ตะพาบ..ฉึก..ฉึก ว่ากันด้วยโจทย์ของตะพาบคราวนี้ก่อน..นะคะ ให้ตะพาบทุกท่าน เขียนงานเขียนในรูปแบบที่ตัวเองถนัด โดยให้ในเอนทรี่นั้น มีประโยคห้าประโยคนี้อยู่ในงานเขียนด้วย นั่นคือ 1. ไม่มีใครดีเกินไป เกินกว่าที่เราจะรักได้ 2. โลกนี้ อาจจะไม่มีปาฏิหาริย์มากพอสำหรับเราทุกคน 3.การจากลาย่อมเศร้าโศกเสมอ ไม่ว่าจะจากกันด้วยดีหรือไม่ 4.เราทุกคน มีต่อมน้ำตา และนั่นแปลว่า ชีวิตอนุญาตให้เราร้องไห้ได้ 5.ความตายย่อมน่าเศร้า หากใช้ชีวิตอย่างไม่คุ้มค่า ไม่ยากไม่ง่ายเลยใช่ไหมล่ะ? สำหรับเรื่องสั้น ประโยคทั้งห้า อาจจะเป็นบทสนทนาของตัวละคร สำหรับความเรียง ก็ไม่ยาก เพียงเขียนให้คล้องกับประโยคเหล่านี้เท่านั้น สำหรับร้อยกรอง อาจจะชวนปวดหัวนิดนึง อนุโลมให้นำเฉพาะใจความของประโยคเหล่านี้ไปแต่งได้ อัพกันโดยพร้อมเพรียง ในวันแรมสิบสี่ค่ำ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน เดือนหน้านู่น เมื่อโจทย์ของตะพาบ ให้เขียนตามแนวถนัดของแต่ละคน ปอป้าก็ขอบรรเลงเลย..นะคะ ขอนำคำถามจากน้อง ๆ หลาน ๆ กัลยาณมิตรหลายท่าน ที่เคยถามเรื่องเกี่ยวกับความรัก การครองคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ก็ไม่เหนือไปจากความสามารถที่จะทำความเข้าใจและปฏิบัติของมนุษย์ไปได้ คำถามที่เคยถามกันมาบ่อย ๆ ก็คือ ทำอย่างไรเมื่อคนรัก หรือสามี มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทำนองอาจจะมีหญิงอื่นเข้ามาพัวพัน หรือบางรายตามล้างตามเช็ดกันมาจนบ้านเกือบจะแตก เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการครองรักครองเรือนนั้น ปอป้ามักจะตอบเป็นการส่วนตัว แต่วันนี้ ขอนำมาปรับปรุงเขียนใหม่ ให้ทุกคนสามารถอ่านได้ เพื่อที่ว่า อย่างน้อยอาจจะใช้เป็นข้อคิดกันได้บ้าง และก็ต้องให้เข้ากับโจทย์ของตะพาบด้วย
ทำอย่างไรเมื่อคนรักนอกใจ เรื่องของคนรัก ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา หรือคู่รักกัน ปอป้าว่า เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปรู้ลึกถึงรายละเอียดนักหรอก บางสิ่งบางอย่างทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แต่เราก็ต้องทำเป็นไม่รู้ หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้เสียบ้าง จิตของเราจะได้ไม่ร้อน ส่วนความคิดที่ว่าจะต้องจับให้ได้คาหนังคาเขานั้น คงไม่ดีแน่นอน.. จริงอยู่ที่คนที่ชอบทำตัวมีลับลมคมในนั้น ส่วนใหญ่มักจะพยายามปกปิดเรื่องไม่ค่อยดีเอาไว้ เป็นธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทุกชนิดที่มักจะเป็นอย่างนี้ ดังนั้น ในเมื่อเรายังต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็อย่าไปทำให้ใครเขาจนตรอกเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่จะทำให้บรรยากาศรอบด้านไม่ดีเอาเสียเลย และการที่เราจะไปทำให้เขายอมรับในสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นความผิดนั้น ถามตัวเองก่อน ว่าทำเพื่ออะไร ถ้าทำเพื่อเพียงให้เขาเอ่ยปากยอมรับว่าทำผิด อย่าไปทำเลย เสียความรู้สึกทั้งเราและเขาเปล่า ๆ คนเราทำดีทำชั่ว ทำผิดทำถูกย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเองดี