The Blog To Love @ First Click - - ความเหงาไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เจ้าของหัวใจที่ทำร้ายตน-- รักแรกคลิก

มาดามดูบัว



ที่มุมเล็กๆมุมหนึ่งหน้าบ้าน พ่อเอาวงบ่อมาก่อเป็นบ่อบัว DIH ( Do It Himself) อย่างง่าย แม้พื้นผิวรอบนอกของบ่อบัวจะเป็นรอยซีเมนต์หยาบๆ ไม่มีลายรดน้ำ ลายกนก ลายมังกร แต่มันก็เป็นมุมเล็กๆที่ฉันชอบไปยืนชะโงกดูเงาตัวเองบนผิวน้ำบ่อยๆ

ในบ่อบัวนั้น อุดมไปด้วยกฐินสามัคคีของสมาชิกในบ้าน ทั้งกอบัว ปลาหางนกยูง ปลาทองแก้มป่องที่บรรดาพี่ๆช่วยกันหามาตกแต่งบ่อบัวสามัคคีนี้

ครึกครื้นเข้าไปอีก เมื่อสาหร่ายเขียวที่ไม่ได้รับเชิญมักมาขอเกาะขอบบ่อบัวเล่น ดูเผินๆเหมือนฉาบด้วยหยกสีเขียวลออ

ขณะที่ยุงทุกสายพันธุ์พากันมาหย่อนก้นแช่น้ำ และทิ้งลูกน้ำน่ารักไว้ให้ดูต่างหน้า

พอหลานตัวเล็กของฉันเริ่มพูดได้ วัยนี้ของเด็กเหมาะสมกับการถูกลักพาไปเล่นสนุกในสวนที่สุด ฉันซื้ออาหารปลาเม็ดเล็กๆมาล่อใจหลาน และชวนหลานไปเล่นซ่อนแอบกับปลาหางนกยูงในบ่อบ่อยๆ

ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่ฉันและหลานกำลังเรียนวิชาสังคมศาสตร์ในบ่อบัวด้วยกัน ฉันช้อนสาหร่ายริมขอบบ่อเพื่อขว้างทิ้งไปในกอหญ้าใกล้ๆ เป็นการทำความสะอาดบ่ออย่างคร่าวๆ

หลานเลียนแบบด้วยการจุ่มข้อมือน้อยๆลงไป และถอนกอบัวกลางบ่อขึ้นมาหลายต้น

ตุ่มดอกบัวที่โผล่ปริ่มผิวน้ำอันตรธานไปพริบตา
ด้วยเห็นแก่ไร้เดียงสาของหลาน ฉันได้แต่นึกหวังว่าบัวดอกใหม่คงโผล่ขึ้นเป็น 'บัวลอย' ดอกใหม่ในไม่ช้า



ฉันลืมบ่อบัวไปสนิทใจ วันหนึ่งฉันออกเดินเล่นและเสไปเยี่ยมบ่อบัว

วัตถุทรงพุ่มกลม กระจ่างที่กลางบ่อ ไม่มีร่องรอยความบอบช้ำให้เห็นอีกแล้ว

มาดามดูบัวดอกเล็กๆบอกเล่าให้ฉันฟังเงียบๆว่า

ในช่องว่างของกาลเวลา
บางความงามค่อยเติบโต
อย่างเชื่องช้า

เพื่อเติมเต็มส่วนที่กร่อนหาย
ของบางขณะเวลา
อย่างแช่มช้า
และอดทน



****************




เตรียมพบกับ บันเทิงคดีประสารักแรกคลิก
ชุด บาหลีและการเดินทางของหอยเชอรี่
เร็วๆนี้






 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 16:56:38 น.
Counter : 2104 Pageviews.  

