The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก

งด'เล่า' เข้าพรรษา ตอน แห่เทียน เวียนสติ

หมายเหตุ - - ฉันไม่แน่ใจว่า ที่เขารณรงค์ว่าให้งดเหล้าเข้าพรรษานั้น รวมถึงการ งด'เล่า' ด้วยไหม คนช่างเขียน ช่างเล่าอย่างฉันเลยร้อนตัวร้อนใจ จึงขอออกตัวไว้ก่อนว่าเรื่องที่ฉันกำลังจะเขียนนี้ไม่ใช่การเล่า แต่มันปริ่มๆเพียงแค่ระดับ การรำพึง...

* * *




เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 3 กรกฏาคม 2552 ที่ผ่านมา รุ่นพี่ที่ร่วมงานด้วยกันชวนไปร่วมกิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษาในนามบริษัทกับชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียง

พอไปถึงจุดนัดหมาย ฉันจับพลัดจับผลูถูกเชิญให้ไปร่วมเดินแห่กับขบวนเด็กนักเรียน คนชอบลองอย่างฉัน ไม่ชอบเดินเฉยๆเลยไปหัดตีกลองยาวข้างถนนกับหัวหน้าวงดุริยางค์แบบรวบรัดเป็นเวลาหนึ่งนาที จบคอร์สปุ๊บ ก็ร่วมตีกลองยาวไปกับขบวนกลองยาวของบรรดาเด็กนักเรียนเขาหน้าตาเฉย

แดดร้อนเปรี้ยงตอนบ่าย กับเส้นทางราว 1 กม. คือเหตุแห่งทุกข์ของบ่ายวันนั้น แต่จิตอันแช่มชื่นทำให้คนตีกลองยาวฝึกหัดอย่างฉันไม่อนาทรกับแดด และสนุกกับการลงจังหวะของข้อมือและนิ้วไปบนหนังหน้ากลอง พร้อมกับแกล้งเด็กๆเป็นระยะต่อไป

เมื่อถึงวัด ขบวนแห่จำต้องเดินแห่รอบโบสถ์สามรอบ ถึงค่อยตั้งแถวใหม่เพื่อทยอยเข้าโบสถ์ ฉันนึกขำเมื่อมีต้นเสียงร้องโห่ลูกคอเจ็ดชั้น ให้พวกเด็กๆร้องฮิ้วส่งท้าย ถ้าไม่เห็นเทียนพรรษาเคลื่อนทัพอยู๋ตรงหน้า ฉันคงนึกว่ากำลังเดินอยู๋ในขบวนแห่นาค หรือขบวนแห่ขันหมากไปแล้ว

พิธีการช่วงถวายเทียนพรรษาในโบสถ์มากมายและซับซ้อน หนึ่งในนั้นคือการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล หลังจากเอะอะกันเรื่องส่งต่ออุปกรณ์กรวดน้ำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ และประธานอาวุโสในพิธี ชาวบ้านก็เร่งเร้าให้ฉันเอามือไปแตะท่านกำนันที่นั่งข้างหน้า

ฉันเพียงยิ้มและทำเฉยเสีย นึกถึงบทสนทนาของฉันกับพ่อที่เคยถกกันในเรื่องนี้ และมีความเห็นตรงกันว่า กรณีที่เราไม่มีอุปกรณ์กรวดน้ำตรงหน้า การสำรวมจิตระหว่างกรวดน้ำนั่นคือการกรวดน้ำโดยสมบูรณ์แล้ว

วิวัฒนาการของพิธีกรรม บางครั้งก็น่าอัศจรรย์เมื่อมันข้ามผ่านมิติของเวลาจนวิจิตรพิสดารขึ้นเรื่อยๆ ฉันแปลกใจที่เห็นชาวบ้านเอามือข้างหนึ่งแตะกันยาวเป็นหางว่าว ราวกับว่าการแตะต่อๆกันไปถึงคนกรวดน้ำต้นทาง จะเป็นเหมือนสายทองแดงที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าให้พาบุญทั่วถึงกันหมด

ส่วนมืออีกข้างก็ทำท่าพนมมือข้างเดียวอยู่ตรงหน้าอก เหมือนพระจีนกำลังทำท่าฝ่ามืออรหันต์ อามิตตะพุทธ


จากนั้น ก็มีการส่งต่อพานใส่ปัจจัยเวียนกันไป ให้แต่ละคนยกพานขึ้น เอามือจบเหนือหน้าผากทำปากขอพรขมุบขมิบ ก่อนส่งให้เจ้าอาวาส ซึ่งมีมัคนายกคอยอรรถาธิบายว่าปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ขอมอบเป็นค่าน้ำค่าไฟให้วัด...

