จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

สิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่า blog



ห่างไกล ไม่ห่างกัน ของ โดม วุฒิชัย ปกพิมพ์ครั้งที่ 2





สำหรับเพลง “คนกวาดลาน” จากการแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง และขับร้องโดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ผู้มีน้ำเสียงอันไพเราะชวนให้หลงใหลถึงขั้นทำให้หัวใจละลายได้

- ขอมอบแด่ทุกคนที่มีความรักในหัวใจครับ -

ทั้งนี้และทั้งนั้นขอได้รับความขอบคุณจากคุณตะเบบูญ่าที่เอื้อเฟื้อเพลงนี้และคุณสเลเตจัดทำโค้ดเพลงให้



----------------------------------------------------------------------------











พิบูลศักดิ์ , จรินยา , โดม กำลังคุยเรื่อง blog สู่ book







พิบูลศักดิ์ ละครพล เจ้าชายโรแมนติค







(ขอบคุณ :คุณสเลเตและคุณชัยวุฒิ ประเสริฐศรี ที่ถ่ายภาพข้างบนนี้ส่งมาให้)



สิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่า Blog *


1/


ผมขอบอกเสียก่อนว่ากรุณาอย่าได้ใช้บทความนี้ไปใช้อ้างอิงใดๆ เพราะว่ารู้ดีว่ามันไม่มีหลักเกณฑ์อะไรพอที่จะอ้างอิงได้ เนื่องเพราะว่าผมไม่ได้เป็นผู้ชำนาญการในเรื่องบล็อกถึงขั้นวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับเรื่องบล็อกอย่างลึกซึ้งได้

ถึงตรงนี้ผมอยากมีความรู้มีความสามารถอย่างอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ , ไมเคิล ไรท์ หรืออย่าง คำ ผกา , นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว เพราะเขาและเธอเหล่านี้คือผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะมองสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม หรือมองเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยสายตาที่แหลมคมและสามารถหยิบมาเขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง


ขอย้อนหลังไปเมื่อผมเพิ่งรู้จักอินเตอร์เน็ตใหม่ๆก็แล้วกัน ราวๆปี 2544 ทันทีที่ผมใช้อีเมล์และท่องเน็ตเป็น ผมก็รู้ตัวว่าผมชอบโลกใบใหม่ที่ใครๆเรียกกันว่าโลกเสมือนจริงใบนี้ จากการใช้อีเมล์ติดต่อกับผู้คนและเป็นเครื่องมือส่งงาน และเข้าไปหาความเพลิดเพลินและความรู้ตามเว็บไซต์ต่างๆ

ผมก็เริ่มเขียนบันทึกบนเว็บบอร์ดเล็กๆที่ไม่มีลูกเล่นอะไรเลยที่เว็บไซต์hunsaclub.com ซึ่งเป็นเว็บบอร์ด 76 จังหวัด ผมเลือกเขียนที่เว็บบอร์ดจังหวัดพังงา ผมเขียนบันทึกของผมตรงนั้นอยู่ 6-7 เดือน เมื่อผมเริ่มกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้งผมก็เลิกเขียนการเขียนบันทึกบนเว็บบอร์ดตรงนั้น

ในเวลาต่อมาผมเขียนไดอะรี่ออนไลน์ที่ diarihubเพราะตามไปดูลูกสาวว่าเธอเขียนอะไรในนั้น ผมเริ่มเขียนจดหมายถึงลูกไม่ทันไร diaryhub ก็หยุดลง ลูกสาวผมย้ายมาเขียนต่อที่ diaryis ผมขยับมาที่ storythai อยู่พักหนึ่ง จึงได้รู้จักbloggang เพราะ ภรรยาผมเธอเป็นขาอ่านประจำที่ pantip เคยมาเล่าให้ฟังว่าที่บล็อกแก๊งว่าหน้าตาสวยดี ส่วนผมยังไม่รู้จักกับคำว่าบล็อกแก๊งเลยในตอนนั้น

ผมรู้จักกับคุณสเลเตอยู่ก่อนแล้ว เธอเขียนบล็อกอยู่ที่บล็อกแก๊ง ผมยังจดจำความรู้สึกวันที่เข้าไปดูบล็อกของเธอวันแรกก็รู้สึกหลงใหลในความสวยงามของบล็อก มีรูปสายฝนรินไหลริมหน้าต่างกระจกตลอดเวลา มีเพลงบรรเลงเพราะๆ (รูปและเสียงมาแล้ว - แต่ยังไม่มีกลิ่นและรส)

ผมทำการสร้างบล็อกตามคำแนะนำของเธอทางโทรศัพท์ ตอนนั้นผมอยู่ที่บ้านหนองเบน จังหวัดนครสวรรค์และกำลังเริ่มต้นเขียนจดหมายถึงลูกไปได้หลายฉบับแล้ว ในที่สุดผมก็โยกย้ายจดหมายถึงลูกทั้งหมดจากเว็บไซต์สตอรี่ไทย ที่เพิ่งเขียนไปไม่มากนักมาไว้ที่บล็อกแก๊ง โดยเลือกใช้ชื่อบล็อกว่าพ่อพเยียก็เพราะความหมายตรงตัวดีคือเป็นพ่อของพเยีย

ช่วงแรกๆที่ผมเขียนบล็อก บล็อกของผมมีแต่ตัวหนังสือล้วนๆ แค่ทำตัวเน้นหนาได้ก็เก่งสุดแล้ว ผมก็เขียนบล็อกของผมมาเรื่อยๆ บางวันไม่มีใครเข้ามาคุยด้วยสักคน ที่เข้ามาคุยด้วยมีก็แต่คนที่รู้จักกันหน้าเดิมๆอย่าง “หนอนเมืองกรุง” “ตะเบบูญ่า” หรือไม่ก็ภรรยาผมบ้าง (ตอนหลังเธอแอบอ่านอย่างเดียว) นานๆจะมีขาจรหลงเข้ามาอ่านสักคน ผมก็ยังอัพบล็อกของผมอยู่เรื่อยๆ จะมีว่างเว้นบ้างก็ตอนที่ผมไปอยู่ในที่ไม่สะดวกในการใช้อินเตอร์เน็ต

จนกระทั่งผมเริ่มใช้กล้องดิจิตอลครั้งแรกเมื่อปลายเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2548 และจากนั้นก็ค่อยๆเรียนรู้การเอารูปลงบล็อก เพราะต้องการนำรูปที่ถ่ายมาอวดคนอื่นบ้าง และเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เองที่ผมเริ่มสม่ำเสมอกับบล็อกมากขึ้น หลังจากที่”ห่างไกล ไม่ห่างกัน” ที่เขียนไว้ในบล็อกกลายเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คไปแล้ว

จากนั้นก็มีข่าวเล็กๆลงบ้างว่าบล็อกพ่อพเยียเป็นบล็อกของโดม วุฒิชัย และมีหนังสืออิมเมจสัมภาษณ์ย่อยในทัศนะเกี่ยวกับเรื่องบล็อก หนังสือขวัญเรือนทำสกู๊ปเรื่องบล็อก มติชนวันเสาร์เขียนถึงจากบล็อกสู่บุ๊ค เรื่องบล็อกของผมก็ได้รับการแพร่กระจายออกไป รวมทั้งเมื่อมีโอกาสได้เจอใคร ผมก็มักจะพูดคุยเรื่องบล็อกอยู่เสมอ ซึ่งก็มีทั้งที่สนใจและไม่สนใจ

เมื่อวันงานเมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมาผมได้ไปพูดที่ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินีเนื่องในงาน “เทศกาลหนังสือในสวน” พร้อมกับพี่ปอน พิบูลศักดิ์ และคุณฮอลล์ จรินยาในหัวข้อ "จากบล็อกสู่บุ๊ค" หลังจากได้สนทนากันในวันนั้น ผมจึงทบทวนความคิดว่าเป็นเพราะอะไรหรือ ? เพื่ออะไรหรือ ? ผมจึงมานั่งเขียนบล็อกอยู่ทุกวันนี้...

ตอนที่ผมเริ่มต้นเขียนบล็อกใหม่ๆ (น่าจะราวๆปีพ.ศ. 2548) ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเข้ามาพูดคุยสนทนาเป็นตัวหนังสือด้วยมากขนาดนี้ (ไม่ต้องไปเทียบกับบล็อกติดอันดับนะครับ) แต่สำหรับตัวผมเองแค่นี้ก็มากแล้ว และทุกวันนี้ผมใช้เวลาไปกับบล็อกมากกว่าตอนเขียนใหม่ๆ คือว่าถ้าผมอยู่บ้านบล็อกก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว เปิดอัพบล็อก เปิดอ่านบล็อกของคนอื่น เปิดอ่านคอมเม้นท์ เปิดตอบคอมเม้นท์ ฯลฯ วันหนึ่งก็ใช้เวลาไปกับล็อกพอสมควร

ผมเกี่ยวข้องกับบล็อกดังนี้ คือการอัพบล็อก (เขียนเรื่องใหม่) สองคือการอ่านคอมเม้นท์ สามคือการตอบคอมเม้นท์ เมื่อนึกสนุกผมก็แวะเวียนไปตามบล็อกต่างๆที่ผมสนใจและคุ้นเคย ก็มีทั้งที่คอมเม้นท์บ้าง ไม่คอมเม้นท์บ้าง ตามความคิดและความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านบล็อกนั้นในขณะนั้นๆ

การเขียนอะไรก็ตามที่ผมนำมาเขียนลงในบล็อก ผมก็คิดอยู่เสมอว่าเรากำลังเขียนในพื้นที่สาธารณะ เรื่องที่ผมเขียนลงบล็อกก็คือเรื่องที่ผมต้องการเล่าออกไป ต้องการเปิดเผยทัศนะที่มีต่อในเรื่องนั้นๆ ต้องการบอกความคิดและความรู้สึกของตัวเองไปยังผู้อื่น

ผมยังจดจำถ้อยคำของเสกสรรค์ ประเสริฐกุลที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ที่ไหนสักแห่งว่า

“ผมคิดว่านักเขียนจำนวนมาก ระดับโลกอย่างเฮมิงเวย์ ก็ไม่เคยเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ผ่าน บางเรื่องแทบจะเรียกว่าเขียนเรื่องจริงทั้งหมดแล้วเปลี่ยนตัวเอกเป็นชื่ออื่น สไตน์เบ็คก็เหมือนกัน เขียนจากประสบการณ์ตัวเอง”

ที่ผมอ้างคำพูดของเสกสรรค์ ประเสริฐกุลที่อ้างถึงนักเขียนระดับบิ๊กๆของโลกสองคนนั้น ไม่ใช่เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองหรือทำให้ดูดีในการเขียนเรื่องของตัวเอง แต่ทว่าผมรู้สึกเห็นด้วยจริงๆ

ผมเคยเห็นคอลัมน์ของนักเขียนบางคน หรือเรื่องสั้นของนักเขียนหลายคน ใช้คำว่า “เขา” แทนที่คำว่า “ผม” เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะใช้ “เขา” หรือ “ผม” เป็นสรรพนามในการเล่าเรื่องก็ไม่สำคัญ แต่ผมว่าเรื่องที่เล่านั้นสำคัญกว่า....


(ถ้ายังไม่เบื่อ อ่านต่อบทที่ 2 ข้างล่างได้เลยครับ)









ตะเบบูญ่า กับหนูน้อยจินนี่









ซะการีย์ยา อมตยา กำลังอ่านบทกวี










เอก-พจนาถ พจนาพิทักษ์ กำลังร้องเพลงคนค้นฅน




2/



คุณเขียนบล็อกเพื่ออะไร ? หรือเพราะอะไร ?



ผมตั้งคำถามนี้กับตัวเอง (แต่ถ้าใครอยากตอบด้วยผมก็ยินดีครับ) สำหรับผมนั้นเขียนบล็อกครั้งแรกนั้นเป็นเพราะว่าผมอยากเขียนความรู้สึกต่างๆและอยากสอนลูกสาวขณะที่ผมอยู่ห่างไกลเธอ และนอกจากเขียนถึงเธอแล้ว ผลที่ตามมาผมได้รู้จักกับคนที่เข้ามาอ่าน

ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบเขียน ชอบพูดชอบคุยเป็นตัวหนังสืออยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าการเขียนบล็อกนั้นถูกจริตกับผมมากกว่าเครื่องมือสื่อสารชนิดอื่นๆ เพียงแต่ผมอยากบอกว่า...มันเป็นความสุขของผมที่ได้ทำอย่างนี้ ผมไม่ได้ทำเพื่อผู้อื่นเลย ผมทำเพื่อตัวเองต่างหากล่ะ แต่หลังจากที่เพื่อตัวเองแล้วจะส่งผลต่อใครอย่างไรหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เพราะฉะนั้นอันดับแรกของการเขียนบล็อกของผมก็คือ ผมจะต้องมีเรื่องที่อยากจะเล่าออกไป ผมจะต้องสนุกกับการเขียนเล่าเรื่องนั้น ( หากใครสนุกด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี - สำหรับใครที่ไม่สนุกด้วยผมก็ช่วยไม่ได้จริงๆ) สำหรับคอมเม้นท์ที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆเข้ามาเขียนคอมเม้นท์พูดคุยนั้น ผมก็ถือว่าเป็นความสุขเล็กๆที่ได้รับหลังจากมีความสุขที่ได้เขียนเรื่องลงบล็อกไปแล้ว แต่พูดได้ว่า"คอมเม้นท์"ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการเขียนบล็อกของผม (คือไม่ใช่เขียนบล็อกเพราะต้องการให้คนมาเขียนคอมเม้นท์มากๆ)

เพราะผมคิดว่าถ้าหากเขียนบล็อกเพราะต้องการให้คนเข้ามาคอมเม้นท์มากๆ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นก็จะต้องผิดหวัง เพราะอยู่ดีๆก็ไปคาดหวังจากสิ่งภายนอก ซึ่งเรากำหนดไม่ได้ อะไรก็ตามถ้าเราไปคาดหวังหรือตั้งความหวังไว้ สิ่งที่ตามมานั้นมีอยู่สองอย่างคือ “สมหวัง”กับ “ผิดหวัง” ซึ่งผมไม่อยากเป็นคนประเภทที่จู่ๆก็ไปหาเรื่องให้ผิดหวังโดยใช่เหตุ ด้วยการไปคาดหวังหรือตั้งความหวังจากผู้อื่น

แต่ถ้าถามผมว่ายินดีไหมถ้าจะมีคอมเม้นท์ในบล็อกมากๆ ตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า ผมก็รู้สึกยินดีเป็นเรื่องปกติธรรมดา

อันดับต่อมาเวลาผมได้อ่านคอมเม้นท์ดีๆ ซึ่งอาจจะเป็นแง่คิดหรือมุมมองทั้งที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน ผมคิดว่าผมก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น นี่ก็เป็นความสุขประการหนึ่งเมื่อได้อ่านคอมเม้นท์ดีๆมีสาระ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคอมเม้นท์ที่มาคอมเม้นท์ในบล็อกของผมจะต้องมีสาระและเต็มไปด้วยความหมายของชีวิตเสมอไป บางทีแค่คำพูดทักทายด้วยอารมณ์ขันหรือด้วยความเป็นมิตรก็เพียงพอแล้ว

เพราะผมว่าอย่างน้อยคนที่เคาะแป้นคีย์บอร์ดพิมพ์คอมเม้นท์แล้วคลิกส่งมาในบล็อก ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว เขาก็ต้องใช้เวลาและความตั้งใจพอสมควร แต่สิ่งที่ผมให้ความสำคัญนั้นดูเหมือนว่าจะอยู่ที่อยู่เบื้องหลังถ้อยคำมากกว่า นั่นคือความรู้สึกจริงใจในสิ่งที่คุณเขียนออกมา ไม่ต้องถึงกับมาจริงใจสุดฤทธิ์กับตัวผมหรอก (เดี๋ยวจะเป็นการเรียกร้องเกินไป) เพียงแต่คุณจริงใจในสิ่งที่คุณเขียนก็พอแล้ว

การที่เข้ามาที่บล็อกผมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องที่ผมเขียนก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากอ่าน หรืออ่านแล้วไม่ต้องชอบก็ได้ ถ้าคุณไม่ชอบ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะไม่ชอบเรื่องที่ผมเขียน หรืออาจจะชอบเรื่องนี้แต่ไม่ชอบเรื่องนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เพียงแต่ทักทายกันด้วยความรู้สึกเป็นมิตรผมก็ยินดีแล้ว หรือแม้แต่อ่านเงียบๆไม่ส่งเสียงผมก็ยังรู้สึกยินดีอยู่นั่นแหละ

การมีคนมาเขียนคอมเม้นท์ในบล็อกสำหรับผมแล้วก็ชอบ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ และผมก็ตอบทุกคอมเม้นท์เสมอ แต่อยากบอกว่า...ถ้าหากไม่อยากชมแล้วก็อย่าแสร้งชม หากไม่ชอบแล้วก็อย่าแสร้งชอบ หากไม่รู้สึกก็อย่าได้แสร้งรู้สึกเลย

เพราะการเสแสร้งความรู้สึกไม่เคยสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่ใครได้จริง แม้แต่ตัวของผู้แสร้งรู้สึกเองก็ใช่ว่าจะรู้สึกดี


ผมว่าถ้อยคำที่ไม่จริงใจนั้นเป็นถ้อยคำที่อุจาดอนาจาร ไม่ว่าจะถูกตกแต่งให้สละสลวยแนบเนียนอย่างไรมันก็ยังมีร่องรอยให้เห็นอยู่ดี (บล็อกผมโชคดีไม่มีให้เห็น หรือว่าผมมองไม่เห็นก็ไม่รู้ หรือว่าคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ล้วนมีแต่คนน่ารักและใจดีกันทั้งนั้น ก็..ไม่..รู้..)

ถ้อยคำที่ไม่จริงใจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้เขียนหรือผู้อ่านก็ตาม ในทำนองกลับกันความจริงใจแม้เพียงส่งเสียงเพียงเล็กน้อย พูดคำสองคำก็มีความหมาย

สำหรับผมแล้วคิดว่า "คำติที่ไม่น่าฟัง ยังดีกว่าคำชมที่ไม่จริงใจ"


โลกเสมือนจริงนี้มีอยู่จริง ผมว่าชุมชนในบล็อกแก๊ง หรือชุมชนไหนๆในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น ก็ไม่แตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงในชีวิตประจำวันเท่าไรนัก ไม่ต่างจากชุมชนเยาวราช ไม่ต่างจากชุมชนตะกั่วป่า ไม่ต่างจากชุมชนเชียงใหม่ ไม่ต่างจากชุมชนอุทัยธานี ฯลฯ หรือแม้แต่ในหมู่บ้านจัดสรรของท่าน เพียงแต่เราไม่เห็นหน้าตากันและไม่ได้ยินเสียงกันเท่านั้นเอง เราคุยกันด้วยตัวหนังสือเป็นหลัก และบางทีทั้งชาตินี้เราก็ไม่อาจได้พบหน้ากันเลย

เพราะฉะนั้นในชุมชนอินเตอร์เน็ตกับโลกที่มองเห็นจริงได้ยินเสียงจริงนั้นก็ย่อมมีผู้คนหลากหลายชนิดอยู่ร่วมกันซึ่งก็มีทั้งจริงใจและไม่จริงใจ คนดีและคนชั่ว มีทั้งโจรผู้ร้ายและผู้ปฏิบัติธรรม นานาสารพัด ฯลฯ

ในโลกอินเตอร์เน็ตแห่งนี้...มีทั้งหลอกลวงกัน ข่มขืน ทำร้ายกันที่เป็นข่าวทางที.วี.และหนังสือพิมพ์ก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันทำดีก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ



ถึงแม้บล็อกจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่ผู้คนที่เขียนบล็อกอ่านบล็อกต่างหากที่มีชีวิตจิตใจและเป็นผู้ใช้มัน ส่วนคุณจะเอาเครื่องมือชนิดนี้ไปทำอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาและความปรารถนาของคุณ


----------------------------------------------




* ชื่อเรื่องนี้ตั้งเลียนแบบ "สิ่งมีชีวิตเรียกว่าคน" ของวินทร์ เลียววาริณ




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550
102 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2550 8:00:18 น.
Counter : 2498 Pageviews.

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน พอดีผมทำกรุ๊ปบล็อกใหม่ ก็เลยขอยกคอมเม้นท์ล่าสุดมาวางไว้หน้านี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาตอบ


ห่างไกล ไม่ห่างกัน 51

สวัสดีครับพี่โดม... ตั้งใจมาเยี่ยมและเอาความคิดเห็นมาฝาก.

พ่อพเยีย 28 สิงหาคม 2550 8:29:19 น.
=======================
สวัสดีครับพี่โดม สำหรับกิจกรรมในวันที่ 30 กย. ผมกะว่าจะว่างจะไปร่วมเป็นหนึ่งในบรรยากาศของงานครับ...

ใช่ครับ.. เมษาปี47 ผมบวชเป็นพระนวกะวัดชลประทานฯ ส่วนพรรษาแรกผมไปอยู่ที่สวนโมกข์ ไชยา มีโอกาสอยู่ในร่มกาสายะ 10 เดือน 15 วัน ระหว่างจำพรรษา ผมเขียนบันทึกประจำวัน เขียนความคิด ความรู้สึก และเขียนจดหมายถึงน้องสาว...

ในส่วนจดหมายที่ผมเขียน น้องสาวคนดีได้พิมพ์เนื้อความที่ผมเขียนถึงเธอ ส่งกลับมาให้ผมอีกครั้ง ผมเลยนำมาใส่ไว้ที่บล๊อกนี้ เพราะผมเขียนเกริ่นไปว่า จดหมายที่เราเขียนตอบกันนี้ นานๆไป ร่วมเล่มได้เลย พี่โดมตามไปอ่าน เริ่มต้นที่ลิงค์นี้นะครับ แล้วก็ค่อยๆ ไล่ขึ้นไปตามวันที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=naigod&month=07-2005&date=26&group=2&gblog=9

ส่วนแต่ละวันผมทำอะไรบ้างนั่นในเวลาขณะที่บวชอยู่ผมเขียนเป็นบันทึก คงต้องค่อยๆ เลือกมาพิมพ์เก็บใส่ไว้ในบล๊อกล่ะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเลย ได้แต่กะว่ากะว่า ตั้งท่าอยู่อย่างนั่น ยังไม่ลงมือสักที ขอติดไว้ก่อนแล้วกันครับ...





โดย: naigod 29 สิงหาคม 2550 1:37:19 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 52

สวัสดีค่ะพี่โดม..

มาทักทายแล้วคงจะหายไปอีก.. ภารกิจ และหน้าที่ สาหัสจริงๆ พี่..

แล้วก็มี 13-14-15 ชมรมคาทอลิคเขาเปิดอบรมเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข่าว..เทคนิคการถ่ายภาพฯ ก็คงจะไปกับเขาอีก.. (ที่สุราษฎร์ฯ)

เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ได้เรียนในห้องเหมือนคนอื่นๆ เขา เผื่อว่าวันหนึ่งจะนำมาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างมากที่สุดน่ะค่ะ

รายงานตัวแล้วชะแว้บ..ค่ะ



โดย: สีน้ำฟ้า 29 สิงหาคม 2550 2:09:35 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 53

สวัสดีค่ะ พี่โดม คุณหนอนเมืองกรุง คุณตะเบบูญ่าและน้องจินนี่ คุณสะเลเต คุณยานา คุณแม่น้องนิก ++++ ทุกๆ ท่าน (หากไล่ชื่อหมดกลัวไม่ได้ทำงานค่ะ อาจหลับก่อน ขอโทษจริงๆ นะคะ)

ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ กลางคืนก็ทำประจำ กลางวันก็มีเรื่องให้ออกจากบ้านไปทำโน่นทำนี่ ช่วยงานน้องสาว ที่กำลังจะจัดงานเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์อยู่---

เลยไม่มีโอกาสเข้ามาหา บล็อกตัวเองก็ปล่อยทิ้งร้างไว้ก่อน

ขอบคุณคุณหนอนฯ ที่ชมว่าสวย แต่ในกลุ่มเพื่อนๆ จะบอกว่าแกล้งกันนี่หว่า (ฮ่า) เพราะผู้อื่นที่ยังมิได้ยลโฉม จะหลงคิดวาดภาพฟุ้งไปกว่าความจริง มาเจอหน้าจริง อาจร้อง ยี้!!! (ไม่ห้อยร้อยยี่สิบ)

เรามักจะชมว่าเพื่อนเราหน้าตางั้นๆ ติดขี้เหร่ด้วยหละ...แก...พอคนเห็นเพื่อนเราปุ๊บ ก็จะบอกว่า เฮ้ย!...เพื่อนแกสวยนะ....

การวาดภาพในจินตนาการให้มันลบลง จะกลายเป็นบวกในทันที...(ฮ่าๆๆๆๆ)

ชอบอ่านเรื่องงานวันอาทิตย์ที่คุณเขียนกันนะคะ เป็นภาพที่มาจากมุมมองของผู้ชม...

แต่เด็กแถวนั้นเจี๊ยวใหญ่จริงๆ (หมายความว่าเจี๊ยวจ๊าวกันยกใหญ่---มิได้ไปแอบดึงกุงเกงเด็กดูแต่อย่างไร) ช่วยไม่ได้ มันเป็นที่ของเด็กๆ ที่เราๆ ผู้ใหญ่ไปแย่งใช้...

รอพี่โดมเล่านะคะ
เสียดายเหมือนกัน วันนั้นไม่พกกล้องไป เลยไม่มีภาพมาฝากค่ะ.....

คิดถึงทุกท่านนะคะ
ขอตัวไปทำงานต่อก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้นอนค่ะ





โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.135.160 29 สิงหาคม 2550 2:27:53 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 54

สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณโดม
เช้านี้อากาศขมุกขมัว น่านอน
เฉยๆ..โดยไม่ต้องทำอะไรเลย..
ที่บ้านคุณโดมอากาศเป็นอย่างนี้หรือเปล่าคะ..