แทะ




เราสบตากับครั้งแรก ตอนพี่ชายพามาให้รู้จัก


มันเป็นสุนัขพันธุ์ทางสีดำปลอด เจ้าของหูตั้งเหมือนติดเรดาห์ที่ติ่งหู และมีหางที่พร้อมจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา

สิ่งโดดเด่นที่ใครเห็นเป็นต้องเอ็นดูมันคือแววตาละห้อย ใสซื่อ

ตั้งแต่สบตามันหนแรกหนนั้น ฉันพยายามเลี่ยงไม่มองตาคู่นั้นบ่อยนัก เพราะรู้ใจตัวเองว่าเป็นคนใจอ่อน

ฉันรู้ดีว่า แววตาเยี่ยงนี้....ต่อให้ฉันหิวแทบตาย แล้วถือจานข้าวมันไก่มา ก็คงทนใจแข็งไม่ได้ สุดท้ายคงต้องแบ่งสัมปทานข้าวมันไก่ในจานให้มันบ้าง


พี่ชายขอฝากมันไว้ที่บ้านพ่อพักหนึ่ง เมื่อที่บ้านพี่ชายจัดที่ทางเรียบร้อยจะพามันย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ด้วยถาวร

มันไม่มีสูจิบัตรติดตัวมาด้วย พี่จึงตั้งชื่อให้มันอย่างง่ายว่าแฟลต เพราะเดิมมันเป็นสุนัขกำพร้าประจำแฟลต

ทุกคนดูจะยอมรับในชื่อเรียกนั้น ยกเว้นพ่อที่ยืนยันว่า ใครจะเรียกชื่อไหนก็เรียกไป แต่พ่อจะเรียกมันว่า ไอ้ขาว

แฟลตเป็นหมาพันธุ์สุภาพ ตั้งแต่มันมาอยู่นี่ เราไม่เคยได้ยินมันเห่า
พี่ชายเอาลูกกระพรวนเส้นเล็กๆมาผูกคอมัน เสียงที่มาพร้อมตัวมันเลยเป็นแค่เสียงจากลูกกระพรวน ไม่ใช่จากลูกกระเดือกของมัน

ฉันเคยลงความเห็นว่าแฟลตเป็นหมาใบ้ พี่ชายท้วงว่าแค่มันไม่เห่า จะคิดว่ามันเป็นหมาใบ้ได้อย่างไร

" เอ้า จริง จริ๊ง "- - ฉันยืนยัน - - " หนูพูดกับมันทีไร มันไม่เคยพูดตอบเลย... "


เราเลี้ยงอาหารมันตามมาตรฐานเดียวกับสมาชิกตูบตัวอื่นๆในบ้าน แต่คงเพราะแฟลตเป็นหมาช่างอยากรู้อยากเห็น
วีรกรรมแรกๆที่มันทำการทดลองคือ การคุ้ยตะกุยต้นไม้ที่พ่อเพิ่งลงดินไว้ สองสามคดี



นอกจากนี้ มันอาจจะกำลังอยู่ในวัยกำลังกิน มันเลยสร้างวีรกรรมต่อมาด้วยการแทะรองเท้าแตะคู่ใหม่ของพ่อแค่สามคู่

พ่ออนุโมทนากับรอยแกะสลักบนรองเท้าคู่สวยที่มันฝากไว้ แต่จะด้วยแววตาละห้อยอันทรงพลังของมัน หรือด้วยเห็นแก่มนุษยธรรมอย่างไรก็สุดแท้แต่
แฟลตยังคงวิ่งเล่นรอบบ้าน และกระดิกหางยามถึงมื้ออาหารทุกวัน ด้วยกิริยาร่าเริงสุดชีวิต

ราวกับไม่รู้ว่าโลกรอบตัวของมันมีความเคลื่อนไหวใดๆอีกบ้าง


เช้าตรู่วันเสาร์ที่ผ่านมา พ่อเรียกฉันลงมาดูรถที่ฉันจอดสงบเสงี่ยมหน้าบ้านโดยถามเสียงเครียดว่า ไปขับชนอะไรมาหรือเปล่า....

ระหว่างเดินงงๆไปที่รถ ฉันทบทวนรูปประโยคที่พ่อพูดแล้วใจวาบ

ความรู้สึกคล้ายตอนท้องว่างๆแล้วดื่มน้ำเย็นจัดโดยไม่พักไปหนึ่งขวดลิตร
มันวาบ ชา และแนบอาการจุกบางๆในท้องไปด้วย...