ถึงขั้นตอนนี้ ฉันเองได้แต่ก้มหน้าสำรวมนิ่ง ไม่ยื่นมือขอเอาพานมาจบแถวหน้าผากกับเขา

ไม่ได้กลัวพานใส่ปัจจัย แต่อาจด้วยความเขลาทางธรรมและนิสัยขบถของฉันทำให้คิดเอาเองว่าการตั้งใจมาทำบุญ บุญก็มันได้ พรมันก็ส่ง ตั้งแต่เริ่มเดินขบวนแห่เทืยนแล้ว ไม่ใช่จะมาได้เอาเมื่อตอนยกพานปัจจัยขึ้นเหนือหัว

น่าสนใจที่ว่า แก่นของขบวนแห่และพิธีกรรมที่เกิดขึ้นนี้ เริ่มต้นจากจุดประสงค์ของชาวบ้านที่ต้องการมอบเทียนพรรษาสามเล่มใหญ่ ให้ทางวัดใช้จุดในโบสถ์ให้สว่างไสวตลอดช่วงเข้าพรรษา

แต่ในโบสถ์ที่ฉันไปร่วมทำพิธี มีสวิตช์ไฟข้างประตูโบสถ์ และมีหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์หลอดยาวหลายจุดกลางโบสถ์ และรอบโบสถ์ ซึ่งหากเปิดสว่างตลอดพรรษา คงต้องอาศัยปัจจัยหลายบาทในการจ่ายค่าไฟพอดู

ฉันสงสัยอยู๋บ้างว่าแล้วเทียนที่ชาวบ้านนำไปถวายจะมีใครจุดบ้างไหม หรือยุคหน้าอาจต้องเปลี่ยนชื่อขบวนแห่เสียใหม่ว่า แห่หลอดไฟเข้าพรรษา แล้วค่อยๆแปลงไปเป็น แห่หลอดตะเกียบเข้าพรรษาเพื่อให้เข้ากับยุคลดโลกร้อนอย่างสวยสดงดงามในที่สุด



ฉันทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และพยายามเข้าใจความเชื่อมั่นและศรัทธาของชาวบ้านผ่านขั้นตอนพิธีกรรมเหล่านั้น

ฉันไม่ได้ตำหนิใคร นอกจากตัวเองที่มักมีจริตขัดแย้ง หรือฟุ้งซ่านกับเรื่องรอบตัวอยู่บ่อยๆ บางทีฉันก็อยากเป็นคนหัวอ่อน ใครบอกให้เอามือแตะเอวคนข้างหน้าก็แตะ ใครชวนให้เอามือยกพานจบหน้าผากก็ทำโดยไม่มีข้อกังขาอยู่เหมือนกัน

ระหว่างรอให้ผู้ร่วมพิธ๊ในโบสถ์ส่งต่อพานเพื่อจบหน้าผากกันถ้วนทั่ว วาบหนึ่งความเขลาทางธรรมและนิสัยขบถของฉันเตือนฉันเบาๆว่า การปล่อยวางคือทางสุขอันประเสริฐ

คิดได้ดังนี้ ฉันจึงทอดสายตาไปยังสีทองของเทียนพรรษา เวียนสติไปรอบวงเทียน และนิ่งเสีย





 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2552 14:06:40 น.
Counter : 3794 Pageviews.  

ตำนาน'บรรพบุรุษเห็ดขาว' กับ แม่นาง'สายฝน'

เหตุเกิดเพราะดอกเห็ดสีขาว บนสนามหญ้าสีเขียวน่ารักเกินกว่าจะให้มันขึ้นโดดเดี่ยวและเหี่ยวแห้งไปตามกาลเวลา...