ฝากความคิดถึงไปยังคุณฮอลล์
ด้วยนะคะ ทำงานเยอะตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต อย่างนี้ระวัง
เงินจะใช้ไม่ทันนะคะ..
พักผ่อนบ้างนะคะ เป็นห่วงค่ะ..

จริงอยู่คนเรานั้นต้องทำโน่นทำนี่บ้างในวันหนึ่งๆร่างกายจะได้เคลื่อนไหว สมองจะได้ทำงาน

แต่เราไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นตลอดเวลา..และไม่ควรเฉื่อยชานัก.

ฝากถึงทุกคนค่ะ




โดย: ยานา IP: 61.7.173.70 29 สิงหาคม 2550 8:38:09 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 55

สวัสดียามสายค่ะ

มาต่อแถวจากสาวๆ สวยๆ สองท่านนี้รู้สึกสดชื่นดี

กำลังทำงานอยู่ค่ะ.. เมื่อเช้าบิดขี้เกียจสลัดยังไงก็ไม่หลุด..แต่พอนึกขึ้นได้ว่า..วันศุกร์นี้นัดส่งงานกับผู้ตรวจบัญชีสหกรณ์.. ถึงได้ตาสว่าง

เพราะงานบัญชียังไม่เรียบร้อยนัก ที่ว่าข้อมูลหาย..แล้วต้องทำใหม่น่ะค่ะ..ยังตามล้าง ตามล่าหาข้อมูลมาลงบัญชีกันต่อไป

พอเหนื่อยก็พัก..แล้วแวะมาที่นี่..หมุนเม้าส์ขึ้นๆ ลงๆ อ่านความเห็นนั้นนิด นี้หน่อย..ก็อมยิ้มกลับไป

มีแรงทำงานต่อ.. ห่างไกลแต่ไม่ห่างกัน ชื่นใจกับทุกๆ ข้อความ แม้ไม่ใช่บ้านตัวเองก็เหอะ..

ฮิฮิ..ไปค่ะ.. วัน-เวลา ของวันนี้คงยังอีกยาวนาน ถ้าหากวัน-สองวันนี้มาโผล่ที่นี่บ่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนนะคะ..

หาที่พึ่งพิงก่อนสติจะแตก..งานหลวง งานราษฎร์.. งานบ้าน.. อิช้านนนนน.. ท้างเพ





โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.160.197 29 สิงหาคม 2550 9:34:33 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 56

สวัสดีจ้ะ ทุกๆ คน

เข้ามาอ่านทุกวัน แต่ไม่เมน้ท์ สนุกดีจ้ะ ไปล่ะนะจ้ะ



โดย: p.tim IP: 222.123.128.10 29 สิงหาคม 2550 9:51:05 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 57

เข้ามาอ่านอีกรอบค่ะ

ขอบคุณค่ะที่แวะไปทักทายบล็อก

ลีลาของลุงเทพ ..อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลย
แก่ ๆ (อุ๊บส์) อย่างแม่เกาลัดก็ชอบค่ะ
เติมพลัง เติมชีวิตจิตใจได้ดี

อยู่เมืองหลวง
ต้องหมั่นเติมพลังภายในให้ตัวเองบ่อย ๆ
ไม่งั้นจะกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ไปซะงั้น



โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 29 สิงหาคม 2550 14:37:31 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 58

ผลซีไรท์ค่ะ

//www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9500000101325





โดย: ชจ IP: 202.29.77.2 29 สิงหาคม 2550 15:29:58 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 59


สวัสดีค่ะ อาโดม และพี่ๆ ทุกท่าน

เข้ามาอ่านอย่างสม่ำเสมอทุก Comment อ่านแล้วได้บรรยากาศที่อบอุ่นถึงความถ้อยทีถ้อยอาศัยที่ไม่เคยคิดว่าจะได้จากบล็อกมาก่อนเลย

บรรยากาศที่งานเมื่อวันอาทิตย์น่าสนุกจัง แต่ละท่านบรรยายได้จนเห็นภาพเลย แต่ถ้ามีภาพมาลงด้วย จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นนะคะ สำหรับพี่ฮอลล์นั้นคงจะเป็น Working Woman แน่ๆ เลย ทำงานทั้งกลางวัน กลางคืน ฟังดูน่าเหนื่อยแทนนะคะ

ขอบคุณอาโดมที่แนะนำเรื่องธรรมะ ไม่เคยนึกต่อว่าแม้แต่สักนิดนะคะ ยินดีด้วยซ้ำ ที่เห็นเป็นลูกหลานและสอนสั่ง อย่างที่เรียนให้ทราบค่ะ นกยังต้องเรียนรู้เรื่องธรรมะอีกมากมายนัก

ฝากความห่วงใยมายัง พี่ยานาด้วยค่ะ บุญรักษาอาโดมและครอบครัว พร้อมกับมวลมิตรของอาทุกๆ คน





โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 29 สิงหาคม 2550 20:10:37 น.




ห่างไกล ไม่ห่างกัน 60

สวัสดีค่ะคุณโดม

พักนี้..หายหน้าหายตาไปหลายวัน..เรื่องของเรื่องคือคอยโหลดนานจนคอยไม่ไหวอ่ะค่ะ อ๊อพชั่นบล๊อกพ่อพเยียเพิ่มขึ้น เม้นท์มากขึ้น อิๆ กว่าที่จะวนมาหาพ่อพเยียได้ก็นานเล๊ย อีกอย่างช่วงนี้ ไฮซีซึ่น เอ๊ย..ช่วงนี้ลูกเปิดเรียนค่ะ ต้องปล่อยสายให้ว่าง
เพราะบางทีทางโรงเรียนโทรมา
หากลูกเกิดอุบัติเหตุ เขาก็จะเรียกให้เราไปรับลูกกลับบ้านน่ะค่ะ

มาสนับสนุนความคิดของพี่ตะเบบูญ่าเธอ..เรื่องความสุขในหน้าที่
หน้าที่ไหนก็เป็นงานทั้งนั้น จริงมั๊ยคะพ่อพเยีย..จอห์นเขาบอกไว้

จะคอยพ่อพเยียอั๊พบล๊อกวันงานค่ะ อยากเห็นคุณฮอลล์ด้วย

น้องจินนี่สวยกว่าคุณแม่อีก..โห
งานนี้ พี่ตะเบบูญ่าต้องไปตีแบท
กระชากวัยเพิ่มแน่ๆเลย ส่วนพี่หนอนฯ..น้องแป้งสวยเหมือนแม่น่ะ..เชื่อค่ะ ก๊อปมามิผิดเพี้ยนเล๊ย แต่เธอน่ารักมีเสน่ห์นะคุณโดม..สวยไม่สวยไม่สำคัญ แต่ถ้ามีเสน่ห์ก็พอละเนาะคนเรา

ดูได้จากตัวเองค่ะ ถามห้าร้อยรอบสามีก็มิเคยบอกเมียสวย
ตอบแต่..น่าร๊ากกกก





โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.135.138 29 สิงหาคม 2550 20:38:04 น.



สวัสดีครับทุกๆท่าน

 

โดย: พ่อพเยีย 29 สิงหาคม 2550 22:59:00 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณอา

ก่อนอื่นขอบอกว่ารูปคุณอาในบล็อคดูหนุ่มมากๆเลย (เสื้อผ้าวัยรุ่นนะเนี่ย)

คุณเขียนบล็อกไปเพื่ออะไร ? หรือเพราะอะไร ?
อยากตอบด้วยคนค่ะคุณอา ขออนุญาตินะค่ะ สำหรับนาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการเขียนที่แน่ชัด ด้วยที่เป็นคนชอบเขียนไดอารี่มาตั้งแต่เด็ก(จากการโดนบังคับ จนกลายเป็นชอบไปโดยไม่รู้ตัว) พอมีคอมพิวเตอร์เองที่บ้านทุกค่ำคืนก็จะเปิดเข้าไปอ่านตามเวปต่างๆแล้วก็นำเอานิยายและบทกวีไปลงที่เวปของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทีนี้มันกินเวลาที่เราจะไปนั่งเขียนไดอารี่ลงสมุดไหนๆสมัครสมาชิกที่พันทิปไว้แล้วก็ทำบล็อคมันเลยละกัน จะได้นั่งเขียนไดอารี่ไปในตัว แรกๆนี่นาไม่ให้ใครอ่านเลยนะค่ะ ล็อคพาสเวิร์ดไว้ แต่มีพี่คนหนึ่งเค้ามาท้วงว่าเค้าเข้ามาอ่านกลอนไม่ได้ ก็เลยยอมเปิด จากไม่เคยคอมเมนต์ใครก็เลยรู้จักใครหลายๆคน

นาก็เหมือนคุณอาอย่างหนึ่งคือ ไม่ได้ยึดติดกับคอมเมนต์ว่าจะมากหรือน้อย แต่ถ้ามีมันก็ดีตรงที่เราได้รู้ทัศนะความคิดของคนอื่นในเรื่องที่เราแสดงทัศนะความคิดออกไป แล้วก็เห็นด้วยกับคุณอานะค่ะที่ว่าคำติที่ไม่น่าฟังดีกว่าคำชมที่ไม่จริงใจ

ขอสารภาพค่ะ ว่าเคยลบคอมเมนต์ที่มีคนเข้ามาก่อกวน อ่านแล้วรู้สึกว่าเค้าเจตนาไม่ดีเลยไม่อยากเก็บไว้ให้รกตาคนอื่นและตัวเอง

แล้วที่ชอบมาอ่านบล็อคอาโดมก็เพราะว่าได้รู้แนวคิดทัศนะจากอาโดมและคนอื่นๆค่ะเหมือนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านตัวหนังสือ คนเราแค่มีความปรารถนาดีให้กันแม้ไม่เจอหน้ากันก็สามารถรับรู้ได้ จริงไหมค่ะอา

 

โดย: มัยดีนาห์ 29 สิงหาคม 2550 23:22:40 น.  

 

แม่ลูกคู่นั้นน่ารักจัง"ตะเบบูญ่า กับหนูน้อยจินนี่"

ในงานสมาคมนักเขียนมาเชียงใหม่บนเวทีเสวนา
มี ผู้ร่วมสัมมนาคนหนึ่ง
นำเรื่องบล็อกมาพูด ซึ่งเป็นทัศนะที่ไม่ค่อยดีนัก และมีผู้ร่วมสัมมนาอีกคนหนึ่ง พูดคัดค้านอย่างสภาพแต่มีน้ำหนักยิ่ง

อยากเขียนเล่าให้อ่านเหมือนกันนะ แต่มันยาวหน่อย อยากอ่านไหม

 

โดย: แพรจารุ 30 สิงหาคม 2550 1:26:16 น.  

 

เห็นชื่อนี้มานานแล้วค่ะแต่ไม่เคย
คิดจะเข้ามาเพราะใจคิดว่ามันจะ
ต้องเป็นสาระเพียวๆๆเข้มข้น
ตึ๊งๆๆ แน่ๆ พอดีวันนี้ว่างๆเลยแวะเข้ามาอ่านเล่น แต่ไม่รู้ว่าทำไม
ตัวอักษรก้อเย๊อะ เยอะ อ่านจบ
อ่านหมด อ่านไม่เบื่อ

อ๊ะจ๊ากกก!!! แปลกแต่จริง

สำหรับซาซ่าส์ อิ อิ เปลี่ยนจากป้าซ่าส์มาเป็นซาซ่าส์เพื่อความกระชุ่มกระชวย ชีวิตต้องซาบซ่าน
ไปด้วยความสุขซิคะแม้จะมีปัญหามั่งแต่มันก็เป็นแค่เรื่องขำ
ขำ อีกเรื่องหนึ่งที่เข้ามาแล้วประเดี๋ยวก็จากไปจะมัวมานั่ง
แหง่ววว ทำไมกันละเหนื่อยตายเลย แถมหน้าแก่อีกต่างหากเน๊าะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะหมายความว่า
ยินดีจริงๆที่ได้รู้จักคุณค่ะ

ถ้าจะให้เม้าส์เรื่องบล๊อคแกงค์เหรอคะ เอ้อ ซาซ่าส์คิดว่า.....

โปรดติดตามตอนต่อไปในเม้นต์หน้า......

 

โดย: ป้าซ่าส์ 30 สิงหาคม 2550 1:59:36 น.  

 

ภาพถ่ายบรรยากาศวันงานฯ ดูบันเทิงเริงใจดีค่ะ

ภาพสองหนุ่ม (น้อย) และพิธีกรสาวที่น่ารัก ดูสดชื่นแจ่มใส ทำให้คิดถึงบรรยากาศจริงที่ได้ไปสัมผัสมา

อ้อ...แม่ลูกผูกพันอบอุ่นแท้ ๆ ค่ะ

แวะมาอ่านความเห็นจากใจของพ่อพเยียว่าด้วยเรื่องบล็อก

สำหรับคืนนี้ โนคอมเมนต์เรื่องบล็อก เพราะจะทำงานต่ออีกนิด แล้วไปงีบค่ะ เช้านี้มีงานสำคัญที่ต้องทำรออยู่ ไว้ค่อยมาคุยใหม่นะ

หมายเหตุการณ์ ว่าแต่เราคุยกันในโลกเสมือนจริงนี้มาตั้งแต่ปี 2544 แล้วเหรอนี่ อือม์...นานโขอยู่นะ หลายปีทีเดียวเชียว

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.179.79 30 สิงหาคม 2550 2:31:03 น.  

 

มาแล้ววววค่ะ คุณพ่อพเยีย พอดีช่วงก่อนหน้านี้เจอพิษสุนัขบ้าค่ะ เที่ยวไล่กัดกาเนี่ยน แต่...ตอนนี้โดนฉีดวัคซีนป้องกัน (เกือบโดนครอบตะกร้อที่ปากแล้ว)

วันนี้บล็อกคุณพ่อพเยีย โดน(ใจ) อีกแล้ว ความจริงแล้ว บรรดาบล็อกทั้งหมด ชินคิดว่าบล็อกคุณพ่อพเยีย ดูมีชีวิต เป็นตัวอักษรที่มีความรู้สึกนะคะ อาจเป็นเพราะชินชอบค่อยๆ ลากลงมาอ่านทุกบรรทัด มัน...รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ถ้าถามชินว่า เขียนบล็อกไปทำไม สำหรับชิน คือ "ความรู้" และ "ความอยากรู้" ซึ่งชินคิดว่าน้อยคนจะมาอยู่แอฟริกา หากมาน้อยคนจะดำดิน เอ้ย..ลงลึกในพื้นที่ ...หากย้ายไปประเทศที่เจริญแล้ว หรือกลับญี่ปุ่น ,ไทย อาจไม่ได้เขียนบล็อกค่ะ

ปล. แหม....รูปคุณพ่อพเยียเข้มจัง

 

โดย: shin chan (alei ) 30 สิงหาคม 2550 3:17:11 น.  

 

สวัสดีครับโดม

ผมรู้ว่าบล็อกมันมีเสน่ห์แต่ผมไม่เก่งเรื่องจัดทำเอาเสียเลย รูปแบบให้มาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนเดิม
ห่างหายไปหลายวัน วันนี้เพียงเข้ามาเยี่ยมก็เย็นเยือกและเยือกเย็นเพราะเสียงเพลงอันแสนไพเราะ
บล็อกอาจทำให้คนที่เขียนหนังสือไม่ออก เขียนออกได้หลายคน - ความเข้าใจส่วนตัวของผมคนเดียวนะครับ

 

โดย: ครูคม IP: 203.146.63.184 30 สิงหาคม 2550 5:13:00 น.  

 

หวัดดีคุณโดม
มาแล้วคะ หนูมมาแล้วคะ อ่านจบไปหนึ่งเรื่อง เห็นรูปคุณพิบูลย์ศักดิ์ และตะเบบูญ่า สวยทั้งแม่และลูก บุญสิตาเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเมื่อ๒๕๔๔เพราะอ่านกุลสตรี หมอดูเขาบอกเข้าอยู่ในเว็บนี้ ก็เลยเสียเงินสิบบาทเข้าไปอ่านดูดวง ส่วนตาสตีฟรู้จักคอมพ์ตอนอายุห้าขวบ แกว่านะมันเกิดก่อนแกสองปี แกกับเพื่อนชื่ออิริกร่วมกันเปิดบริษัทเล็ก ๆ พอเก่ง ก็แยกย้ายกันทำส่วนตัวนี้ก็สิบห้าปีแล้ว จากไอ้หนุ่มช่างกลโรงงาน มาเป็นช่างคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ยกบริษัทให้ลูกชาย ผันตัวเองไปเป็นลูกจ้างเพราะเตรียมรีไทร์ ตัวเอง

 

โดย: บุญสิตา (ดาวกระพริบฟ้า ) 30 สิงหาคม 2550 7:19:08 น.  

 

อะจึ๋ยยย..ไม่มีความเห็นเรื่องบล็อกจ้ะ
เพราะทุกวันนี้กิน-นอนอยู่กับบล็อก
มันชิดใกล้มากจนมองไม่เห็น
เหมือนคนรักนั่นแหละค่ะ ยิ่งใกล้ยิ่งไม่นึกถึง
นึกถึงคนอื่นก่อน เอ้า ไปนั่นเลย

....อันที่จริงความในใจนิดนึงก็คือ
ความสุขในการทำบล็อกของน้องหนูก็คือ
การได้เขียน ได้รวบรวมความคิด ได้ทดลองบางความฝัน
ตอนแรกเริ่มในการทำบล็อก
คิดว่ามันคงไม่ต่างจากการเขียนบันทึกในไดอารี่
แต่พอทำจริงๆไม่ใช่แฮะ เพราะเรามีคนมาอ่านด้วย
เราเขียนอะไรไปส่วนตัวมาก ก็ไม่งามนัก
เราเขียนสิ่งที่ไร้คุณค่า ก็น่าอายเค้า
ก็จึงต้องมีการคิด สร้างสรรค์ให้มากขึ้น
การเขียนบล็อกจึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของตัวเองอีกต่อไป...

บล็อกเป็นสิ่งที่มี และไม่มีชีวิต
มีชีวิต เพราะมันมีผู้คน มีเพื่อน มีถ้อยคำ มีรัก มีชอบ
มีหมั่นไส้ มีอัตตา มีประชด มีน้อยใจ มีมิตรภาพ
ไม่มีชีวิต เพราะเป็นว่างเปล่าอีกรูปแบบหนึ่ง
เป็นเพียงตัวอักษรที่ล่องลอยในอากาศ
ไม่มีใครสัมผัสใครได้จริง

น้องหนูทำบล็อก แน่นอนอยากให้คนมาอ่านมากที่สุด
ไม่ใช่ปริมาณ แต่เป็นเนื้อหาของสิ่งที่เค้ารู้สึกจากสิ่งที่เราเขียน
สิ่งที่ได้จากถ้อยคำของคนเข้ามา คือแนวทาง คือกระจก
คือกำลังใจ

น้องหนูไม่เคยคาดหวังกับมิตรภาพที่จะได้จากพื้นที่แห่งนี้เลยจ้ะ
ห้องความสัมพันธ์แคบและระยะเวลาสั้นเกินไป
ที่เราจะตัดสินใครได้
โลกของบล็อก(ของน้องหนู)ก็เลยเป็นเพียง
อีกพื้นที่ของกระดาษในสมุดบันทึกเท่านั้นเอง
(เพียงแต่บันทึกเล่มนี้วางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขก..)

และคนเขียนบล็อก ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเรียกว่าคนที่อยากขีดเขียนเท่านั้นเองค่ะ

ปล.พี่โดมตัวจริงที่ได้พบโดยบังเอิญ ไม่เหมือนที่คาดไว้
(แหะๆคิดว่าต้องอาวุโส ) ไม่บอกว่าเห็นที่ไหน..

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 30 สิงหาคม 2550 7:54:18 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ

แรกๆๆ รู้จักก็ได้แต่เปิดดูของคนอื่นๆเขาค่ะ
เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่งไรดี
เพราะมืดแปดด้านเลยค่ะ
ขนาดจะอัฟบล็อคก็ยังไม่เป็น อิอิ..
ก็ศึกษาอยู่นานสองนาน
จนกระทั่งเอาจริงเอาจัง
เปิดบล็อค"ป้ามด" นั่งอ่านสิบๆๆรอบได้ ..
อ่านแล้วค่อยๆทำไปตามที่ป้าอธิบายไว้..

และรู้สึกว่าทุกวันนี้จะขาดบล็อคไม่ได้แล้ว..
เพราะว่า หลงรัก บล็อคแก๊งค์แห่งนี้ซะเต็มหัวใจแล้ว

บางทีบล็อคแก๊งค์เป็นส่วนตัวได้เลย
เพราะเราสามารถทำอะไรเป็นตัวเราลงในบล็อคแก๊งค์ได้..

แต่ก็ไม่คาดหวังอะไรเลย
ทั้งตัวเอง และจากคนที่แวะมาเยี่ยมดิฉัน
และบล็อคดิฉันต้องสวย เนื้อหาต้องมีสาระ
เพราะดิฉันเอง ก็ไรสาระไปวัน...

บางทีอ่านคอมเม้นท์ที่เพื่อนๆเม้นท์ไว้แล้ว
ก็ยิ้มได้ บางคนเขียนแซวกันเล่น ก็ขำ ยิ้มกับคอมได้ ..

ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสุขค่ะ
และรู้สึกว่าชอบบล็อคแก๊งค์แห่งนี้มากๆค่ะ..



ปล. เพลงเพราะดีค่ะ

 

โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย 30 สิงหาคม 2550 8:26:17 น.  

 

นั่นแน่ แอบเอาภาพกว้างหน้าเวทีออกไปเหรอคะ
ชอบออกภาพนั้น เท้าเปล่ากันทุกคน เอาคืนมานะๆๆ

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 30 สิงหาคม 2550 8:34:03 น.  

 

 

โดย: ชมจันทร์ 30 สิงหาคม 2550 8:34:12 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่โดม

มาอ่านอยู่หลายเพลา เทียวไปเทียวมา รอดูรูป รออ่านบรรยากาศจากคนที่ไปร่วมงานและเอามาเล่าให้ฟัง นั่งวาดเหตุการณ์ตามเสียงเล่าเหล่านั้น วันนี้ได้เห็นภาพแล้ว และคำถามที่ตั้งไว้เองว่า พี่เขาพูดคุยเรื่องอะไรบ้างก็พอได้รู้บ้างแล้ว
คิด ๆ ไปแล้วก็เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะว่าพี่โดมเขียนอะไรที่อื่นก่อนมาที่นี่ และภูเพยียเข้าใจวัตถุประสงค์ในการเขียนบล็อกที่แตกต่างกันออกไป อยากบอกว่า เริ่มแรกนั้น การมาอยู่ในโลกเน็ตที่เราไม่รู้จักหน้าค่าตากันมาก่อน เราจะสื่อสารกันยังไง เพราะในชีวิตจริงเราจะไม่ส่งจดหมายหาคนที่เราไม่รู้จักหรือคุ้นเคย หรือแม้แต่เขียนจดหมายไปคุยกับนักเขียนที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะชอบใครมากสักแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยถึงขนาดที่ต้องเขียนจดหมายไปหาเขา เราซื้อหนังสือเขาก็พอ และก็ไม่ค่อยอยากรู้ด้วยว่าชีวิตจริง ๆ ของเขาจะสวยงามเหมือนตัวหนังสือนั่นไหม แต่อย่างน้อยเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเขียนเรื่องราวหรือการถ่ายทอดไม่ว่าจะเขียนอะไรก็ตาม ชีวิต ความคิดของนักเขียนท่านนั้นก็จะสอดแทรกมาในตัวหนังสือนั้นเสมอ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง มุมมองชีวิตประสบการณ์ที่ต่างกัน ก็เรียบเรียงออกมา มันคงไม่โดดออกความเป็นตัวตนของเขาสักเท่าไร แล้วมันจะสำคัญแค่ไหนที่เราต้องค้นหาตัวตนของเขาว่า เขาเป็นอย่างในนิยายที่เราอ่านหรือไม่ การเลือกหนังสือสักเล่ม จะชอบชื่อเรื่อง ชอบงานของนักเขียนท่านนั้นมาก่อนจากการติดตามผลงาน หรือด้วยเหตุผลที่เป็นเบสเซลเลอร์ซึ่งทำให้เราอยากอ่านมากขึ้น นั่นก็เป็นวิธีการของธุรกิจ แต่ส่วนสำคัญของการเลือกหนังสือ เพราะเราอ่านหนังสือมาก่อน และคนเขียนหนังสือต่างหากที่แนะนำเราให้อ่านเล่มนั้นเล่มนี้ อย่างน้อยเขาก็มีแรงบันดาลใจจากตรงนั้นตรงนี้ นี่ต่างหากที่เราตามอ่านต่อโดยไร้ข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องบล็อกนั้น ถ้าไม่ได้ลูกสาว ก็หนักหนาเอาการ เพราะเขาเล่นที่เว็บyenta4มาก่อน และก็งงว่า เขาทำอะไร เขาก็บอกว่า เขาเขียนไดอารี่ แม่ก็ถามว่า เขียนไดอารี่ ทำไมต้องเขียนในเว็บ แล้วทำไมเขาต้องมาอ่านไดอารี่คนอื่นด้วยล่ะ ลูกสาวก็หัวเราะค่ะว่า เขียนอะไรก็ได้นะแม่ เล่าเรื่องอะไรก็ได้ บันทึกประจำวัน แล้วก็มีเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ขึ้นทุกวัน มันมีชีวิตจริง ๆ นะแม่ เราต้องคอยตอบคอมเม้นท์คนอื่นที่เข้ามาคุยกับเราอีก