ฉันจ้องรอยเสียหายเกือบสิบกว่ารอยบริเวณตัวถังเหนือขอบล้อฝั่งขวา และร่องลึกเป็นทางๆ พลางได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง

แต่ละรอยแม้ไม่ยาวเป็นทาง แต่ขีดเส้นที่ปรากฏก็ชัดเจน มีช่องไฟสวยงาม เป้นจังหวะจะโคน .... เหมือนทางรถไฟขนาดขยายจัมโบ้ในแผนที่ครูทองใบ แตงน้อย

บางรอยตัวถังถูกกรีดลึกถึงเนื้อใน และมีรอยแทะกระจุยเป็นรอยลูกไม้หงิกงอเหมือนศิลปะชั้นสูงที่เลียนแบบได้ยาก


แฟลตเป็นหมาสุภาพ และน่าเอ็นดู ฉันรำพึง

มันอาจหมั่นเขี้ยวและอยากหาสิ่งแปลกใหม่ในชีวิตประลองเขี้ยววัยฟันน้ำนมเพิ่งขึ้นของมันเล่นๆ

ก็แค่เล่นๆ....
แต่มันเล่นของสูงงงงงงง ไปนิดหนึ่งไหม

ไม่มีใครเห็นมันแทะรถต่อหน้าต่อตา ฉันกังวลลึกๆว่าการกล่าวหาว่ารอยแทะนี้เป็นผลงานของมันอาจจะเปลี่ยนสถานะมันจาก หมา ไปเป็นแพะ

แต่คดีลหุโทษที่มันเคยก่อไว้หลายครั้ง ทำให้เราไม่สามารถชี้โทษลูกสมุนตัวอื่นตัวใดในบ้านได้เลย นอกจากมัน

คดีอุจฉกรรจ์ครั้งนี้ของมัน ทำให้ฉันส่งสำเนาฟ้องไปถึงพี่ชายและเห็นควรจะย้ายมันออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด คล้ายๆหลักการโยกย้ายข้าราชการที่เคยได้ยินทางข่าวทีวีบ่อยๆ


แฟลตย้ายสำมะโนครัวไปแล้ว พร้อมฝากรอยแทะแห่งความทรงจำไว้ให้ดูต่างหน้า

น่าแปลกที่ฉันไม่นึกโกรธมันสักเท่าไหร่ ฉันเพียงแต่ละเหี่ยใจที่ตัวเองเป็นผู้ขับขี่แสนสุภาพมาตลอด แต่รถมาถูกแกะสลักเสียดื้อๆ แม้ว่าจะจอดอยู่กับบ้านเฉยๆ

ฉันไม่เม้งแตก หรือออกอาการระเบิดซีโฟร์กับคดีนี้ ไม่ใช่เพราะพ่ายแพ้หรือเห็นแก่แววตาละห้อยของมัน

แต่อะไรสักอย่างข้างในสอนให้ฉันนิ่งกับรอยแทะบนรถแสนรักได้อย่างประหลาด


เมื่อคืนฉันอ่านบทความของท่านชยสาโร กล่าวถึงครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อชาสอนศิษย์ว่า แก้วน้ำที่เราใช้ มันแตกเสียตั้งแต่แรกแล้ว พอถึงเวลามันแตกขึ้นมาจริงๆ เราจะได้ตอบรับการแตกของแก้วน้ำอย่างสงบว่า

เออ แก้วแตก...


ฉับพลัน ปัญญาของฆราวาสแสนเขลาอย่างฉัน เพิ่งนึกหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องราวของตนเองได้ว่า

เออนะ รถมันมีรอยบิ่น รอยบุบเสียตั้งแต่ถอยจากศูนย์รับรถแล้ว
บัดนี้ถึงเวลาแล้ว

เออ....รถเป็นรอย





 

Create Date : 09 สิงหาคม 2553    
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 11:24:15 น.
Counter : 2459 Pageviews.  

การเดินทางของใบชะมวง กับ หมู ฉึ่กๆ

หมายเหตุ - ทีแรกไม่คิดจะเขียนเรื่องรักแรกคลิกเข้าครัว เพราะอาหารมันเป็นเมนูบ้านๆ แถมถ่ายภาพไม่นิ้ง เนื่องจากมือหนึ่งถือกล้อง มือหนึ่งถือตะหลิว และต้องรบรากับห้วงนาทีที่เดินหน้าไปบนเตา

แต่ที่เขียนเพราะสัญญากับป้าแอ๊ด ณ บลอกแกงค์ว่าจะเอาหมูชะมวงไปฝาก หวังว่าป้าแอ๊ดจะได้รับหมู(ชะมวง)ในอวยนี้แล้วนะคะ