นิทานบนลานหญ้า : ตำนาน'บรรพบุรุษเห็ดขาว' กับ แม่นาง'สายฝน'


มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาในหมู่ชนชาวเห็ด เกี่ยวกับตำนานรักของ'บรรพบุรุษเห็ดขาว'กับแม่นาง ‘สายฝน’

ก็เหมือนกับนิยายรักน้ำดีเล่มละ 10 บาททั่วไปที่นางเอกผู้สูงส่งจากฟากฟ้า มาพบรักกับพระเอกชาวดิน ทั้งสองรู้ดีว่าความรักของเขาและเธอเป็นไปไม่ได้ จึงได้เพียงให้คำมันสัญญาซึ่งกันและกันว่า ทุกฤดูฝนหรือเมื่อใดก็ตามที่ฝนตก บุรุษเห็ดจะปรากฏขึ้น และลอบพบกับแม่นางสายฝน

บนพื้นสนามหญ้า หรือตามขอนไม้ก็มีชุมชนชาวเห็ดกำเนิดให้เห็น ซึ่งแน่นอน คำมั่นสัญญาของเห็ดขาวต่อสายฝนยังมั่นคงจนทุกวันนี้ แต่ลูกหลานของบรรพบุรุษเห็ดขาวก็รันทดใจไม่น้อยที่บางครั้งเห็นเพื่อนพ้องชาวเห็ดของเขาต้องจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมีใครบางคนเดินลัดสนามหญ้า และเหยียบเห็ดให้ตายไปโดยไม่ตั้งใจ

การสูญเสียเห็ดนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าชีวิตเห็ด เห็ด อย่างพวกเขานั้นแสนสั้น วงจรชีวิตไม่ซับซ้อน

เริ่มต้นเป็นวัยกะเปาะเห็ดเบบี้ ไม่ช้าเป็นวัยเบิกบาน แล้วก็ซึมเซาแห้งตายไปตามอายุขัย แต่หญ้าเขียวๆที่ถูกลูกหลงบาดเจ็บสาหัสหรือตายไปด้วยนี่สิ ชนชาวเห็ดเศร้าใจยิ่งกว่า เพราะกว่าคนสวนจะฟื้นฟูให้สนามหญ้าเขียวสวยเหมือนเดิมได้ก็อีกนาน

พายุระลอกใหญ่ทั้งพายุผ้าใบ พายุส้นเตี้ย พายุส้นสูง และอีกหลากหลายยังกระหน่ำอยู่เป็นระยะ อยากให้ทุกคนปลอบขวัญชาวเห็ดและหญ้าเขียวด้วยการไม่เดินลัดสนาม ทั้งเห็ด สนามหญ้า และคนสวนคงยิ้มออกได้บ้าง

เหมือนรอยยิ้มที่เห็ดขาวกับสายฝนมอบให้กัน แทนคำสัญญาว่าฤดูฝนหน้า เขาและเธอจะกลับมาพบกันอีก




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 17:00:43 น.
Counter : 4453 Pageviews.  

เฉลียงสามฝ่าย ตอน มหรสพ รสต้มยำ แซ่บสุโก้ย



ขอบคุณภาพประกอบจาก //www.iamyoungdee.com


ด้วยอายุอานามที่ ‘ค่อนข้างเยาว์’ ของฉัน ทำให้ต้องออกตัวก่อนว่าฉันรู้็้จักบทเพลงและตัวตนของสมาชิกวงเฉลียงในภาคPast Tense หรืออธิบายง่ายๆคือ ฉันสัมผัสตำนานของเฉลียงในแบบ ‘ได้ยินพี่ๆเขาว่ากันว่า’ มาโดยตลอด

จนวันหนึ่งรุ่นพี่แสนรักคนหนึ่งเอ่ยปากชวนไปดูมหรสพพูดและเพลง ‘เฉลียงสามฝ่าย คนจะไทย ใครจะทน’ ฉันซึ่งไม่ฝักใฝ่่ฝ่ายใด กลับกระตือรือล้นทั้งฝันและใฝ่กับคำชวนของรุ่นพี่ขึ้นมาทันที

เมื่อถึงวันนัดหมาย ฉันไปพบรุ่นพี่ที่เมเจอร์ เอกมัย ทีแรกเรากะกันว่าจะไปดูภาพยนตร์แอนิเมชั่นล่าสุดของ Walt Disney + PIXAR เรื่อง UP แต่เวลาไม่อำนวย เลยเปลี่ยนแผนไปนวดฝ่าเท้าแทน

ไม่น่าเชื่อว่าจาก ‘อัพ’ ของ ‘พิกซ่า’ กลายมาเป็น ‘โอ๊ย’ ของ ‘พฤกษา (สปา)’ ไปได้ เพราะคนนวดบรรเลงเพลงฝ่ามืออรหันต์ จนทั้งขา และหลังไหล่ของฉันระบมเขียวไปหมด แม้จะเอ่ยปากขอความกรุณาไปหลายยกแล้วก็ตาม