ถ้าเราไม่ไปซ้ำเติมหรือขุดคุ้ยในสิ่งที่เขาทำผิดมาแล้ว เขาจะยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกเป็นรูปธรรมให้เราเห็นเท่านั้น ในโลกของความเป็นจริงแล้ว ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอก ทีดีหรือเลวไปเสียทุกอย่าง คนเราต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว ไม่มีใครเลวเกินไปและไม่มีใครดีเกินไป เกินว่าที่เราจะรักได้ ในเมื่อเราปลงใจรักเขาแล้ว ก็จงมองในความเป็นตัวตนของเขาจริง ๆ อย่าไปคาดหวังให้เขาเป็นอย่างที่เราปรารถนา ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องหันมามองดูตัวเองด้วยว่า เรามีข้อบกพร่องตรงไหน อย่างไรหรือเปล่า อย่ามองอยู่แต่ด้านเขาด้านเดียว ปอป้ามีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ดี-ชั่ว ผิด-ถูก ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเอง แต่จะยอมรับหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเรารู้ว่าเขาทำผิด ไม่ต่อว่า วางเฉยเสีย จะยิ่งทำให้เขาเกิดความละอายมากยิ่งขึ้น การที่เราไปชอนไชถึงความผิดของเขา บางครั้งมันก็เหมือนกับไปประจานคนที่ทำผิดให้เขาได้อายมากยิ่งขึ้น กลับจะเกิดเป็นความรู้สึกโกรธแค้นมากกว่าความรู้สึกสำนึกผิด ก็เป็นได้ อะไรที่ไม่ดี บั่นทอนทำลายจิตใจของเรา อย่าไปเปิดใจรับรู้มันให้มากนักเลย ขอให้พิจารณาให้ดีว่า สิ่งเหล่านั้นมันเป็นประโยชน์ สร้างสรรค์ให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า ถ้ามันไม่ได้เป็นก็อย่าไปใส่ใจให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ การที่เราวางเฉยได้นั้น มันจะทำให้คนที่ทำความผิดยิ่งเพิ่มความเกรงใจและสำนึกผิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องใน ครอบครัวระหว่างสามี-ภรรยา ผู้ชายทุกคนไม่ชอบให้เมียตัวเองมาคอยจับผิด ไม่ว่าเขาจะมีความผิดหรือไม่ก็ตาม เพราะเขาถือว่าเสียศักดิ์ศรี ทั้ง ๆ ที่ศักดิ์ศรีนั้นจริง ๆ แล้ว มันเกิดขึ้นได้ มีขึ้นได้ก็จากการกระทำของเขาเองนั่นแหละ ชีวิตการครองเรือน ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องรู้ว่าเวลาไหนสมควรเป็นใบ้ เวลาไหนสมควรตาบอด และหูหนวก เรื่องของความหวาดระแวงซึ่งกันและกันนั้น เกิดขึ้นได้ทุกเวลาของการครองเรือน โดยเฉพาะการใช้ชีวิตคู่ที่มีบุคคลอื่นร่วมชายคาอยู่ด้วย เราต้องมีความหนักแน่นและอดทน หาไม่แล้วชีวิตของเราจะไม่มีความสุข เมื่อไรที่เราเอาจิตไปผูกกับคำว่ารัก คิดว่า เขาเป็นของเรา เราเป็นเจ้าของ เมื่อนั้นโมหะ โทสะ โลภะ มันก็จะเข้ามาครอบงำจิตใจของเรา เราต้องบอกตัวเองตามความเป็นจริงว่า เขาไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่ใช่ของเขา ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่างแม้แต่ตัวของเราเอง สามีภรรยา เดินออกนอกบ้านไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสามีใคร ภรรยาใคร แต่อยู่ในบ้านเขาเป็นสามีเรา เราเป็นภรรยาเขา เราต้องทำความเข้าใจในธรรมชาติให้ดีเสียก่อน เรื่องเจ้าชู้นั้น มันเป็นธรรมชาติของสัตว์เพศผู้ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ธรรมชาติของเพศผู้คือนักล่า แต่มนุษย์ต่างกับสัตว์ ตรงที่มีสมอง มีความคิดรู้ผิดชอบชั่วดีมากกว่าสัตว์ ผู้ชายบางคนมีนิสัยสันดานเจ้าชู้ จะเลิกเจ้าชู้ได้ก็ต่อเมื่อสังขารไม่เอื้ออำนวยแล้วนั่นเอง