แกงหมูชะมวงเป็นอาหารพื้นถิ่นของชาวจันทบุรี ระยอง รสชาติออกเค็มๆหวานๆและติดเปรี้ยวที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็นอานิสงส์จากความแก่นเปรี้ยวของใบชะมวง

เรื่องของเรื่อง เป็นเพราะเช้าวันอาทิตย์พี่ชายเอาใบชะมวงจากเมืองปักษ์ใต้มาให้สามกิ่ง ฉันไม่รู้สูตรทำแกงหมูชะมวงมาก่อนในชีวิต แต่สงสารใบชะมวงที่ต้องเหี่ยวแห้งถ้าเราไม่ทำอะไรกับมันสักอย่าง

จึงงัดตำรา conFUSION FOOD มั่วทำออกมาโดยอาศัยเพียงหลักความน่าจะเป็น




ใบชะมวงหน้าตาเป็นอย่างนี้





เขาว่าใครเจอใบ Clover ติดกันสามกลีบจะโชคดี
แล้วถ้าฉันเจอใบชะมวงสามกลีบล่ะ จะเหมาว่ามีโชคด้วยได้ไหม





พาสปอร์ตสู่การเดินทางเพื่อ แกงหมูชะมวงในฝัน
หมายเหตุ - - นี่เป็นเพียงภาพใช้ในโฆษณาเท่านั้น
( ของจริงอาจมีปริมาณมากกว่าในภาพราว 10 - 20 เท่า)



และแล้วก็มาถึงการปรุงแกงหมูชะมวงสูตรมั่วสไตล์รักแรกคลิก


เครื่องปรุง -

-หมูเนื้อแดงสันนอกติดมัน 7 ขีด (เลขเจ็ดเลขสวย เลยซื้อแค่เจ็ดขีด เหตุผลไร้สาระ แต่ทำกับข้าวคือกิจกรรมสนุกๆ ดังนั้น ฉันไม่ค่อยมีแบบแผนมาก)

- ใบชะมวง สามกิ่ง เด็ดแต่ใบ และริดก้านแกนกลางทิ้ง เวลาเด็ดใบชะมวง ไม่ต้องพูด รัก ไม่รัก .... ใครได้ยิน อายเขา

- น้ำตาลปิ๊บ พอดีแม่ครัวหวานอยู่แล้ว ใส่พอประมาณก็พอ ....
- น้ำปลา ขยอกน้ำปลาดีลงหม้อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก

เครื่องน้ำพริกลงโขลก

(ในครัวบ้านฉัน ไม่มีมูลิเนกซ์ เพราะฉันถือว่าศิลปะการโขลกด้วยครกกับสากแบบตะวันออกเป็นศิลปะชั้นสูง กิจกรรมทำวัตุดิบให้แหลกจึงอาศัยครกหินอ่างศิลาเป็นหลัก )

- พริกไทย กระเทียม เกลือ รากผักชี กะปิ ผงโอวัลติน ( วัตถุดิบสุดท้ายคือสูตรเด็ดเคล็ดลับในการทำพะโล้ของฉัน)

- ข่า หอมแดง พริกแห้งแดงเม็ดใหญ่ ไม่รู้ว่าต้องใส่ เลยไม่ได้ใส่เสียอย่างนั้น

วิธีทำ - - โขลก หมัก ผัด แกง ปรุง

หมายเหตุ -ถ้าไม่เข้าใจวิธีการทำข้างต้น โปรดโทรบอก จะไปทำให้กินค่ะ : )



ออกมาหน้าตาเกือบเหมือน แกงใบชะมวงใส่หมู ฉึ่กๆ




ฉันชอบกินกับข้าวหลายๆอย่าง เลยทำสะตอผัดกุ้งเป็นจานเสริม




น้ำปลาพริกบีบมะนาวสูตรรักแรกคลิก
พ่อบอกว่ามีแค่ถ้วยนี้ พ่อก็รอดตาย.... ปากหวานจริงๆ พ่อใครเนี่ย




มื้อเย็นแบบอนาถา ไม่นับกับข้าวจานเล็กจานน้อยที่อยู่นอกเฟรม


ความสุขง่ายๆของคนทำครัว ไม่ใช่แค่ตอนกำลังทำอาหารเท่านั้น แต่ยังสุขต่อเนื่องมาถึงตอนเห็นแววพอใจในใบหน้าของคนกินด้วย

ขออภัยที่รูปไม่ค่อยชัด กล้องก็เก่า คนก็แก่ค่ะ




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2553    
Last Update : 4 สิงหาคม 2553 15:19:34 น.
Counter : 5123 Pageviews.  

