The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก
อลหม่าน'วันโกน' ที่สวนรถไฟมหาสนุก



พ่อสอนฉันเสมอ ว่าจงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ฉันเผลอเอาคำสอนของพ่อไปปรับใช้กับเรื่องอื่นด้วย เลยลงเอยด้วยการเป็นคนใจง่าย ใครชวนไปเที่ยวไหนไม่ค่อยปฏิเสธ

ล่าสุด ฟ้าใส - - เพื่อนรักเพื่อนแก้วเพียงเปรยกับฉันว่า อยากไปเที่ยวสวนผีเสื้อที่สวนรถไฟ ฉันก็จัดแจงแต่งทริปตะลุยบางกอก โดยเป็นหนึ่งวันเดียวกันกับที่ฉันจะไปร่วมงาน ‘หนังสือเล่มหนึ่ง ยุติธรรม’ หรือ A Book Fair กับรุ่นพี่ช่วงบ่ายด้วย
( ตามไปอ่านได้ที่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=atfirstclick&date=28-07-2009&group=1&gblog=15)

ฉันหิ้วชะลอมจากเมืองชลฯเข้ากรุงมารอฟ้าใสที่สวนสาธารณะจตุจักรแต่ไก่โห่ ระหว่างรอเลยแปลงตัวเป็นพระลอตามไก่แก้เก้อแถวนั้นไปพลางๆ

สวนรถไฟที่เพื่อนว่า น่ารักน่าชังตั้งแต่ทางเข้า พอเดินเข้ามาหน่อย ฉันก็เจอ กบนั่ง ที่รูปทรงเหมือนกบเหลาดินสออันเบ้อเร่อตั้งเรียงกันสามอัน ทีแรกไม่แน่ใจว่าใช่กบหรือเปล่า แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ยินมันร้องพร้อมกันว่า เคโระๆๆ



เลยไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องเป็นสัญชาติกบเหลาดินสอแน่ๆ แต่วันที่เราไปน่าจะครบรอบ ‘วันโกน’ ประจำสวน เลยได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้าที่มุมโน้นมุมนี้ของสวน ดังแทรกเสียงเคโระของกบนั่งสามตัวเป็นระยะด้วย

ใกล้กันมีม้านั่ง แต่ฉันไม่ได้ยินเสียงมันร้อง ฮี้ฮี้ เลยคิดเอาว่ามันอาจน้อยใจที่ฉันมัวแต่ไปชื่นชมกบนั่งมากกว่าม้านั่งอย่างมัน

ฟ้าใสเป็นสาวเรียบร้อย ช่างน่าสงสารที่ชีวิตดังเส้นขนานของเธอต้องมาพ้องพานกับสาวบ้าๆบอๆอย่างฉัน ด้วยความติ๋มเป็นเอกลักษณ์ของฟ้าใส เธอเลยจัดหา ติ๋มซำมาฝาก ทีแรกฉันก็ปฏิเสธอิดออดพอเป็นพิธี แต่พอฟ้าใสเปิดกล่องเผยให้เห็นขนมจีบก้อนน่ารัก หน้าตาติ๋มๆแต่ดูดีเท่าั้นั้น ฉันก็กลายร่างเป็นอีติ๋มตายแน่ แพ้ทางติ๋มซำไปโดยไม่ต้องใช้ระฆังช่วย



เราปิกนิกกันริมบึงกว้าง ปล่อยเวลาให้เข็มนาฬิกาสั้น-ยาวเล่นชิงช้ากันไปเรื่อยๆ น่าแปลกที่เวลาเรานั่งอยู่กับใครสักคนที่เราเรียกว่า เพื่้อน บางทีเราไม่จำเป็นต้องสรรหาถ้อยคำอะไรออกมาพูดกันมากนัก เหมือนว่าพอเงยหน้าจากถาดติ๋มซำขึ้นมามองตา ก็มีรหัสมอสส่งข้อความถึงกันอยู่แถวสถานีปลายทางตรงหน้าผากของเราสองคนแล้ว

