Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
13 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

ฉันยอมให้เธอไป





ฉันยอมให้เธอจากไป..


มีคู่สามีภรรยาอายุยังน้อย ราว30กว่าๆ สามีป่วยเป็นมะเร็งอยู่ในระยะสุดท้าย พระอาจารย์ได้ไปเยี่ยมและเมื่อเห็นสภาพอันเพียบหนักของสามี ท่านได้พูดกับ ผู้เป็นภรรยาว่า “คุณบอกเขาหรือยัง ว่าคุณอนุญาตให้เขาตายได้?”

ภาพที่เห็นก็คือ ภรรยากระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ โอบร่างของสามีที่ซูบผอม และสิ้นเรี่ยวแรงไว้ในอ้อมกอด น้ำตาไหลพราก.. แล้วพูดว่า “ที่รัก ฉันรักคุณมาก และจะรักคุณตลอดไป!! ฉันอนุญาตให้คุณตาย คุณไปได้ ไปพร้อมกับความรักของฉัน!! ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว” เธอกอดและจูบเขา.... วันรุ่งขึ้น สามีตาย!!!


**************


เราทุกคนก็หนีไม่พ้นสิ่งนี้ วันหนึ่งเราต้องเห็นคนที่เรารักจากไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา พี่น้อง หรือแม้แต่ ลูกของเรา!!!! วันหนึ่งเราต้องปล่อยให้เขาไป เมื่อเวลาของเขาสิ้นสุดลง เราไม่สามารถดึงรั้งเขาไว้ไม่ว่าเราจะรักเขามากเพียงใด!!


วิธีคิดที่จะไม่ทำให้เราทุกข์มากนักกับความตายของคนอันเป็นที่รัก คือ ให้เข้าใจความจริงว่า ความตายเป็นธรรมชาติของชีวิต เมื่อเราเกิด แน่นอนความตายรอเราอยู่!! มันไม่ได้เกิดกับเราเท่านั้น ทุกๆคนต้องได้เจอ เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไรหรือใครจะไปก่อน?


มองหาสิ่งดีๆ คิดให้เป็นบวก คิดยังไง? บางคนถาม ใครจะคิดได้ !!! เช็ดน้ำตามากมายที่ไหลรินออกมา แล้วทำให้ดวงตาเราพร่ามัวออกซะ..แล้วเราจะมองเห็นว่า....


ในทางพุทธศาสนา ความตายไม่ใช่จุดจบของชีวิต มันแค่เป็นการสิ้นสุดของร่างกายนี้เท่านั้น ภพชาติใหม่รอเราอยู่ ถ้าคนที่ตายเป็นพ่อแม่ ผู้สูงวัย สังขารของท่านก็ร่วงโรย แล้วเราจะไม่อยากให้ท่านได้มีชีวิตใหม่ ร่างใหม่ที่เป็นหนุ่มสาว มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขกับร่างกายใหม่อีกครั้งหรือ?


หรือถ้าผู้เป็นที่รักของเรา กำลังเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพราะอาการป่วย หรือโรคร้าย เราจะไม่อยากให้คนที่เรารักหายจากความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนี้หรือ?


ความตาย เป็นกลไกการรักษาที่ธรรมชาติสร้างมาให้ เมื่อถึงจุดหนี่งที่ร่างกายของเรารับความทรมานนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ร่างกายของเราก็จะ shut down นั่นก็คือ” ตาย” เพื่อยุติความเจ็บปวดอันเกินกว่าที่จะทนได้อีกแล้ว!!!


เมื่อเวลาของคนอันเป็นที่รักหมด!! ปล่อยเขาไป!! เขาไปสบายแล้ว !!ตัดสายใยรักนี้ที่ดึงรั้งเขาไว้!! เรารักเขามาก!! มากพอที่จะปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระ!! ให้เขาพ้นจากความเจ็บปวดนี้!! และไปตามทางที่เขาต้องไป!! และปล่อยตัวเราให้พ้นจากความเศร้าโศกและมีชีวิตอยู่ต่อไป... อย่างคนที่เข้าใจความเป็นจริงของโลกและชีวิต......


ความตายของใครสักคน เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติเราว่า 1 ชีวิตเราไม่แน่นอน และ 2 อะไรกัน? คือสิ่งสำคัญของชีวิต เมื่อรู้ว่าชีวิตไม่เที่ยงดังนั้น เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หมั่นทำความดีทำบุญ และสิ่งที่มีค่าก็คือช่วงเวลาของการได้อยู่กับคนอันเป็นที่รัก รักเขา!!ทำดีกับเขา!! ขอโทษเขาและให้อภัยเขา!! ให้ทำตั้งแต่ตอนนี้!!!