ในที่สุดครอบครัวของรุ่นพี่และฉันก็เดินทางมาถึง ธันเดอร์ โดม เมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานจนได้ ยังไม่ทันเข้างาน พายุฝนก็ตั้งเค้ามาประชิดขอบฟ้า ไม่นานฝนก็ตกพร้อมเสียงฟ้าร้องครืนๆ ฉันหันไปรำพึงกับรุ่นพี่เบาๆว่า “ อืม ก็โดมนี้มันชื่อ ธันเดอร์ ( Thunder) นี่เนอะ”

การแสดงเริ่มตรงเวลาเป๊ะ ซึ่งเป็นประทับใจแรกที่ฉันกาดอกจันให้คะแนนเต็มไปล่วงหน้าก่อนเลย ฉันทราบมาว่าพี่เจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยมป่วยหนักจนต้องเข้ารพ.ก่อนหน้าวันงาน ขณะที่พี่แต๋ง ภูษิต ไล้ทองก็ติดหวัดมาด้วย ฉันเลยใส่คะแนนในช่องคะแนนสงสารเพิ่มทบไปอีก

และแล้ว สารพัดมุขจากพี่ๆอดีตวงเฉลียงทั้งสามก็โลดแล่นบนเวที รุ่นพี่คนสวยข้างตัวฉันซึ่งปกติจะเฮฮาในระดับน้ำสลัด( หมายถึง สุขุม) วันนี้ฉันมีโอกาสได้เห็นเธอในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และได้เห็นกับตาแล้วว่า ‘ขำจนปวดกราม’นั้นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ส่วนรายงานสภาพความเป็นอยู่ของฉันระหว่างชมคอนเสิร์ต ความที่เก้าอี้ผู้ชมอยู่ในระนาบเดียวกันหมด และคนที่นั่งหน้าฉันตัวสูง แถมทำผมตั้งกระบัง เวลาฉันมองไปข้างหน้า เลยดูเหมือนคอนเสิร์ตเขาเล่นกันอยู่โหวกเหวกในม่านสีดำ

ฉันเลยต้องใช้วิชาคิกขุ ด้วยการเอียงคอ และเบิกตาหรี่เล็กของตัวเองให้กลมโตเข้าไว้เพื่อชมคอนเสิร์ตจนจบการแสดง สลับกับการเงยไปชมภาพจากจอสกรีนอันใหญ่ข้างเวทีเป็นระยะ

ถ้าปาฐกถาไฮด์ปาร์กของคนยุโรปจะใช้เพื่อการวิพากษ์สังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมแล้วละก็ วันที่ 13 มิย. 2552 ที่ผ่านมา ธันเดอร์โดมที่บรรจุคนฟังกว่าสี่พันคนก็เหมือนจะขะลอเอาบรรยากาศ ไฮด์ปาร์กแบบยุโรปมาไว้ที่นี่เช่นกัน ฐานะที่พี่ดี้ พี่เจี๊ยบ พี่แต๋งเขาตั้งตนเป็น เฉลียงสามฝ่าย ฉันก็ขอจำแนกเรื่องราวบนเวทีของพี่ๆเขาเป็นความคิดรวบยอดสามฝ่ายบ้างคือ

ฝ่ายวิพากษ์สังคม ผสมการเมือง
ฝ่ายเหน็บแนมศิลปะ วัฒนธรรม พร้อมยำการเมือง และ
ฝ่ายวิจารณ์การเมือง และการเมือง

สรุปคือไม่ว่ามุขของพี่ๆเขาจะกล่าวอ้างถึงประเด็นไหน ล้วนต้องวกมาเข้าเรื่องการเมือง ทุกอณูของความคิดบนเวทีจะมีกลิ่นอายการเมืองเข้าไปเสริม บ้างก็เจ็บจี๊ดๆ บ้างก็กะหวังให้คนที่ถูกพาดพิงสั่งพวกมาบอมบ์บ้านกันเลยทีเดียว

เหมือนที่เวลาเรากินอาหารอินเดีย ที่ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศเจืออยู่ทุกจานไป

