมา เลยกลายเป็น ปลาฉู่ฉี่)



ปลาฟุ่มเฟือย ( เพราะเหตุนี้ คนเลยตำน้ำพริกมาละลายกะทะ แล้วจับมันมาลงโทษ กลายเป็นปลาผัดพริกแกง)



ปลาโทนี่ จา ( ถอดแบบมาจากต้มยำกุ้ง - ผลงานชิ้นเอกของจา พนม ยีรัม แต่ครั้งนี้มาในมาดต้มยำปลา ซึ่งเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน)



และผักกูดโดนใบสั่ง ( เพราะมันฝ่าไฟแดง)

เห็นไหมว่า เราสั่งกันพอหอมปากหอมคอเท่านั้น... ไม่กี่อย่างจริงๆ...
พออาหารมา ฉันกับพ่อเอาหัวชนกันเหมือนแมวมุงเมื่อสักครู่ เพียงแต่เราไม่ได้มุงวิสกัส แต่มุงอาหารจานอร่อยแทน



ปิดท้ายการเดินทางด้วยการมาหย่อนใจที่มุมสงบเงียบริมอ่างเก็บน้ำ เราเห็นเรือหาปลาของชาวบ้านลอยเท้งเต้งอยู่กลางอ่างลำหนึ่ง



การเดินทางของเรายังอีกยาวไกล แต่ตอนนี้ เราขอเป็นแค่เรือลำเล็กๆที่พักลำกันเงียบๆ ริมฝั่งสักพัก โดยไม่อนาทรต่อเวลาและเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป





 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2553 14:43:34 น.
Counter : 3682 Pageviews.  

หมื่นตา ธรรมมะ - หยิบไม้กวาด แล้วดีเอง



ฉันได้อ่านหนังสือหมื่นตา ธรรมมะ ผลงานโดยคุณกะว่าก๋า ทั้ง 2 เล่มจบแล้ว

คุณก๋าเป็นมิตรทางบล็อก ซึ่งเป็นคนเดียวกับหนุ่มแสนดีของมาดาม และเป็นคุณพ่อน้องหมิง หมิงขวัญใจของใครหลายคนใน Bloggang ด้วย

จากที่รู้จักกันผ่านตัวหนังสือในบล็อก พบว่าผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มอารมณ์ดี ช่างคิด ช่างเขียน และมีหัวศิลป์อย่างเหลือร้าย แค่ลายมือของเขาก็บ่งบอกความเป็นศิลปินของเขาได้มากมายแล้ว



เนื้อหาในหนังสือหมื่นตา ธรรมมะเกิดมาอย่างถูกยุคถูกสมัย เพราะยุคนี้เป็นยุคของนักอ่านที่นิยมภาพสวยๆ ตัวหนังสือน้อยๆ

ขณะที่หนังสือแนวธรรมมะหรือศาสนากำลังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ฉันยืนยันได้เลยว่าเคยเห็นหนังสือหมื่นตาฯของคุณก๋าขึ้นอันดับเป็นหนังสือขายดีในร้านหนังสือ เมืองชลฯมาแล้ว

สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับหนังสือหมื่นตา นอกจากภาพลายเส้นน่ารักๆ สไตล์กะว่าก๋าแล้ว เนื้อหาแต่ละบทตอนยังให้แง่คิดอีกด้วย



หลวงตาในหนังสือสอนคนให้รู้ธรรมด้วยวิธีแปลกๆ เช่น ให้กวาดลานวัดแทนการนั่งสมาธิหรือคร่ำเคร่งกับการบริกรรมวิปัสสนา

ฉันเป็นคนชอบกวาดลานบ้าน รู้สึกว่าห้วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองและไม้กวาด อยู่กับเสียงไม้กวาดทางมะพร้าวกระทบพื้น ประสานเสียงลมหายใจตัวเอง ช่างสงบสงัดยิ่ง

ฉันไม่มีเหตุผลลึกซึ้งอื่นใดที่ชอบกวาดลานบ้าน นอกจากเหตุผลเรียบง่ายว่า กวาดลานบ้านแล้วสบายใจดี

หนังสือหมื่นตาฯ ช่วยยืนยันความคิดนี้ให้กับฉันได้อย่างยิ่ง

การทำลานวัดหรือลานบ้านให้ปลอดใบไม้
ก็เหมือนการกลับไปสู่ความว่าง
ใบไม้หล่นลงพื้นทุกวัน
เราเก็บกวาดมันทุกวัน
จิตปรุงแต่งอารมณ์ทุกวัน
เรานั่งทบทวน และปัดกวาดใจเราเองทุกวัน



เวลาฉันอยากปลีกตัวเองไปสู่ความว่าง ฉันชอบทำแบบหลวงตาและหมื่นตา คือเดินออกไปหยิบไม้กวาด และกวาดพื้นให้สะอาด

ครั้งหนึ่ง ใบไม้ในสวนตะโกนบอกฉันว่า กวาดไปเถอะ แล้วพรุ่งนี้ใบไม้ใบอื่นๆก็จะหล่นลงพื้นอีก

ฉันได้ยินแล้วก็กวาดพื้นต่อไป
ฉันไม่อนาทรอะไรสักนิดเพราะพรุ่งนี้ ก็เหมือนเมื่อวาน และวันนี้
ใบไม้หล่นลงมา เราก็กวาดมันเรื่อยไป เท่านั้นเอง




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 16:13:19 น.
Counter : 2993 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.