พรุ่งนี้อาจสายเกินไป!! เพราะพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้ว........


ย่าชอบเล่า



***********




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2551
21 comments
Last Update : 29 มกราคม 2563 17:39:44 น.
Counter : 1082 Pageviews.

 

จำได้วันที่อาม่าเสีย ท่านเป็นลมและไม่รู้สึกตัวอีกเลย แต่ยังไม่ตาย เพราะท่านรอหลานชายที่ไปเขาชนไก่ ไปฝึกรด ปีสุดท้าย อาม่ารออยู่หลายวัน จนวันที่หลานชายคนเล็กที่ท่านรักมาก กลับมาแล้วเดินมาหาท่านที่เตียงแล้วพูดกับท่าน ว่า "อาม่าผมกลับมาแล้ว นะ" คืนนั้นอาม่า ก็สิ้นลม ท่านรออยู่จริงๆ

มีคุณป้าท่านหนึ่งเคยไปออกกำลังกายตอนเช้าแบบรำมวยจีนที่ สวนเสรีไทย ท่านเส้นเลือดในสมองแตก 5วันก่อนที่จะไปทอดกฐิน ท่านเป็นเจ้าภาพ หลังจากเพือนๆกลับจากกฐิน เดินทางไปเยียมที่รพ ตอนนั้นท่านโคม่า เพื่อนไปบอกว่า "กฐินเรียบร้อยแล้วนะ เอาเงินให้วัด สร้างอุโบสถเสร้จซะที" คืนนั้นท่านก็สิ้นลม

คนที่โคม่า เราดูเหมือนเขาไม่รู้สึกตัว แต่ความจริงเขายังรับฟังได้ เขารับรู้ และบางที่เขามีห่วง หรือสายใยบางอย่างดึงรั้งเขาไว้

ข่าวเมื่อไม่กี่วันนี้ที่รุ่นพี่รับน้องจนน้อง สมองบวม โคม่าหลายวัน แต่พอวันนั้นรุ่นพี่โดนตำรวจจับ ได้เข้าไปเยียม และคงขมาต่อ เด็กคนนี้ หลังจากขอขมาเสร้จ รุ่นน้องคนนี้ก็ตายเลย

มันมีสายใยบางอย่างดึงรัดกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นสายใยรัก หรือสายใยของความเกลียด และเขาอาจจะรอ คำบอกลาจากคนที่รัก และ รอคำขอโทษจากคนที่ทำร้ายเขา เช่นกัน

เวลาไปงานศพ จึงต้อง พูดกับศพว่า กายากำมัง วจีกำมัง มโนกำมัง อโหสิกำมัง แม้เคยล่วงเกินอันใด ด้วย กาย วาจา และใจ ขอ อโหสิกรรม ทั้งหมด

อ่านเรืองนี้แล้วคงต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้า7ผืน ชื้นไปด้วยน้ำตา เฮ้อออ นี้แหละการเกิดเป็นคน แล้วอย่าถามนะว่าย่าทำได้ไม๊ ที่จะไม่ร้องไห้ ถ้าคนอันเป็นที่รักจากไป

คำตอบคือ ทำไม่ได้(นี้ตอบแบบจริงใจนะ) เราคงต้องร้องไห้ เสียใจแน่ๆ เพราะ คนที่จะละการร้องไห้จากการสูญเสียคนอันเป็นที่รักได้มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น พระอนาคามี สกิทาคามี ก็ยังละไม่ได้ ดูอย่างพระอานนท์ ซิ ตอนรุ้ว่าพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ท่านยังร้แอบไปยืนร้องไห้ ตั้งมากมายเลย แล้ว จขบ เป็นแค่ปุถุชน จะห้ามไม่ให้ร้องไห้ได้ไง แค่คิดเล่นๆยังเศร้าเลย แต่ ..แต่.. จะพยายามให้เศร้าให้สั้นที่สุด และลุกขี้นเช็ดน้ำตา และก้าวเดินต่อไป..... เพราะนี้แหละชีวิต รักคนอ่านเสมอ

 

โดย: ย่าชอบเล่า 14 พฤศจิกายน 2551 6:35:22 น.  

 

อิอิ ว่าจะเอาเรืองนี้ลงอาทิตย์หน้า นะนี้แต่อดทนไม่ไหว อ่านแล้วอยากให้คนอื่นมาร้องไห้กับเราด้วย ร้องคนเดียวไม่มันส โดยเฉพาะตอนนี้มี พี่พ่อหมู มาไล่ตามจี้ จขบ ติดๆๆ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทนอ่าน ทุกเรือง เศร้าได้ เสียใจได้ แต่อย่าเสียใจนาน ดีใจได้แต่อย่าดีใจมาก เพราะทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไป.............