เราชวนกันเดินเล่นย่อยอาหารตามทางในสวน ท่ามกลางสนามหญ้าเขียวๆไกลสุดตา เราเห็นวัตถุสีขาวอมชมพูจางๆจุมปุ๊กอยู๋กลางสวน



พอเดินเข้าไปสำรวจจึงพบว่าเขาคือจิ๊กโก๋ชาวเห็ดที่ไว้ผมทรงแอฟโร กำลังใส่หมวกคลุมผมไปอาบน้ำ

เจรจาภาษาฟังใจฟังไจ ( Fungi Language)ได้สักพัก เราต้องร่ำลาจิ๊กโก๋เห็ดเอฟโร เพราะมีนัดกับผีเสื้อในสวนผีเสื้อที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

อาคารของสวนผีเสื้อรูปทรงเหมือนโดมใหญ่ คลุมด้วยตะแกรงถี่ๆเหมือนหน้าต่างตู้กับข้าว


พอผ่านประตูทางเข้า เราพบผีเสื้อเพื่อชีวิตตัวหนึ่งรอต้อนรับ ฉันกระัซิบบอกฟ้าใสว่า ช่างเป็นผีเสื้อที่ติดดินที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ



เดินในโดมผีเสื้อแล้วออกเขินๆ เพราะต้องสมรู้ร่วมคิดเป็นพยานรู้้เห็นคำพลอดรักของผีเสื้อกับดอกไม้แทบทุกจุดที่เราเดินผ่าน

เดินได้ไม่นานเราสองคนเกิดผื่นแดงเรื่อขึ้นตามตัว มารู้ทีหลังว่าการกระพือปีกบอกรักของผีเสื้อ นอกจากมธุรสหวานหูจะปลิวออกมาแล้ว ยังพาละอองเกสรดอกไม้ให้ว่อนไหวไปทั่วสวนนี้ด้วย แต่ฉันเชื่อลึกๆว่าส่วนหนึ่งของอาการแสบร้อนที่ผิวหนังของเรา เป็นผลสืบเนื่องจากอาการร้อนผ่าวที่ดวงตาแน่ๆ

แม้จะระคายผิวเป็นระยะ แต่เราก็เดินรอบอุทยานผีเสื้อได้โดยไม่หลง เพราะฉันแอบพบแผนที่เมืองผีเสื้อที่จัดแสดงไว้บนโดมเหนือศีรษะ



ถ้าครูทองใบ แตงน้อย- นักเขียนแผนที่รุ่นคลาสสิกของไทยมาพบเข้าต้องตื่นเต้นแน่ๆ เพราะเป็นแผนที่เมืองหลวงจุดใหม่ที่แม้แต่ครูทองใบหรือกระทรวงคมนาคมก็ยังไม่เคยสำรวจพบมาก่อน



ก่อนออกจากสวนผีเสื้อ เราแวะไปชมภาพยนตร์ชื่อดัง ฟังเพลง ใต้ลำพูรอคู่กรรม



แล้วเฉียดไปดูงานมอเตอร์โชว์ มาโดมเดียว ได้เที่ยวครบทุกแหล่งบันเทิงจริงๆ



นอกอาณาจักรสวนผีเสื้อ เรายังไปเจอะรุ้งตัวอ้วนอวดสีสันอยู่รอบโคนต้นโพธิ ฉันคว้ากล้องมาถ่ายปรากฏการณ์นี้เก็บไว้ ท่าทางที่ตั้งใจถ่ายมากเกินพิกัดปกติ ฟ้าใสเลยขอคว้ากล้องมาดูผลงาน พอเห็นภาพในกล้อง เธอเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยเสียงเหมือนรู้ทันว่า นี่ตั้งใจถ่ายรุ้งหรือหนุ่มหลังต้นโพธิกันแน่

ตามตำราสงครามของสามก๊ก ว่ากันว่าเพื่อนที่รู้ใจมากไป จะเก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภัย พึงกำจัดเสียให้พ้นทาง แต่พอเห็นดวงตาซื่อๆของเพื่อน ก็ใจอ่อน เลยปล่อยให้เพื่อนลอยนวลต่อไปก่อน



เราลอยนวลกันไปเรื่อยๆ ก็พบตำนานซอสถั่วเหลือง นี่มันตราภูเขาทองชัดๆ !!