ยอมรับค่ะว่าแปลกใจเป็นที่สุด บล็อกลูกสาวเขาทำสวยแบบเด็ก ๆ แต่ภาษาเน็ตที่เขาคุยกันต่างหากที่เราอ่านไม่ได้ ยิ่งเห็นบางช่วงที่เขาใช้เอ็มเอสเอ็น แล้วเราก็งงอีกว่า คนที่คุยกันทางเอ็มเอสเอ็น จะนัดเจอกัน ไปคุย ไปฆ่าได้ด้วยเหรอ มันเปิดโลกของเราโดยแท้ ก็ได้แต่เตือนภัยกับเขาว่า อย่าให้เบอร์โทรฯใคร และอย่าหลงเชื่อใครเป็นอันขาด เพราะการเขียนอะไรโดยไม่เห็นตัวนั้น เขาจะเขียนอะไรก็ได้ ยิ่งเจอคนขี้เหงาหรือขาดประสบการณ์ก็อาจเผลอไผลไปได้ ก็ได้แต่เตือนให้ลูกระวังว่า การมีเพื่อนในโลกจริงมันดีกว่าไม่ใช่หรือ
แต่อย่างว่าแหละค่ะพี่โดม เด็กสมัยนี้เริ่มมีโลกส่วนตัวสูงเอามาก ๆ ภูเพยียไม่ได้ปล่อยให้เขาหลงใหลไปโลกเน็ตมากขนาดนั้น เพราะทุกอย่างมันมีทั้งดีและไม่ดี เราควรหาประโยชน์จากการท่องเน็ตจะดีกว่า ซึ่งตัวเองก็เห็นประโยชน์มาก ๆ ก็ตอนที่ลูกสอนนี่แหละค่ะ แล้วเราก็ลงมาสัมผัสเอง
ภูเพยียเห็นชื่อบล็อกแก๊งของพี่โดมจากขวัญเรือน และจากที่อ่านคอลัมน์ของพี่เป็นประจำ ก็ถามลูกอีกแหละค่ะว่า มีนักเขียนที่แม่ชอบเขียนอะไรในบล็อกด้วยนะ เขาก็ยิ้ม ๆ และก็สมัครสมาชิกที่พันทิป สร้างบล็อกให้ และก็เป็นครั้งแรกที่กล้าเข้ามาทักพี่โดม ที่ดีใจกว่านั้นรู้สึกว่าพี่เป็นนักเขียนไม่ถือตัว เราเป็นใครไม่รู้ พี่ก็ยังเอาใจใส่มาพูดคุยด้วย อาจเป็นความประทับใจในเบื้องต้น และที่น่าสนใจคือเรื่องราวที่พี่ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือที่เป็นกันเอง เล่าเรื่องจริงประสบการณ์จริงและให้ข้อคิดอะไรสอดแทรกเสมอ บางทีพี่ก็สละเวลาไปทักทายที่บล็อกภูเพยีย พี่อาจจะไม่ได้จำก็ได้ว่าพี่บอกว่าอย่างไรกับภูเพยียครั้งแรก พี่โดมบอกว่า “อยากเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะครับ เดี๋ยวก็อ่านได้เอง” นั่นแหละค่ะ ที่ทำให้รู้สึกว่าจริงแฮะ เขียนไปเถอะตามใจเรา เหมือนที่เราเขียนบันทึกไดอารี่ทุกวัน แต่เปลี่ยนเป็นมานั่งพิมพ์หน้าจอ และบล็อกก็มีลูกเล่นเยอะ หน้าบล็อกก็สวย เขียนเอง อ่านเองไปก่อน พยายามเขียนไม่ให้ผิดมากนัก และระลึกไว้เสมอว่าอย่าไปเขียนเบียดเบียนใครก็พอ เพราะเวลาเขียนหน้าจอแล้วใครเผลอไปอ่านมันก็เป็นเรื่องของสาธารณะแล้ว ก็ควรระวังในระดับหนึ่ง ส่วนการหวังให้ใครมาอ่าน มาสนใจ มันก็หวังไม่ได้หรอกค่ะ เพราะต่างคนต่างที่มา การมาคนเดียวก็หัดเขียนไปก่อน เพราะตัวเองก็ต้องยอมรับในระดับหนึ่งว่า ไม่เคยสะเปะสะปะไปคอมเม้นท์ใครเพื่อหวังผลให้ใครต้องกลับมาที่บล็อกตนเอง แต่ไปเขียนและหอบใจจริงไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งนับไปนับมาไม่กี่คนค่ะ และเขาก็ให้เกียรติตอบเราทุกครั้ง ก็เป็นที่น่ายินดีมาก เพียงแต่พักหลังเริ่มติดนิสัยเหมือนเดิมคือ ชอบอ่านอย่างเดียว ไม่ค่อยเขียนอะไรทิ้งไว้ เกรงใจเขา เพราะเราชอบเขียนอะไรไร้สาระ ยาว ๆ มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อ แต่อยากบอกว่าเขียนจากใจทุกครั้ง และก็กลับมาเขียนอะไรแบบตัวเอง แสดงทัศนคติต่อสิ่งรอบตัวในแบบที่เราคิด ตามประสบการณ์ชีวิตของเรา โดยคาดหวังไม่ได้ว่า จะสามารถเขียนแบบนี้ไปได้แค่ไหน ซึ่งมันต่างกับการอ่านหนังสือ เพราะยอมรับเลยค่ะว่า เสียดายเวลาถ้าปล่อยให้มันว่าง ๆ โดยไม่อ่านอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนเหมือนเมื่อก่อนนัก
ยิ่งตามดูโครงการสัญจรไม่ว่าจะเป็นพี่หรือพี่ปอนจะไปที่ไหนจากบล็อก ภูเพยียเองก็รับทราบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น เพราะเราไปไม่ได้ ต่อให้อยากเห็นตัวจริงก็เถอะ เจอจริง ๆ ก็คงไม่ทราบว่าจะกล้าทักหรือกล้าพูดกับพี่ ๆ หรือเปล่า จริง ๆ แล้วอยากมาขออนุญาตพี่เซฟรูปและบทความกระทู้นี้ของพี่ไว้ แทนการได้รู้จักตัวจริง ถือเป็นความประทับใจส่วนตัวค่ะ
มาที่นี่ก็อ่านทุกคอมเม้นท์ค่ะ คุ้นเคยแทบทุกชื่อที่นี่ แต่ขอออกตัวว่าไม่ทราบจะทักแบบไหน คุยแบบไหนจึงจะพอดี ไม่ว่ากันนะคะ เพราะแอบอ่านของทุกท่านที่พูดคุยทักทายแบบสนิทสนมและคุ้นเคยกัน ทำให้คนที่ผ่านไปมาก็รับรู้และสัมผัสความอบอุ่นนี้ได้ถ้วนทั่ว
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ภูเพยีย 30 สิงหาคม 2550 8:49:19 น.  

 

กลับมาแล้วค้าบ....

อุ่นหนาฝาคั่งคั่กๆ เช่นเดิมหนอพ่อพเยีย....
เลื่อนชั้นเป็นพ่อกำนัน...สงสัยต่อไปปลายแปรงส่งสมัคร อบต.ท่าจะดี..

เสร็จงานเรียบร้อยแล้วค่ะพี่โดม....เหนื่อยนิดหน่อย แต่ป้าพิศล้มกลิ้งไปแล้ว เพราะเป็นคนจ่ายตลาดตอนเช้า 5-6 วัน เดี้ยงจริงๆ....

ปลายแปรงเป็นเด็กเสริฟกะผจก.ทั่วไป และรับเวรเฝ้าศพก่อนสว่าง.....โชคดีที่คนไม่ค่อยจะเยอะนัก เพราะช่วงนี้งานบุญเยอะมากๆ บางวันกินงานแต่งซ้อนๆกัน 3 งาน งานศพเลยไม่ค่อยจะมีคน แต่วันก่อนปลงก็คนเยอะ...เล่นเอาขาแข็งเหมือนกัน

เมื่อวานเพิ่งทำบุญตักบาตรเป็นอันครบถ้วนต่อไปก็เหลือทำบุญร้อยวัน......

เปิดบล๊อคไว้ตั้งแต่วันรอศพน้องจากภูเก็ตก็เพิ่งเข้ามาสะสาง เพราะที่บ้านคนมานอนกันเต็มไปหมด จนแมวไม่มีที่อยู๋หอบลูกหนีให้อลหม่านไปหมด...แต่ก็มีบ้านหลายหลังนอนๆกันได้ทุกที่ ญาติกันทั้งนั้น
แม่ครัวยังบอกว่าถ้าหุงข้าว 6 หม้อ แค่พี่น้องก็ปาไป 3 หม้อแล้ว ที่เหลือก็แขก......
ป้าเปีย...แม่น้องวุฒิ แกก็เข็มแข็งแล้ว เสียใจน่ะไม่ต้องพูดถึง แต่แก้ป็นคนแข็งแกร่งเพราะต้องปกครองคนเยอะ...เพียงแต่เสียดายเด็กคนหนึ่งซึ่งมีอนาคต
แต่ชีวิตก็คือชีวิตเนอะ....



เอาภาพมาฝาก...แล้วแต่ใครๆจะตรองตรึง เพราะชีวิตสุดท้ายไม่ต่างกัน

@@@ สายลมพัดเถ้า
อย่าแก่งแย่ง...แข่งขันจนขาดมิตร
อย่าหลงผิด...เดินทางพลาดจนขลาดเขลา
อย่ามัวเมา...วัตถุจนลืมธาตุแห่งตน
เพราะแต่ละคน...ล้วนล้มหายเพียงดินกลบหน้า..เพียงสายน้ำพัดเถ้าอังคาร
เพียงเท่านั้น....

 

โดย: ปลายแปรง 30 สิงหาคม 2550 9:56:24 น.  

 

พี่โดม

แต่งเนื้อแต่งตัว วัยรุ่นมาก :)

จากเน็ต สู่บล๊อก ม้นก็มีพัฒนาการไปเรื่อย ไม่หยุดนิ่ง

เช็คอีเมล์หรือยังครับ มีข่าวส่งไปให้


คุณตะเบบูญ่า
เห็นหน้าชัดเจนคราวนี้เอง พร้อมลูกสาวน่ารัก งานสร้างคนอุ้มชูคนให้มีคุณภาพในสังคมเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ นะครับ

สวัสดีทุก ๆ คน

 

โดย: J IP: 203.154.114.253 30 สิงหาคม 2550 10:04:48 น.  

 

สวัสดีครับ วันนี้ถ้าใครชอบอ่านก็ตาแฉะไปเลย ใครไม่ชอบอ่านก็คลิกผ่านไปเลยนะครับ ไม่ว่าอะไรกันอยู่แล้ว...


สวัสดีครับnaigod


เดี๋ยวรอให้มีเวลาผมจะแว้บเข้าไปอ่าน ว่าคุณเขียนอะไรไว้บ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าตอนบวช คุณคิดอะไรและทำอะไรบ้าง

10 เดือน 15 วันนับไม่น้อยทีเดียว

ผมไปบวชรอบสองตอนแก่ๆเมื่อปี 2546 แค่ 15 วันเอง แต่ว่าเป็น 15 วันที่มีประโยชน์สำหรับชีวิตวันนี้ทีเดียว

ได้เห็นตัวเองบางแง่มุม ซึ่งในขณะก่อนบวชยังไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน และมีประสบการเพียงลำพังหลายอย่างที่ดีๆยังคงอยู่ในความทรงจำ

สำหรับสวนโมกข์นั้นผมเคยไปเที่ยวชมอย่างเดียว ยังหวังว่าเมื่อมีโอกาสก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศความเงียบสงบที่โน่นบ้าง


สวัสดีจ้ะหนูสีน้ำฟ้า


ขยันเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ความรู้เอาไว้ไม่เสียหลายหรอกจ้ะ ขอให้สนุกกับทุกๆกิจกรรมที่ได้ทำ นะ

สวัสดีจ้ะฮอลล์

แหม...วันนั้นถ้าไม่ได้พิธีกรสวยเก่งอย่างฮอลล์ไปช่วยดำเนินรายการ งานคงกร่อยแน่

ความเห็นที่ได้พูดคุยกันวันนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่เรานำมาคิดต่อก่อประโยชน์ได้

สมาคมนักเขียนจะจัดแสดงความยินดีกับกวีซีไรต์คนใหม่ มนตรี ศรียงค์ที่ไหน เมื่อไร หรือเปล่า ?


สวัสดีจ้ะยานา

ยานาเขียนกลอนได้เข้าท่าทีเดียว ถ้าฝึกบ่อยๆ เขียนบ่อยๆ คิดว่าน่าจะได้บทกลอนดีๆอีกหลายบทนะ

เขียนอยู่ที่บล็อกชบาฉาย แต่มาตอบที่นี่ไม่เป็นไรนะครับ

สวัสดีคุณ p tim

สนุกจริ๊ง จริง ขึ้นดอย...แล้วก็ลงดอย...แล้วก็ขึ้นดอย เห็นวิวข้างทางสวยๆทั้งนั้น

คุณเคยสังเกตบ้างไหมครับว่า...ระหว่างทางขึ้นดอยโป่งแยง ข้างทางตรงไหนสวยที่สุด ขอให้คุณจำไว้นะครับ คราวหน้าถ้าผมไปจะรบกวนให้คุณพาไปดูตรงที่ว่านี้หน่อยจะได้ไหมครับ ?


สวัสดีครับคุณชมจันทร์

ขอบคุณผลซีไรต์ที่นำมาบอกครับ ผมขอแสดงความยินดีกับเจ้าของรางวัลซีไรต์ปีนี้คือ คุณมนตรี ศรียงค์ "หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก" คนนั้น...

ผมเคยอ่านบทกวีของเขามาบ้าง และได้พบกันในโลกอินเตอร์เน็ตแถวๆไทยไตอร์อยู่พักหนึ่งด้วยความรู้สึกที่เป็นมิตร
ถึงแม้ไม่สนิทสนมกันนัก แต่เจอหน้าก็ทักทายกันตามประสาคนชอบเขียนชอบอ่านเหมือนๆกัน

ถ้าแม่เกาลัดแก่แล้ว อย่างผมจะชรามากไหมเนี่ยะ ?

สวัสดีจ้ะหลานนก

ถึงที่สุดในเรื่องของธรรมะ
หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราได้ยินกันบ่อยๆ

ก็ต้องจากที่เรามองเห็นประโยชน์ในสิ่งนั้นนั่นแหละ เราจึงจะน้อมนำมาปฏิบัติ

ถ้ายังไม่เห็นประโยชน์อย่างแท้จริงก็เป็นเรื่องยาก

ขนาดเห็นๆยังไม่ง่ายเลยจ้ะ


สวัสดีครับแม่น้องนิก

คิดถึงก็แวะเวียนมาคุยกัน
ไม่ได้คุยกันก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
เพราะรู้สึกเหมือนยว่าอยู่ใกล้กันเพียงแค่ "คลิกครั้งเดียว" ก็ถึงแล้ว


สวัสดีจ้ะหนูมัยดีนาห์

ที่จริงอาชอบใส่เสื้อทีเชิร์ต มันสบายเนื้อสบายตัวดี แต่ไปในสถานที่ราชการก็เลยใส่แขนยาวเพื่อให้ดูสุภาพขึ้นหน่อย

เสื้อช่วยลดวัยได้เยอะเลยนะเนี่ยะ
ตอนแรกอาคิดว่ามัยดีนาห์เขียนกลอนอย่างเดียว วันก่อนเห็นนิยายด้วย ดีแล้วหละรู้จักตัวเองตั้งแต่เด็กว่าชอบทำอะไรแล้วก็ได้ทำ ทำๆไปเถอะ...เดี๋ยวก็จะดีเอง

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นในเรื่องการเขียนบล็อกของหนู ก็แลกเปลี่ยนกันไป

อาชอบการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันรู้ไหม เพราะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนี่มันทำให้เราได้รับรู้ความคิดเห็นของคนอื่นในเรื่องนั้นๆ

ความคิดเห็นเมื่อแลกเปลี่ยนกันแล้ว ทั้งความคิดเห็นของเขาและของเราก็ยังอยู่ครบ

แต่หากใครเห็นประโยชน์จากความคิดเห็นของฝ่ายหนึ่งว่าเป็นประโยชน์ก็เอาไปเพิ่มเติมของตัวเองได้ หากไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาไป ก็ไม่เป็นไร

แต่ที่รู้ๆทำให้เรารู้จักกันเพิ่มขึ้นไง

สวัสดีจ้ะแพร จารุ

เรื่องความคิดเห็นหรือทัศนะที่มีต่อบล็อก ต่อคนเขียนบล็อก ฯลฯ เราว่าหนีไม่พ้นพุทธพจน์ที่ว่า " นานา จิตตัง" หรอก ต่างจิตใจต่างใจกัน

ที่จิตต่างกันก็เพราะสิ่งที่มีในจิตนั้นต่างกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาอีกนั่นแหละ - ชอบใครชอบมัน ไม่ว่ากัน

แต่อยากรู้เหมือนกันว่าใคร บอกใบ้ก็ได้นะ เพราะถ้าเจอหน้าเราจะได้ไม่ไปชวนเขาทำบล็อกเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะหน้าแตก (5 5 5)


สวัสดีคับคุณซาซ่าส์

ผมเคยตามชื่อนี้ไปจากบล็อกคุณพ่อบูครังหนึ่ง ด้วยคอมเม้นท์อารมณ์ดีนี่แหละ แต่ผมไม่ได้ทักทายอะไร เพราะตอนนั้นไม่มีอะไรจะคุยนั่นแหละครับ

ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณเช่นกัน
แล้วจะรออ่านคอมเม้นท์หน้าของคุณ ว่าจะเป็นอย่างไรนะครับ

สวัสดีจ้ะหนอน

ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยะ ว่าเรารู้จักกันมานาพอสมควรแล้ว

ก็เพราะโลกอินเตอร์เน็ตนี่แหละ
ตอนนั้นพ่อพเยียประกาศหาหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกของตัวเองเรื่อง "คลื่นเมฆบนผิวน้ำ" เพราะที่ตัวเองไม่มีแล้ว

คุณหนอนจัดส่งมาให้ทางไปรษณีย์ถึงบ้าน จึงทำให้พ่อพเยียมีหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกของตัวเองอยู่ในตู้ทุกวันนี้

สวัสดีครับคุณชิน

เงียบหายไป ผมก็แว้บไปดูเห็นยังไม่อัพบล็อก เผื่อจะมีภาษิตขำๆปนทะเล้นน่ารักๆจากคุณอีก

รูปผมเข้มไปหรือครับ...น้องโซดาขวด

สวัสดีครับครูคม

ผมก็เข้าไปที่โอเคเนชั่นบ้างเหมือนกัน แต่เวลาจะคอมเม้นท์ต้องล็อกอินก่อน บางทีก็แค่อ่านๆแล้วก็กลับบ้าน

เรื่องบล็อกผมก็ไม่เก่งหรอกครับ ทำได้แค่นี้ถือว่าเก่งสุดยอดสำหรับตัวเองแล้ว

ถ้าอยากทำลองๆเรียนรู้ดูสิครับ...รับรองว่าขับมอเตอร์ไซค์ยากกว่า(สำหรับผมนะ)

สำหรับความเห็นของคุณที่ว่า ผมก็ว่ามีส่วนจริงครับที่ว่า...

บล็อก"อาจทำให้คนที่เขียนหนังสือไม่ออก เขียนออกได้หลายคน - ความเข้าใจส่วนตัวของผมคนเดียวนะครับ"

ก็ถือว่ามีส่วนครับในเรื่องนี้...สำหรับผมยังมีข้ออื่นๆอีก แต่ทว่าเมื่อวานอัพบล้อกเสียยาวเหยียดรวดเดียว ก็ยังมีหลงหูหลงตาไปอีกหลายปะเด็น เมื่อมีโอกาสก็ค่อยๆนำมาพูดคุยกันใหม่


สวัสดีครับคุณบุญสิตา

แสดงว่าคุณกับผมเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตเวลาใกล้เคียงกัน

และตอนนั้นผมได้รับอีเมล์จากคุณ

อ่านจดหมายคุณทีไรผมยิ้มคนเดียวทุกที นี่เพราะโลกอินเตอร์เน็ตอีกนั่นแหละที่ทำให้เรามาพบกันที่บล็อกแห่งนี้และที่บล็อกดาวกระพริบฟ้า

สวัสดีจ้ะยิปซีสีน้ำเงิน

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องบล็อก

จากเจ้าของ "บล็อกสวย" (ไม่ใช่"เจ้าของบล็อก" สวย )
สวยทั้งรูปและเรื่องราว

บอกมานะ..ว่าพบที่ไหน ใช่ที่ห้องสมุดสวนลุมวันนั้นหรือเปล่า ?

ทำตัวลึกลับน่าดูเลยนะ

 

โดย: พ่อพเยีย 30 สิงหาคม 2550 10:16:31 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณโดม..

ดูจากรูปภาพงานแล้วเป็นบรรยากาศที่กันเองและอบอุ่นมากนะคะ..อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองจังเลย...

สำหรับคุณโดม ดูจากภาพที่เห็นหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจากในบล็อก หรือจากหนังสือ ก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่า คนนี้แหละคือ
" โดม วุฒิชัย " เพราะน้ำเสียงที่
เคยได้ยินได้ฟังมัน
ช่างแตกต่างจากหน้าตามาก

ฮิ..ฮิ..สงสัยละสิ ว่ายานาหมายความว่าอะไรใช่มั้ย...

เพราะหูกับตายังไม่เหมือนกันเลย
ไปแล้ว...งง..ก่อนไปปล่อยให้คุณโดม งง ไปด้วยอีกคน...

 

โดย: ยานา IP: 61.7.171.100 30 สิงหาคม 2550 15:25:08 น.  

 


อาโดมคะ

อาหนุ่มกว่าที่คิดเยอะเลย สงสัยคงเป็นเพราะการแต่งตัวอย่างที่หลายๆ ท่านบอกไว้ นั่นก็คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราดูดี "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" (อาโดมดูดีจริงๆ ค่ะ ถึงหน้าจะดุไปหน่อยก็เถอะ)

บรรยากาศงานเมื่ออ่านจากตอมเม้นท์ดูอบอุ่นนะคะ พอได้เห็นภาพยิ่งทำให้รู้สึกมากขึ้น ขอบคุณทุกท่านที่ทั้งเล่า และนำภาพมาให้ได้ดูกัน พี่ตะเบบูญ่า น่ารักจังค่ะ แต่ที่ติดใจเลยก็คืด ดวงตาของน้องจินนี่ ตากลมโต สดใสจัง

อยากเล่าถึงเรื่องการมาทำบล็อกค่ะ ต้นปีมานี่เอง (ปี 50) นกเริ่มมาจากเล่นแชท ส่วนใหญ่จะแชทโดยไม่คุยกับใคร แต่จะเข้าไปโพสกลอน ซึ่งจะมีเพื่อนโพสกลอนแบบสดตอบโต้กัน โดยไม่ได้มีการเขียนก่อนหรือเขียนเก็บไว้ มีเพื่อนที่โต้กลอนที่ทำบล็อกอยู่ ชวนให้เข้ามาอ่าน และชวนให้ทำบล็อก จะได้เก็บบทกลอนที่เราเขียน เพราะหลายต่อหลายบทโพสในแชท จะกลับมาเขียนใหม่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ด้วยความชอบกลอนนี่เอง เลยเข้าไปคุยกับลุงบูลย์ที่บ้านกวีสีชมพู และเลยได้ตามมาคุยกับอาโดมที่นี่ ทำให้รู้จักพี่ๆ หลายท่าน ทั้ง พี่หนอนเมืองกรุง พี่ตะเบบูญ่า พี่ยานา พี่ยาย พี่ปลายแปรง พี่ยิปซีฯ พี่บุญสิตา คุณแจม คุณนา ฯ จนเอ่ยชื่อไม่หมด

จากวันนั้น ทำให้นกได้อ่านและเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้รู้จักผู้คนเพิ่มมากขึ้น แม่เพียงตัวอักษรก็ตาม บล็อกคืออีกโลกที่เปิดหูเปิดตา และสังคมบล็อก ก็เหมือนกับสังคมทั่วไป คือ มีทั้งดีและไม่ดี นั่นคือเราต้องรู้จักเลือกรับ ใช่มั้ยคะอา

โห เพิ่งรู้ว่า นกเขียนคอมเม้นท์ซะยาวเลย อิอิ

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 30 สิงหาคม 2550 17:19:56 น.  

 

แวะมาเยือน ...วันงานมีนัดสำคัญ เลยไม่มีโอกาสแวะไป ขยายมิตรภาพ เพื่อรู้จักตัวเป็นๆ กับหลายๆ คน ..ตะเบบูญ่า..มีลูกส่าวน่ารักน่าชัง...อาเครญา ไม่รู้เลยว่า เป็นคนที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว
พี่โดม กับ ฮอลล์ นั้น แม้ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นปีๆ แต่ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างกัน ไม่มีห่างหาย..อิอิ มองตา รู้ใจ..

 

โดย: อาเครญา IP: 58.10.65.5 30 สิงหาคม 2550 18:05:52 น.  

 

สวัสดีจ้ะ คุณโดมและทุกๆ คน และ.....เห็นทุกคนมีความสุข ก็พลอยมีความสุขไปด้วย

การที่เราขับรถ ขึ้นดอยลงดอย พูดได้เลยว่า เกือบจะทุกวัน ก็เคยสังเกตุ ตลอดว่าการที่เราจะมองดูว่า ตรงไหนสวยที่สุด มันอยู่อารมณ์ ณ เวลานั้นด้วย บางวันเศร้าห่อเหี่ยว ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ ต้นไม้สีเขียว ถนนร่มรื่น ก็ดูเป็นเขียวเศร้าหมองจัง บางวันมีความสุขไม่รู้เหมือนกันว่า สุขเพราะอะไร เอ หรือว่า ได้อะไรดังใจนิ๊ดหนึ่ง ต้นไม้แห้ง เหลือง ก็ดูดีไปหมด มันเป็นอะไรของมัน เออ ช่วยเฉลยหน่อยจ้ะ

 

โดย: p tim IP: 222.123.128.124 30 สิงหาคม 2550 18:38:45 น.  

