|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฝ่าฝันด้วยความดี 2
ฝ่าฝันด้วยความดี 2
ในยุคแรกเวลาพระสงฆ์ ออกบิณฑบาต ท่าทางเวลาบิณฑบาต ก็คือ เดินไปแล้วยืนสงบนิ่งหน้าบ้านรอ แล้วคนอินเดียในยุคนั้นก็จะให้อาหารแก่ผู้ที่ผ่านมาเป็นธรรมดา แล้วเมื่อได้อาหารพอฉันแล้ว พระจะหาที่นั่งลง แล้วฉันเลย ไม่ได้เดินกลับไปฉันที่วัดแบบสมัยนี้
เพราะพระยุคแรกไม่ได้อยู่วัด แต่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ตามป่า และทำสมาธิใต้ต้นไม้ ทำให้ย่านึกถึงคำพูดที่ว่า "พระดีไม่มีวัด วัดดีไม่มีพระ" สมัยนี้วัดบางแห่งสร้างใหญ่โตราวกับวัง แล้วก็ทำธุระกิจในทุกรูปแบบ เช่น ใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ ทำพระพุทธรูปให้เช่า ฯลฯ แต่หามีพระไม่!!!
การฉันนั้นจะใช้แค่ 3นิ้ว คือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง เท่านั้น เพื่อให้เรียบร้อย ( คนอินเดียตั้งแต่โบราณจนถึงทุกวันนี้ จะเปิปด้วยมือใช้ทั้ง 5นิ้ว ซึ้งดูมูมมามไม่เรียบร้อย พระพุทธองค์จึงให้พระใช้แค่3นิ้ว ) เมื่อฉันเสร็จก็จะล้างบาตรทันที และไม่สะสมอาหารใดๆทั้งสิ้น จะไม่มีการรับบาตร เกินกว่าที่จะฉันได้ หรือรับไปเรื่อยๆ (และมากมายเหมือนสมัยนี้)
ด้วยวัตรปฎิบัติที่เรียบร้อย สำรวม สงบสุข และเยือกเย็น (โปรดจินตนาการตามด้วย แล้วท่านจะเข้าใจว่าทำไมย่าถึงกลุ้มใจกับพระในปัจจุบัน ) ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต่างพากันเลื่อมใส พระอัครสาวกเบื้องซ้ายขวา คือ พระสารีบุตรและ โมคคัลลานะ ก็ล้วนมานับถือ ศาสนาพุทธ ด้วยเหตุแห่งความเลื่อมใสในวัตรปฎิบัติของพระ...
พระสารีบุตร และโมคคัลลานะ เป็นเพื่อนรักกันมาก และสัญญากันว่า ถ้า คนใดได้เจอศาสนาที่ดี่ที่สุดจะรีบมาบอกอีกฝ่ายหนึ่ง วันหนึ่งท่านได้มาพบ พระอัสสชิ ออกเดินบิณฑบาต แล้วก็เกิดเลื่อมใส(สมัยนี้เขาเรียกว่า เห็นแล้ว" ปิ๊ง" อิอิ ) ในท่าเดินที่นิ่งสงบ จึงออกเดินตามแล้วก็เฝ้าดูกิริยาท่าทางของท่าน จนกระทั่งท่านฉันเสร็จ ก็จะเข้าไปซักถามว่า มาจากสำนักใด พระศาสดาคือใคร และ สอนอะไร
พระอัสสชิ ได้ตอบ แล้วพาไปหาพระพุทธองค์ หลังจากฟังธรรมแล้ว พระสารีบุตร ไปบอกเพื่อนคือพระโมคคัลลานะ(ในเวลาต่อมา) ให้มาบวชด้วยกัน และ รับใช้พระพุทธศาสนาอย่างดีเยี่ยมตลอดมา
มีคนสงสัยว่า แล้วทำไมพระพุทธองค์ จึงไม่ทรงให้ พระปัจจวัคคีย์ ทั้ง5 เป็น ผู้ช่วยละ คำตอบก็คือ พระปัจจวัคคีย์ ตอนนั้น แต่ละท่านแก่ชราภาพมากแล้ว (ปัจจวัคคีย์ อายุมากกว่าพระพุทธเจ้าหลายปีอะค่ะเรียกว่า เป็นรุ่นพ่อ ) คงไม่เหมาะกับงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ตัองเดินทางจาริกไปเรื่อยๆ
ในสมัยโน้น จีวร พระจะมาจากเศษผ้าที่ห่อศพ นำมาซักล้างและนุ่งห่ม แล้ว ถ้าพระไปเจอผ้าที่ทิ้งอยู่ ถ้าพระจะเอาไปใช้ จะต้องเปล่งวาจาถามว่า สิ่งนี้มีเจ้าของหรือไม่ 3ครั้ง ถ้าไม่มีคนแสดงตัวเป็นเจ้าของ ก็อนุญาตให้นำไปใช้ได้ ( อิอิ ย่าเคยทำแบบนี้ในบ้าน โดยพูดว่า พิซซ่านี้มีเจ้าของไม๊ แค่คำแรก ก็มีคนตอบมาทันทีว่า เดี๋ยวจะกินแล้ว!! เด็กบ้านนี้ ร้ายกาจ!! เขาจำเรื่องที่ย่าเล่าให้เขาฟังได้ เขาเลยรู้ทันมุขทุกที!!)