แต่ทั้งพี่ดี้ (นิติพงษ์ ห่อนาค) พี่เจี๊ยบ และพี่แต๋ง ก็เกริ่นไว้แต่ต้นแล้วว่าเขาต้องการนำเสนอความเป็นไปของสังคม มากกว่าจะมาร้อง เล่น ทำหน้าเป็นกับดนตรี แบบเฉลียงที่ทุกคนคุ้นเคยและชื่นชอบ ผู้ชมที่หวังเข้ามาแล้วจะได้ย้อนรอยรำลึกดความทรงจำในแบบ เฉลีัยง เฉลียงก็อาจไม่ถูกใจนัก

ในมุมมองของคนดูคนหนึ่ง ฉันว่าในเมื่อพวกเขาปวารณาตัวไว้ว่าจะอุทิศผลึกความคิดแบบปัญญาชนเพื่อพูดในเรื่องที่หลายคนคิด แต่ไม่กล้าพูด ดังนั้นถ้าเราเปิดใจรับฟังและมองโลกตามความเป็นจริง เราจะพบว่าเรื่องต่างๆที่พี่ๆเขาหยิบยกขึ้นมา มันก็น่าขัน น่าเศร้า น่า ฯลฯ อย่างเขาว่าจริงๆ

มันทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาเหมือนกันว่า เวลาเราพูดว่า
นี่มันช่างไท๊ย ไทย

พวกเรามีนัยยะอะไรในคำสร้อยนี้ แง่ดีหรือแง่ลบ

มหรสพครั้งนี้ของพี่ๆทั้งสามอาจเป็นต้มยำรสจัดจ้าน ประสาปัญญาชนรสเจ็บๆ ซึ่งคนที่หวังจะได้ชิมต้มจืดรสกลมกล่อมแบบตำนานเฉลียงที่เคยเป็นมา อาจไม่ชอบใจ ซึ่งก็มั่นใจว่าถ้าพี่ดี้ พี่เจี๊ยบและพี่แต๋งได้ยินคำวิพากษ์ทำนองนี้จากผู้ชม พี่ทั้งสามก็คงเต้นท่า nobody ( ที่จำเป็นต้องปิดไฟพรางเวลาเต้น เพื่อสวัสดิภาพทางสายตาของผู้บริโภค) แล้วหันมาทำหน้าทะเล้นบอกด้วยเสียงประชดว่า

แล้วแต่...




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2552    
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 9:41:38 น.
Counter : 3215 Pageviews.  

พลอตรันทด

เมื่อวานดูข่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ กล่าวถึงกรณีผู้หญิงคนหนึ่งชิงสร้อยทองหนัก2บาท จากร้านทองและถูกจับได้

มันคงเป็นข่าวฉกชิงวิ่งราวธรรมดา ถ้าไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เธอคนนี้กำลังท้อง 7 เดือน ที่บ้านมีลูกวัยทารกอีกคนและแม่รออยู๋ ส่วนสามีทิ้งไปมีภรรยาใหม่

เธอให้การกับตำรวจว่า ทำไปเพราะชั่ววูบ อยากเอาเงินมาซื้อนมให้ลูกกิน และอย่างน้อยถึงโดนจับ ในคุกก็ยังมีข้าวให้กิน...


ถ้าเรื่องราวข้างต้นเป็นต้นฉบับละครเรื่องหนึ่ง ฉันคงร้องเรียนกับคนเขียนบทว่า พลอตมันรันทดไปไหม

มีคำกล่าวว่าละครสะท้อนสังคม แต่ฉันว่าข่าวรายวันก็สะท้อนสังคมได้ชัดเจนไม่แพ้กัน




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2552    
Last Update : 3 มิถุนายน 2552 15:00:40 น.
Counter : 984 Pageviews.  

'สวยเลือกได้' บนกิ่งซากุระ




ในวันที่ท้อแท้กับปัญหาในการทำงาน หรือในเรื่องส่วนตัว ฉันมีสองสามทางเลือกพื้นฐานในการบริหารจัดการให้เรื่องคลี่คลายไปตามวิถีของฉัน

ทางเลือกลำดับต้นๆที่เคยทำแล้วได้ผลคือ ฉันจะลองเอาตัวเองไปเป็น บุคคลที่สาม และมองเข้ามายังปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญแบบสายตาคนนอก

วิธีนี้ บ่อยครั้งจะพบทางออกซ่อนอยู่ ซึ่งภาวะก่อนหน้า ที่ยังหมกมุ่น เจ้าทางออกนี้มักเล่นซ่อนหากับเราจนเราจนแต้มเสมอ

แต่กับบางปัญหา ถึงจะแปลงกายไปเป็นบุคคลที่ สี่ ห้า หก ก็ยังมืดแปดด้านอยู๋วันยังค่ำ