 

ยานา พูดงี้ ชมหรืออะไรกันจ้ะ
จะบอกว่า เสียงไม่เหมือนรูปใช่ไหม 55555

ตะเบบูญ่า คุณแม่หน้าใสเด้ง น้องจินนี่ ก็น่ารัก ไม่ได้แกล้งชมนะ ชม จริง ไม่เหมือน ยานาหรอก

 

โดย: p tim IP: 222.123.128.124 30 สิงหาคม 2550 18:44:30 น.  

 

ถึงพ่อพเยียและเพื่อน ๆ น้อง ๆ

ทิ้งท้ายเอาไว้เรื่องเขียนบล็อกที่มีการพูดถึงในเวทีสมาคมนักเขียนพบนักเขียนภาคเหนือ ความจริงในช่วงนั้นเขาคุยกันเรื่องสถานการณ์นักเขียนเหนือกับสิ่งแวดล้อม (หัวใจสีเขียว) แต่ทำไมไม่รู้

ท่าน นิรันดร์ศักดิ์ บุญจันทร์ ก็พูดถึงว่าเรื่องเขียนบล็อกว่า เดี๋ยวนี้ต้องเขียนบล็อกต้องมีบล็อกกัน เพื่อไปคุยกัน ทำไมไม่โทรศัพท์คุยกัน เขียนแล้วก็มีต่อท้ายว่า หิหิ หุหุ (เรียกเสียงหัวเราะได้)

(เราตอบในใจว่ามันถูกกว่าโทรศัพท์)

และแสดงทัศนะต่อว่า มีการเปิดเขียนบล็อกเพื่อเขียนเรื่องแบบเกาหลีและมีคนรอพิมพ์ด้วย

เราเกือบจะพูดแล้วว่า เราก็มีบล็อกด้วย

อีกคนหนึ่งก็เสริมว่า เดี๋ยวนี้นักเขียนส่งต้นฉบับมาทางเมลและต่อท้ายว่า ถ้าสนใจจะส่งรูปภายหลัง
(เราก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน)

แต่คำผกา เธอพูดถึงการเขียนบล็อกว่า เป็นเรื่องดี คนธรรมดา ๆ เข้าถึงโลกการเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย (คือเขาพูดแบบนี้นะ เราจำมาไม่หมด)

ส่วนตัวของเราอยู่ล่างเวทีเห็นด้วยกับคำผกามาก อีกอย่างหนึ่งเราคิดว่า เวทีนั้นมีนักศึกษามาฟังด้วย หากว่า เราอยากได้เขามาเป็นพวกหรือมาอ่านหนังสือ แล้วเราไปปฏิเสธสิ่งที่เป็นของเขา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบล็อกหรืออ่านหนังสือนิยายแนวเกาหลี

มันก็คล้าย ๆ กับผู้ใหญ่เห็นเด็กทำอะไรก็ผิด หรือของ ๆ เขาไม่ดี สิ่งที่เขาเลือกใช้ไมได้ อย่างนี้เป็นต้น

เพราะในเวทีเดียวกันนี้นักศึกษาปรัชญาคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาพูดในประเด็นนี้ ประเด็นที่ว่า เขาต้องอ่านสื่งที่เขาเข้าใจ
เอาละจบแค่นี้ก่อน

ถือว่าเป็นรายงานข้างขอบเวทีอีกฟากหนึ่งจากเชียงใหม่

 

โดย: แพรจารุ 30 สิงหาคม 2550 18:46:34 น.  

 

ข้าน้อยผิดไปแล้ว..ที่บังอาจไป
แตะลุงกำนันเข้า เอาล่ะสิ!!
เป็นเรื่อง..เป็นเรื่อง...

แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนออกมาจากใจทั้งสิ้น! ไม่มีโกหกเพื่อเอาใจ

คนบางคนอาจจะยอมรับความเป็นจริงไม่ได้ แต่สำหรับคุณโดม
ยานาคิดว่าคุณโดมไม่คิดอะไร

ยานาจะบอกความจริงให้ก็ได้ว่า
อยากให้คุณโดมไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่ง แล้วคุณโดมจะรู้ทันที
ว่าที่ยานากล่าวมานั้นเป็นความจริง.

แล้ววันหนึ่งจะมาเล่าให้ฟังอย่างกระจ่างแจ้งว่าทำไม!

 

โดย: ยานา IP: 61.7.173.49 30 สิงหาคม 2550 19:18:59 น.  

 

1. ต้องบอกว่าคราวนี้มีความสุขที่ได้อ่านบลอกและได้เห็นภาพจังค่ะ
2.อยากตอบคำถาม
คุณเขียนบล็อกเพื่ออะไร ? หรือเพราะอะไร ?
ชอบอ่าน
ชอบเขียนบันทึก
ชอบฟังเพลง
และมีภาพถ่าย(ที่คิดว่าสวย) มากมาย
ชอบดูภาพ บางครั้งเราไปเจอภาพบางภาพทำให้ซาบซึ้งน้ำตาแทบร่วง ภาพบางภาพทำให้เกิดแรงบันดาลใจดีๆ ดูแล้วมีความสุข
บลอกแก๊งค์ทำให้เราเขียนบันทึกได้ง่ายๆ มีที่ให้แสดงภาพที่เราถ่าย มีเสียงเพลงฟังไปด้วย แสนจะมีความสุข
สิ่งที่แอบหวังไว้เล็กๆคือนานๆมีใครบางคนหลงเข้ามาที่บลอกของเราเขาน่าจะมีความสุขออกไป


3. ดีใจมากๆ ที่ได้พบบลอกของคุณโดมค่ะ
4.ทำให้พบปะการัง
5.ทำให้พบพิบูลศักดิ์
6.พบคนดีๆ น่ารักๆ ห้อยมาเป็นพรวนนนน

 

โดย: filmgus 30 สิงหาคม 2550 19:38:14 น.  

 


ทำข้อมูลในบล็อกหายไปหมดแล้ว
หายไปไหน หายไปไหน
กลับมาด่วน

 

โดย: เลน IP: 58.8.137.232 30 สิงหาคม 2550 20:34:57 น.  

 

เลนเข้าไปดูหน้าของเลนเขาระบุไว้ว่ายังไม่ได้ระบุหน้าหลัก
ลองเข้าไปหน้าจัดการรุ๊ปบล็อก แล้วเลือกหน้าหลักดูนะ

 

โดย: โดม IP: 124.121.24.90 30 สิงหาคม 2550 20:39:37 น.  

 


สวัสดีจ้ะเลน

ลองเข้าไปที่จัดการกรุ๊ปบล็อก

แล้วเลือกตั้งหน้าใดเป็นหน้าหลัก

 

โดย: โดม IP: 124.121.24.90 30 สิงหาคม 2550 20:42:17 น.  

 

ตามลายแทงน้าปอนมาดูภาพบรรยากาศงานค่ะ เสียดายจังที่ไม่ได้ไป (มีลูกติดพันจากอีกงานหนึ่ง ทั้งที่จัดบริเวณไม่ห่างกันเลย-แค่ถนนวิทยุเองค่ะ T_T)


อ่านถึงตรงเรื่อง "คอมเมนต์ไม่จริงใจ" ของคุณแล้ว ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตามเพราะเห็นด้วยอย่างยิ่ง... เมื่อก่อนก็เคยเจอกรณีเมนต์ไม่ดูตาม้าตาเรือ เราเขียนบล็อกเรื่องแม่เสีย แต่สมาชิกบางคน (ขอไม่เรียกว่าเพื่อนค่ะ จะเป็นแค่คนรู้จักก็เป็นไม่ได้ เพราะไม่รู้จักเลย หุหุ) เข้ามาแปะภาพแล้วเมนต์ทำนองเชิญชวนไปดูบล็อกของเขา พร้อมถาม "สบายดีไหม" ... โอ้โห มันจี๊ดค่ะ ไม่อ่านเรื่องในบล็อกแถมยังทำอะไรที่ไม่ดูกาละเทศะ ถ้ามาแบบนี้ อย่ามาเสียเลยจะดีกว่านะ

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 30 สิงหาคม 2550 22:00:04 น.  

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน

ค่ำแล้ว มาคุยกันเป็นตัวหนังสือดีกว่า

เพราะว่าไม่ต้องใช้หู และไม่ต้องใช้เสียง

เพียงแต่ใช้มือพิพม์ตัวหนังสือ

ปล่อยให้ถ้อยสนทนาออกมาจาก

หัวใจอันสุนทรีย์



สวัสดีครับคุณภูเพยีย

อ่านคอมเม้นท์ของคุณอย่างเต็มอิ่มด้วยความขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นและความรู้สึกออกมาให้อ่านกัน

ผมก็รู้สึกดีใจไม่แพ้คุณหรอกครับที่ได้พบคนอ่านหนังสือเช่นคุณ ผมแอบรู้มาว่าคุณเป็นนักอ่านระดับหนอนทีเดียว และหนังสือที่คุณอ่านก็ระดับวรรณกรรมที่ต้องพวกนักอ่านระดับฮ่าร์ดคอเท่านั้นที่อ่าน (กามูส์ ยังงี้ คาฟก้า ยังงั้น)

มีนักอ่านระดับนี้มาอ่านเรื่องที่ผมเขียน ทำไมผมจะไม่ยินดีใช่ไหมครับ

และที่สำคัญผมแอบรู้มาว่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ และทำดีกับใครก็แอบทำเงียบๆ (แต่ผมรู้นะครับ)

ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณครับ


สวัสดีจ้ะปลายแปรง

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่เอาภาพยอดเมรุและควันไฟมาให้ดูเป็นมรณานุสสติ

ขอให้ความเศร้าโศกของครอบครัวผู้เสียชีวิตค่อยๆคลายจางหายไปกับควันที่ล่องลอยไปก็แล้วกัน

พ่อพเยียก็พยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ วันหนึ่งวันใดก็ต้องพบด้วยกันทุกคน

หวังว่าคนระดับปลายแปรงคงจะปรับใจให้ออกจากบรรยากาศโศกเศร้ารอบๆตัวอย่างเร็วไว แล้วดำเนินชีวิตตามปกติต่อไปนะจ๊ะ

สวัสดีครับ J

ขอบคุณครับสำหรับข่าวที่ส่งมาให้ทางอีเมล์ เพราะเห็นว่าเป็นข่าวจากจังหวัดอุทัยธานีใช่ไหม ?

แต่ไม่น่าเชื่อว่า..ตรงที่ชื่อผู้สื่อข่าวชื่อ สุธน พันธุ์เมฆ เป็นชื่อที่พ่อพเยียคิดว่าน่ารู้จักนะ นามสกุลนั้นแน่นอนเลยว่าใช่เป็นนามสกุลครูของผมสมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม คือครูชะอ้อน พันธุ์เมฆ มีสามีชื่อยก พันธุ์เมฆ


ผมคิดว่า..นักข่าวที่ชื่อสุธน พันธุ์เมฆคนนี้ คือลูกของครูชะอ้อน จำชื่อจริงเขาไมได้หรอก แต่เห็นเขาตั้งแต่เด็กแล้วเขามีชื่อเล่นว่าอ๊อด แต่ไม่ได้พบกันเลย ตั้งแต่เป็นเด็กจนดตเราไม่ได้พบกันเลย แต่เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องกับน้องสาวของผม

วันหนึ่งผมกลับบ้าน แล้วเขาเข้ามาทักทายและแนะนำตัวเองว่าเป็นใครพร้อมให้นามบัตรเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่น และทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น

ก็เลยคาดเดาเอาว่านักข่าวงที่ชื่อ สุธน พันธุ์เมฆคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับ "อ๊อด" ลูกครูชะอ้อนที่อำเภอสว่างอารมณ์ แต่ถ้าผิดก็ต้องขออภัยด้วย

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรไปถามคนแถวบ้านอีกที เพราะอยากจะรู้ว่าความจำของผมยังใช้ได้ดีหรือเปล่า ?


สวัสดีจ้หนูยานา

อ่านทั้งสองคมอมเม้นท์ของยานาแล้วพอจะเดาได้ว่าหมายถึงอะไร ?

แต่ก็ลุ้นว่าขอให้ได้ดีสักทางหนึ่งเถอะว่าจะออกไปทางไหน

ถ้ายานามีเวลาว่าง ก็รีบเข้าห้องอัดเสียงเร็วๆนะ จะได้เอาเสียงเพลงของยานามาลงบล็อกบ้าง ตอนนี้เพลงของคุณศักดิ์สิริใกล้จะหมดแล้ว อัดที่ประเทศไทยนี่แหละ ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นหรอกนะ อยากฟัง ว่าเสียงทางโทรศัพทืกับเสียงที่ร้องเพลงน่ะจะเหมือนหน้าในรูปกับเสียงในสายโทรศัพท์ไหม (5 5 5)

สวัสดีจ้ะหลานก

ด้วยความยินดีที่นกมาเล่าเรื่องที่มาเขียนบล็อกให้อาฟัง ขอร้องอย่าชมอามากน่ะ เดี๋ยวอาหลงเชื่อ !!


สวัสดีอาเครญา

ได้ข่าวว่าน้ำหนักขึ้นหรือ
สงสัยจะมีความสุขเกินพิกัด

ว่างๆค่อยนัดพบกันบ้างนะ
เดี๋ยวจะลืมหน้ากันเสียก่อน


สวัสดีครับคุณ p tim

ที่คุณว่ามานั้นเป็นเรื่องของ"จิต"แน่เลยครับ
แต่ผมหมายถึงว่ายามปกติน่ะครับ
คือมุมไหนมองแล้วสวย
สวยธรรมดาๆเหมือนที่เรามองวิวทั่วไปนี่แหละครับ

สวัสดีจ้ะแพร จารุ

นี่บอกใบ้แล้วใช่ไหมเนี่ยะ...แหมเล่นบอกกันกลางอากาศเลยนะ แต่บอกแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก บิ๊กตุ๋ยก็เพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาที่ OK เนชั่น คุณสุทธิชัย เขาก็ชอบบล็อกและเห็นว่าบล็อกมีประโยชน์ต่อคนทำงานด้านสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือนักเขียน หรือแม้แต่นักข่าวพลเมืองที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถรายงานข่าวได้

คุณสุทธิชัยเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ของเขาในเนชั่นสุดสัปดาห์แต่จำไม่ได้ว่าในฉบับไหนแล้ว

(นี่เพิ่งขนเนชั่นกับมติชนไปให้คนขนขยะ เพราะซื้อหนังสือสองเล่มนี้ทุกสัปดาห์จะล้นบ้านก็ต้องทยอยเอาออกไป)

และได้ข่าวมาว่าคุณสุทธิชัยก็คงอยากให้คนในองค์กรทำบล้อกเป็นของตัวเอง

แน่นอนว่าคนจำนวนมาก ก็ต้องมีบ้างที่ชอบบล็อกบ้าง ไม่ชอบบล็อกบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา นานาจิตตัง

เราว่าเรื่องบล็อกนี่ก็ยังเป็นเรื่องของจริตอยู่ดีว่าใครชอบก็จะมองเห็นว่าสิ่งนี้ดีมีประโยชน์

ใครไม่ชอบก็มองแตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นตรงข้ามกับฝั่งที่ชอบ

นึกถึงวันนักเขียนวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดที่โรงแรมแกรนด์มิราเคิล เรากับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีบิ๊กตุ๋ยอยู่ในวงด้วย เรามานั่งต่อฟังนักร้องสาวร้องเพลงและบรรเลงเปียโนข้างล่าง

คืนนั้นมีเตือนจิต นวตรังค์ วิสรรชนีย์ และสุมิตรา จันทร์เงา และญิบ พันจันทร์ และเพื่อนวิสรรชนีย์ อีกคน

ไอ้เราก็ชวนคุยเรื่องบล็อก ทำไมบิ๊กตุ๋ยไม่ค่อยคุยเรื่องบล็อกกับเราน้า.. ได้แต่ใช้เราให้สั่งเบียร์ให้อยู่นั่นแหละ อ๋อ...รู้แล้ว...เป็นอย่างนี้นี่เอง

วันก่อนเราก็เขียนอีเมล์ส่งข่าวเรื่องแวง ชไมและบอกให้บิ๊กตุ๋ยเข้าไปอ่านบล็อกที่เราเขียนเรื่องแวง ชไม ช่างภาพนู้ดหน่อยเถอะ เพราะบิ๊กตุ๋ยก็เคยเป็นเพื่อนฝูงกันกับแวงในสมัยหนุ่มๆ
ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปอ่านหรือเปล่า

แต่วันนั้นบิ๊กตุ๋ยก็โทรมาหา...พร้อมกับบอกว่าโอนเงินเข้าบัญชีแวงไป 3,000 บาทแน่ะ

ต้องขอชมน้ำใจของบิ๊กตุ๋ยที่มีให้เพื่อนฝูงยามยากผ่านบล็อกพ่อพเยียหน่อยเถอะ !


แต่ที่โอเคเนชั่นก็มีบล็อกของบิ๊กตุ๋ย เหมือนกันนะ ลองเข้าไปดูสิ

เราว่าเรื่องแบบนี้ไม่เป็นไรหรอก ใครชอบก็เขียนไปใครชอบอ่านก็อ่านไป ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องเขียน ไม่ต้องอ่าน เท่านั้นแหละ
แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้

ขอบคุณที่เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นไกลแต่ใกล้ตัวมาฝาก


สวัสดีครับคุณ filmgus

ชอบคอมเม้นท์นี้ของคุณมากเลย

สั้น กระชับและตรงใจ
ยินดีที่ได้รู้จักคุณครับ !

 

โดย: พ่อพเยีย 30 สิงหาคม 2550 22:33:24 น.  

 

สวัสดีคุณโดม และทุกๆคนครับ

ผมรู้จักบล็อกของโดมเมื่อสักสองเดือนที่แล้วกระมัง ตอนแรกที่เข้ามานั้น ก็ยังจำใครได้ไม่ครบทุกคน ผมพยายามที่จะอ่านบ่อยๆ ให้คุ้นชื่อคนนั้นคนนี้ (กลัวทักผิด) พอเริ่มจะจำได้ ว่าใครเป็นใคร.. ตอนนี้มีชื่อที่เข้ามาคอมเม้นท์มากมายจนผมต้องยกมือยอมแพ้ จำไม่ไหวจริงๆ ต้องขอสารภาพด้วยว่า ตามอ่านทุกคอมเม้นท์ไม่ไหว มันเยอะจริงๆ เคลื่อนไหวกันเร็วมาก และคุณโดมเองก็อัพบล็อกบ่อยเหมือนกัน.. ซึ่งผมว่านี่คือจุดเด่น บล็อกที่มีการเคลื่อนไหวตลอด แสดงว่าเป็นบล็อกที่มีชีวิต!!

ตอนที่ค่อยๆอ่านไล่ลงมาเรื่อย ผมรู้สึกสนุกว่านี่ก็อยากคอมเม้นท์ นั่นก็อยากแจม แต่พอลงมาถึงกล่องคอมเม้นท์ข้างล่างนี่.. เฮ้อ..เหนื่อย หมดแรงเขียนพอดี

เอาเป็นว่า ผมชอบบล็อก!! อันที่จริง ผมมีเวบไซท์ของตัวเองอยู่แล้ว แต่ผมใช้สำหรับการทำงาน และเป็นภาษาอังกฤษ คิดว่าจะเปลี่ยนมาเป็นภาษาไทยที่รวบรวมผลงานของตัวเองเร็วๆนี้ แต่ยังไม่มีเวลา.. เพราะการทำเวบไซท์ของตัวเองนี่ ต้องออกแบบและเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งต้องใช้แรงและเวลาพอสมควร..

บล็อกจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เกิดขึ้น เพื่อทุ่นเวลาในการสร้างการเขียนเว็บขึ้นมาเอง และผมว่าเป็นสิ่งที่วิเศษสุดโดยเฉพาะสำหรับนักเขียน ช่างภาพ หรือคนที่ชอบเขียนหนังสือ- - เขียนเสร็จปุ๊บ ก็อัพขึ้นได้เลยภายในไม่กี่นาที เพราะบล็อกมีการเขียนโปรแกรมสำเร็จรูปให้เราหมดแล้ว.. ไม่ต้องทำอะไรมาก

เจ้าแรกที่ทำบล็อกขึ้นมาให้คนใช้ และเป็นที่รู้จักทั่วไป รู้สึกจะเป็น Google และผมเริ่มจากที่นั่นเป็นภาษาอังกฤษ ต่อจากนั้น ผมก็อยากมีบล็อกภาษาไทยใจจะขาด แต่ไม่มีบัตรประชาชน ต่อมาแอบไปทำไว้ที่เว็บผู้จัดการ เขียนได้เรื่องเดียว และทิ้งไปพักหนึ่ง พอกลับมาจะเขียนต่อ ผมจำชื่อไม่ได้ ทั้งชื่อและพาสเวิร์ด ก็เลยไม่เอาแล้ว..

ล่าสุด ผมลองติดต่อไปที่ โอเคเนชั่น.. เพราะดูท่าจะดี- - ระหว่างที่รอคำตอบ ก็มีโอกาสมาเจอกับโดม แล้วคุณโดมผู้ใจดี ก็เสนอว่าให้มาเขียนจดหมายตอบกันที่ชบาฉายสิ ผมอิดเอื้อนอยู่พอเป็นมารยาท แล้วก็ตอบตกลง แต่ยังมิวายบอกว่า ไม่รับปากนะ ว่าจะเริ่มเขียนได้เมื่อไหร่.. ที่ไหนได้ หลังจากที่โดมให้ชื่อบล็อกและล็อคอินมา.. ไม่ถึงสองวันกระมัง ผมก็อัพบล็อกตอนแรกแล้ว.. (ฮา.. อยากมาก)

เมื่อเร็วๆนี้ โอเคเนชั่น อุตส่าห์ตอบผมมาว่า ไม่มีบัตรประชาชนก็ทำได้ แต่ให้ใช้พาสปอรฺตแทน..

. . . . . . . . . . . .

ที่แพร จารุเล่ามา ผมไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่คิดว่าน้ำเสียงบางคนเหมือนไม่เห็นด้วยใช่ไหมครับ..? ผมว่าบล็อกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเขียน คนที่ปฎิเสธนี่ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้จัก ไม่กล้าใช้ และกลัวที่จะเริ่มต้นลองของใหม่ (และที่แน่ๆ ต้องทำความเข้าใจว่า บล็อกไม่ได้ใช้แทนโทรศัพท์นะครับ เหอ เหอ..)

ผมว่าก็คงเป็นเหมือนนักเขียนที่เคยชินกับการเขียนเรื่องด้วยดินสอ และคงปฎิเสธปากกาในตอนแรก.. รุ่นต่อมาก็ปฎิเสธเครื่องพิมพ์ดีด พอมายุคนี้ ก็ปฎิเสธคอมพิวเตอร์ และผลพลอยได้หลายอย่างที่ติดตามมา

ที่เล่ามานี่ ไม่ใช่ไปตำหนิใคร ใครชอบแบบไหนก็ว่ากันไป แต่ผมขอยืนยันว่า คอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสะดวกในการเขียนหนังสือมากขึ้น..และบล็อกก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรปฎิเสธ..





 

โดย: ปะการัง (ชบาฉาย ) 30 สิงหาคม 2550 23:02:31 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณ พ่อพเยีย

แวะมาอ่านบล๊อกและมาทักทายค่ะ

 

โดย: แกงส้มไข่ชะอม 30 สิงหาคม 2550 23:11:42 น.  

 

ซาซ่าส์มาแว้วววววววว
อ๊ะ อ๊ะ คุณพ่อพเยียอย่าแม้เพียงแต่จะคิดเชียวนะคะว่ายายภาษาวิบัติมาแล้วเหอๆๆ หุๆๆ
ฮิๆๆ 555 หนุกดีออกโลกเรามันหมุนไวไม่เข้าใจวัยรุ่นแล้วจะคุยกับเค้ารู้เรื่องอ๊ะป่าวววว
ชะม๊าเพ่?? ตราบใดที่เรารู้ว่าตรงไหนควรจะใช้ภาษาอะไร อย่างใด ให้ถูกที่ถูกทางก็น่าจะโอแล้ว(อิ อิ อดไม่ได้)ทำตัวเนียนๆไป กับยุคสมัยมั่งเน๊าะ
ใครอยากทำก็ทำ ใครไม่ชอบก็หนีซะ " ถูกต้องนะคร้าบบบ "
ในความไม่มีสาระถ้าเพ่งให้ดีๆมองให้ลึกๆๆมันก็จะมีสาระ คำพูดแม้เพียงคำเดียวสั้นๆ ก็จะหาสาระเจอถ้ารู้จักหา ใช่ป๊ะ ??จริงๆแล้วซาซ่าส์(รู้สึกหมั่นไส้ตัวเองทุกครั้ง ที่ใช้ชื่อนี้ แต่ชอบค่ะ น่ารักดี วะ ฮะ เหย )ชอบอ่านไม่ชอบเขียนเพราะการพิมพ์แบบจิ้มๆมั่วๆ
นั้นมันช้ากว่าที่ใจเราคิด อกมันจะระเบิดตายเพราะความอึดอัดที่พิมพ์ไม่ทันใจ ว่าแล้วก้อ........
โปรดติดตามตอนต่อไปในคอมเม้นต์หน้า......

แหล่มมะเพ่...
อิ อิ อดไม่ได้หนุกดีออกค่ะ
นอนหลับฝันดีฝันเห็นผีก็แล้วกันนะคะ

 

โดย: ป้าซ่าส์ 31 สิงหาคม 2550 4:03:46 น.  

 

"การมีคนมาเขียนคอมเม้นท์ในบล็อกสำหรับผมแล้วก็ชอบ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ และผมก็ตอบทุกคอมเม้นท์เสมอ แต่อยากบอกว่า...ถ้าหากไม่อยากชมแล้วก็อย่าแสร้งชม หากไม่ชอบแล้วก็อย่าแสร้งชอบ หากไม่รู้สึกก็อย่าได้แสร้งรู้สึกเลย

เพราะการเสแสร้งความรู้สึกไม่เคยสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่ใครได้จริง แม้แต่ตัวของผู้แสร้งรู้สึกเองก็ใช่ว่าจะรู้สึก"

ชอบประโยคนี้ของคุณมากครับ
ขอชม-อย่างจริงใจ

 

โดย: ฟ้าดิน 31 สิงหาคม 2550 6:26:43 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณโดม..