ม้าหินอินเลิฟ

เพื่อนคนหนึ่งแซวว่าช่วงนี้เข้าพรรษา รักแรกคลิกควร งด'เล่า' เข้าพรรษา

วันนี้จึงขอเล่าด้วยภาพแทนแล้วกันค่ะ : )

ภาพชุด - ม้าหินอินเลิฟ
เทคนิค - การพ่นสีโหมด airbrush ในโปรแกรมเพนท์ บนผืนผ้าใบจำลองของหน้าจอคอมพิวเตอร์








สามภาพนี้ เห็นแล้วนึกถึงเรื่องราวข้างหลังภาพอย่างไรบ้าง เขียนเล่าให้กันฟังบ้างนะคะ

แล้วคุยกันใหม่นะ
ขอตัวไป ตาก'ฝนดอกไม้'เล่นก่อน...




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2553    
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 14:31:58 น.
Counter : 2833 Pageviews.  

ข้าวใหม่: หมื่นความทรงจำ หนึ่งความประทับใจ



หอมเหมือนข้าวใหม่
กรุ่นกระไอมาอ่อนอ่อน
แดดทอสะท้อน
ค่อยร่อนค่อยรำงามนักเอย

นวลใบใยยอง
ค่อยรองค่อยรับช่อ
ผุดผาดลออ
ต่อกิ่งต่อก้านตระการเอย

ขึ้นร้านเลื้อยร้าน
ที่หลังบ้านร่มชานเรือน
หอมใดไม่เหมือน
มาเตือนมาตามทุกยามเอย

ที่ก่อนที่เก่า
ที่แดดเช้ายังเคล้าสาด
เจ้าช่อชมนาด
จะคลาดจะแคล้วไปแล้วเอย

ประพันธ์โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
( จากนิตยสารสารคดี ฉบับหน้าปกฉลาม )


* ตอนเรียนประถม พอเลิกเรียนพ่อจะมารอรับฉันกลับบ้าน วันหนึ่ง ฉันเปิดประตูรถเข้าไปและได้กลิ่นหอมประหลาดเหมือนขนมกลิ่นกรุ่นๆ

พ่อแนะนำช่อดอกไม้ช่อสีขาวดอกเล็ก รูปทรงคล้ายมงกุฏให้ดู และบอกว่า เขาเรียก 'ดอกข้าวใหม่' พ่อแอบเด็ดจากริมรั้วชาวบ้านแถวนั้นมา ด้วยอยากให้ลูกสาวรู้จัก

ประทับใจแรกช่างยากจะเลือน
แม้ลมร้อน ลมหนาว ลมฝน
หรือลมจากพัดลมแก๊กหนึ่งถึงแก๊กสาม จะผ่านจมูกฉันไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กลิ่นดอกข้าวใหม่ยังตราตรึง



* วันที่ฉันสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่กรุงเทพฯได้ พ่อถามว่าอยากได้อะไรเป็นรางวัล

ฉันออกจะประหลาดใจกับประโยคนี้ของพ่อจริงๆ เพราะตั้งแต่สวมชุดนักเรียนมา เรียนดีแค่ไหนพ่อก็ไม่เคยให้รางวัล

พ่อคงประหลาดใจกับคำตอบฉันไม่แพ้กัน เพราะฉันไม่ได้ขอรถ บ้าน หรือ ตั๋วเครื่องบิน แต่ฉันอยากได้แค่ต้นข้าวใหม่สักต้น มาปลูกในสวนบ้านเรา


* ต้นข้าวใหม่หนึ่งต้น ย้ายภูมิลำเนาจากร้านขายต้นไม้มาลงดินในสวน ด้วยฝีมือพ่อ จนถึงปัจจุบันมันยังครองแชมป์ต้นไม้ที่แพงที่สุด เท่าที่พ่อเคยซื้อมาปลูก