 

โดย: ย่าชอบเล่า 14 พฤศจิกายน 2551 6:42:30 น.  

 

จริงอย่างย่าว่า ตอนยังไม่เกิดกะตัว ไม่รู้หรอกครับ ขอบคุณครับย่า

 

โดย: หมูตัวน้อย (mr.pure.fon ) 14 พฤศจิกายน 2551 7:50:49 น.  

 

เรื่องที่ลงวันนี้บังเอิญ ตรงกับงานพระบรมศพของพระพี่นาง ขอพวกเราร่วมน้อมจิตส่งเสด็จ สู่สวรรคาลัย ......

 

โดย: ย่าจ้า (ย่าชอบเล่า ) 14 พฤศจิกายน 2551 11:24:00 น.  

 

 

โดย: ธิธารา 14 พฤศจิกายน 2551 13:41:30 น.  

 

ขอร่วมน้อมจิตส่งพระพี่นางเสด็จสู่สวรรคาลัยด้วยค่ะ......

คุณย่าสบายดีป่าวคะ..



ความตายเป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่ยังอยู่นะคะ..


 

โดย: หญิงจ่อย.. (sonnen ) 14 พฤศจิกายน 2551 14:02:23 น.  

 


บ้านสวย

เห็นด้วยค่ะ ......พรุ่งนี้อาจสายเกินไป!! เพราะพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้ว........

 

โดย: ร่มไม้เย็น 14 พฤศจิกายน 2551 16:06:02 น.  

 

สวัสดีค่ะ ความตายมันเป็นเรื่องใกล้ตัวจริงๆค่ะ ตอนนี้พ่อแม่พี่น้องยังอยู่ครบ ถึงพวกเราจะรู้ว่าวันที่ใครคนใดคนหนึ่งจะจากเราไปมันจะมาถึงสักวัน แต่พวกเราก็ไม่เคยมานั่งพูดถึงเรื่องนี้กัน ส่วนตัวเองก็คิดว่าถ้ามันถึงวันนี้จริงๆ ไม่รู้เมื่อไหร่ คงทำได้อย่างเดียวคือทำใจ และไม่คร่ำครวญ ทุกวันนี้เลยพยายามทำดีกับคนที่รักเรารอบๆตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เพราะถ้าวันหนึ่งไม่มีใครแล้ว มันก็จะเหลือแต่ความทรงจำ ความทรงจำในเรื่องดีๆ มันย่อมดีกว่าเรื่องไม่ดีแน่นอน

 

โดย: prunelle la belle femme 14 พฤศจิกายน 2551 19:31:46 น.  

 

ส่งนางฟ้ากลับสวรรค์
ขอน้อมส่งพระองค์สู่สวรรค์คาลัย

.................

สวัสดีเจ้าคุณย่าฯสบายดีน๊า

อืม!!เป็นเรื่องที่น่ากลัว
แต่ก็คงหนีมันไม่พ้น

 

โดย: แม่เฮือน 14 พฤศจิกายน 2551 22:35:04 น.  

 

สวัสดีค่ะย่า ... เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ รู้ว่าความรู้สึกเวลาต้องสูญเสียคนที่เรารักเป็นยังไง เสียใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

เอ็มคิดเหมือนอย่างพี่ prunelle น่ะค่ะ ที่เราทำได้ตอนนี้ ก็คือทำดีกับคนที่เรารักให้มากๆ จะได้มีความทรงจำที่สวยงามเก็บไว้ในใจ

 

โดย: discipula 14 พฤศจิกายน 2551 23:06:08 น.  

 

มาดูโปรแกรมหนังก่อนหนีไปนอน ท่านย่าจั่วหัว 2 เรื่อง พรุ่งนี้ตามมาอ่านสิ่งดีๆครับ ขอบคุณครับ

 

โดย: หมูตัวน้อย (mr.pure.fon ) 15 พฤศจิกายน 2551 0:10:39 น.  

 

จริงคะ
ร้องไห้ เสียใจ ห้ามไม่ได้
ทุกวันนี้เมื่อคิดถึงก็ยังร้องไห้อยู่ ปนเปกับเสียงหัวเราะ เพราะคิดเรื่องที่สนุกสนุกเสียมากกว่าคะ

 

โดย: sysee 15 พฤศจิกายน 2551 1:08:34 น.  