หนูติดต่อแล้วเรียบร้อยค่ะ เหลือแต่ว่าหนูจะไปเมื่อไหร่เท่านั้นแหละ..ใจร้อนเป็นวัยรุ่นเลยนะ
ท่านกำนันเนี่ย...

ก็คงจะเหมือนคุณโดมว่านั่นแหละ ไม่เหมือนแน่นอน ฮิ..ฮิ
เผลอๆอาจจะเป็นยายเพี้ยนไปก็เพี้ยนมาแล้วก็ได้ แต่จะพยายาม
ทำให้ออกมาดีที่สุด..

รอ..อีกหน่อยนะคะ..หนูยังยะ..ยะ..อยู่.

 

โดย: ยานา IP: 61.7.173.237 31 สิงหาคม 2550 7:03:26 น.  

 

สวัสดีครับคุณแพนด้ามหาภัย


เมื่อคืนผมแวะไปที่บล็อกคุณ
ไปนั่งฟังเพลงจบแล้วก็กลับ เพลงบรรเลงเพราะจริงๆครับ

แต่ยังติดใจถ้อยคำที่คุณคัดมาจากหนังสือของสุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ห้องสมุดบ้านอารีย์ ที่ว่า..


เราไม่รู้ว่า

ที่จริงแล้วความสุขนั้นไม่อาจคงอยู่ได้อย่างถาวร

เราไม่รู้ว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราว่าเป็นความสุขนั้นจะไปจบลงที่เป็นทุกข์

เราไม่รู้ว่า

การจะได้ความสุขที่แท้จริงจะได้มาอย่างไร

เมื่อเราไม่รู้เราก็ตกหลุมพรางของความสุข

จนในที่สุดเราต้องไปอยู่ในวังวนของฝ่ายทุกข์ไปนานแสนนาน


ข้อความนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนหนึ่งที่ผมเขียนถึงลูกสาวใน "ห่างไกล ไม่ห่างกัน ผมพูดถึงหนังสือชื่อ "คำตอบ" ของน้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ ผมขอคัดลอกมาให้อ่านตรงนี้นะครับ


“ความสุข นี่ก็แปลก

ยิ่งพยายามจับมันไว้

มันยิ่งวิ่งหนีเรา”

(น้ำผึ้ง)

บทนี้ดูเหมือนเป็นถ้อยคำรำพึงที่อุทานออกมาอย่างง่ายๆ แต่ทว่าในถ้อยคำที่เรียบง่ายนั้นบ่งบอกการได้ค้นพบสัจธรรมว่า ความสุขนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเผชิญหน้ากับมันให้ดี

อย่างที่แม่ชีรัญจวน อินทรกำแหงเคยกล่าวว่า

“เมื่อเราจะพิจารณาเรื่องของเวทนา เราจึงต้องเน้นใคร่ครวญให้หนักเลยในเรื่องของ “สุขเวทนา” ใคร่ครวญดูไปเถอะ เวทนาทุกชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขเวทนา ดูทำไม ดูจนกระทั่งมองเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วสุขเวทนาหรือเวทนาทั้งหลายนั้นเป็นเพียงมายาทั้งสิ้น”

ควรจะพิจารณาความสุขให้ชัดเจนขณะที่เกิดขึ้น เพราะความสุขก็คือความทุกข์อย่างละเอียดนั่นเอง ถ้าเรายิ่งยึดถือด้วยอุปาทานเท่าไรมันก็จะออกฤทธิ์ทำให้เจ็บแสบเท่านั้น

หลวงพ่อชากล่าวว่า “ความทุกข์ก็เปรียบเหมือนหัวงู พอคว้าปุ๊บมันกัดเลย ส่วนความสุขนั้นเหมือนกับหางงู ถ้าเราจับยึดมันไว้ หัวมันก็จะมากัดเราอยู่ดีนั่นแหละ”

เธอได้อธิบายเรื่องของความสุขในหน้าต่อๆมา

"ความสุขที่แท้จริง

ไม่ใช่แค่ความสุข

แต่คือ ความไม่มีทุกข์"

(น้ำผึ้ง)

ถึงแม้ที่คุณยกมากับของผมจะไม่เหมือนโดยตัวหนังสือ แต่ทว่าผมว่าโดยความหมายแล้วไม่ต่างกันเลย

ถ้าจะให้ชัดๆเข้มๆแบบนักปฏิบัติธรรมเลยก็ต้องนี่เลยครับ

"ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป"

 

โดย: พ่อพเยีย 31 สิงหาคม 2550 8:06:39 น.  

 

สวัสดีวันศุกร์ค่ะ


 

โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 31 สิงหาคม 2550 9:10:11 น.  

 

สวัสดีครับปะการัง

ผมรู้สึกดีใจเมื่อคุณเขียนจดหมายโต้ตอบกับผมที่บล็อกชบาฉายมาหลายฉบับแล้ว

และดีใจยิ่งขึ้นเมื่อคุณเขียนบทกวีเพิ่มและเขียนความเรียงที่สวยงามและมีสาระน่าอ่านใน "แผ่วพลิ้วบนผิวน้ำ"

ผมชอบพูดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับพรสวรรค์มาจากพระเจ้าในการทำงานศิลปะไม่ว่าจะเขียนรูป แต่งเพลง เขียนหนังสือ ร้องเพลง ฯลฯ หรืออะไรก็ตามที่มีลักษณะทำนองนี้

หากว่าได้รับมาแล้ว แต่ทำนิดๆหน่อยๆ ทำบ้างไม่ทำบ้าง หรือบางทีก็หยุดนานเกินไป ไม่ตั้งใจทำ ปล่อยปละละเลย ที่เคยรักก็ไม่รักเสียแล้ว

เมื่อถึงวันหนึ่ง "พระเจ้าก็จะเอาคืน"

ในความหมายของผมก็คือ คนๆนั้นก็ทำสิ่งนั้นไม่ได้แล้ว และก็ได้ชื่อเพียงว่า เมื่อก่อนเขาเคยทำได้


สำหรับจดหมายของคุณและบทกวีและความเรียง "แผ่วพลิ้วบนผิวน้ำ" ผมว่าลึกซึ้งกว่าตอนหนุ่มๆด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะว่าวัยและวันเวลาสะสมประสบการณ์และได้เรียนรู้ชีวิตเพิ่มขึ้น สิ่งเรานี้อัดแน่นอยู่ในตัวของคุณนานแล้ว เพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสมเผยออกมาเท่านั้นเอง

ยินดีต้อนรับสู่โลกของการเขียนหนังสือ ไม่ว่าจะเขียนลงในกระดาษ ในคอมพ์ ในบล็อก เขียนที่ไหนก็ได้ ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าเขียนอะไรมากกว่า


สวัสดีครับคุณแกงส้มไข่ชะอม

ยินดีที่เข้ามาทักทาย
เอาไว้เมื่อมีเรื่องคุยแล้วก็ค่อยคุยกันนะครับ !


สวัสดีครับคุณซาซ่าส์

เรื่องการใช้ภาษาที่พวกผู้ใหญ่เขากลัวจะวิบัติกันนั้น ผมไม่เคยรู้สึกกลัวเลย

โถ...ภาษาก็ต้องมีวิวัฒนาการ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย ใครจะแอ๊บแบ๊ว แอ๊บบ๊องของใครก็เรื่องของเขา

คำพูดต่างๆที่ใช้กันถ้าไม่มีใครใช้เดี๋ยวก็ตายไปเอง เดี๋ยวก็มีคำมาแทนที่ใหม่ คำเก่าๆที่ไม่มีคนใช้ก็ค่อยๆสาปสูญไป

ขึ้นอยู่ผู้ใช้นำมาใช้ถูกจังหวะจะโคนหรือเปล่าเท่านั้นเอง คำพูดที่ดูว่าทันสมัยทันยุคทันเหตุการณ์หรือคำติดปากวัยรุ่นนั้น ถ้าถูกที่ถูกทางก็โอเคครับ เพราะเรามีภาษาไว้เพื่อการสื่อสารกัน ถ้าสื่อสารกันได้ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเสียหาย

แต่ถ้าคนเอามาใช้ เพราะแค่เพียงอยากเป็นคนทันสมัยหรือเพื่อไม่ให้ตกสมัยต้องการได้ใช้คำพูดฮิตๆมาใส่ปากบ้างเท่านั้น ผมว่าดีไม่ดีก็จะ"เชย" เอาได้เหมือนกันนะครับ

(คำว่าเชยนี่ถ้าผมจำไม่ผิดนี่เกิดจากชื่อลุงเชย-จากปากน้ำโพ ในหัสนิยายของ ป.อินทรปาลิต ผ่านยุคสมัยมาหลายปีแล้วนะครับ แต่ทุกคนยังพอเข้าใจว่าเชยหมายถึงอะไร)

เคยเห็นดาราคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะประโยคไหนก็เริ่มต้นที่ "อื้อฮึ ! เป็นอะไรที่ แบบว่า...อื้อฮึ ! (อื่นๆอีกแต่ตอนนี้ผมนึกไม่ออก)

กว่าจะถึงยุคนี้ภาษาก็เปลี่ยนแปลงกันมามากต่อมากแล้ว มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้แหละพอถึงยุคของตนก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของภาษาไทยทั้งหมด ติดยึดและครอบครอง รักภาษากันอย่างผิดๆ


ถึงวันนี้ผมก็ยังอยากรู้เลยว่าใครนะเป็นคนที่ใช้คำว่า "กิ๊ก" เป็นคนแรก จนกลายเป็นคำที่ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองไปแล้ว

(แต่คุณซ่าซ่าส์เชื่อไหม ? ผมเขียนบล็อกมานานแล้ว แต่ผมยังไม่กล้าหัวเราะเสียงดัง อิ อิ เลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ ?

บางครั้งก็อยากจะหัวเราะเสียงนี้เหมือนกันเวลาล้อเล่นกับใคร เพราะเสียงหัวเราะนี้ก็ทำให้รู้ว่าล้อเล่นหรือขำขำ แต่พอเอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้าหัวเราะเสียงนี้ - -
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเสียงนี้นะครับ แต่ผมลองหัวเราะดังๆดูแล้วฟังดูมันไม่ใช่เสียงหัวเราะของผม แต่ไม่แน่สักวันผมจะลองหัวเราะ อิ อิ ในบล็อกดูบ้าง )





สวัสดีครับคุณฟ้าดิน

วันก่อนที่คุณพูดนิทานเรื่องอิฐสองก้อนที่บล็อกคุณแพร จารุน่ะ

ผมถามคุณไว้ว่า ใช่เรื่องเดียวกับที่พระอาจารย์พรหมเล่าใน "ชวนม่วนชื่น" หรือเปล่าครับ ?

ถ้อยคำที่คุณบอกว่าชอบ คุณก็คงเห็นจริงเหมือนกับผมใช่ไหมล่ะ ?

ที่เขาเป็นเช่นนั้นก็อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ หรือคงอยากให้คนอ่านได้รู้สึกดีๆกับถ้อยคำของเขา โดยหารู้ไม่ว่า ถ้อยคำก็คล้ายๆกับเสียงพูดนั่นแหละ แต่เสียงนั้นโกหกได้ยากกว่าตัวหนังสือ

หรือบางที่เขาก็เป็นอยู่จนชิน จึงมองไม่เห็น จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกันนะครับ

คนเรามักเรียกร้องความจริงใจจากผู้อื่นก่อนเสมอ โดยเขาไม่รู้ว่าความจริงใจนั้นเราก็ยื่นให้ก่อนได้ และไม่ต้องเสียอะไรด้วยซ้ำ


สวัสดีจ้ะหนูยานา

อยากฟังเพลงที่เขาลือกันว่าเพราะมาก และหาคนร้องได้ยากในยุคนี้น่ะว่าจะเป็นอย่างไรนะ

เพราะจริงหรือเปล่า ?
ถ้าจะให้ดีแถมเพลงญี่ปุ่นมาเพลงก็แล้วกัน

ของอย่างนี้ไม่แน่หรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่กลัวไม่ได้ฟังน่ะ ไม่กลัวยานาจะไปก่อนหรอก แต่คนเขียนบล็อกนี่สิจะตายคาบล็อกไปเสียก่อนเท่านั้นแหละจ้ะ

 

โดย: พ่อพเยีย 31 สิงหาคม 2550 9:50:52 น.  

 

สวัสดีครับคุณชมจันทร์ ผมชอบภาพแม่ปูกับลูกปูเดินเล่นกัน มีบ้านเก่าๆเป็นฉากที่ไหนสักแห่ง

 

โดย: พ่อพเยีย 31 สิงหาคม 2550 9:53:42 น.  

 

กลับมาอีกครั้ง จริงเหรอว่าบิ๊กตุ๋ยแกมีบล็อกด้วย ช่วยบอกมาทีว่าแกใช้ชื่ออะไร

วันนั้นแกพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน หรือว่าหลังจากแกเปิดแล้วแกก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง

ที่เราเขียนชื่อแกลงไปจริง ๆ แบบว่าไม่ใช่คำว่า คนชื่อ น. เพราะเราเห็นว่า เขาเป็นคนระดับที่ว่า เป็นคนของสื่อ คนของสื่อพูดอะไรมีผลไงล่ะ และรับผิดชอบได้ อีกทั้งคนเราไม่ต้องเห็นตรงกันก็ได้

ขอชื่นชม "ฟ้าดิน" ที่เขียนว่า อย่าเสแสร้างแกล้งชม เพราะไม่รู้สึกดีทั้งคนแสร้งชมและคนถูกชม

จริงของเขา เราเคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากจะทำร้ายเขาจงชมเขาให้มาก ๆ ในสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง

เออ...พอแล้ว


 

โดย: แพรจารุ 31 สิงหาคม 2550 10:21:38 น.  

 

เข้ามาอ่านครับ น่าสนใจอย่างที่พี่คุยกับผมทางโทรศัพท์จริง ๆ
มีเวลาว่าง ๆคงจะเข้ามาขอคำแนะนำจากพี่อีกครั้ง ช่วงนี้มีรายงานต้องส่งอาจารย์ งานเผาตูดลนก้นน่ะครับ...
เป็นอะไรที่ดีจริง ๆ
นับถือครับ

 

โดย: แก้มหอม IP: 202.28.62.245 31 สิงหาคม 2550 10:54:59 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดม
มิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่านค่ะ
----------------------------------
แวะมาบ้านพี่โดมครั้งใด ลำบ๊าก ลำบาก (สายตา)
จะอ่านแบบผ่าน ๆ ก็เสียดาย
อ่านเม้นท์ ก็ต้องลากเม้าท์ยาวเฟื้อย
กว่าจะผ่านลงมาถึงข้างล่าง เมื่อยตาชิบ
(ว่าตามพี่ปะการังนะค๊า)

ปล. บางครั้งชะเง้อมองผ่านรั้วบ้าน
แล้วผ่านเลยไป เพราะรีบไปทำงาน อะคึ่ ๆ

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 31 สิงหาคม 2550 14:14:21 น.  

 

วันอาทิตย์นี้ อาเครญา ไปงานประกวดนางแบบเด็ก ของ "ป้าดัน"เค้าคะ ตั้งแต่บ่ายยันเย็นคะ และคาดจะยาวต่อไปอีก เพราะอาเครญา กับ"ป้าดัน"ไม่ได้เจอกันนานนนนนนน มากแล้ว คงจะไม่ร่ำลากันง่ายๆหรอก ใช่ไหมจ๊ะ ฮอลล์ พี่โดม ถ้าว่างก็อยากเจอคะ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ห้องที่มี"ตุง"เยอะๆอะคะ

 

โดย: อาเครญา IP: 58.10.65.115 31 สิงหาคม 2550 17:23:10 น.  

 

สวัดีค่ะลุงโดม

ทำไมถึงเขียนบล็อกหรือค่ะ
ตอบง่ายนิดเดียวค่ะ
สำหรับหนูเขียนก็เพราะว่าอยากเขียน
แต่หนูไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเขียนที่บล็อก
ไม่ว่าเขียนที่ใหนก็ทำให้หนูมีความสุขเมื่อได้ทำในสิ่งที่หนูต้องการ
ตอนที่หนูได้รู้จักบล็อกจากคำแนะนำของลุงโดมและได้เข้ามาดู
ก็ทำให้อยากที่จะทำบล็อก ความรู้สึกในตอนนั้น เหมื่อนกับว่ากำลังได้ของเล่นชิ้นใหม่
และเมื่อได้สัมผัสกับบล็อกดูจึงรู้ว่าบล็อกเป็นของเล่นพิเศษกว่าของเล่นชิ้นใหนๆตรงที่ว่า
บล็อกเป็นของเล่นที่ไม่จำกัดเจ้าของ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคนที่อยากทำความรู้จัก
ผลพลอยได้จากการเขียนบล็อกนอกจากได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้ว
ก็คือการได้มุมมองใหม่จากบล็อก

สำหรับหนูเมื่อพูดถึงเรื่องการทำบล็อกแล้ว
แค่เอาเรื่องลงบล็อกไดก็ภูมิใจมากแล้ว
ส่วนที่เหลือยังคงต้องรบกวนขอคำแนะนำจากลุงโดมอีกมาก

ด้ายความเครพ

 

โดย: ลูกของพ่อค่ะ IP: 61.7.231.130 31 สิงหาคม 2550 19:41:35 น.  

 






ขอแสดงความยินดีกับกวีซีไรต์คนล่าสุด

(ภาพจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก)

มนตรี ศรียงค์ ("หมี่เป็ด" ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก)

จาก"โลกในดวงตาข้าพเจ้า"




1

แป้งในถังนวด

คือแป้งขาวขาวกับไข่ไก่

อยู่ในถังสแตนเลสใบเขื่อง

เป็นงานไข่กับแป้งใช้แรงเปลือง

ปฐมบทหมี่เหลืองศิริวัฒน์

แล้วจึงมือสองข้างจ้วงกลางแป้ง

โถมด้วยแรงวัยหนุ่มขยุ้มอัด

กวนบี้คุ้ยกำขยำยัด

ด้วยกล้ามเนื้อทุกมัดเข้าจัดทำ

จนเป็นแป้งเนื้อเดียวอันเหนียวนุ่ม

ขณะเหงื่อวัยหนุ่มก็ชุ่มฉ่ำ

วิทยุอย่าขอเพลงหมอลำ

และซ้ำซ้ำ สลา คุณาวุฒิ


2

ทุ่นกระแทกแป้ง

คือความเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งยวด

ความเมื่อยปวดลามลุกไปทุกจุด

น้ำในหูเอียงเทจนเซซุด

ยังก้มหน้างุดงุดยังทำงาน

เทแป้งลงกระบะในเครื่องตี

ลมหายใจหอบถี่นั้นฟุ้งซ่าน

ความเหน็ดเหนื่อยนักอันดักดาน

ชั่วโมงอันยาวนานแสนนานยาว

เสียงทุ่นกระทบแป้งดังตึงตัง

ฟุ้งทั้งแป้งป่นจนโพลนขาว

กลบเสียงโฆษณาที่ปาวปาว

กลบข่าวโจรใต้ฆ่ารายวัน

อยู่กับความอึกทึกอันกึกก้อง

ในห้องที่ปิดมิดชิดกั้น

พบตนเองโซมเหงื่อจนเนื้อมัน

กำลังฝันถึงไหนก็ไม่รู้

สะดุดถังสแตนเลสที่ข้างตัว

เจ็บหัวแม่เท้าจนครางอู้

ตกใจ-ภวังค์ง่วงก็ร่วงกรู

เหลือบดูทุ่นเหล็กแล้วขนลุก!

3


แป้งที่รีดจนบางเรียบ

ชีวิตมีอันตรายอยู่รอบตัว

ง่วงงัวเงียงงก็จงปลุก

เหนื่อยเป็นเหนื่อยท้อเป็นท้อ

ทุกข์เป็นทุกข์

ให้รู้ทุกสภาวะของชีวิต

เช่นที่ตีแป้งเหนียวเนื้อเดียวกัน

จนมันราบเรียบเนียนสนิท

ให้รีดแบนแผ่นบางทีละนิด

ค่อยค่อยบิดลูกโม่ทีละน้อย

ค่อยค่อยเป็นค่อยค่อยไปอย่างที่เป็น

ตาเห็นหูยินให้บ่อยบ่อย

ลูกโม่หมุนรอยรอบซ้กรอบรอย

นับร้อยร้อยรอบจนพอดีบาง

ต้องให้บางพอดีอย่างที่เป็น

เพื่อการตัดเป็นเส้นสวยสล้าง

มิให้บางหรือหนาเกินกว่าบาง

เพื่อมือสางเส้นสวยได้ด้วยดี

คือการงานจากไข่และจากแป้ง

โถมด้วยแรงจนเส้นกลายเป็นหมี่

ลุล่วงลงตัวด้วยพอดี

ไม่มีมากน้อยจนเกินไป

เพราะจิตขณะนั้นได้ดำดิ่ง

ภาวะสงบนิ่งมิติงไหว

จึงคล้ายคล้ายการงาน-การหายใจ

กำหนดกันและกันไว้อยู่ในที


4


หมี่เหลืองศิริวัฒน์

กลายเป็นการงานอันแสนสุข

ตื่นปลุกเบิกบานในหน้าที่

วันเป็นวันเดือนเป็นเดือนปีเป็นปี

คนขายหมี่จะไปนิพพานแล้ว


(จากหนังสือ "โลกในดวงตาข้าพเจ้า" )

 

โดย: พ่อพเยีย 31 สิงหาคม 2550 20:40:30 น.  

 

อิอิ

เราก็พี่น้อง ไดอารี่เดียวกันหน่ะซิคะ

เขียนที่ไดฮับเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขียนที่นี่แล้วค่ะ เขียนบ้างไม่เขียนบ้าง ส่วนใหญ่หนักไปทางอ่าน กับเม้น

ปล. คิดมาตั้งนานแล้ว กับชื่อที่ว่า พ่อพเยีย ตอนแรกคิดว่าคงเป็นชาวเขาเผ่าไหนซักที่หล่ะม๊าง แต่พอได้รู้วันนี้ ก็ถึงบางอ้อ เลยค่ะ..คุณพ่อ ของน้องพเยีย

 

โดย: mojigirl 31 สิงหาคม 2550 21:40:31 น.  

 

อืม คิดถึงตอนแม่"ลอกหมี่"เมื่อตอนเด็ก ทุกวันนี้แม่ยังทำเป็น..ขอแสดงความยินดีกับกวีซีไรต์คนล่าสุด ด้วยคะ คุณมนตรี ศรียงค์

 

โดย: อาเครญา IP: 58.10.65.115 31 สิงหาคม 2550 22:06:33 น.  

 

สวัสดีครับพ่อพเยีย
พ่อขอบคุณมากนะครับที่แวะไปหาที่บ้านในคืนนี้

ช่วงก่อนหน้านี้ที่บ้านทาสีครับ
เลยต้องไปพักที่บ้านลูกชาย
กอรปกับความไม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ของเขา

จึงไม่ได้เล่าเรื่องใหม่ให้ฟังครับลูก

วันนี้ตั้งใจจะเล่าอีกเรื่องหนึ่งครับ
แต่เผอิญมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วนก่อนครับ

พ่ออ่านเรื่องราวการเขียน blog ของลูก เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เราควรเขียนจากความรู้สึกของเรา ที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนและมิตร

สำหรับพ่อ พ่อมีความสุขอย่างมากที่ได้เข้ามาสู่โลกใบนี้

มิตรภาพที่พ่อรับรู้ได้ว่ามาจากหัวใจของลูกๆที่ใสสะอาด

ทำให้พ่อมีความสุขมากครับ

 

โดย: พ่อ (be-oct4 ) 31 สิงหาคม 2550 22:28:24 น.  

 

วันก่อน อ่านข่าวเรื่องกวีซีไรต์คนล่าสุดเสร็จ ผมก็บอกภรรยาว่า อยากไปภัตตาคารจีน เพราะอยากทานหมี่เป็ดขึ้นมาตะหงิดๆ เธอก็หันมาค้อนขวับบอก ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย.. (ฮา)

ขอแสดงความยินดีกับคุณมนตรี กวีซีไรต์คนล่าสุดนะครับ

และขอขอบคุณโดมที่เอากวีมาให้อ่าน กำลังนึกอยากอ่านอยู่พอดีพอๆกับอยากกินหมี่เป็ด (ไม่ได้กินนานแล้ว พูดจริงๆนะเนี่ย) - - ผมว่าคุณมนตรีเขียนลึกมีปรัชญาซ่อนอยู่อย่างน้อยสามชั้น อ่านแล้วได้ครบทุกรส..

แต่คุณหนอนฯ คงวิจารณ์ได้ดีกว่ากระมัง

 

โดย: ปะการัง (ชบาฉาย ) 31 สิงหาคม 2550 22:55:46 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ดีใจที่คุณพ่อพเยียชอบเพลงที่บ้านค่ะ พี่นัน filmgus เธอเจอทางออนไลน์ตอนเช้าก็ทักเรื่องเพลงนี้เลย ฮ่าๆ รู้สึกดีจริงๆ ที่เพลงที่ตั้งใจเลือกมาประกอบ ส่งไปถึงหัวใจคนมาอ่านบล็อกด้วย

อ่านที่คุณยกเรื่องงูของหลวงปู่ชามา ...รู้สึกเหมือนตัวเองโดนงูกัดเต็มๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะหัวหรือหาง ยังไงมันก็กัดได้ทั้งนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า เราจะทำอย่างไรจึงจะไม่มีงูในมือและในใจ... ยากจริงๆ เลยนะคะ เฮ้อ


ปล. ชักอยากหาหนังสือ "คำตอบ" มาอ่านมั่งแล้วล่ะค่ะ

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 31 สิงหาคม 2550 23:33:14 น.  

