My Old Girl...ผู้เฒ่าของฉัน...
โดย พรหมญาณี ปิดบล็อก ๓ วัน ไปทำอะไรมาบ้าง...??... แล้วทำไมต้องปิดบล็อก...??...นี่คงจะเป็นคำถามที่หลาย ๆ ท่านอยากจะทราบ ป้าก็เลยขอรายงานตัวเสียเลย เอาแบบย่อ ๆ..นะคะวันพฤหัสฯ ที่ ๓๐ ก.ค. รู้สึกไม่สบายกายเพราะคุณป่วนมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ และเกิดความไม่สบายใจตามมาอีก เมื่อได้รับทราบเรื่องบางเรื่องจากใครบางคน ก็คิด...คิด...คิด ด้วยเหตุและผล ปราศจากอารมณ์ใด ๆ มาเจือปน กลับไปอ่านบทความที่เคยเขียนไว้เอง เรื่อง พรหมวิหาร ๔ สุดท้ายก็วางได้ คือ อุเบกขา วันศุกร์ที่ ๓๑ ก.ค. เป็นวันเงินเดือนออก ตื่นเช้ามารู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณป่วนไม่ได้มาป้วนเปี้ยนอย่างเดียว ท่าทางจะย้ายนิวาสถานมาอยู่ด้วยอีกแล้ว อ่ะ..ไม่เป็นไร แข็งใจไปทำงานเพื่อจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องและเคลียร์งานที่ค้างอยู่ ตกตอนเย็นก็ไม่สามารถไปออกกำลังกายได้ตามปกติ ต้องกลับบ้านนอนซมไปทั้งคืน วันเสาร์ที่ ๑ ส.ค. ตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลีย สายหน่อยคุณป่วนก็กลับไป ทำให้เริ่มมีพละกำลังนำปัญหาที่คาใจอยู่ออกมาพิจารณา สุดท้ายจึงตัดสินใจปิดบล็อกชั่วคราว เพื่อให้เวลาตัวเองทบทวนสิ่งที่ผ่านมา วันอาทิตย์ที่ ๒ ส.ค. ตื่นแต่เช้า ชวนคุณลุงผู้สามี ไปรับ My Old Girl (คุณแม่อายุ ๘๕ ปี) และน้องกัลยาณมิตรอีก ๑ คน (น้องนก) ไปทัวร์จังหวัดอยุธยากัน ไปไหว้พระ ทำบุญ ปฏิบัติธรรม หาอาหารอร่อย ๆ ให้ My Old Girl หม่ำ ส่วนตัวเองทานกะเขาไม่ได้ เพราะทานมังสะวิรัติ ก็เลยอาศัยทานอาหารของตัวเองแต่ส่งจมูกยื่นยาวราวพีน๊อกชีโอ้ ไปดมอาหารของคนอื่น ได้รสชาดมากหลายสุดจะบรรยาย...อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้อง มีความสุขไปตาม ๆ กัน คนที่สุขมากที่สุดคือ My Old Girl วันจันทร์ที่ ๓ ส.ค. ตีห้าไปตลาด ซื้อดอกไม้ผลไม้และอาหารคาวหวานเพื่อนำมาถวายพระที่บริษัท ปฏิบัติธรรมกับผู้สามี อันเป็นกิจวัตรที่ต้องกระทำทุกวันจันทร์ก่อนเริ่มงานในวันแรกของสัปดาห์ กว่าจะได้ลงมาทำงานก็เป็นเวลา ๙ โมงกว่า แล้วก็เริ่มทำงานอันยุ่งเหยิงจนถึง ๕ โมงเย็น กลับบ้านมานั่งเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณ ๆ กำลังอ่านอยู่นี้ แต่ก็เขียนไม่จบ เพราะหมดมุข..เฮ้อ..ดึกมากแล้ว นอนดีกว่า...วันอังคารที่ ๔ ส.ค. คือวันนี้ เคลียร์งานเล็กน้อย แล้วก็มานั่งเขียนเรื่องต่อ วันนี้มุขเกิด ดังนั้น หากท่านอ่านแล้ว รู้สึกว่าวกไปวนมา ก็อย่าได้สงสัย ขอเรียนว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะวันนี้มุขกระฉุด สุดจะยับยั้งได้ ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย.... เป็นอันจบ Prommayanee Diary (อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็น Bridget Jones Diary นะคะ..