* ฉันเพิ่งรู้ว่าต้นข้าวใหม่เป็นไม้ชอบเลื้อย เวลาปลูกจึงควรทำร้านให้มันขึ้น หรือปลูกข้างรั้ว ข้างกำแพงให้มันเลื้อยเกาะ

พอเห็นพ่อทำร้านทางทิศตะวันออกของบ้าน ฉันก็โวยวายเพราะใจอยากให้มันมาเลื้อยคลุมเป็นหลังคาตรงมุมม้าหินอ่อนทิศตะวันตกของบ้าน

สุดท้ายฉันต้องยอมจำนนต่อเหตุผลของพ่อว่า ข้าวใหม่เป็นไม้ไม่ชอบแดดจัด ปลูกมุมที่พ่อเลือกให้ มันจะได้รับแสงแดดตอนเช้า ขณะที่ตกบ่าย แดดจัดจะย้ายไปตกที่อีกมุมของบ้าน และไม่กล้ำกรายต้นข้าวใหม่เลย



* พ่อประคบประหงมต้นข้าวใหม่ (ที่ฉันทึกทักเอาดื้อๆว่าเป็นข้าวใหม่ของฉัน) เหมือนลูกสาวอีกคน แรกๆพ่อพูดจาอ่อนหวาน ดูแลอย่างดี แต่นับวันมันยิ่งเหี่ยวลง แห้งลง



* ข้าวใหม่ร่อแร่ จะตายมิตายแหล่ พ่อเลยด่าเช้าด่าเย็น ตายๆไปซะ ไม่อยากเลี้ยงแล้ว !!! และอีกสารพันคำพูดกระแนะกระแหนที่พ่อใช้รดแทนน้ำและปุ๋ย



* ถ้าข้าวใหม่ต้นนี้มีชีวิตเหมือนคน มันคงเป็น
พวกนิยมลัทธิซาดิสต์
ชอบฟังเพลงเฮฟวี่เมทัล
ชอบดูหนังแอกชั่นบู๊เลือดสาด
ชอบกินอาหารรสจัดจ้าน แนวทะเลเดือด ครกแหลก ครัวระเบิด ฯลฯ

เพราะยิ่งพ่อก่นด่ามันแทนปุ๋ย ข้าวใหม่กลับค่อยๆฟื้นตัว และผลิใบอ่อนให้เห็น



* ข้าวใหม่เติบโตอย่างช้าๆ จนเมื่อถึงวัยเปลี่ยนผ่าน ( ที่ภาษาภาพยนตร์บัญญัติคำเก๋ๆไว้ว่า coming of age นั่นแหละ) มันกลับชอบการเอาใจใส่ดูแล และมธุรสวาจาที่ฉันแอบเอาไปปรนเปรอมันบ่อยๆ

ฉันคุยกับต้นข้าวใหม่...ของฉัน ราวกับมันมีชีวิต

ไม่ใช่สิ ฉันควรพูดว่า ฉันคุยกับต้นข้าวใหม่...ของฉัน ด้วยรู้สึกว่ามันมีชีวิต



* ตอนข้าวใหม่ผลิดอกชุดแรก ฉันไม่อยู่บ้าน เมื่อกลับมาและเดินผ่านซุ้มข้าวใหม่ ฉันนึกว่าใครเอาข้าวโพดคั่วรสใบเตยไปโรยไว้บนซุ้ม...
(ที่เป็นรสใบเตย เพราะดอกมันสีขาวอมเหลืองอ่อนแกมเขียวเรื่อๆ )


* กลิ่นของดอกข้าวใหม่ หอมทุกมิติทั้งหอมผาด และหอมพิศ

เพียงเดินผ่านในจังหวะลมโบย กลิ่นหอมเย็นๆ คล้ายขนม จะรวยรินถึงจมูก บ้างก็ว่าหอมของมันคล้ายกลิ่นข้าวใหม่

ถ้าหอมผาดแบบนี้ไม่สาใจ แล้วยังแก่นกล้าเอาหน้ายื่นไปดมดอกมันใกล้ๆ อารมณ์หอมพิศจะพันธนาการเราไว้ที่ซุ้มนั้น จนไม่อยากแวะไปไหน อย่างน้อยๆก็ชั่วพักใหญ่ๆ


