ว้าวๆๆๆ นี่เราเดินมาไกลขนาดนี้กันแล้วเหรอเนี่ย
จริงๆโจทย์นี้ก็ไม่ยากนะ แต่ๆๆๆ สำหรับท่านหญิงฯแล้ว ไม่มีเรื่องราวน่าจดจำอะไร
ที่น่าจะนำมาเขียนได้เลยแฮะ เพราะการดำเนินชีวิตของเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย(มาก)
ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำๆกันทุกๆวัน เหมือนเข็มนาฬิกา ที่เดินติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก
ไปตามหน้าที่ผ่านเลขหนึ่งไปเลขสอง สามสี่ห้า หมุนวนไปเช่นนั้น ซ้ำๆ ทุกๆวัน
อาจจะมีหยุดเดินบ้าง ก็เมื่อเวลาถ่านหมด ต้องเปลี่ยนถ่านใหม่เหมือนชีวิตเรา
ที่มีการเปลี่ยนแปลงย้ายบ้าน ย้ายงานบ้าง แต่เมือทุกอย่างลงตัว เข้าที่เข้าทาง เราก็จะกลับมาเดินติ๊กต๊อกติ๊กต๊อก อย่างนาฬิกา...อีกครั้ง
เคยมีคนถามว่า"ไม่เบื่อเหรอ ที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ ไม่เที่ยว ไม่ช้อปปิ้ง ไม่ทำอะไรเลย นอกจากการดำเนินชีวิตปกติเช่นนี้" อยากจะบอกว่า เบื่อ!!!!!!
(เบื่อตอนมีคนถามนี่แหล่ะ)
เราก็มีความสุขกับชีวิตปกติของเราดีๆอยู่ พอมีคนทักเท่านั้นแหล่ะ คิดได้เลยว่า
เรานี่ผิดปกติหรือ??เราไม่มีความสุขหรือ?? เราควรทำอย่างนั้นอย่างนี้หรือ???
ถ้าจะให้คิดทบทวนว่าในปี 2014 ที่ผ่านมานี้มีเหตการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างอ่ะนะ
อืม.......
ก็น่าจะเป็นตอนที่แม่เราต้องเข้าโรงพยาบาลตอนต้นๆปี เพื่อผ่าตัดหมอนรองกระดูก
ทับเส้น เป็นประสบการณ์ครั้งแรก ที่ต้องไปนอนเฝ้าคนป่วยที่โรงพยาบาล ช่วงนั้นลูกชายคนเล็กกำลังสอบเข้าเรียนต่อ หลังจบมอสามด้วย เลยต้องวิ่งรอก ดูทั้งแม่ทั้งลูกเลย ดีที่พ่อเรายังแข็งแรง มาช่วยเปลี่ยนเวรกันดูแล ก็เลยผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
ผ่านเรื่องแม่ก็มาเรื่องลูก ลูกชายคนเล็กตัดสินใจเรียนต่อสายช่าง
ที่วิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัดเราผู้เป็นแม่ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหน
(เพราะมีข่าวเด็กช่างตีกันบ่อยๆ)
ก็ยอมตามใจให้เขาเรียนในสิ่งที่ชอบ ให้เขาได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังเหมือนเรา ที่ตอนนู๊นนน
ไม่เข้มแข็ง เลือกเรียนในสิ่งที่อยากเรียน จนต้องมาเสียใจ(เล็กๆ)ในตอนนี้
ผ่านเรื่องคนเล็กก็มาคนโต คนนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว เขาเลือกต่อป.ตรี
ที่ม.ราชภัฎประจำจังหวัดในสาขาที่เขาชอบและถนัด ไม่ยอมไปแอดมิชชั่น
แกะแพะอะไรทั้งสิ้น เขาบอกว่ากลัวสอบติดจุฬา!!!!!
เดี๋ยวแม่ไม่มีตังส์ส่งเรียนน่ะ ฮ่าๆ ก็แซวเล่นกันขำๆกันไป ประสาแม่ลูก
เรากับลูกๆสนิทกันมาก ก็เรามีกันแค่นี้อ่ะนะ คุยเล่นหัวยิงมุกกันตลอด นี่ว่าจะตั้งคณะตลกละ คริคริเลี้ยงลูกวัยรุ่นก็เลยต้องทำตัววัยรุ่น เกรียนๆไปกะเขา มันเลยติดเป็นนิสัย เวลาเขียนบล็อกหรือคอมเม้น ก็มักจะใช้ภาษาวัยรุ่น
แอ๊บแบ๊ว คิกขุอาโนเนะ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง สุดติ่งกระดิ่งแมว หุหุ อุอิ คริคริ...
......พอเหอะ.....
จากต้นปีข้ามมาปลายปีเลยละกัน ไม่มีอะไรสำคัญ ใช้ชีวิตปกติเช่นเดิม
ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก เดินตามเวลาเหมือนเข็มนาฬิกา...
จู่ๆเราก็เริ่มรู้สึกกลัวว่าจะเป็นโรคความจำเสื่อม อัลไซเมอร์
สมองเลอะเลือน จำอะไรไม่ได้ขึ้นมาจะทำไง
เลยปิ๊งไอเดียเขียนบันทึกดีกว่า แต่จะเขียนลงสมุดก็ขี้เกียจ ประกอบกับลายมือ
เป็นไก่ช่วยกันเขี่ยนานไปแล้วอาจจะอ่านลายมือตัวเองไม่ออก
อย่ากระนั้นเลย เขียนลงบล็อกดีกว่า ได้แชร์ให้เพื่อนๆ
อ่านด้วย ถือโอกาส ปัดกวาดบล็อกซะหน่อยร้างมานานละ
นอกจากเขียนบล็อกไดอารี่แล้ว ก็ยังได้กลับมาร่วมงานเขียนตะพาบอีกครั้ง
หลังจากผลุบๆโผล่ๆ เขียนบ้างไม่เขียนบ้างมาพักนึง ก็จะพยายามเข้ามาเขียนให้ได้ทุกครั้งอ่ะนะ
ถึงแม้ว่าบล็อกจะเงียบเหงาไปมาก อย่างน้อยๆเราก็คิดว่าเขียนเก็บไว้อ่านเอง(ก็ได้)
เผื่อปีหน้าปีนู๊นนน...ได้ย้อนกลับมาอ่านจะได้จำเรื่องราวที่ผ่านๆมาได้อ่ะนะ แก่แล้วความจำเริ่มเลอะเลือน เข้าไปทุกวันๆ
เคยมีคนถามว่า"เมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร??" เรายังนึกไม่ออกเลย (ฮ่า)
แต่ไม่เข้าใจนะว่า....คุณมะรึงจะถามทำไม อยากรู้อะไรนักหนา(ว๊ะ)
อ่า.....จบๆๆๆๆ จบดีฝ่านะ บ่นไรเยอะแยะมากมายนะป้าเนี่ย หุหุ งานเขียนวันนี้จะเรียกว่าอะไรดีนะงานเขียน บทประพันธ์ เรื่องสั้น บทความ ไดอารี่ ไม่ใช่ๆๆๆๆ เรียกว่าบ่นไปวันๆดีกว่านะ คริคริ
จบจริงๆละจ้ะ
จุ๊บๆ
ท่านหญิงน่าเกลียด
ที่จริงเขียนเรื่องลงบล็อกก็คล้ายกับบันทึกไดอะรี่นะ แค่ว่าออกสู่สาธารณชน 555
ขอบคุณด้วยค่าที่ชอบภาพถ่าย