ขอโบก ๆ) ส่วนสาเหตุของการปิดบล็อกชั่วคราวนั้น อย่าไปพูดถึงมันดีกว่า เพราะทุกอย่างได้ล่วงเลยผ่านไปหมดแล้ว สิ่งที่ผ่านไปจะดีหรือร้าย อยู่ที่ตัวเราหรือคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ จะมอง เป็นมุมมองของแต่ละคนที่ไม่อาจจะไปบังคับให้เป็นไปตามที่เราหรือเขาคนนั้นต้องการได้ เป็นมุมมองที่เป็นอิสระไม่ขึ้นไม่เกี่ยวกับใคร ขอให้ทราบกันเพียงแต่ว่า วันนี้ ปอ ป้า กลับมาเปิดบล็อกแล้ว วันวานที่หายไปไม่ได้ทุกข์แต่อย่างใด ถามว่าคิดไหม ตอบได้ทันทีว่าคิดค่ะ แต่คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดด้วยพรหมวิหาร ๔ คิดอย่างคนที่รู้ธรรม คิดอย่างศิษย์ตถาคต... เมื่อมีโอกาสได้พักไปเช่นนี้ ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ไม่ได้เขียนเรื่องราวธรรมะแบบชาวบ้านมานานหลายเดือนแล้ว ครั้งสุดท้ายเขียนเรื่องสติ สมาธิ เอาไว้เมื่อเดือนมกราคม นี่ก็เข้าเดือนสิงหาคมแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะบรรเลงได้แล้ว โอเค..เรามาคุยกันเรื่องธรรมะแบบชาวบ้านดีกว่า...ค่ะวันนี้ขอนำเสนอด้วยเรื่อง My Old Girl...แปลแบบภาษาพรหมญาณี ว่า...ผู้เฒ่าของฉัน... การเขียนเรื่อง My old girl ในช่วงระยะเวลานี้ ถือเป็นการอินเทรนโดยมิได้ตั้งใจ เนื่องจากอีกไมกี่วันก็จะถึง วันแม่ คือวันที่ ๑๒ สิงหาคม นับว่าเป็นสิ่งที่ดีในการที่จะมาพูดคุยกันถึง แม่ ของเรา การใช้สรรพนามเรียกคุณแม่ที่เคารพรักยิ่งของฉันว่า My old girl หรือ ผู้เฒ่า ไม่ได้เป็นการลบหลู่ท่านแต่อย่างใด แต่นี่เป็นคำที่ลูก ๆ ของท่านเรียกท่านมานานแล้ว ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พ่อ-แม่ เป็นทั้งผู้ให้กำเนิด เป็นเพื่อน เป็นพี่ บางทีก็แปลงร่าง กลายมาเป็นลูกน้องของลูก ๆ นับได้ว่าพ่อแม่ของฉัน เป็นมนุษย์รุ่นเอนกประสงค์ของลูก ๆ แต่สิ่งเดียวที่พวกเราไม่ยอมให้ท่านทั้งสองเป็น ก็คือ เป็นคนรับใช้ของพวกเรา... ผู้เฒ่าของฉันเป็น single คือเป็นโสด เพราะสามีของท่าน หรืออีกนัยหนึ่ง My Old Man พระบิดา ของฉันเสด็จกลับบ้านเก่าไปนานร่วม ๓๐ ปีแล้ว ด้วยเหตุนี้ผู้เฒ่าของฉันก็เลยเป็นโสดไปโดยปริยาย เวลานี้ผู้เฒ่าของฉันมีอายุครบ ๘๕ ปีบริบูรณ์ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง แต่อย่าคิดว่าผู้เฒ่าของฉันจะมีสังขารลุกก็โอย นั่งก็โอย เหมือนผู้ชราทั่ว ๆ ไปนะ ผู้เฒ่าของฉันเดินตัวตรงแหน๊ว เดินขึ้นบันไดตึก ๔ ชั้นได้โดยไม่ต้องแวะพักหายใจระรัวเหมือนฉันหรือคนอื่น ๆ ท่านมักจะแหย่ฉันและเพื่อน ๆ เสมอ ว่า แม่ ๘๕ ยังเดินเก่งกว่าพวกเธอ อีกหน่อยพวกเธอมีอายุเท่าแม่ มิต้องคลานไปหรือจ๊ะ พวกเราก็จะย้อนท่านทันทีว่า โอ๊ย..ใครว่าพวกเราจะอยู่ถึงปูนนั้น พูดเสร็จก็ต้องรีบหุบปากทันที เพราะดันไปสะกิดต่อมหัวใจน้อย ๆ ของท่านอย่างจัง เหตุเพราะหลายครั้งทีท่านบ่นว่า เมื่อไรจะตายเสียที เบื่อเหลือเกินกับการมีอายุยืนยาวอย่างนี้ อ่ะ..