 

สวัสดีจ๊ะคุณโดมและมิตรรักทุกท่าน

กลับมาแล้วหลังจากที่หายไปซะหลายวัน
ไม่ใช่อะไรหรอก เนทที่บ้านที่ใช้บริการอยู่มีปัญหามาก อลันเลยเปลี่ยนมาใช้บริการของเจ้าใหม่ รอซะหลายวัน ประจวบกับฉันต้องลุ้นเตรียมตัวไปสอบด้วย
สอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
นี่อลันก็ติดตั้งเนทเพิ่งเสร็จ เลยเขามาที่บล็อกนี้ก่อน คิดถึงทุกคนมากๆ
ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่คุณโดมมีต่อเพื่อนรักของฉันนะจ๊ะ


 

โดย: ป้าชุ IP: 86.142.11.200 1 กันยายน 2550 1:13:55 น.  

 

เหนื่อยแฮะ....

แวะมาก่อนจะเข้าสวน...
แต่ท่าจะหมดแรงก่อนจะไปปีนเขาก็เพราะพี่โดมนี่แหละ.....

ไม่ได้ขึ้นสวนมาสองอาทิตย์แล้ว...เห็นไหวๆว่ายอดฟักแฟงแตงกวา ข้ามเขาไปถึงเขาหลัก ป่านนี้ทะลุลงเลไปแล้วมั้ง....

แต่มานั่งหอบแฮ่กๆหน้าจอ...ก็กว่าจะลากเม้าท์มาถึงท่าเรือลอยอักษรได้.....

ก็เรียบร้อยหมดทุกอย่าง....
เพราะบอกใครๆ....ว่าร้องไห้จนเหนื่อยตาย...ก็ต้องหยุดร้องอยู่ดี...

ไอ้คนอยู่นี่สิ....ยังต้องบ้าบอคอแตกต่อไป...ไอ้จะเริงรื่นมากไปเดี๋ยวจะไม่ถูกกาละพี่น้องเขา...

เอาแต่พองามว่างั้นเหอะ....เดี๋ยวเขาดีดออกจากบ้านจะไปอยู่ไหนล่ะทีนี้....ภูเขาว่างๆให้แม้วหลงดอยอยู่ก็ไม่ค่อยจะเหลือแล้ว....

จะหอบผ้าเข้ากรุงไม่เกาะรั้วบ้านพ่อกำนันก็ใช่ที่......

ไปปฏิบัติภารกิจชาวสวนดีกว่าเรา......

 

โดย: ปลายแปรง 1 กันยายน 2550 7:04:30 น.  

 

สวัสดี ตอนเช้าค่ะ คุณโดม...

เช้านี้อากาศที่นี่ชดชื่นมากค่ะ
เหมือนกำลังจะย่างเข้าฤดูหนาว
เลย..คิดถึงบ้านนอกมากคงจะอากาศดีกว่านี้เยอะ

วันนี้พี่ชายจะมาจากเชียงใหม่ดีใจจะได้ไม่เหงาอยู่คนเดียว..

สาวงามจากลอนด้อน ก็ปรากฎ
โฉมมาแล้ว คิดว่าคงจะมีเรื่อง
เล่ามากมาย มาเส่าสู่กันฟัง

ฝากความคิดถึงไปยัง คุณหนอน
ผู้ใจดี คุณตะเบบูญ่าคนสวย
คุณฮอลล์คนงาม คุณหทัยชนกผู้น่ารักและคุณทะเลไม่เคยหลับ
แต่ตอนนี้สงสัยหลับไปแล้ว หายไปเลย...

 

โดย: ยานา IP: 61.7.173.7 1 กันยายน 2550 7:35:41 น.  

 

ยินดีกับ มนตรี ศรียงค์

หมี่เป็ดของเขาอร่อยจริง ๆ เคยไปกินเมื่อปี 2542 เกือบสิบปีมาแล้ว

ในโอกาสที่ชวนพี่หนอมไปเยี่ยมบ้านใต้และล่องไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านหมี่เป็ด

ไปถามเขาว่า หมีเป็ดเจ้าอร่อยอยู่ที่ไหน เขาบอกถูกว่า ใกล้ ๆ ร้านอะไรข้าวมันไก่คลองเตย

ต้องถามต่อว่า แล้วข้าวมันไก่คลองเตยอยู่ที่ไหน

ในที่สุดก็หาเจอ เขามี
"หมี่เป็ดเรทคอร์ด" ด้วยนะ ทำเพลงแต่คงยังไม่ได้ออกสักเพลง

เราได้รับการต้อนรับจาก เขาและเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักคิดนักเขียนที่หาดใหญ่อย่างอบอุ่น และน่าประทับใจยิ่ง

 

โดย: แพรจารุ 1 กันยายน 2550 8:28:20 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะพี่โดม

วันนี้พอจะว่างบ้างแล้ว ก็เริ่มออกตระเวนเยี่ยมบล็อก.. อ่านบล็อก พอมาอ่านสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าบล็อกเต็มความอีกครั้ง พร้อมกับคอมเม้นท์ทั้งหมด

ทำให้เขินๆ กับการที่ว่า..บางทีเราก็อยากมาคุยด้วย..โดยอ่านแต่หัวเรื่องแล้วตอบคอมเม้นท์เลย

ไม่ใช่ไม่ตั้งใจอ่าน หากแต่มันแล้วแต่เวลาจะอำนวย

บางทีก็แค่อารมณ์เหนื่อยล้า.. อยากมาพึ่งพิงข้อความดีๆ ให้บล็อกของใครสักคน.. แล้วเขียนอะไรที่มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ชวนกันคุย

ขอบคุณนะคะ.. ข้อความรอบนี้ "โดน" เจ้าค่ะ ทั้งเจ้าของบ้านและผู้ร่วมรายการ



 

โดย: สีน้ำฟ้า 1 กันยายน 2550 10:33:09 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณโดมและมิตรรักทุกท่าน
ต้องขึ้นต้นแบบนี้เพราะว่ามิตรรักแฟนบลอกนี้เยอะจริงๆ

แวะมาบอกว่า ตอบเรื่องรูปนั้นแล้วค่ะ




 

โดย: filmgus 1 กันยายน 2550 10:43:31 น.  

 

เมื่อคืนตั้งใจว่าจะเข้ามาเยี่ยมค่ะ
อันที่จริงต้องพูดว่าตอนใกล้รุ่ง
มากกว่า แต่เผลอหลับไปซะก่อน
วันนี้จะออกไปธุระสารพัดค่ะ
เดี๋ยวคืนนี้คงแวะเวียนมาป่วนค่ะ

 

โดย: ป้าซ่าส์ 1 กันยายน 2550 11:55:34 น.  

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้เป็นวันหยุดของคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่วันหยุดของผม กิจกรรมทุกวันยังเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้จะมีคนอยู่บ้านด้วยเท่านั้นเอง

ช่วงนี้กำลังติดพันกับหนังสือของทันตแพทย์สม สุจีราเล่มที่ 2 คือ "ทวาร 6 ศาตร์แห่งการรู้ทันตนเอง"

ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ คนอื่นเขาอ่านเล่มแรกก่อน แต่ผมดันไปอ่านเล่มที่ 3 ก่อนย้อนมาตามความสนใจของตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นเพราะเนื้อหาแต่ละเล่มแยกกันอ่านได้โดยไม่ต้องเรียงลำดับเหมือนการอ่านนิยาย


ส่วนใหญ่คนเราคิดว่ารู้ทันตัวเองกันแล้ว เพราะมักได้ยินเสมอว่าใครจะมารู้จักตัวเราเท่ากับตัวของเราเอง

คนเราส่วนใหญ่มักชอบการรู้ทันผู้อื่นมากกว่า มีหนังสือออกมามากมายหลายเล่มเขียนถึงการที่จะรู้เท่าทันผู้อื่นได้อย่างไร หรือทำอย่างไรไม่ให้เสียเปรียบ โดยเพิกเฉยกับการที่จะเรียนรู้เท่าทันตัวเอง

จึงอยากฝากบอกเพื่อนพ้องน้องพี่ที่อยากรู้เท่าทันตัวเอง เชิญไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้ รับรองว่ามีความรู้ใหม่ๆที่ยังไม่เคยรู้อีกมากมาย (แต่ถ้ามีพื้นธรรมะบ้างเล็กน้อย จะทำให้อ่านสนุกมากขึ้นและจะได้นำไปใช้ในชีวิตจริง เพราะเราต้องมีเป้าหมายเสียก่อนว่าเราจะรู้ทันตัวเองไปเพื่ออะไร ?


ขอยกตัวคำโปรยหลังปกมาโปรยให้ชิมหน่อยก็แล้วกัน

เพศหญิงมีทวาร 6 ที่ทรงประสิทธิภาพมากว่าเพศชายถึง 3 เท่า เธอมองเห็นสีสันได้กว่า 200 เฉดสี แต่เพศชายแยกได้ไม่ถึง 70 เฉดสี ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผู้หญิงจึงหลงใหลสีฉูดฉาดของเครื่องแต่งกาย ชื่นชอบความวูบวาบของเพชรมากกว่าผู้ชาย


หูของผู้หญิงแยกแยะเสียงต่างๆได้ชัดเจนกว่าผู้ชาย และมีความไวสูงมาก แม่ลูกอ่อนที่นอนหลับกลางตลาดสดท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม เธอสามารถตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงลูกร้องเพียงนิดเดียว

ผู้หญิงมีจมูกที่ไวต่อกลิ่น และเธอจะรับรู้กลิ่นผิดแปลกปลอมเพียงนิดในตัวของสามีได้

ผู้หญิงบางคนจะพูดโดยเฉลี่ยวันละ 20,000 คำ ถ้าน้อยเกินไปเธอจะอึดอัด ในขณะที่ผู้ชายพูดประมาณ 7,000 คำต่อวัน แม้น้อยกว่านี้เขาก็รู้สึกเฉยๆ

แต่...ทำไมผู้หญิงจึงบรรลุธรรมได้ยากกว่าเพศชาย...เพราะอะไร ?


ถ้าเรารู้เท่าทันทวารเหล่านี้ ชีวิตจะง่ายขึ้น ความเบาสบาย สุขสงบ สดชื่นจะกลับมาเยือนอีกครั้ง และจะคงอยู่ตลอดไป



สวัสดีจ้ะแพร จารุ

ในบรรดากวีที่เข้ารอบปีนี้ มีไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าอยู่คนเดียวคือ อุเทน มหามิตร

คนอื่นๆส่วนใหญ่ก็เคยอ่านงานเห็นหน้าเห็นตากันมาบ้าง มากน้อยก็แล้วแต่จังหวะและโอกาส

สำหรบอุเทน มหามิตรนั้นน่าจะเคยอ่านเรื่องสั้นของเขาตามหน้านิตยสารบ้างหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ

แต่ผ่านสายตาน้อยกว่าอุเทนอีกคน คือุเทน พรมแดง คนหลังนี้เป็นคนหนุ่มที่ไฟแรงและฝีมือจัดจ้าน ในวัยขนาดนี้เขามีรางวัลและผลงานไม่น้อยทีเดียว

รางวัลซีไรต์ทุกๆปีใครได้เราก็ยินดีกับเขาด้วย เพราะรางวัลก็เปรียบเสมือนกำลังใจให้กับคนทำงาน

เพราะว่ากวีไม่ว่าจะมีรางวัลประดับหรือไม่ก็ตามเขาก็เขียนบทกวีของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่รางวัลทำให้รู้สึกชื่นใจมีกำลังใจที่จะเต็มที่กับงานยิ่งๆขึ้นไปอีก

หมี่เป็ดยังหนุ่มแน่น เขายังเขียนบทกวีดีๆให้โลกอ่านได้อีกมากมาย เราเชื่ออย่างนั้นนะ

ไม่ว่าจะมีหรือจะได้อะไรก็มีหรือได้ให้เป็นก็แล้วกัน

สวัสดีครับคุณแก้มหอม

ยินดีที่คุณเข้ามาทักทายครับ ถ้าศึกษาจบกลับไปสอนโรงเรียนอยู่ดอยวาวีเมื่อไร จังหวะดีผมคงได้ขึ้นไปเที่ยว

แต่ตอนนี้เรียนอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้ามาเที่ยวบ้านคุณ ส.เมื่อไรก็เชิญแวะมาเที่ยวที่บ้านผมบ้าง

ผมยินดีต้อนรับ แต่โทรศัพท์มาก่อนะครับว่าผมอยู่บ้านหรือเปล่า?

สวัสดีจ้ะสาวบ้านนอก

บ้านนี้ไว้คิดถึงแล้วค่อยมาก็ได้ใครจะคิดถึงกันอยู่ทุกวันล่ะจริงไหม ?
คนเราก็ต้องมีคนอื่นๆให้คิดถึงบ้างสิ ใช่ไหม?

นานๆมาครั้งก็ได้จ้ะสาวนาง
มาแล้วก็จะยืนมองอยู่ที่"ริมรั้วหัวใจ"ก็ได้ ไม่ต้องเข้ามาข้างในก็ได้

บ้านนี้ "อย่างไรก็ได้" จริงๆนะ สิบอกไห่เด้อ...

สวัสดีจ้ะอาเครญา

แม่เป็นนางเอกโนรา แล้วยังทำเส้นหมี่เป็นอีก

ฟังเพลงทางใต้ทีไรแล้วคิดถึงอาเครญาทุกที โดยเฉพาะเพลงของ "บ่าววี"น่ะ


สวัสดีครับคุณmojgirl

ความจริงผมอยากรู้ความหมายของชื่อคุณเป็นภาษาไทยจังเลย
ชื่อคุณแปลว่าอะไรครับ ?

คำว่าพเยีย แปลว่าพวงดอกไม้
คุณไม่ได้ถามหรอก แต่ผมอยากบอก เพราะคุณจะได้ไม่นึกถึงเป็นชาวเข่าเผ่าไหนอีก


สวัสดีจ้ะหลานyellyjam

หนูรักษาความสม่ำเสมอในการเขียนไว้นะ หนูเขียนหนังสือได้แน่นอน

และลุงอยากให้หาเวลาอ่านหนังสืออื่นๆบ้าง เพราะการอ่านคือการ "นำเข้า" การเขียนคือ "ส่งออก" คำพูดนี้ลุงจำมาจากคุณชมัยภร แสงกระจ่าง นักเขียนชื่อดังและตอนนี้เธอก็เป็นนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

ก่อนที่เธอจะมาเป็นนักเขียน เธออ่านมานับไม่ถ้วนแล้ว นอกจากเป็นนักเขียนแล้วเธอเป็นนักอ่านตัวฉกาจทีเดียว

เพราะฉะนั้นหนูสร้างนิสัยการเขียนแล้ว สร้างนิสัยการอ่านด้วยนะจ๊ะ


กราบสวัสดีคุณพ่อบูที่เคารพอย่างสูง

ผมว่าคุณพ่อบูต้องเป็นคนที่อายุมากที่สุดในบล็อกแก๊งแน่นอนเลย

แต่เป็นคนสูงวัยที่ยังทันสมัยอยู่เสมอ
และประการสำคัญมีข้อคิดดีๆฝากลูกฝากหลานอยู่เป็นประจำ


สวัสดีครับปะการัง

ผมก็ชอบบทกวีของมนตรี ศรียงค์
โดยเฉพาะบทนี้

เพราะบทกวีเขามีชีวิต
เรียบง่ายด้วยถ้อยคำแต่ลึกซึ้งในความหมาย

ชีวิตและการงานที่ทำเป็นหนึ่งเดียวกับบทกวีที่เขาเขียน เขาเขียนในสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นประจำ และประการสำคัญคือเขามองเห็นสัจธรรมของชีวิตในสิ่งที่เขาทำ

"เยี่ยมครับ หมี่เป็ด"


สวัสดีครับคุณแพนด้ามหาภัย

ก็ย้อนกลับไปที่คุณยกข้อความของสุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนามานั่นแหละครับ

เราไม่รู้ว่า

ที่จริงแล้วความสุขนั้นไม่อาจคงอยู่ได้อย่างถาวร

เราไม่รู้ว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราว่าเป็นความสุขนั้นจะไปจบลงที่เป็นทุกข์

เราไม่รู้ว่า

การจะได้ความสุขที่แท้จริงจะได้มาอย่างไร

เมื่อเราไม่รู้เราก็ตกหลุมพรางของความสุข

จนในที่สุดเราต้องไปอยู่ในวังวนของฝ่ายทุกข์ไปนานแสนนาน

ผมว่าในหนังสือที่ชื่อ "วิถีแห่งความสุข" ที่คุณนำมาไว้ในบล็อกน่าจะมีให้คำตอบคุณได้นะ

แต่หนังสือประภทนี้อ่านอย่างเดียวไม่ได้ เมื่ออ่านแล้วรู้ รู้แล้วทำด้วยจึงจะได้ครบอรรถรสครับ

สวัสดีครับป้าชุ

ยินดีที่ได้เห็นตัวหนังสือป้าชุอีก
เรื่องเพื่อนรักของป้าชุน่ะ
ต้องขอบคุณป้าชุที่เป็นผู้ชักนำให้เธอได้มารู้จักกับพ่อพเยีย

จะว่าไปแล้วเธอก็เขียนกลอนได้ไม่เลวทีเดียวนะครับ

ถ้าขยันๆฝึกฝนหน่อย เขียนบ่อยๆ
และเพิ่มความยาวอีกนิด เพื่อที่จะบอกเรื่องราวได้มากขึ้น

หวังว่าป้าชุคงสบายดีนะครับ


สวัสดีจ้ะปลายแปรง

ลุย...เลย...สวนไหนๆก็ไปกัน..เหนื่อยกายดีกว่าเหนื่อยใจ

ยังสาวยังแส้ ยังมีกำลังวังชาทั้งกายใจเปี่ยมสมบูรณ์
ส่งกำลังใจไปให้ถึงสวนเลยนะ ปลายแปรง

 

โดย: พ่อพเยีย 1 กันยายน 2550 11:57:55 น.  

 

สวัสดีจ้ะยานา

แหม...ตกชื่อคนนี้ไปได้ไงเนี่ยะ

น่าอิจฉาจังสำหรับคนที่อยู่ในสถานที่ที่อกาศดี โดยเฉพาะเวลาอากาศหนาวๆเย็นๆพ่อพเยียจะชอบเป็นพิเศษ


แล้วค่อยคุยกันใหม่ก็แล้วกันนะครับ

 

โดย: พ่อพเยีย 1 กันยายน 2550 12:06:02 น.  

 

สวัสดีจ้ะสีน้ำฟ้า


พี่น้องท้องเดียวกันยังนิสัยไม่เหมือนกันเลย

ธรรมดาคนในบล็อกไม่รู้เท่าไร จะให้คิดเหมือนกัน รู้สึกเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้

พ่อพเยียเข้าใจความแตกต่างข้อนี้ดี

และที่บล็อกนี้ก็ไม่ได้บอกว่าคนที่เข้ามาแล้วต้องอ่านทุกคน

จะไปอยากอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ บางทีเข้าบล็อกคนอื่นบางเรื่องก็ยังไม่อ่านเลย เราจะไปอ่านทุกบล็อกได้อย่างไรไหว ก็เลือกอ่านเรื่องที่อยากอ่าน

บางทีเข้าเพื่อไปดูบล็อกบ้าง ไปทักทายเจ้าของบล็อกบ้าง แอบอ่านคอมเม้นท์คนดน้นคนนี้บ้าง ไปคอมเม้นท์บ้าง ฯ ลฯ

(ไม่อ่านกับทำเหมือนว่าอ่านแล้ว ไม่เหมือนกันนะจ๊ะ)

เพียงแต่บล็อกนี้อยากบอกว่าเจ้าของบล็อกชอบความจริงใจ เม้นท์ก็ได้ ไม่เม้นท์ก็ได้ เข้ามาดูก็ยินดีแล้ว

แต่เวลาที่จะเขียนคอมเม้นท์หรือตอบคอมเม้นท์อยากลองให้ผู้เขียน(ทั้งเขาและตัวเราด้วยนั่นแหละ)สำรวจจิตใจตัวเองดูเท่านั้น

ถ้าไม่รู้สึกอย่างที่เขียนจริงก็ "เท่ากับเท็จ" นั่นแหละ สู้ไม่ต้องเขียนจะดีกว่า


สวัสดีครับคุณfilmgus

ขอบคุณสำหรับคำตอบ

เดี๋ยวจะแว้บเข้าไปดูว่าทำไมฉากจึงสีน้ำเงินเข้ม

สวัสดีครับป้าซ่าส์

วันนี้ไม่เป็นซาซ่าส์แล้วหรือครับ ?

เชิญป่วนบล็อกนี้ได้ตามสบายจ้า !

ด้วยท้าทายและเชื้อเชิญ

รอคนป่วนมานานแล้ว (
)

 

โดย: พ่อพเยีย 1 กันยายน 2550 13:02:28 น.  

 

สวัสดีค่ะพ่อพเยีย

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับกวีซีไรต์คนใหม่
คุณมนตรี ศรียงค์ ค่ะ

บทกวีที่พ่อพเยียยกมา
เห็นด้วยว่าเยี่ยมค่ะ
เพราะเมื่อถ่ายทอดออกมาเป็นบทกวีแล้วมีความลุ่มลึกจริง ๆ
เห็นภาพความเป็นหนึ่งเดียว
ระหว่างการงานในชีวิตประจำวันกับสติชัดเจนค่ะ

ลีลาการทำบะหมี่เหลืองของหมี่เป็ดทำให้หนอนฯ นึกถึงบ้านตัวเองค่ะ

เพราะขนมซิ่วท้อที่บ้านก็ต้องมีการนวดแป้ง รีดแป้ง แบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แผ่แป้ง ใส่ไส้ ห่อแป้ง คลึงแป้งที่มีไส้ให้เป็นก้อนกลม และใช้สันมือรีดขณะคลึงแป้งให้เกิดจุกแหลมที่ยอด
(เพื่อเวลาสุกแล้ว ก็จะได้ขนมซิ่วท้อที่บางคนเรียกขนมนมสาวเพราะมีจุกอยู่ที่ยอดขนมค่ะ)
วางแป้งที่ปั้นลงบนกระดาษ
รอแป้งขมนขึ้นฟูได้ที่ จึงเอาเข้าเตานึ่ง

การห่อแป้ง การคลึงแป้งเป็นก้อนกลมและการใช้สันมือรีดขณะคลึงแป้งให้เกิดจุกแหลมนั้น
หากทำให้ดีก็ต้องใช้สมาธิและใจจดจ่ออยู่กับการงานเฉพาะหน้าค่ะ

อ่านบทกวีของคุณมนตรีก็ทำให้นึกถึงการงาน-การทำซิ่วท้อ ที่บ้านของหนอนฯ เองเช่นกัน

ยังไม่เคยอ่านรวมเล่มบทกวีของเขาค่ะ

อ้อ บทกวีของหมี่เป็ด ทำให้หนอนฯ นึกถึงคำกลอนของท่านพุทธทาสภิกขุบทหนึ่ง
ท่านเขียนเรื่องของการงานกับธรรมะไว้หลายสำนวน
แต่มีสำนวนหนึ่งที่ชอบค่ะ มีชื่อบทว่า “การงานเป็นสิ่งน่ารัก”

“อันที่จริง การงาน นั้นน่ารัก
เมื่อยังไม่ รู้จัก ก็อางขนาง (คือไม่ชอบ)
ไม่รู้จัก ก็ปล่อยปละ แล้วละวาง
บ้างร้องคราง เมื่อรอหน้า ว่าเบื่อจริง

แต่ที่แท้ การงาน นั้นน่ารัก
สอนให้คน รู้จัก ไปทุกสิ่ง
ถ้ายิ่งทำ ยิ่งฉลาด ไม่พลาดยิง
ได้ตรงดิ่ง สิ่งอุกฤษฎ์ คือจิตเจริญ

การงานนี้ ดูให้ดี มันน่ารัก
เป็นการชัก ธรรมะมา น่าสรรเสริญ
คือมีสติ ฉันทะ ทมะเกิน
ครั้นหยุดเพลิน จิตก็วาง ทางนิพพาน”

ตอนนี้ แม้ไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ก็พยายามอ่านหนังสือค่ะและกำลังอ่านเรื่องทั้งสามเล่มของทันตแพทย์สมเช่นกัน เห็นด้วยกะพ่อพเยียว่าเป็นหนังสือที่อ่านสนุกทั้งสามเล่ม (อ่านยังไม่จบซักเล่มค่ะ) คืออ่านเล่มโน้นนิด เล่มนี้หน่อย ก็มันน่าอ่านไปหมดนี่นา ตัดใจไม่ถูกว่าจะอ่านเล่มไหนก่อนหลัง ก็เลยอ่านควบสามเล่มเลย

ก่อนหน้านั้นได้อ่าน “อัจฉริยะสร้างได้” ของ หนูดี (วนิษา เรซ) อ่านแล้วรู้สึกชอบค่ะ ต้องแนะนำคนอื่นอ่านต่อ ทั้งที่ทีแรกมีความรู้สึกแอนตี้ในใจเพราะไอ้เรื่องอัจฉริยะอะไรทั้งหลายนี่แหละ คือมองว่าทำไมคนเราต้องพยายามผลักดันตนหรือลูก ๆ ให้เป็นอัจฉริยะซะมากมาย จนบางครั้งลืมพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจ ถึงไม่เป็นอัจฉริยะก็ไม่เห็นเป็นไรเลย

แต่พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้ กลับพบว่า หนังสือไม่ได้ยัดเยียดว่าใครจะเป็นอัจฉริยะได้อย่างไร แต่เมื่ออ่านหนังสือแล้ว กลับทำให้เราได้ลองทบทวนตัวเอง ดูผู้คนรอบข้าง และก็เข้าใจตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น

อัจฉริยะในหนังสือเล่มนี้ ก็คือการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ในตนเอง ในด้านที่ยังอ่อนด้อยให้เข้มแข็งขึ้นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ตนเอง แต่ไม่เคร่งเครียดนะคะ

เธอเล่าถึงทฤษฎีพหุปัญญาที่บอกไว้ว่า มนุษย์เรามีอัจริยภาพอย่างน้อยแปดด้าน และในคนหนึ่งคนก็มีครบทั้งแปดด้าน เพียงแต่ว่ามีบางด้านที่เด่นกว่าด้านอื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับกายภาพ สภาพแวดล้อม การฝึกฝนที่เราได้รับมาตั้งแต่เยาว์วัย

เมื่อได้อ่านเนื้อหาแล้ว ก็เห็นจริงตามนั้นค่ะ หนังสือเล่มนี้อ่านง่าย อ่านสนุก ได้รับความรู้ และสามารถนำมาปรับใช้ได้ ไม่ใช่หนังสือ How to เข้มข้นอะไรเลย คนมีลูกน่าจะได้ลองอ่าน แม้ไม่มีลูกก็อ่านได้ค่ะ อ่านแล้วลองเปรียบเทียบดู สนุกดี เพราะไม่แต่เพียงจะพูดเรื่องการพัฒนาทางกายภาพเท่านั้น แต่ในหลายบทยังมีเรื่องของจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

หนอนฯ จะลองยกตัวอย่างตอนนึงที่ชอบค่ะ ในบทที่ว่าด้วยอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ มีข้อความตอนหนึ่งน่าสนใจมาก

“สำหรับชีวิตส่วนตัวของหนูดี แม้กระทั่งทุกวันนี้ หนูดียังฝึก ‘การภาวนาด้วยการกอดต้นไม้’ ในวิถีของหมู่บ้านพลัมที่ประเทศฝรั่งเศส อยู่เลยค่ะ ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ แค่เรายืนนิ่งหน้าต้นไม้ใหญ่ หายใจเข้าออกพร้อมเขา แล้วก็หลับตากอดเขาเบา ๆ เพราะต้นไม้ใหญ่จะมีพลังแห่งการเยียวยาสูงมาก และทุกครั้งที่หนูดีไม่สบายใจหนูดีก็จะภาวนาด้วยการกอดต้นไม้เสมอ...” และเด็ดกว่านั้นในตอนท้ายของบทหนูดีสรุปว่า “...เพราะจะกอดต้นไม้กี่ต้นก็ไม่เท่ากอดแม่คนเดียวหรอกค่ะ”

อยากจะบอกว่ามีหนังสือหลายเล่มที่เรามองผ่านเลยไป ด้วยอคติ ด้วยความไม่ชอบ ด้วยความไม่ถูกใจชื่อหนังสือ และด้วยอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย ครั้นพอได้เปิดและได้ลองอ่าน กลับพบสิ่งดี ๆ ในนั้นมากมาย

หนังสือเล่มนี้ หนอนฯ ซื้อมาอ่าน แรก ๆ ตั้งใจเพียงว่าจะมาดูเนื้อหาและใช้เทียบเคียง เพื่อพัฒนาส่วนที่มีปัญหาของลูกสาวตัวน้อย ๆ ได้บ้าง ครั้นพอได้อ่านจริง ๆ กลับได้พบอะไรมากกว่านั้นมากมายจนอดจะบอกต่อไม่ได้ค่ะ

ปกติหนอนฯ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือจบเล่มหนึ่งในเวลาอันรวดเร็วหรอกค่ะ แต่สำหรับเล่มนี้เรียกว่าอ่านสนุกอ่านเพลินจบเล่มในเวลารวดเร็วมาก ๆ เป็นหนังสืออ่านง่าย ๆ เพลิน ๆ แต่มีสาระเกินกว่าที่คิดไว้

วันนี้คุยยาว เห็นพ่อพเยียมาชวนอ่านหนังสือ หนอนฯ ก็เลยขอเชิญชวนอ่านหนังสือบ้าง (ไม่ให้น้อยหน้าพ่อพเยียค่ะ)

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.175.188 1 กันยายน 2550 15:06:40 น.  