ระหว่างเส้นทางร่มรื่นในสวน ฟ้าใสทำจมูกฟุดฟิดและถามฉันว่า ได้กลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่างไหม

ฉันตอบด้วยเสียงมั่นใจอย่างคนมีภูมิว่า “อ๋อ มันคือกลิ่นหญ้าอ่อนเพิ่งตัดใหม่ๆน่ะจ้ะ”

“ทำไมรู้ล่ะ” ฟ้าใสสงสัย

“เผอิญว่าเราเคี้ยวบ่อยน่ะจ้ะ”... คราวนี้ฉันตอบเสียงอ่อย



เดินไปอีกไม่กี่ก้าว เราสองสาวโสดจำต้องเบือนหน้าหนีจากภาพสวีตกระจะตาแบบยิลเลต ซีน ( Gilllette Scene - ภาพบาดตา) เบื้องหน้า ก่อนไปพบประติมากรรมกลางสนามหญ้า ฉันมุ่งมองเนิ่นนาน ชี้ไปที่นั่น แล้วถามเพื่อนว่า รู้็ไหมนั่นคืออะไร



ฟ้าใสไม่ใช่พยัคฆ์ร้ายแต่เธอส่ายหน้า ฉันจึงตอบด้วยเสียงมั่นใจอย่างคนมีภูมิอีกครั้งว่า

“อนุสาวรีย์ป้อมปราบศัตรูพืชยังไงล่ะจ๊ะ”





ของแถม : เลขเด็ดงวดนี้ ใบ้หวยฟรีๆจากสวนรถไฟ...



Create Date : 28 กรกฎาคม 2552
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 14:39:39 น. 4 comments
Counter : 3591 Pageviews.

 
ฮ่าๆๆๆๆๆ ขำอารมณ์ช่างเปรียบเปรยให้ตลกโปกฮาของคนเขียนจริงๆ อ่านแล้วอารมณ์ดี๊ดี เขียนอีกเยอะๆนะ

กรี๊ด...มาคนแรกซะด้วยเรา ฮิๆ


โดย: แม่แอมเบอร์ วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:00:50 น.  

 
ยิลเลต ซีน ( Gilllette Scene - ภาพบาดตา) ต้องเป็นประเภทเดียวกับ grateful together (ร่วมกตัญญูู) ของสาวมาลีเป็นแน่แท้


โดย: psyche IP: 124.121.247.223 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:08:52 น.  

 



เพลงประกอบสำหรับเรื่องนี้


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:35:15 น.  

 


อื้อหือ
วันเดียวเนี่ยนะ เก็บอะไรต่อมิอะไรมาเล่าได้ออกรสออกชาติ
ช่างเปรียบช่างเห็น
มีสายตาซุกซนแบบเด็ก ๆ ดีแท้
เราชอบ กบเหลาดินสอ เคโระ อ๊บ อ๊บ นั่นแหละ

ขำตรงนี้ด้วยอะ..
กลิ่นหญ้าอ่อนนี่เป็นไงน๊อ
“เผอิญว่าเราเคี้ยวบ่อยน่ะจ้ะ”...
เคยเคี้ยวมั้ยเนี่ยเรา นึกก่อน ๆๆๆ

จักรยานที่นี่สีชมพูหมดเลยเหรอคุณ หวานเชียว
เล็งหนุ่มที่ซบสาวที่(คู่รัก)ม้านั่งอะ แฟนเรารึเปล่าหว่า
เขาเข้าบางกอกช่วงนี้ซะด้วย เอิ๊กส์ ๆๆๆ

อ่านแล้วอมยิ้ม
และแอบจดเลขเด็ดไปแล้วด้วย 555






โดย: ภูเพยีย วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:26:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.