อย่างนี้แหละที่เขาเรียกกันว่า อัพยากตกรรม หรือกรรมที่เป็นกลาง ๆ เป็นการกระทำที่ไม่อาจจัดได้ว่าดีหรือชั่ว แต่ก็ยังถือว่าเป็น กรรม อยู่นั่นเอง จากเรื่องราวการต่อปากต่อคำของลูกที่รักเคารพท่าน โดยไม่มีเจตนาให้ท่านแสลงใจ แต่สุดท้ายก็ถือเป็น กรรม อย่างหนึ่งตามวิถีแห่งพุทธศาสนา จะเห็นได้ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการบังคับตัวเอง ตามคำกล่าวของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ฉันเคยอ่านบทธรรมะของท่านนานมาแล้ว ท่านกล่าวไว้ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการบังคับตัวเอง มิใช่ศาสนา แห่งการอ้อนวอนพระเป็นเจ้าผู้มีอำนาจ หรือ เป็นศาสนาแห่งการแลกเปลี่ยนทำนองการค้าขาย ทำบุญทำทานแลกนางฟ้าในสวรรค์ หรือ อะไรทำนองนี้แต่ประการใดเลย และเพราะความที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการบังคับตัวเอง โดยมีเหตุผลเพียงพอแก่ตนเอง จึงได้ชื่อว่าเป็น "ศาสนาแห่งเหตุผล" ด้วย..... ....โดยนัยนี้จะเห็นได้ว่า พุทธศาสนาคือศาสนาแห่งการบังคับตัวเอง ถ้าหมายถึงคำสอน ก็คือคำสอนแห่งการบังคับตัวเอง ถ้าหมายถึงการทำหรือการปฎิบัติ ก็คือการกระทำการบังคับตัวเอง และเมื่อหมายถึงผลสุดท้ายคือปฏิเวธ ก็คือซึมซาบรสแห่งผลของการบังคับตัวเอง อันเดียวกันนั่นเอง เมื่อเรียนหรือเมื่อทำ หรือเมื่อได้รับผลของการทำ ก็มีเหตุพร้อมพอที่จะให้ตนเชื่อถือมั่นใจตนเองได้ โดยไม่ต้องเชื่อตามคำผู้อื่น จึงเป็นการบังคับตัวเองอย่างมีเหตุผลของตนเอง โดยตนเอง เพื่อตัวเอง อย่างที่เป็นอันแน่ใจได้ว่า ไม่เป็นศาสนาแห่งความโง่เขลา ถึงกับต้องการล่อหลอก หรือ ขู่เข็ญ อย่างใดแม้แต่น้อย ลัทธิศาสนาบางลัทธิ หวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นจนไร้หลักแห่งการช่วยตนเอง ไฉนจะมีการบังคับตัวเอง บางลัทธิมีการบังคับตัวเองแต่ไร้เหตุผล เพราะเป็นเพียงการนึกเอาอย่างตื้นๆ หรือเป็นการเดา จึงเลยเถิดเป็น อัตตกิลมถานุโยค ไปก็มี ที่อ่อนแอเอาแต่ความสนุกสบายกลายเป็นอย่างที่เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค ก็มี จึงแปลกกับพุทธศาสนา ซึ่งมีหลักการบังคับตัวเองอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ชัดเจน มั่นคง ปรากฏเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ อัฏฐังคิกมรรค และมีเหตุผลพร้อมอยู่เสมอ เป็นอันกล่าวได้ว่า พุทธศาสนา คือ ศาสนาแห่งการบังคับตัวเอง ชนะตัวเอง เชื่อตัวเอง พึ่งตัวเอง ฯลฯ โดยแท้... ถ้าพูดกันเป็นภาษาชาวบ้านทั่วไป ก็น่าจะกล่าวได้ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการบังคับตัวเองให้อยู่ในศีล ในธรรม มีสติรู้อยู่กับตัวตลอดเวลา จากเรื่องราวที่ลูกหยอกล้อเล่นกับผู้เป็นแม่เช่นนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า ณ เวลานั้น เกิดการเผลอสติ พูดเอาสนุก พูดเอามัน ถ้าหากผู้เป็นลูกมีสติรู้อยู่กับตัวตลอดเวลา ย่อมจะต้องไม่พูดสิ่งที่กระทบกระเทือนใจผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าเช่นนั้น ในความเป็นแม่แล้วไซร้ แน่นอนท่านมิได้โกรธลูกหรอก เพราะรู้อยู่ว่าลูกพูดหยอกล้อท่าน แต่คนที่เป็นลูกสิ พูดไปแล้วมานึกได้ภายหลังว่าได้พูดจี้จุดอ่อนของท่านไปแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงเมื่อเวลาผ่านไป ผู้เป็นแม่อาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วก็ได้ แต่คนเป็นลูกที่ได้รับการบ่มเลี้ยงมาอย่างดียังคงมีความไม่สบายใจอยู่ภายในใจของตัวเอง