การชนะใจคนอื่นนั้น ต้องใช้เวลานานมาก บางคนใช้เวลาจนหมดลมหายใจสุดท้ายของชีวิตทีเดียว กว่าผู้เป็นที่รักจะเข้าใจ แต่เมื่อเขาจากไป คนที่เพิ่งจะเข้าใจต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานไปจนตาย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต ซึ่งโดยปกติ ความตายย่อมน่าเศร้าอยู่แล้ว หากใช้ชีวิตอย่างไม่คุ้มค่า.. ไม่คุ้มค่าเพราะอะไร ก็เพราะเวลามีชีวิตอยู่ ไม่รู้จักทำความเข้าใจกันและกันให้ดีพอ ไม่รู้จักนำปัญหาที่เกิดขึ้นมานั่งคุยกันดี ๆ ช่วยกันประคองรักให้ถึงฝั่ง ให้ยืนยาว ไม่รู้จักคำว่า " เมตตา " ไม่รู้จักคำว่า " ให้อภัย " ครั้นพอความตายเข้ามาเยือน จะมาร่ำร้องคร่ำครวญให้คนตายฟื้นขึ้นมารับทราบความในใจของเรา ย่อมเป็นไปไม่ได้ จงอย่าปล่อยให้ทุกสิ่งมันสายเกินแก้ อย่าคิดว่าปาฎิหาริย์จะเกิดขึ้นกับความรักของเรา เพราะโลกนี้ อาจจะไม่มีปาฏิหาริย์มากพอสำหรับเราทุกคน ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นนัก อยู่ไม่กี่ปีก็ต้องตายจากกันแล้ว เมื่อเรายังมีลมหายใจและได้อยู่กับคนที่เรารัก จงถนอมเวลาอันสั้นนั้นให้ดีที่สุด สิ่งใดร้อนอย่านำมันเข้ามา พยายามวางเฉยกับมันเสีย ไม่ช้าไม่นาน ไฟแห่งความร้อนนั้นมันก็จะมอดดับไปเอง ตราบใดที่เราไม่คอยไปเติมเชื้อไฟเข้าไป ไฟกองไหน ๆ ก็ไม่สามารถแผดเผาเราได้ จงใช้ความเมตตาซึ่งเปรียบเสมือนความเย็นในหัวใจค่อย ๆ ตะล่อมไฟกองนั้นทีละน้อย ๆ ไม่ช้าไม่นานไฟนั้นก็จะพ่ายแพ้ต่อความเย็นหรือความมีเมตตาของเรา เพราะความเย็นหรือความมีเมตตาของเรานั้นมันมากไม่มีประมาณสำหรับผู้หญิง การร้องไห้ถือเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง มีคนกล่าวไว้ว่า " คนเราทุกคน มีต่อมน้ำตา และนั่นแปลว่า ชีวิตอนุญาตให้เราร้องไห้ได้ " ดังนั้น เมื่อใดที่เรารู้สึกอัดอั้นตันใจ อยากร้องไห้ ก็ร้องออกมา แต่อย่าร้องไห้อย่างคนเสียสติ ตีอกชกตัว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ขอให้ใช้สติปัญญาในการแก้ไข อย่าตกเป็นทาสของอารมณ์ที่ธรรมชาติของมัน มักจะคอยหวั่นไหวแกว่งไกวอยู่เสมอ ถ้าเรามีสติควบคุมมันได้ ทุกปัญหาก็จะสามารถแก้ไขแล้วก้าวผ่านล่วงไปได้ในที่สุด เมื่อเกิดปัญหารักขึ้น ให้พยายามทำใจให้สงบ หาที่เงียบ ๆ นั่งลง ให้ใจเย็นเสียก่อน แล้วตั้งคำถาม ถามตัวเองว่า เรายังรักเขาอยู่หรือเปล่า, แล้วเราคิดว่าเขายังรักเราอยู่หรือเปล่า, นอกจากความเจ้าชู้ของเขาแล้ว เขามีข้อบกพร่อง มีความไม่ดีอะไรอีกที่เรารับไม่ได้, ทุกวันนี้ เขาดูแล รับผิดชอบครอบครัวและตัวเราดีอยู่หรือเปล่า, แล้วยามเจ็บไข้ได้ป่วยล่ะ เขาดูแลเราดีอยู่หรือเปล่า, เขายังให้เกียรติเราอยู่หรือเปล่า, ลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองดู แต่มีข้อแม้ว่า ต้องอยู่ในอารมณ์ที่สงบจริง ๆ ไม่ได้อยู่ในอารมณ์โกรธแค้น น้อยใจเสียใจแต่อย่างใด ทำใจให้เป็นกลาง แล้วจึงตั้งคำถาม ถ้าคำตอบที่ออกมาเป็นบวกมากกว่าลบ ต่อไปก็ต้องถามใจตัวเองอีกว่า ทำใจได้ไหมถ้าจะปล่อยให้เขามีคนอื่น ถ้าทำใจไม่ได้ ถามต่อไปอีกว่า แล้วเราจะทำอย่างไร ประจานให้เขาได้อายหรือ ประจานแล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง ประจานเขามันก็เท่ากับประจานตัวเราเองด้วย ทำไมเราต้องเอาเรื่องในครอบครัวไปประจานให้ใคร ๆ รู้ รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา เจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเขากับเราเท่านั้น ไม่มีฝ่ายอื่น หากเรายังไม่สามารถตัดใจเลิกร้างกับเขาได้ นั่งลงคุยกันดีกว่าไหม บอกเขาดี ๆ ด้วยเหตุและผลของการกระทำ ว่าเวลานี้เราเจ็บปวดหัวใจเพียงใด มีสิ่งใดบ้างไหมที่ต่างฝ่ายต่างก็บกพร่องต่อกันและกัน เดินคนละครึ่งทางเพื่อช่วยกันประคองรักนี้ดีไหมแต่ถ้าคุยกันด้วยเหตุและผลแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น เมื่อเราทำใจยอมรับไม่ได้ อยากจะเลิกร้างต่อกัน ก็นั่งลงคุยกันดี ๆ อย่าใช้อารมณ์ เลิกกันด้วยดี ดีกว่าเป็นศัตรูกันไปตลอดชาติ การจากลาย่อมเศร้าโศกเสมอ ไม่ว่าจะจากกันด้วยดีหรือไม่ จึงขอให้คิดใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป เพราะถ้าตัดสินใจผิดไปแล้ว อาจจะต้องมานั่งเสียใจ เสียดายเวลา เสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน ในภายหลัง ชีวิตคนเรา ทุกอย่างผ่านเข้ามา วันหนึ่งก็ต้องผ่านเลยไป เมื่อเรามีความรัก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งทีดี สวยงาม เราก็อย่าไปคาดหวังว่ารักนั้นจะอยู่กับเราตลอดไป ขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด รักษาสิ่งดี ๆ นั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เท่านั้นก็พอแล้ว ให้บอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า ทุกอย่างมาแล้วก็ไป เมื่อเราชินกับคำพูดที่บอกตัวเองบ่อย ๆ นี้แล้ว เมื่อถึงวันหนึ่งสิ่งนั้นต้องจากไป เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ ถ้าเรารู้หลักในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าเรื่องอะไร ๆ เราก็สามารถปรับตัวปรับใจได้เสมอ ทั้งเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว หรือแม้แต่เรื่องของความรัก ค่อย ๆ ฝึกหัดไปเรื่อย ๆ วัน เวลา จะสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นเอง จงอย่าลืมว่า มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาแต่กรรม อยู่ด้วยกรรม และเป็นไปด้วยกรรม อยู่ที่ว่าเราจะเลือกทำกรรมชนิดใด ถ้าเรามั่นใจว่ากรรมหรือการกระทำของเราเป็นกรรมดี ก็ไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใดทั้งสิ้น กรรมดีย่อมคุ้มครองปกป้องเราได้เสมอ
ถ้ารักเป็น ไม่ลำเค็ญ เมื่อรักคุด จะรักตุ๊ด รักแต๋ว หรือรักใคร รู้เมตตา ยามเขาผิด ให้อภัย ดวงฤทัย มีแต่สุข ทุกวันเอย ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่อง จากอากู๋ออนไลน์ เพลง เสียแรงรักใคร่
พูดอย่างใด พึงทำอย่างนั้น
ส่งตะพาบตะกายขึ้นบกแล้ว
ปอป้าขอลาตามน้องเณรไปนอนก่อน..นะคะ
ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่าน...ค่ะ