ตะพาบ (๑๒)...ความสามัคคี
พูดถึงความสามัคคี ทำให้นึกถึงพระพุทธดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสหลักธรรมไว้เป็นแนวทางในการเสริมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม ในหมู่คณะ ธรรมนั้นเรียกว่า สาราณียธรรม ๖ อันได้แก่
๑. เมตตามโนกรรม หมาย ถึง การคิดดี มองกันในแง่ดี มีความหวังดี ปรารถนาดี มีความรักความเมตตาต่อกัน ละเสียซึ่งความอิจฉาริษยา อคติ พยาบาทอาฆาต โกรธแค้นไม่รู้จักจบสิ้น รู้จักให้อภัยต่อกัน จึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข
คนเราเมื่อจิตใจดี ไม่มีมิจฉาทิฐิครอบงำ ย่อมมีสมองที่ปลอดโปร่ง เมื่อโปร่งแล้วก็สามารถคิดสิ่งที่ดี ๆ สร้างสรรค์ให้เจริญงอกงามทั้งต่อตัวเองและสังคมที่ตนเองอยู่ร่วมได้เป็นอย่างดี
๒. เมตตาวจีกรรม หมายถึง การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดให้กำลังใจกันและกัน พูดด้วยความรักความปรารถนาดีต่อกัน ในยามที่เพื่อนร่วมสังคมประสบกับความทุกข์ ความผิดหวัง หรือปัญหาต่าง ๆ ควรพูดแนะนำแต่สิ่งที่ดี หากไม่มีความสามารถที่จะแนะนำอะไรได้ ก็ไม่ควรพูดซ้ำเติม หรือนำไปนินทา ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าหรือลับหลัง
ถ้าคนกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ก็ต้องรู้จักพูดให้เขาลดความโกรธลง ไม่ใช่พูดเติมเชื้อความโกรธให้มากขึ้นไปอีก อย่างนี้ใช้ไม่ได้
นอกจากนี้ คำพูดของตัวเองที่ออกไปจากปาก ควรกลั่นกรอง คิดก่อนที่จะพูด ว่าพูดไปแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนอื่น หรือต่อสังคมหรือไม่ และต้องรู้จักรักษาคำพูดของตนเองด้วย
ที่สำคัญต้องไม่พูดโกหก คนเราถ้าพูดแต่ความจริง ไม่ต้องจำ พูดกี่ที ๆ มันก็เหมือนเดิม แต่ถ้าพูดโกหกแล้วต้องจำ จำว่าคราวที่แล้วโกหกไว้อย่างไร แล้วคราวนี้จะโกหกอย่างไร ถ้ารู้จักคิดดี มันก็ต้องพูดดี แล้วก็ทำดีด้วย
๓. เมตตากายกรรม หมาย ถึง การทำความดีต่อกัน ให้ความสนับสนุนทางด้านกำลังใจและคำพูดแล้ว ก็ต้องรู้จักให้ความช่วยเหลือทางด้านกำลังกายด้วย
ในสังคมที่อยู่ร่วมกัน ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน มีสัมมาคารวะ ไม่ไปเบียดเบียนหรือใช้กำลังข่มเหงผู้อื่น ไม่ใช้กำลังแก้ไขปัญหา เรียกว่าทำอะไรให้ถูกต้องกาลเทศะ เสมอต้นเสมอปลาย ทำอะไรไม่ได้ ก็อย่าทำตัวเป็นภาระของสังคม
๔. สาธารณโภคี หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามอัตภาพ ไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร แม้จะมีช่องทางให้ทำได้ก็ตาม
๕. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสังคมที่ตนเองอยู่ร่วม รู้จักเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน ไม่บ้าอำนาจ หรือถือตนว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่น
๖. ทิฏฐิสามัญญตา หมาย ถึง ไม่ยึดถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว เมื่ออยู่ร่วมกันในสังคม ต้องรู้จักฟังความคิดเห็นของผู้อื่นบ้าง ของสังคมโดยรวมบ้าง เมื่อความคิดเห็นของตัวเองแตกต่างจากคนหมู่มาก ก็ต้องหันมาพิจารณาดูตัวเอง ปรับมุมมอง ทัศนคติของตัวให้เข้ากับคนหมู่มาก เรียกว่ารู้จักแสวงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่าง
จริง ๆ แล้ว หลักธรรมทั้ง ๖ ข้างต้นนี้ เป็นเพียงพื้นฐานที่ธรรมดามาก ๆ เชื่อว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่ว่าจะยอมรับและปฏิบัติได้แค่ไหนเท่านั้นเอง หากทุกคนยอมรับและสามารถปฏิบัติได้ ปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ ในสังคมจะไม่เกิดขึ้น ความสงบสุขก็เป็นสิ่งที่ไม่ยากแก่การพบเจอ พูดง่าย ๆ ก็คือ สังคมของเราในปัจจุบันนี้ จะมีความสงบสุขและน่าอยู่มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ หากคนในสังคมรู้จักนำเอาหลักธรรมนี้มาใช้นั่นเอง
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า " สมคฺคยานํ ตโป สุโข
แปลว่า ความสามัคคีของหมู่คณะเป็นเหตุนำความสุขมาให้
เพลง บ้านของเรา
| | |
| ถ้าจะโหวตให้ปอป้า...สาขา Dharma Blog...นะคะ ขอบคุณ...ค่ะ
| |
| | |
ธรรมนั่นแหละ รักษาผู้ประพฤติธรรม
มีความสุขกับธรรมที่รักษาได้ ตลอดไป...นะคะ