ดังคำที่ว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ กลับมาพูดถึง My old girl กันต่อ... ทุกวันนี้ฉันมีความสุขกับการที่ได้พาผู้เฒ่าของฉันไปปฏิบัติธรรม ไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญตามศาสนสถานต่าง ๆ เท่าที่จะมีกำลังพาท่านไปได้ ผู้เฒ่าของฉันเป็นคนใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ตั้งแต่ฉันจำความได้ ก็จะเห็นผู้เฒ่าของฉันใส่บาตรทุกวัน แต่ท่านไม่เคยไปนอนวัด ถือศีลปฏิบัติธรรม ท่านให้เหตุผลว่า ไม่อยากทำให้ตัวเองลำบากมากไปกว่านี้ ผิดกับตัวฉันที่นอนวัด กินข้าววัด เรียนที่วัด เป็นเด็กวัดตั้งแต่อายุได้ ๕-๖ ปี เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในบ้าน (เพราะมีแต่พี่ชายอีก ๓ หน่อ) ที่ตื้อพระเก่งเป็นที่สุด ตื้อขอข้าวพระกิน ตื้อให้พระสอนธรรมะวิปัสสนา ตื้อให้พระสอนหนังสือทั้งบาลีและภาษาอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่ที่บ้านก็มีอาหารอันโอชะให้รับประทานไม่ได้ขาดปาก มีโรงเรียนให้เรียนหนังสือ มีบ้านที่อบอุ่นให้อยู่ แต่ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทำไมถึงชอบอยู่วัด สมัยเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว เขาไม่ให้ผู้หญิงขึ้นกุฏิพระ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แม้กระทั่งโยมแม่ก็ไม่ได้ หากมีเพศหญิงมาหาพระ ต้องมาเวลาแจ้ง (คนโบราณเรียกเวลากลางวันว่า แจ้ง ) ถ้าพลบหรือค่ำแล้วห้ามเด็ดขาดไม่ให้มาหาพระ และเมื่อมาหาแล้วต้องรออยู่ข้างล่าง ห้ามขึ้นกุฏิ พระท่านจะลงมาพบเอง แล้วเวลาท่านลงมาก็จะหนีบเอาพระเพื่อน หรือลูกศิษย์ มานั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพื่อกันข้อครหา ยกเว้นหญิงที่เป็นแม่ไม่ต้องมีคนมานั่งเป็นพยานปากเอก แต่ส่วนใหญ่แล้ว เท่าที่จำได้ ถึงแม้จะเป็นแม่ไปเยี่ยมพระลูก หรือญาติที่เป็นผู้หญิงก็ตาม มักจะพกพาคนอื่น ๆ ไปเป็นเพื่อนด้วย แทบจะไม่เคยเห็นที่ว่าจะมาแบบเดี่ยว ๆ ใจถึงเหมือนสาว ๆ สมัยนี้ เมื่อท่านผู้เฒ่าของฉันต้องผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากมาย ประกอบกับเห็นฉันผู้เป็นลูกปฏิบัติธรรม ทำงานรับใช้พระศาสนามาตลอดชั่วชีวิตมิได้ขาด ทำไปก็พยายามชักชวนท่านให้หันมาปฏิบัติธรรมเพื่อความสงบสุขในชีวิตบั้นปลาย กว่าจะเชิญชวนสำเร็จก็ล่วงเอาอายุขัยของท่านได้ ๘๔ ปีแล้ว นับแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ฉันจึงเริ่มพาท่านไปปฏิบัติธรรม สอนท่านสวดมนต์ ถือศีล สลับกับการพาท่านออกไปเที่ยวตามศาสนสถานต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เท่าที่เวลาและสังขารของทั้งท่านผู้เฒ่าและของตัวฉันเองจะเอื้ออำนวย เนื่องจากตัวฉันเองก็มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก ยามที่เห็นท่านนั่งสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม รับประทานอาหารที่ฉันจัดหาพาไปทานได้ ฉันก็มีความสุข เกิดปิติยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ฉันทำเพราะฉันรักท่าน ปรารถนาที่จะเห็นท่านละสังขารไปได้อย่างสง่างาม เป็นสิ่งที่ฉันได้ใช้ความพยายามมากว่าค่อนชีวิต