ถึงที่สุดขึ้นมา ทางเลือกสุดท้ายของฉัน คือให้มันเป็นไปอย่างนั้น และขอเพียงได้พูดคุยระบายความในใจกับคนสนิทสักคนก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว

ไม่นานมานี้ ฉันเจอปัญหาเรื่องงานชนิดที่ต้องหันเข้าหาทางเลือกสุดท้าย
และพี่ชายคนที่สี่ของฉันเป็นคนสนิทที่ผ่านเข้ามาเป็นเหยื่อให้ฉันพอดี

เราพูดคุยกันสั้นๆ พี่ชายเพียงรับทราบและปลอบสั้นๆว่า ฉันทำดีที่สุดแล้ว

วันต่อมา ฉันได้รับเมล์ฉบับหนึ่งจากพี่ชาย มีไฟล์ Excel แนบมาพร้อมข้อความสั้นๆ

ในไฟล์นั้น เมื่อเปิดเข้าไปจะเจอกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง ทุกครั้งที่เอาเมาส์คอมพิวเตอร์ไปคลิก จะปรากฏดอกซากุระสีแดงสดขึ้นที่จุดนั้น เมื่อลองเล่นไปเพลินๆสักพักก็พบลูกเล่นของกิ่งมหัศจรรย์นี้ว่า

ถ้าอยากได้ซากุระตูม ให้คลิกไปแถวตุ่มก้าน
แต่ถ้าหวังซากุระบาน ให้เอาเมาส์ไปเป็นอันธพาลที่ยอดกิ่ง


มองเผินๆเหมือนเป็นไฟล์น่ารักๆ ประสาวัยหวานที่ใช้ส่งต่อกันในหมู่คนสนิท
แต่ข้อความสั้นๆที่พี่ชายส่งมาพร้อมไฟล์ที่ฉันตั้งสมญาให้ว่า - - กิ่งซากุระ 'สวยเลือกได้' - - นี้ มีนัยยะอะไรบางอย่างนอกเหนือไปจากความบันเทิงฉาบฉวยของดอกไม้สีแดง

พี่ชายเขียนถึงคนรับไว้ว่า

"ชีวิตเป็นเรื่องของทางเลือก ดอกไม้ให้คุณฉบับนี้ พี่ให้โอกาสน้องเลือก ชมดอกไม้ตามแต่ใจต้องการ

ไม่ว่ากิ่งก้านนั้นจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อเราคลิกเลือกแล้ว
กิ่งนั้นจะออกดอกงามมาให้ชื่มชมอย่างงดงามเสมอ

ไม่ได้เป็นดอกชบาที่ต้องหลับตาเวลาชม
แต่มันเป็นดอกไม้ธรรมดา ชื่อว่า ซากุระ

อย่างไรก็ตามพบว่า ดอกไม้งามที่เราคาดหวังนั้น บางครั้งอาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังบ้าง ก็เป็นธรรมดาที่ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ในทุกเรื่อง

แต่ก็อดดีใจล่วงหน้าไม่ได้ว่า เมล์ฉบับนี้ จะทำให้น้องได้ชื่นชมในสิ่งที่สวยงามบ้าง บนกิ่งที่เราเลือกแล้ว "


ปกติแล้วจริตอันแสนรันทดของฉันมักชื่นชอบดอกไม้สีขาว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากอ่านเมล์ฉบับนั้นของพี่ชาย นอกจากจะปันใจให้นึกชอบดอกซากุระสีแดงขึ้นมากระทันหันแล้ว ยังนึกอยากอมลูกอมรสบ๊วย ยี่ห้อเซียงไฮ้ ที่ห่อกระดาษรูปดอกซากุระแดง (ลูกอมรสโปรดของพี่ชาย) ขึ้นมาตะหงิดๆด้วย


เบื้องหลังกิ่งก้าน และอาการนึกคิดต่างๆนานาของฉัน ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พี่ชายอาจไม่ได้บอก แต่ฉันรับรู้ได้ก็คือ

ทุกครั้งที่คลิกเมาส์ไปบนกิ่งซากุระ ดอกไม้แต่ละดอกที่ปรากฎยังเป็นตัวแทนความห่วงใยที่พี่ชายของฉันสื่อเป็นนัยให้คนรับแล้วโดยสมบูรณ์




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 10:39:03 น.
Counter : 1743 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.