และเมื่อมีคนศรัทธาพระมากขึ้น บางคนอยากจะมอบผ้าดีๆให้พระใช้ ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าพระรับของไม่ได้เลย จึงต้องมีการใช้อุบาย เอาผ้าไปวางไว้ตามต้นไม้ ตามทางที่รู้ว่าพระ องค์ดังกล่าวจะผ่านมา เมื่อพระเปล่งวาจา3ครั้งก็ไม่มีใครตอบ พระก็นำผ้าไปใช้ได้
นี้เอง เป็นที่มาว่า ทำไมเวลาเราทำบุญผ้าป่า เราจะเห็นมีกิ่งไม้แห้งๆ ปักในกระถาง แล้วตกแต่งด้วย ผ้าที่พับ เป็นรุปลิงห้อยโหนอยู่ (สมัยนี้แถมแบงค์ ด้วย อิอิ) มันก็เป็นการจำลอง ป่าและต้นไม้ในป่า นั่นเอง !! แล้วก็มีผ้า(สมัยนี้เป็นแบงค์) ก็คือสิ่งที่ญาติโยมจะถวายให้พระเอาไปใช้นั่นเอง ...
เรื่องนี้ก็เล่าจากความทรงจำ เลยบอกไม่ได้ว่าฟังมาจากที่ไหนกันบ้าง และถ้ามีสิ่งใดผิดพลาดก็ช่วยบอกกันบ้าง(เพราะฟังมานานมากแล้ว) จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง...
ย่าชอบเล่า
ปล โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ ยิ่งเล่าชักสนุก ใครว่าวิชาพุทธศาสนาน่าเบื่อน้า..
这也过去 this too will pass แล้วมันก็จะผ่านพ้นไป
*********************
Create Date : 04 ตุลาคม 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2563 18:35:41 น. |
Counter : 343 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ย่าเอง (ย่าชอบเล่า ) 7 ตุลาคม 2551 23:32:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida IP: 58.137.122.234 8 ตุลาคม 2551 8:30:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ย่าจ๊ะ (ย่าชอบเล่า ) 8 ตุลาคม 2551 8:59:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: กัญจนา 8 ตุลาคม 2551 9:11:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: พญากุ๋น (กะว่าก๋า ) 8 ตุลาคม 2551 11:27:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมุตัวน้อย (mr.pure.fon ) 10 ตุลาคม 2551 14:21:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 19 ตุลาคม 2551 15:20:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
ได้ฟังสิ่งดีๆ แล้วมีความสุข จึงอยากแบ่งปัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป แต่ขอให้เราจำไว้เสมอว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ไม่ว่าทุกข์ หรือสุข
อย่าสิ้นหวังยามความทุกข์เข้ามาหาเรา และอย่าประมาทเมื่อเราอยู่ในเวลาแห่งความสุข
"อย่าดีใจมาก อย่าเสียใจนาน" เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง
ย่าชอบเล่า
|
|
|
|
|
|
|
|
ชอบมุขพิซซ่าของย่าจัง คราวหลังย่าเปล่งวาจาเบาๆนะ ฮ่าๆๆ
ป.ล. หนูก็ชอบเรียนวิชาพระพุทธศาสนาน้าย่า เคยเอาแมลงสาบปลอมไปหนีบไว้ตรงไมค์ครูด้วย (บาปมั้ยง่า)