เป็นความสำเร็จที่ฉันนึกถึงเมื่อใดก็สุขใจ อิ่มเอิบใจทุกครั้ง ฉันเป็นแค่เพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีธรรมะประจำตัวประจำใจเท่านั้น มิได้เป็นคนมีชื่อเสียงร่ำรวยแต่อย่างใด แต่ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้า สามารถดลบันดาลให้ชีวิตของฉันสงบและมีความสุขได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ชีวิตของฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายจนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัยในวันนี้ มีทั้งทุกข์และสุข สำเร็จและล้มเหลว แต่ไม่ว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์ ฉันก็มีธรรมะของพระองค์เป็นเพื่อนเดินทางที่ซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต ฉันจึงอยากจะนำ ธรรมะของพระองค์มาบอกแก่ทุกท่านว่า อย่าเพียงแต่เดินเฉียดธรรมะไปเลย จงหันกลับมาศึกษาและพิจารณาข้อธรรมต่าง ๆ แล้วท่านจะพบว่า ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นโอสถอย่างดีสำหรับการดำรงชีวิตของท่าน เหมือนที่ฉันได้ประจักษ์ด้วยตนเองมาแล้ว ฉันจึงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบสิ่งที่ดีอันมีค่ายิ่งใหญ่เกินกว่าจะตีราคาได้นั่น มอบให้กับคนที่ฉันรักทุกคน แน่นอนว่าคนแรกที่ฉันนึกถึง คือ My Old Girl ... ผู้เฒ่าของฉัน... อยากบอกกับทุกท่านว่า การเสียสละเวลาของท่านหันมาเอาใจใส่ผู้เฒ่าของท่าน พาผู้เฒ่าของท่านออกไปดูโลกภายนอก หาอาหารอร่อย ๆ ให้รับประทาน ดูแลทุกข์สุขผู้เฒ่าบ้าง มันไม่ได้หมายความว่า ท่านจะต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าของท่านไปหมดทั้งชีวิตหรอก เจียดเวลาสักเล็กน้อย สัปดาห์ละครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ยังดี ทำให้เป็นกิจนิสัย สละเวลาเพียงหนึ่งวัน อยู่กับผู้เฒ่าของท่าน พูดคุยกับผู้เฒ่า เพียงเท่านี้ ก็ถือเป็นความกตัญญูอันยิ่งใหญ่แล้ว เชื่อเถิดว่าในบั้นปลายของชีวิตผู้เฒ่าทั้งหลาย มิได้ปรารถนาเงินทองหรือสิ่งของใด ๆ จากท่านหรอก สิ่งที่ผู้เฒ่าต้องการ คือความรัก ความเอาใจใส่ที่พวกท่านมีให้กับผู้เฒ่าของท่าน ได้เห็นกับตาตัวเองว่าผู้เฒ่าของท่านสามารถทานอาหารที่ท่านจัดหาหรือพาไปทานได้ ดีกว่าการที่ท่านใส่บาตรทำบุญฝากพระสงฆ์ไปให้ผู้เฒ่ายามที่ผู้เฒ่าได้จากโลกนี้ไปแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ท่านแน่ใจหรือว่า สิ่งที่ท่านทำบุญฝากไปให้ผู้เฒ่านั้น จะถึงมือผู้เฒ่าทุกอย่าง และท่านแน่ใจหรือว่า อาหารที่ท่านทำบุญไปให้ผู้เฒ่านั้น ผู้เฒ่าของท่านสามารถรับประทานได้ ท่านเห็นหรือ..??.. แสดงความรักต่อผู้เฒ่าของท่านได้ทุกวันทุกเวลานาที ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันพ่อวันแม่หรอกนะ My Old Girl ... ผู้เฒ่าของฉัน ... ขอกราบเท้าขอบพระคุณ My Old Girl ... ผู้เฒ่าของฉัน ... ที่ทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ ขอบคุณไลน์สวย จาก ญามี่ เพลง แผ่เมตตา
Create Date : 04 สิงหาคม 2552
Last Update : 19 มีนาคม 2558 16:07:37 น.