 

แม่อาเครญา เก่งกาจหลายเรื่องและหลายด้านคะ ตัวเล็กๆแต่ท่านเข้มแข็งทั้งกายและใจ อีกทั้งยังคิด"คำคม"ปลอบชีวิตตัวเองยอดเยี่ยมคะ

ขอบคุณคะ พี่โดม ที่คิดถึงอาเครญา แต่ไม่เกี่ยวกับเพลง"บ่าววี"ไม่ได้เหรอคะ เฮ้อ

 

โดย: อาเครญา IP: 58.10.65.93 1 กันยายน 2550 16:36:00 น.  

 

สวัดีค่ะลุงโดม

วันนี้หนูอัพบล็อกใหม่
คิดว่าจะเอารูปงานรับน้อง รับตะเกียง รับหมวกและรับแถบหมวกลง
พยายามเอาลงแล้วแต่เอาลงไม่ได้
เห็นว่าภาพมีขนาดใหญ่เกินไป
หนูพยายามย่อแล้วแต่ก็ย่อไม่ได้
ทำยังไงดีค่ะ

ด้วยความเครพ

 

โดย: ลูกของพ่อค่ะ (lukkongpoka ) 1 กันยายน 2550 17:01:45 น.  

 

ชื่อ นี้ไม่มีคำแปล ภาษาไทยหรอกค่ะ

แค่ระลึกถึงกระรอกที่เคยเลี้ยง

หล่อนชื่อนู๋โมจิ ค่ะ

 

โดย: mojigirl 1 กันยายน 2550 18:48:14 น.  

 

สวัดดีรอบที่สองค่ะลุงโดม

หนูจะมาบอกว่าเอารูปลงได้แล้วค่ะ
ดีใจจังเลยค่ะ ลองทำเองดูทั้งวันก็ทำไม่ได้
ถ้าไม่มีคำแนะนำจากลุงโดมคงแย่แน่ๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ลูกของพ่อค่ะ IP: 61.7.231.130 1 กันยายน 2550 20:11:11 น.  

 



มาตอบคำถามอาโดมจากบล็อกโน้นค่ะ

เพลงที่ร้อง ชื่อเพลง"คิดถึงที่สุด" ของวง"บูโดกัน" เวลาเขียนกาพย์ฉบัง 16 บทที่วางไว้ จะเขียนล้อๆไปกับเพลงนี้ค่ะ

นกเริ่มเขียนบทกวีล้อกับเพลงตั้งแต่บล็อกชื่อ คำเดียว น้ำค้างกลางตะวัน และ คิดถึงที่สุด ซึ่งก็กำลังคิดจะเขียนบทต่อจากนี้ด้วยเพลงอื่นๆ อีกค่ะ (แบบว่าไม่ต้องไปหาเรื่องอื่นๆ มาเขียนไงคะอา ใช้เพลงที่ร้องนี่แหละ ง่ายดีค่ะ)

เคยอ่านงานของ กวีหมี่เป็ดมาบ้าง นกว่า แนวความคิดดีมากๆ สื่อความรู้สึกนึกคิดได้ชัดเจน แต่ก็แฝงนัยไว้เสมอ สมกับเป็นกวีนะคะ

นกรู้สึกเองว่าคนเขียนบทกวี เป็นง่าย แต่จะเป็นกวี นกว่ายากค่ะอาโดม

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 1 กันยายน 2550 20:26:21 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
พอดีช่วงนี้กำลังเตรียมภาพไป
ร่วมงานมหกรรมชนเผ่าที่เชียงใหม่
กลับมาแล้วจะพยายามอีกครั้ง

 

โดย: ตานลวิน (ตานลวิน ) 1 กันยายน 2550 22:30:26 น.  

 

โห..คุณโดม เห็นรูปพี่ๆ..เน้นว่าพี่ๆนะ แต่ทำไม..ยิ่งเป็นพี่ แต่หน้าตาไม่คิดจะแก่กันบ้างเลย
(คุณโดมผอมลงนะ)

คุณโดมไม่มีรูปพี่หนอนฯเหรอคะ

งานนี้คุณฮอลล์สวยสุดท่ามกลางหนุ่มๆ เพราะไม่มีสาวๆให้เปรียบเทียบ สวยไปคนเดียวเลย

พี่จินนี่ก็โตเป็นสาวแล้ว คุณแม่ก็ไม่เปลี่ยนไปเล๊ย..ดูรูปแล้วหายคิดถึงทุกคนได้เยอะเลยค่ะ อย่างน้อยๆก็ได้เห็นภาพอั๊พเดท

เรื่องบล๊อก แม่น้องนิกก็เขียนเพื่อความสนุก เขียนเมื่ออยากเขียน ไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะต้องมาคนเข้ามาเม้นท์มากมาย

เพียงแค่เพื่อนที่เรารู้จักในบล๊อก เข้ามาทักทายด้วยความรู้สึกที่จริงใจ ก็ทำให้เราเม้นท์ตอบได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้อง
เสแสร้ง และในบล๊อกเรา มันจะมี
อารมณ์ที่เจือด้วยความสุข
ระหว่างเจ้าของบล๊อกกับเพื่อนๆ
ที่เข้ามาคุยด้วย โดยผ่านตัวอักษร โดยมากบล๊อกแม่น้องนิกจะมีเพื่อนมาจิก แซวเล่นเป็นประจำ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.67 1 กันยายน 2550 23:56:05 น.  

 

รู้ไหมค่ะ ว่าคุณยานาทำทะเลเพิ่งยิ้มออก ตอนเกือบจะหมดวันพอดี....วันนี้ เครียดงานทั้งวันเลย ขอบคุณมาก มากค่ะที่ส่งความคิดถึงมาให้ ;) ...

ไม่มีคอมเม้นท์... เพราะติดงานนิดหน่อย แต่เข้ามาเยี่ยมบ้านนี้ทุกวันนะค่ะ...
อีกอย่างก็คือ...จริงๆเป็นคนไม่เคยเขียน อะไรเลย พยายามเคยจะลองหัดเขียนไดอารี่ ก็ไม่สำเร็จ ยิ่งเป็นกลอนกวียิ่งแย่ใหญ่ แต่ชื่นชอบ ชื่นชมคนเขียนนะคะ รู้สึกว่าเขาเท่ เก่งจัง....
ยังงง..งง ตัวเองอยู่เลยว่ามานั่งพิมพ์ อะไรเเบบนี้ได้งัย ??? เป็นครั้งแรกในชีวิต ... ตลกดี..
.... สงสัย โลกใบนี้มีแรงดึงดูด จริง จริง ด้วย

ขอตัวไปนอนหลับฝันดี..ที่มีคนส่งความรู้สึกดีๆ มาให้ก่อนนะค่ะ

คิดถึงคุณยานาเช่นกัน....

ปล. ยืนยันอีกครั้งค่ะว่า...ดีใจมาก ขอบคุณพระเจ้า ที่ได้พบบล๊อกคุณโดม....และแขกที่น่ารักของที่นี่ค่ะ

 

โดย: ทะเล IP: 58.9.104.86 2 กันยายน 2550 0:07:50 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดม

ภาพในช่องคอมเม้นท์สวยได้ใจมากเลยค่ะ ที่ไหนคะนี่? ต่อมเดินทางของนู๋กะลังกระโดดโลดเต้นอีกแว้ว

ดีใจที่ได้พบพี่อีกครั้งที่งานเทศกาลหนังสือในสวนค่ะ

 

โดย: กฤติศิลป์ ศักดิ์ฯ IP: 202.57.183.28 2 กันยายน 2550 2:30:00 น.  

 

เห็นบ้านคุณพ่อพเยีย ก็เข้าใจว่ามีนักเขียนเพียบแน่ๆ เลย .... แต่แอบทึ่งกับ กวีซีไรต์คนล่าสุด..... "หมี่เป็ด" (อ่านบทคร่าวๆในความคิดเห็นที่ 44) เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันดีนะคะ

เอ่อ...เข้ามาอ่านในบล็อกและความคิดเห็นของคุณพ่อพเยียวันนี้ รู้สึกเขิลๆ แบบว่า ช่วงนี้ชื่นชอบของดำ เลยพิมพ์เรื่องแบบโป๊ๆ กาน่าไปนิดค่ะ
สบายดีกาน่าค่ะ
ช่วงนี้ติดโทรทัศน์เล็กน้อย ยังไม่พิมพ์เรื่องใหม่ค่ะ

 

โดย: shin chan (alei ) 2 กันยายน 2550 7:22:48 น.  

 

หวัดดีคะคุณโดมและแฟนๆ
ฝากถึงสาวบ้านนอกขอนแก่น คืออย่ากได้สูตรทำปลาส้ม เคยรับประทานที่ขอนแก่นอร่อยมาก เข้าไปที่บล็อกเลยนะคะจะขอบคุณล่วงหน้า อันนี้บล็อกนักเขียน
บล็อกดิฉันจะต้องบอกว่า เป็นบล็กทำปลาร้าคะ เขียนไปหัวเราะไป

 

โดย: บุญสิตา (ดาวกระพริบฟ้า ) 2 กันยายน 2550 9:13:18 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดมและทุกท่าน..

มาติดตามความเคลื่อนไหวตามปกติค่ะ.. อ่านมาถึงภาพในกล่องคอมเม้นท์ของพี่โดม..ของ[b]คุณกฤติศิลป์ ศักดิ์ฯ [/b] .. อยากบอกว่าช่วงนี้ทะเล(ที่จังหวัดกระบี่)หน้าฝนค่ะ.. คลื่นลมแรง ไม่น่าเที่ยวเลย

ไปทางเชียงใหม่กันดีกว่า..

ฮา..ว่าไปนั่น เรื่องของเรื่องต่อมเดินทางก็เต้นตามคุณไปด้วยไง

[b]ฝากถึงแม่น้องนิกนะคะ..[/b] พี่ปอนบ่นถึงไม่ทราบว่า..พี่แม่น้องนิกทราบหรือยัง..พอดีสีน้ำฟ้าเพิ่งออกมาจากบล็อกพี่ปอนเมื่อกี้ค่ะ

 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.149.214 2 กันยายน 2550 12:16:17 น.  

 

สวัสดีจ้ะหนอนเมืองกรุง

ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆที่มาแนะนำ ต้องหาเล่มนี้มาอ่านแน่นอน

ตอนที่เธอออกรายการของคุณสรยุทธ์ กระหึ่มมาก เห็นหนอนเล่าย่อๆให้ฟังแล้วก็อยากอ่าน

แต่อย่างว่าแหละนะ อ่านหนังสือก็ต้องอ่านทีละเล่มและทีละบรรทัดด้วย อ่านทีละหลายบรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเลย

สวัสดีอาเครญา

แม่อาเครญาคิดคำคมอะไรไว้บ้างล่ะ เอามาลงบล็อกให้อ่านบ้างสิ เพื่อการเผยแพร่คำคมวันละคำ

สวัสดีจ้ะหลานเบญจ์

เป็นไงลงรูปได้แล้ว

สนุกไหมล่ะ

ช่วงนี้ลุงยังไม่ค่อยว่างเลยนะ

ขอให้สนุกกับการสร้างสีสันให้บล็อกและสนุกกับการเขียน



สวัสดีครับคุณ mojigirl

ความจริงผมพิมพ์ชื่อคุณตกตัว ไอไปหนึ่งตัว ผมก็ออกเสียงนี้อยู่ในใจว่า เอ๊ะคืออะไรนะ พอรู้ว่ามาจากกระรอกน้อยของคุณที่ชื่อ "โมจิ" ผมก็อ๋ออยู่ในใจ พอได้ยินคว่าว่า โมจิ ทำให้ผมนึกถึงนครสวรรค์ขึ้นมาทันทีทันใด

สวัสดีจ้ะหลานนก

การเขียนกลอนตามเนื้อหาเพลง

ทำให้อานึกถึงตอนเป็นหนุ่มบ้านนอกนอนฟังรายการวิทยุ

บางรายการก็จะมีคนเขีนกลอนจากผู้ฟังทางบ้านส่งไป พอผู้จัดอ่านจบแล้วเพลงก็ตามมา

ก็ถือว่าเป็นการฝึกเขียนกลอนไป อาอยากแนะนิดหนึ่งว่า ทำเล่นบางครั้งบางคราวก็สนุกดี และง่ายดี

แต่ถ้าฝึกคิดเรื่องที่เขียนด้วยก็น่าจะดี แรกๆมันอาจจะยากบ้างและไม่ค่อยได้ดั่งใจ แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่สร้างสรรค์ ดีหรือไม่ดีแต่ก็ยังเป็นคาวามคิดสร้างสรรค์ของเราทั้งหมด

แต่การเขียนกลอนตามเนื้อเพลงนั้น ทำได้ดีที่สุดก็แค่ได้เป็นคนผลิตซ้ำ

พอทำบ่อยๆก็จะติดเป็นนิสัย เสียดายฝีมือกลอน

อาโดมอยากบอกว่า ความคิดก็เป็นเรื่องที่ฝึกฝนกันได้ ความคิดนี่ยิ่งใช้ก็ยิ่งแหลมคมนะจ๊ะ จะบอกให้

ไม่ซีเรียสหรอก..แนะนำตามประสาอากับหลานน่ะ


สวัสดีจ้ะตานลวิน

เดินทางขึ้นเชียงใหม่อีกแล้วหรือนี่ เดินทางเป็นว่าเล่นเลยนะ


สวัสดีครับแม่น้องนิก

พ่อพเยียว่าพอคนเราเขียนบล็อกไปสักพักเราก็จะค่อยๆรู้เองว่าเราเขียนบล็อกเพื่ออะไร

บล็อกก็สามารถเรียนรู้ตัวเองได้ บล็อกก็สามารถเรียนรู้ผู้อื่นได้จากการอ่านตัวอักษรทั้งที่เขาเขียนหรือที่เขามาคอมเม้นท์

สวัสดีครับคุณทะเล

ไม่ได้นะครับ ...วันไหนเกิดอาการเครียดขึ้นมา ถือว่าขาดทุนนะครับ ต่อไปห้ามเครียดอีก

ด้วยปรารถนาดี


สวัสดีจ้ะกฤติศิลป์

ยินดีที่เข้ามาทักทายกัน เพีงรู้ว่ากฤติสิลป์มีความสามารถหลายอย่าง ทั้งอาร์ตเวิร์ค ทั้งทำสมุดบันทึกทำมือ ทั้งเขียนหนังสือ ฯลฯ ครบเครื่องจริงๆ


สวัสดีครับคุณทะเล

ไม่ด้ายนะครับ ...วันไหนเกิดอาการเครียด ถือว่าขาดทุนนะครับ คุณทะเล


สวัสดีครับคุณชิน

ผมเข้าไปดูบล็อกชอบของดำของคุณแล้ว

ภาพประกอบเรื่องของคุณเรื่องกลบเนื้อหาเรื่องหมดเลย

ผมเลยคอมเม้นท์ไม่ออก

ไม่เห็นต้องเขินเลยครับ
รผมว่าคุณก็ทำแค่เขียนเรื่องดำ(ๆ)ขำ(ๆ)เท่านั้นไม่ได้บ่ายหน้าไปในเรื่องโป๊โดยตรง

ผมถือว่าเป็นความรู้ใหม่ด้วยซ้ำว่าที่อาฟริกาเขามีรายการที.วี.บิ๊กบราเธ่อร์แบบนี้ด้วย

(เดี๋ยวต้องมีคนตามไปดูแน่เลยว่า เอ๋..รายการทีวีที่บล็อกของคุณชินเป็นรายการอะไรนะ ?)


สวัสดีครับคุณบุญสิตา

บล็อกปลาร้าของคุณนอกจากให้เห็นรูปแล้วต้องส่งกลิ่นด้วยนะครับ


สวัสดีจ้ะสีน้ำฟ้า

ตอนนี้จรยุทธ์อยู่ที่ไหนเนี่ยะ เชียงใหม่หรือกระบี่จ๊ะหนูสีน้ำฟ้าคนเก่ง ?

 

โดย: พ่อพเยีย 2 กันยายน 2550 14:11:27 น.  

 

เฮ้อ...อิจฉาคนถ่ายรูปขึ้น
ใครๆเลยชมกันใหญ่ว่า ล้อ..หล่อ ยังไม่แก่เลย
กินลูกยอซะอิ่มหนำ...
ข้าน้อยขอยืนยันว่า พ่อพเยียตัวจริงไม่ได้หล่อขนาดนี้
หล่อกว่านี้มากจ้ะ...

ล้อเล่นล่ะจ้ะ...

คอมเสียไปหลายวันค่ะ มาได้ก็อ่านจนมึน
สำหรับบล๊อกนั้น ตอนนี้เป็นเพียงผู้อ่าน
และยังพอใจที่จะเป็นเพียงแค่นี้
มากกว่านี้คงไม่ไหว ที่เคยสัญญากับพ่อพเยียว่า จะทำบล๊อก
ชักเริ่มเปลี่ยนใจ
เวลาที่เหลือจากดูแลลูกๆและครอบครัวแล้ว
มีอะไรต้องทำไม่น้อยค่ะ
ออกกำลังกายก็หมดไปเกือบครึ่งวันแล้ว
เขียนนิทาน งานโรงเรียนลูก และยังหนังสือที่อยากอ่านอีกมาก
หนูคงยังไม่ทำบล๊อกนะคะพ่อพเยีย
ขอเป็นแฟนบล๊อกตามอ่านตามคุยกับเพื่อนๆแถวนี้ไปก่อน
แค่นี้ก็รู้สึกพอแล้วค่ะ

สวัสดี..พี่หนอนฯ พี่อาเครญา คุณเจ แม่น้องนิก คุณฮอลล์ ยานา น้องนก คุณปะการัง และทุกคนข้างบนค่ะ

 

โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.59.240 2 กันยายน 2550 18:28:23 น.  

 

สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่า


ไม่กินลูกยอหรอกกลัวจุกท้อง

ตอบแค่นี้แหละนะ เดี๋ยวจะรีบไปทำงาน

มีเวลาแล้วค่อยคุยกันใหม่จ้ะ

 

โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.26.49 2 กันยายน 2550 20:27:40 น.  

 

จริงค่ะ ตัวจริงพี่โดม
เด็กแนวเลยล่ะ..แนวอะไรหว่า
ดีใจจังเราเจอตัวจริงแล้ว
ได้เปรียบกันเห็นๆ คริคริ

พี่โดม รีบทำงานเข้า
บล็อกชบาฉายจะได้รวมเล่มเร็วๆ

ขวัญเรือนนับวันก็ทำภาพประกอบ รูปเล่มได้น่าอ่านจริงๆนะคะ
เปิดดูทีไร คอลัมน์พี่โดมดูน่าอ่านมากๆ
ภาพสวยและเยอะดี จัดหน้าก็สวย
ไม่เหมือนอีกเล่มเนอะ เศร้าใจทุกที

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 2 กันยายน 2550 21:12:00 น.  

 

สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ เพิ่งดูละคอน เรื่อง ROOTS ตอนจบภาค 1 อยากให้ละคอนอเมริกาแนวแอฟริกัน ไปฉายที่เมืองไทยบ้างจัง แต่เคยได้ยินว่าเรื่องนี้ เมื่อ 30 กว่าปีก่อนเคยนำมาฉายช่อง 3 ..... ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ในบล็อก รวมถึงคุณพ่อพเยียเคยดู หรืออ่านเรื่องนี้หรือไม่ มันน่าประทับใจมาก สำหรับทาสที่ต้องการหารากเหง้า และอิสระภาพของตน

....จะพยายามเชื่อว่าคุณพ่อพเยีย มาอ่าน Big Brother Africa แบบข้ามๆ นะคะ

สบายดีกาน่า..บล็อกดำๆ ขำๆ (ของแท้)

 

โดย: shin chan (alei ) 2 กันยายน 2550 23:04:34 น.  

 

ลืมบอกพี่โดมไปค่ะว่านู๋ได้อ่านเรื่องราวของแม่ฮ่องสอนที่พี่โดมเขียนลงคอลัมน์ในกุลสตรี (2 เดือนแล้วอะมั้งคะ) นู๋ว่าจะแอบตามรอยเท้าพี่โดมไปมั่ง อยากชมสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยอะค่ะ

พี่โดมคะ จริงๆแล้วนู๋ทำอะไรเป็นอีกหลายอย่างเลยค่ะที่เกี่ยวกับศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นวาดรูป / เปเปอร์มาเช่ / บาติก / เพ้นท์ติ้ง ฯลฯ แต่เอาดีไม่ได้ซ๊ากกะอย่างค่ะ อิๆๆๆ

 

โดย: กฤติศิลป์ (tidds ) 2 กันยายน 2550 23:53:47 น.  

 

ขอบคุณมาก มากค่ะสำหรับความปรารถนาดีตั้ง 2 รอบ

...ปัญหามา ปัญญามี...

ต้องถือว่า กำไรชีวิตค่ะ ที่พระเจ้าส่งปัญหา มาให้แก้ เหมือนกับว่าถ้าเราสอบผ่านก็ได้เลื่อน ชั้นงัยคะ???? เพียงแต่ว่า ช่วงนี้รู้สึกว่าคงจะเป็นช่วงโปรโมชั่น เพราะมาพร้อมๆกัน ติดๆกันไปหน่อย.... คงเป็นเพราะว่าท่านเห็นว่าเรา แข็งแรง และน่าจะเก่งกล้าพอที่จะสอบผ่านได้ ก็เลยลองซะเลย

คิดว่า..หากสอบผ่านครั้งนี้ไปแล้ว.. จะทำตัวอ่อนแอซะหน่อย ท่านจะได้ไม่สนุก ที่จะมาเล่นกับคนอ่อนแอ.. และไปหาคนอื่นเล่นด้วยแทน........

ว่าแล้วไปนอนเอาแรงไว้สู้กับ พระเจ้าขี้เล่นหน่อยนะคะ ... เกมยังไม่จบ ยังไม่แพ้ง่ายๆหรอก...
.... ที่สำคัญ เรามีกำลังใจดี ดี ส่งมาเชียร์ด้วย... ขอบคุณคะ

 

โดย: ทะเล IP: 58.9.92.193 3 กันยายน 2550 1:21:08 น.  