* ข้าวใหม่เป็นชื่อเล่น ของชมนาด แต่ฉันชอบเรียกมันด้วยชื่อเล่นมากกว่า


* ข้าวใหม่เคยถูกใช้เป็นนามปากกาของฉัน ช่วงสั้นๆ แต่เลิกร้างไปอย่างเงียบๆ เพราะเศร้าที่ถูกล้อบ่อยๆว่า คุณข้าวใหม่ปลามัน


* เคยฮึกเหิม แอบจดชื่อ ข้าวใหม่ เก็บไว้หมายจะให้เป็นชื่อลูกสาว แต่พักโครงการชั่วคราวเพราะกลัวลูกจะโดนล้อแบบหัวข้อข้างบน

อีกเหตุผลสำคัญคือ ป่านนี้ฉันยังหาหนุ่มผู้โชคร้ายมากระเทาะคานที่ฉันเกาะไว้ไม่ได้ เลยไม่รู้จะตั้งชื่อลูกเล่นๆไว้ทำไมให้ช้ำใจ
อ่ะนะ วัยรุ่นเซ็ง...


* นึกไปนึกมา โอ...นี่ฉันเลียนแบบข้าวใหม่ ที่ต้องอาศัยเลื้อยร้าน ขึ้นคานเพื่อเติบโตแล้วหรือนี่


* ดอกข้าวใหม่ มีอายุบนต้นได้นานเท่าที่ธรรมชาติอนุญาต
ขณะที่ถ้ามันถูกเด็ดลงมา มันจะเหี่ยวในชั่วสิบห้าครั้งของตากระพริบ

เหมือนพระนางแมรี่อังตัวเนตผูเลอโฉม ...ที่ผมขาวโพลนในชั่วข้ามคืน



* ส่วนกลิ่นของมัน แม้มีไม่กี่ชั่วโมงทำการในแต่ละวัน แต่ลองใครได้ชมกลิ่นมันสักครั้ง
หอมนั้นจะกลายเป็น 7-11 ที่เปิดทำการความหอมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง


* ฉันเคยจัดลำดับดอกไม้โปรดในดวงใจเล่นๆ แม้ตอนจัดลำดับ ฉันจะตั้งมั่นในยุติธรรม และกระชากความลำเอียงออกไปจากใจแค่ไหน
ดอกข้าวใหม่ยังครองอันดับหนึ่งอยู่อย่างนั้น



* เวลาเด็ดดอกข้าวใหม่ หรือเด็ดช่อมันลงมาจากต้น ต้องระวังยางสีขาวที่อาจทำเสื้อเลอะเป็นดวง หรืออาจเป็นอันตรายกับดวงตาได้

นับว่าดอกข้าวใหม่เป็นกุลสตรี เพราะมันมียาง (อาย)


* ตั้งแต่ต้นข้าวใหม่สะพรั่งดอก ออกช่อเต็มต้น ฉันเด็ดมันมาเชยชมนับครั้งได้
แค่โน้มกิ่งมันลงมา และเอาหน้าไปแตะช่อดอกข้าวใหม่ใกล้ ฉันก็มีความสุขแล้ว


* ฉันเป็นคนไม่ชอบเด็ดดอกไม้ ( หมายถึงเด็ดดอกไม้จริงๆ ไม่ใช่สำนวนแจ่มแจ๋ว ที่หมายถึง ไปฉิ้งฉ่อง)
ไม่ใช่เพราะกลัวเด็ดดอกไม้ แล้วดวงดาวจะสะเทือน

แต่ฉันรู้สึกว่า

ความงามนั้น ชื่นชมได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ
เราชื่นชมดอกไม้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพรากมันมาจากต้น



เหมือนเวลาเรารักใครสักคน
ใครสักคน ที่เรารักในตัวตนของเขา

แค่เพียงลอบจุมพิตเขาแผ่วเบาด้วยสายตา
ก็รู้สึกราวกับว่า
เราได้สัมผัสเขาแล้ว
ทั้งหัวใจ




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 8:07:04 น.
Counter : 7948 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

Love At First Click
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




An ordinary woman who loves to write and who loves to know what love is.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Love At First Click's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.