99 comments
Counter : 4981 Pageviews.
โดย: satineesh วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:07:21 น.
โดย: พธู วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:24:46 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:29:04 น.
โดย: Nudao or Daoja (satineesh ) วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:34:12 น.
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:54:03 น.
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:14:09:24 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:14:12:39 น.
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆ ค่ะ (satineesh ) วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:17:27:17 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:19:56:38 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:20:01:53 น.
โดย: busabap วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:21:26:59 น.
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:23:48:00 น.
โดย: อาลีอา วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:3:49:16 น.
โดย: tanjira วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:6:35:13 น.
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:7:16:12 น.
โดย: I_sabai วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:7:27:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:7:31:33 น.
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:8:05:11 น.
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:8:36:36 น.
โดย: maew_kk วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:8:49:03 น.
โดย: นู๋แอนแสนเก๋ (cbreeze21 ) วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:8:57:54 น.
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:10:57:49 น.
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:10:59:01 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:11:42:03 น.
โดย: นะ...โมเม วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:11:59:33 น.
โดย: นะ...โมเม วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:12:02:56 น.
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:12:47:59 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:12:50:31 น.
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:13:57:05 น.
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆ ค่ะ (satineesh ) วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:18:39:56 น.
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆค่ะ (satineesh ) วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:18:41:56 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:19:51:44 น.
โดย: busabap วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:22:33 น.
โดย: คนชุมแสง วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:31:27 น.
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:22:03:32 น.
โดย: y@mie วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:22:03:52 น.
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:2:06:15 น.
โดย: Nudao or Daoja (satineesh ) วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:7:16:05 น.
โดย: อาลีอา วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:8:09:10 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:8:16:12 น.
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:10:25:21 น.
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:11:02:20 น.
โดย: mastana วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:12:47:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:13:06:29 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:13:47:04 น.
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:16:01:27 น.
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:17:40:55 น.
โดย: นุ๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:19:01:18 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:19:14:58 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:7:32:39 น.
โดย: I_sabai วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:8:14:04 น.
โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:10:48:38 น.
โดย: tanjira วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:11:16:29 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:11:47:22 น.
โดย: busabap วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:12:47:55 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:12:59:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:14:13:14 น.
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:14:54:19 น.
โดย: พธู วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:16:36:03 น.
โดย: tanjira วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:20:18:33 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:43:48 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:23:21:40 น.
โดย: mastana วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:23:53:40 น.
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:3:13:13 น.
โดย: ญามี่ วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:4:01:17 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:9:50:05 น.
โดย: mastana วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:9:58:48 น.
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:10:32:45 น.
โดย: maew_kk วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:11:36:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:12:23:11 น.
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:19:25:43 น.
โดย: tanjira วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:19:46:41 น.
โดย: mastana วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:0:17:31 น.
โดย: ญามี่ วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:0:57:34 น.
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆ ค่ะ (satineesh ) วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:6:39:32 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:7:58:06 น.
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:8:44:11 น.
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:9:20:09 น.
โดย: นู๋แอนแสนเก๋ (cbreeze21 ) วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:11:36:56 น.
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:13:35:34 น.
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:16:26:42 น.
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆ ค่ะ (satineesh ) วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:19:11:19 น.
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
นู๋ดาว
นู๋ดาวนู๋ดาว
นู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาว
นู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาว
นู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาว
นู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาวนู๋ดาว
นู๋ดาวคนซน ขอเจิมบล็อก ..ปอป้า พรหมญาณี ค่ะ