 

เห็นด้วยนะคะ ความตายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ทำใจและยอมรับให้ได้ เท่านั้นเอง

 

โดย: ostojska 15 พฤศจิกายน 2551 1:58:46 น.  

 

ตอนอยู่ขอไปที่ชอบๆ ไม่ให้ไป พอตอนไม่อยู่แล้ว ไล่ให้ไปที่ชอบๆ แล้วจาได้ไปไหมเนี่ย
คนเราถ้าคิดว่าตัวเองจะตายในวันรุ่งขึ้นก็คงจะลดความโลภลงได้เยอะเลยเนอะย่า

 

โดย: naydin 15 พฤศจิกายน 2551 9:38:14 น.  

 





**จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด** ยิ้มเข้าไว้ หัวใจสุขดี** สบายดีนะคะ

 

โดย: อาลีอา 15 พฤศจิกายน 2551 10:26:11 น.  

 

.." สิ่งสำคัญของชีวิต เมื่อรู้ว่าชีวิตไม่เที่ยงดังนั้น เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หมั่นทำความดีทำบุญ และสิ่งที่มีค่าก็คือช่วงเวลาของการได้อยู่กับคนอันเป็นที่รัก รักเขา!!ทำดีกับเขา!! ขอโทษเขาและให้อภัยเขา!! ให้ทำตั้งแต่ตอนนี้!!!
พรุ่งนี้อาจสายเกินไป!! เพราะพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้ว"
ใช่ค่ะ ทุกอย่างมันอาจสายเกินไป ถ้าไม่มีโอกาสที่จะเริ่มต้นทำทุกอย่างใหม่..ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้วระหว่างคนสองคนทุกอย่างไม่ว่าความรัก ความห่วงใย ทุกอย่างที่เป็นสิ่งที่ดีดี จะคงอยู่ในใจระหว่างคนสองคนเสมอค่ะ....ย่าเองก็มีความสุขมากมากในวันหยุดนะคะ

 

โดย: Nissan_n 15 พฤศจิกายน 2551 19:33:14 น.  

 

นึกถึงคุณแม่เลยค่ะ เสียไป 2 ปีแล้ว ไม่ค่อยได้กอดท่านตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนท่านป่วย มากอดท่านหอมท่านทุกวัน ท่านก็ไม่ค่อยจะรับรู้อะไรแล้ว มานึกเสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว

แวะมาเยี่ยมคุณย่าค่ะ ไม่ได้มาซะนานเลย

 

โดย: แม่น้องแปงแปง (แม่น้องแปงแปง ) 15 พฤศจิกายน 2551 20:09:18 น.  

 




แวะมาราตรีสวัสดิ์คะ ฝันดีมีตังค์ใช้นะคะ

 

โดย: อาลีอา 15 พฤศจิกายน 2551 20:39:18 น.  

 

ให้คิดว่าทุกวันเป็นวันสุดท้าย เราจะได้ทำให้ดีที่สุดทุกๆวันนะคะ

 

โดย: nanida 15 พฤศจิกายน 2551 20:46:20 น.  

 

สวัสดีครับคุณย่า

เรื่องที่คุณย่าเขียน
ตรงกับความรู้สึกของผมในช่วงนี้พอดีเลยครับ
วันนี้ผมนั่งเขียนหมื่นตาทั้งสามตอน
เป็นเรื่องของคนรักที่ต้องตายและพลัดพรากจากกันทั้งสามตอน
พอผมจะเขียนตอนที่ 4 รู้สึกมันตื้อจนเขียนไม่ออก
ต้องหยุดเขียนเลยครับ

แม้จะเรียนรู้และทำใจแค่ไหน
พอถึงเวลานั้นจริงๆ
ก็ยากที่จะทำใจนะครับ

 

โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 15 พฤศจิกายน 2551 20:53:20 น.  

 




น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย …… ด้วยรำลึกในพระกรุณาธิคุณ


ดูแลสุขภาพ และพักผ่อนในวันหยุดอย่างมีความสุขนะคะคุณย่า


 

โดย: ร่มไม้เย็น 15 พฤศจิกายน 2551 21:28:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ย่าชอบเล่า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ได้ฟังสิ่งดีๆ แล้วมีความสุข จึงอยากแบ่งปัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป แต่ขอให้เราจำไว้เสมอว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ไม่ว่าทุกข์ หรือสุข

อย่าสิ้นหวังยามความทุกข์เข้ามาหาเรา และอย่าประมาทเมื่อเราอยู่ในเวลาแห่งความสุข

"อย่าดีใจมาก อย่าเสียใจนาน" เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง

ย่าชอบเล่า
Friends' blogs
[Add ย่าชอบเล่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.