 

สวัสดีจ๊ะคุณโดมและแฟนๆที่รักทุกท่าน

หลังที่ผลของการสอบออกมาว่าฉันสอบวีซ่าถาวรผ่าน ทำให้คนไทยที่สอบตกฮือฮา อยากจะให้ฉันช่วยติวให้ เขาไม่รู้หรอกว่าฉันต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน
ไม่ใช่คุยโม๊หรือโอ้อวดตัวเองหรอกนะ อลันโทรไปจองที่นั่งสอบให้ฉันทั้งๆที่ฉันมีเวลาอ่านหนังสือแค่สามอาทิตย์เอง
บอกตรงๆว่าพอเปิดหนังสืออ่านก็เริ่มมึนซะแล้ว
ที่มึนเพราะว่าเป็นภาษาอังกฤษ
ความรู้แค่หางอึ่งอย่างฉันคงไม่รอดแน่ๆ อ่านได้ไม่กี่หน้าก็เริ่มท้อ แต่อลันก็พยายามช่วยเต็มที่ โดยการอ่านเรื่องทั้งหมดแล้วย่อเรื่องพิมพ์ให้ฉันอ่าน

พอดีได้รู้จักคนไทยที่มาอยู่ที่นี่ ที่ร้านขายของชำ เธอก็ไปสอบมาแล้วแต่ไม่ผ่าน เธอแนะนำฉันว่าเขามีซีดีแนะแนวขายทางอินเตอร์เนท
ในซีดีนี้จะมีคำถามให้เราลองทำทั้งหมด 2592 คำถาม และมีคำตอบที่ถูกให้เราด้วย
คำถามทั้งหมดก็มาจากเรื่องราวในหนังสือที่เราอ่านนั่นแหละ วันๆฉันนั่งหน้าจอทำแบบทดสอบตลอด บางวันเกือบเที่ยงคืน
ก่อนสอบสองวันเครียดมาก
อาจจะเป็นเพราะฉันอายุมากแล้วก็ได้ และสายตา(ยายไม่เกี่ยวนะ)ก็ไม่ค่อยดี พอได้หน้าก็ลืมหลัง
ก่อนสอบหนึ่งวันฉันปิดคอมและหนังสือไม่ดูอีกเลย คิดว่าเราพร้อมและไม่กังวลแล้ว
วันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันสอบ ฉันไปก่อนคนอื่นไปนั่งรอ
ที่หน้าห้องสอบ มีคนไปสอบ 7 คน คนไทย 2 คน
เขาให้ทำข้อสอบทางคอมพิวเตอร์ ก่อนสอบเจ้าหน้าจะให้ทุกคนกรอกข้อมูลส่วนตัว
พร้อมที่อยู่
ทุกคนจะได้ข้อสอบไม่เหมือนกัน
ข้อสอบมี 24 ข้อ ถ้าทำถูก 18 ข้อถือว่าผ่านมีเวลาทำ 45 นาที
ฉันทำเสร็จภายในเวลาสิบนาที แต่เวลาที่เหลือก็ตรวจทานกลับไปกลับมา สามครั้งเพื่อความแน่ใจ
ทำข้อสอบเสร็จก็ออกมานั่งรอคนที่เหลือข้างนอกแต่เขาห้ามคนที่ออกไปก่อนคุยกัน สักพักเขาก็เรียกเข้าไปในห้องสอบทีละคน
ฉันเป็นคนที่ห้า เขายื่นกระดาษให้ฉันแล้วพูดว่าขอแสดงความดีใจด้วยที่คุณสอบผ่าน ฉันเลยถามเขาว่าฉันทำผิดกี่ข้อ เขาบอกคุณได้ดีมาก ไม่ผิดเลย โอโฮ ฉันดีใจจนบอกไม่ถูก
พอเดินออกจากห้องอลันมองหน้าเป็นคำถาม ฉันเลยชูนิ้งโป้งทั้งสองนิ้วให้ เป็นอันรู้กัน



 

โดย: ป้าชุ IP: 86.142.11.200 3 กันยายน 2550 2:11:22 น.  

 

เริ่มจากเมื่อสี่ห้าวันที่ผ่านมาแมวตัวนึง เกิดอาการนั่งเหงาเศร้าซึม บ่นพัมพึม เอ้าบ่น พัมพึม เอ๊ยไม่ใช่ค่ะเกิดเซื่องซึมผิดปกติ ข้าวปลาไม่ยอมกิน นั่งทำตาแดงๆหายใจหอบเสียงดังมากๆเลยพาแมวไปหาหมอ หมอบอกว่าน้องแมวเป็นไข้หวัด อึ๋ยย!!! ไข้หวัดแมว ตายๆๆๆแน่ๆ มันจะน่ากลัวเหมือนไข้หวัดนกมั้ยน๊อ หมาเราจะติดเชื้อมั้ยมั้ยน๊อ กระแตล่ะถ้ามันติดเชื้อจะทำไง แล้วเราล่ะจะโดนแจ๊คพ๊อตด้วยหรือเปล่า แต่วิตกจริตได้เพียงสองนาทีเหมือนหมอเคยเป็นพ่อหมอ(ไสยศาสตร์) มาก่อนรีบตัดหน้าบอกซะก่อนที่เราจะถามว่าโรคนี้เป็นอยู่ที่แมวเท่านั้น ไม่แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์อื่นๆ จับแมวฉีดยาหนึ่งเข็ม ลันล้ากลับบ้าน 555 เดี๋ยวอีกไม่กี่วันแมวก็หายป่วย เย้ !!!!

สองวันผ่านไปชีวิตรันทดสุดๆๆๆ
เล่าแล้วมันเศร้าค่ะพ่อเพยียขออนุญาติหยิบทิชชูก่อนนะคะ แมวเค้า...
แมวเค้าป่วยอยู่..แล้วก้อยังป่วยอยู่ อ้าว! พ่อพเยียคงสงสัยว่ามันรันทดตรงไหน ก็ตรงที่มันป่วยนี่แหละค่ะ แต่คราวนี้มันไม่ใช่แมวตัวนึงที่ป่วย แต่เป็นแมวสิบตัวที่ป่วย แมวติดหวัดกันหมดเลยสิบตัว การพาแมวไปหาหมอเป็นฝูงๆไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ยากกว่าพาหมาไปหาหมออีก การป้อนยาให้แมวสิบตัว เช้า เย็น รวมแล้วยี่สิบครั้ง ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ และรันทดอย่างยิ่งโดนแมวข่วนเต็มแขนไปหมด เวลาแมวเป็นหวัดอาการเหมือนคนเป็นหวัดเลยค่ะ มีน้ำมูกไหล มีหายใจดังฟืดๆๆ มีคัดจมูก ตัวร้อนแต่แมวจะน่าสงสารกว่าตอนที่เป็นหวัดได้ที่ช่วงที่น้ำมูกเริ่มหนืดๆ เข้มข้น
เค้าจะทรมาณเพราะสั่งน้ำมูกไม่ออกเลยค่ะน่าสงสารมากๆๆ

 

โดย: โหมดรันทด กระซิกๆๆ (ป้าซ่าส์ ) 3 กันยายน 2550 2:15:04 น.  

 

นะ..พี่โน..พูดซ้า..ความจริงคือ
หล่อและสวย กว่าในรูปทั้งหมด ทุกคนใช่มั๊ยคะ

อ่านที่พี่หนอนฯเล่าเกี่ยวกับหนังสือของหนูดี จำได้ในเรื่องราวของเธอตอนที่ลงในขวัญเรือนอ่ะพี่ ขอให้พี่หนอนฯค้นพบทางให้หนูแป้งนะคะ นี่ล่ะพี่ เพื่อลูก..
คุณแม่สามารถอ่านหนังสือจบในรอบเดียวเล๊ย..(แอบยิ้มขำพี่หนอนฯล่ะจ้ะ)

เมื่อวานอ่านขวัญเรือนเรื่องแพที่คุณโดมไปอยู่ที่อุทัยฯน่ะค่ะ
ชอบจังเลย ชอบอีกเรื่องตอนที่ไปบล๊อกวีดวาด ที่เธอพาคุณยายกับพี่กล้วยไปเที่ยว อัมพวา ชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น และสองวีคที่แล้วน้องๆเขาก็ไปเที่ยวกัน ถ่ายรูปมาให้ดู สวยซะ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.22 3 กันยายน 2550 2:16:43 น.  

 

อิอิอิอิอิอิ
5555555555
ฮ่าฮ๋าฮ่าฮ่า
หุ หุ หุ หุ หุ
ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
คิก คิก คิก คิก
โฮะ โฮะ โฮะ
กรั่กกๆๆๆๆๆๆๆ
กร้ากกๆๆๆๆๆๆๆๆ
เหอ เหอ เหอ
แหะ แหะ แหะ

พ่อพเยียต้องอ่านออกเสียงดังๆแบบใส่ความจริงใจไปในน้ำเสียง
แล้วเลือกมาหนึ่งเสียงที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุด หรืออาจจะครีเอทเสียงแนวใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบใครเพื่อมาใช้เป็นเสียงหัวเราะของเราเอง ซาซ่าส์เห็นด้วยนะคะที่พ่อเพยียว่าเสียง อิ อิ ไม่ใช่เสียงหัวเราะของพ่อพเยีย ถ้าดูจากรูปของพ่อพเยีย น่าจะเป็นโทนเสียงทุ้มๆๆ ต่ำๆๆในลำคอ เบาๆๆ อาจจะประมาณ เฮอะ ๆๆๆ อะไรประมาณนี้ค๊า

ว้าเข้ามาบ้านพ่อพเยียกี่ครั้งแล้วเนี่ยยังไม่ได้พูดเรื่องบล๊อคจ๊ากที
แต่วันนี้ไม่พูดแล้วค๊า เหนื่อยนิ้วแล้วหง่ะ

ลาทีแต่มิใช่ลาก่อน เมื่อไหร่ดีล่ะค๊า เอาเป็นว่าเมื่อหายนิ้วเหนื่อยแล้วกันเน๊าะ

คราวก่อนนอนหลับฝันดีวันนี้ขี่ช้างจับตั๊กแตนนะคะพ่อพเยียยย

อิอิอิ เหนื่อยมั้ยคะที่รู้จักซาซ่าส์

 

โดย: โหมดคำแนะนำจากซาซ่าส์ (ป้าซ่าส์ ) 3 กันยายน 2550 2:34:32 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดม
มาช้าไปเจ็ดวัน อ่านจนตาบวมเลยนะคะเนี่ย..
ดูรอยยิ้มของพี่ปอน คุณฮอลล์และพ่อพเยียแล้วท่าทางมีความสุขมากๆๆ..กับเรื่องราวสิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่า blog

เห็นมั้ยล่ะว่าพี่โดมทำอะไร อะไร ก็เป็นเรื่อง(ดีๆ) ทุกทีเลย


 

โดย: นกแสงตะวัน 3 กันยายน 2550 9:09:19 น.  

 

สวัสดีจ้ะ คุณโดมและทุกๆ คน

วันนี้ขอแสดงความยินดีและดีใจ
กับความสำเร็จของ ป้าชุนะค่ะ
ไม่เสียแรงที่มุมานะ หายเหนื่อยเลยใช่ไหมค่ะ ไปฉลองที่ไหนกันดีล่ะ

 

โดย: p.tim IP: 222.123.65.238 3 กันยายน 2550 9:35:43 น.  

 

สวัสดีจ้ะยิปซีสีน้ำเงิน

เห็นได้ก็เห็นไปเถอะ
ถือว่าเอาเปรียบ
เล่นเห็นกันข้างเดียว

ไม่เป็นไรหรอก...
เดี๋ยวก็คงได้เห็นกันจนได้
ไม่วันหนึ่งก็วันใด

สวัสดีครับคุณชิน

เรื่อง ROOTS เป็นนิยายด้วยนะ เรื่องทาสผิวดำใช่ไหมครับ

เรื่องนี้นานมาแล้ว

จำได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งทีเดียว

แต่ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว


เรื่องรายการ บิ๊ก บราเธ่อร์ อัฟริกาน่ะ ผมอ่านข้ามจริงๆ เพราะรีบไปดูรูปประกอบน่ะครับ

สวัสดีจ้ะกฤติศิลป์

ถ้าจะไปแม่ฮ่องสอนจริงๆนะ แนะนำให้ไปฤดูหนาวดีกว่า

ฤดูอื่นเช่นฤดูร้อนก็ร้อนมากเลยแหละ

ฤดูฝนก็ฝนตกบ่อย แต่ถ้าชอบสายฝนก็ไม่เป็นไร

แต่ชอบหน้าหนาวเป็นที่สุด ทั้งหนาวทั้งสวย ช้อบ ชอบ

เดี๋ยวจะแวะไปหาที่บล็อก

สวัสดีครับคุณทะเล

ก็ด้วยความยินดีครับที่มีปัญญาทุกครั้งที่มีปัญหา


ปํญหาที่เกิดขึ้นกับเรา นั่นแสดงว่าเป็นปัญหาของเรา จึงเกิดขึ้นกับเรา

สติที่ว่องไวย่อมนำปัญญาที่มีอยู่มาใช้ได้ทันครับ

แต่อยากบอกว่าแค่เผลอเข้าไปเครียดเล็กน้อยก็เข้าเนื้อแล้ว

ขอส่งกำลังใจมาพร้อมกับคอมเม้นท์นี้ครับ


สวัสดีครับป้าชุ

ขอปรบมือให้ป้าชุคนเก่งที่สอบผ่านครับ

หายไปเสียนานเลยนะครับ

นึกสนุกก็เก็บเรื่องราวจากแดนไกลมาเล่าให้น้องนุ่งฟังอีกนะครับ


สวัสีครับคุณซาซ่าส์

ขอบคุณสำหรับโหมดแนะนำเสียงหัวเราะ

พร้อมกับมีตัวอย่างให้เลือก

ดูจะมีอยู่เสียงหนึ่งใกล้เคียงที่ผมเคยใช้หัวเราะในบล็อกคือ "เหอ เหอ" แต่ผมจะหัวเราะเสียงสั้นหน่อยคือ "เหอะ เหอะ"

ผมไม่เหนื่อยหรอกครับ กลัวคุณนั่นแหะครับจะเหนื่อยเสียก่อน

สวัสดีครับแม่น้องนิก

ดีใจครับที่ชอบเรื่องนั้น เพราะตอนแรกว่าจะนอนคืนเดียว

แต่ราคาต่อคนต่อคืนๆละ 200 บาทเอง ก็เลยนอนเสียสองคืน

ทั้งที่ตอนแรกตกรถ เพราะรถเที่ยวสุดท้ายเต็ม ไม่มีรถกลับกรุงเทพฯ

ก็ถือโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศเสียเลย

ได้ข่าวว่าวันเกิดวันไหน วันนี้หรือเปล่า แฮปปี้เบริ์ธเดย์ตรงนี้ก้แล้วกันนะครับ




สวัสดีครับนกแสงตะวัน

บินลับหายไปถึงก้อนเมฆ
หายไปไหนเสียนาน
ที่บ้านก็เงียบเชียบ

เป็นอะไรไปครับ ?

สวัสดีครับคุณ p tim

เขาก็ฉลองกันที่อังกฤษน่ะสิ
ไปหรือเปล่าล่ะ ?

 

โดย: พ่อพเยีย 3 กันยายน 2550 17:45:17 น.  

 

อ่า..สวัสดีทุกๆคน คะ
อืม..เขิน...น จริงเลย (พี่โดม จะดีเหรอ ..เอ่อ ก็ได้)

พอดีแม่..ชอบมีข้อคิดและคำคม
(ไม่รู้จะเรียกว่า "อะไร"จึงถูกต้องตามภาษาไทย )
แต่อาเครญา ขอเรียกว่า คำคมข้อคิดของแม่ ก็แล้วกันคะ
ขอเริ่มต้น......คำว่า"ยิ่งหยุดยิ่งไกล ยิ่งไปยิ่งใกล้"คะ เป็นคำที่แม่จะคอยกระตุ้นให้เราไม่ท้อแท้ เมื่อเจอกับระยะทางข้างหน้าที่
ทีมองดูด้วยสายตาแล้ว "ไกลมาก"จริงๆ สำหรับก้าวเท้าเล็กๆของเรา
แม่มักบอกเมื่อเราขอพักและ"หยุด"เดิน
"ยิ่งหยุดยิ่งไกล ยิ่งไปยิ่งใกล้" นะลูก
เมื่อเยาว์...เราไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่ก็รู้สึกได้เมื่อ.."เราแม่ลูก"ไปถึงจุดหมาย แห่งการเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจนั้นๆเสร็จสิ้น ได้บรรลุ...
เป็นตัวอย่างเล็กๆคะ

ปัจจุบัน อาเครญา เอามาใช้กับตัวเองเสมอๆเมื่อเจอปัญหา หรือเกิดอาการ "ไม่อยากเดิน"
คำนี้ของแม่ ยัง


 

โดย: อาเครญา IP: 58.10.64.151 3 กันยายน 2550 17:55:11 น.  

 

สวัสดีตอนเย็นๆค่ะ พี่โดม

วันนี้รู้สึกว่าพี่โดมจะอารมณ์ดีกว่าทู๊ก..วันหรือเปล่า..

ตอบคอมเมนท์ได้" โดน " ใจมาก ลุงแก่ๆคนหนึ่งชอบมานั่ง
ดื่มเบียร์ตอนเย็นๆทุกวัน จนต้องถามว่าหนูเป็นอะไร นั่งหน้าจอหัวเราะอยู่คนเดียวไปได้..

เขาว่าหนูบ้า...

 

โดย: ยานา IP: 61.7.173.183 3 กันยายน 2550 18:40:37 น.  

 

สวัสดีจ๊ะคุณโดมและมิตรรักทุกท่าน

หลังจากสอบผ่านก็ไม่ได้ฉลองอะไรทั้งนั้น
แต่อลันดีใจจนออกนอกหน้าโทรไปบอกญาติๆทั่วไปหมด
เมื่อวานฉันไปบ้านเพื่อนที่สอบไม่ผ่าน และมีเพื่อนอีกคนมาสมทบ สองคนนี้ไปสอบพร้อมกันและไม่ผ่าน ทั้งสองจึงขอร้องให้ฉันช่วยติวให้ ใจจริงฉันอยากจะช่วยเขามาก คนนึงเรียนจบ ป.6 ส่วนอีกคนเรียนจบ ม. 6
คนที่ทำให้ฉันหนักใจมากคือคนเรียนจบ ป.6 เพราะเธอเขียนภาษาไทยยังสะกดไม่ค่อยจะได้เลย
ปัญหาคือทั้งสองคนอ่านไม่ค่อยได้ และไม่เข้าใจความหมาย
ฉันกลับบ้านพร้อมกับความหนักใจ ก่อนกลับฉันได้แนะนำคนที่เรียนจบ ป.6 ว่าถ้ารอบนี้สอบไม่ผ่านก็ให้เข้าคอร์สเรียนภาษาเลยเพื่อให้ฐานแน่นก่อน

วันนี้เพิ่งกลับจากไปซื้อของที่ร้านของชำ ก็ได้เจอคนไทยทีกำลังจะไปสอบเร็วๆนี้เหมือนกัน 3 คน แต่ละคนเรียนจบ ป.6 กันทั้งนั้น
อ้อ....ลืมบอกไป..เข้าบล็อกหลายครั้งว่าจะพูดก็มัวพล่ามเรื่องอื่นซะก่อนเลยลืมทุกที
รูปคุณโดมตรงขวามือไม่เหมือนรูปหน้าตรงๆเลยนะ
แต่ก็ดูดีไปคนละแบบ ไม่อยากเชื่อว่าคนเดียวกัน


 

โดย: ป้าชุ IP: 86.142.11.200 3 กันยายน 2550 21:05:32 น.  

 

หนูมารายงานตัวว่าอยู่กระบี่ค่ะ
(งานชิ้นสำคัญ อันคือภาระและหน้าที่..ที่ทำบัญชีให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเกาะพีพี) งานกำลังจะเสร็จแล้ว

หวังว่าจบงานนี้ หนูไปอบรมเขียนข่าวกะเทคนิคถ่ายภาพที่ จ.สุราษฎร์ พร้อมกับเปิดตัวเว็บที่หนูกับน้านพ ช่วยกันออกแบบให้ทาง สังฆมณฑลสุราษฎร์(คาทอลิค) ด้วย แอบปลื้มเล็กๆ ว่าเขาจะเปิดตัวว่าแจมกับน้าเป็นเว็บมาสเตอร์ด้วย

หลังจากนั้นก็ต้องปั่นนิยายให้เสร็จ อยากส่งนิยายประกวด (ของเดิมหายหมด่แล้ว) ให้ทันสิ้นเดือนกันยา (วิตกเหมือนกัน วันก่อนกลอนพานแว่นฟ้าก็ทำไม่ทัน)

แล้ว..ช่วงระหว่างนั้น..ฮิฮิ.. ช่วงระหว่างเขียนนิยาย ฝันเล็กๆ ว่าคงมีอิสระได้เดินทางอีกครั้ง หนนี้อยากไประยอง นอกจากเยี่ยมลูกค้า(ที่เราออกแบบเว็บให้) ก็อาจจะได้พบคุณหทัยชนก

เฮ้อ..แต่ตอนนี้ต้องไปเคลียร์งานก่อนแล้ว

แล้วจะแว่บมาอีกค่ะ.. จุ๊ๆ อย่าบอกใครน๊า ว่าสีน้ำฟ้าอู้งานมาโผล่ที่บล็อกพี่โดม

 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.164.85 3 กันยายน 2550 21:11:34 น.  

 



มาร่วมแสดงความยินดีกับ ป้าชุ ค่ะ

ฝากสุขสันต์วันเกิดแม่น้องนิกด้วยค่ะ

อาโดมคะ สมองคนเรามีรอยหยักๆ มาจากการที่คนเราคิด ใช่มั้ยคะ นกจะพยายามอ่าน คิด เขียน บ่อยๆ ค่ะอา

อยากเก่งต้องเรียนรู้
มีครูอยู่ทุกที
เรียนรู้แล้วได้ดี
ทำอย่างนี้ " สุ จิ ปุ ลิ" ไง.....

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 3 กันยายน 2550 21:21:12 น.  

 

ถึงจะเครียดเล็กน้อย แต่หากยังนอนหลับได้ เมื่อตื่นขึ้น..ยังสนุกและรู้สึกเอ็นจอยกับงานที่ทำ ก็น่าจะไม่หลงทางนะ....รึเปล่า???

มีคนเคยบอกว่า .. หากไม่เคยทุกข์ แล้วจะรู้ว่าได้งัยว่าอะไรคือสุข..

ขอบคุณคะ สำหรับกำลังใจดี ในวันนี้ ได้อมยิ้มก่อนนอน Have a good night วันนี้ก็จะได้ Good morning พรุ่งนี้งัย..

การทำให้คนอื่นมีความสุขเนี่ยะ เค้าว่าได้บุญแรงนักเชียว.... แต่หากไม่สม่ำเสมอเนี่ยะ จะบาปไหมหนอ ????

 

โดย: ทะเล IP: 58.9.91.126 3 กันยายน 2550 23:20:20 น.  

 

ต๊ายยย..คุณโดม คืนละสองร้อย
ทั้งหลัง หรือห้องเดียวคะ มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองไทยอีก
เรายกโขยงกันไปนอนซะดีแมะ
น่าสนุกออกค่ะ ตื่นขึ้นมาเห็นน้ำ
เหมือนนอนริมทะเล

พูดอย่างกับแต่ละคนมีเวลาว่างตรงกันงั้นแหละ แต่แม่น้องนิกฝันเอาไว้น่ะค่ะ มีครั้งนึงดูทีวีเห็น
ร้านอาหารจีน กินทั้งโต๊ะ 4000 บาท กี่คนก็ได้ เห็นแล้วอยากพาพี่ไปกิน แต่หน้าที่ลอยมานี่ เป็นหน้าพี่หนอนฯกับหนูแป้งนะคะ
ว่าท่าจะชอบกินและกินได้เยอะ

ไม่ได้ว่าพี่เขานะคะ แต่กินแล้วต้องคุ้มอ่ะค่ะ นึกอย่างนี้แหละ
ตรงไปหรือปล่าวคะพี่หนอนฯ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.66 4 กันยายน 2550 0:21:51 น.  

 

คุณพ่อพเยียคะ ใช่ค่ะ ROOTS เป็นเรื่องของทาส แต่ที่ไม่น่าเชื่อ ผู้เขียนก็คือลูกเหลน รุ่นที่ 8 (ถ้าจำไม่ผิด) ของ "Kunta Kinte" ตัวเองไม่เคยอ่านเรื่องนี้ค่ะ ก็เพิ่งจะได้ดูแบบชัดๆ ที่กาน่านี่ล่ะค่ะ

คุณป้าชุคะ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ มิน่าล่ะ ไม่ค่อยเห็นเรื่องเขียนของคุณป้าชุ ตอนนี้คงได้อ่านแบบเต็มๆ บ้างนะคะ

คุณสีน้ำฟ้า ถ้าอยากได้วัตถุดิบเขียนนิยายแบบแปลกๆ ลองมาหาวัตถุดิบที่แอฟริกาไหมคะ อาจจะได้เรื่องแบบตะลึงตึงๆๆ ก็ได้นะ

คุณp tim คะ...
ดีใจจังเลยค่ะ มีเพื่อนร่วมอุดมกาม เดียวกันแล้วววว (อุ้ยทำไมต้องมาทำหน้าตาแบบนี้ห้องคุณพ่อพเยียด้วยเนี่ยยยยย)

 

โดย: shin chan (alei ) 4 กันยายน 2550 3:32:10 น.  

 

 

โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 4 กันยายน 2550 11:03:23 น.  

 

แบบว่า.."เมา" ออกมาจากสำนักงานบัญชี พอถึงบ้านก็เปิดบล็อกแก๊ง บ้านตัวเองไม่มีคนคุยด้วย มาหาแถวนี้ดีกว่า อิอิ

เลื่อนเม้าส์ขึ้นๆ ลงๆ
ขอคุยกับคุณ shin chan ดีกว่า อิอิ.. ก็เล่นชวนกันไปไกลขนาดนั้น.. เอ่อ ละห้อยเลยค่ะ

 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.149.214 4 กันยายน 2550 11:40:23 น.  

 

แวบแรกที่เข้ามาอ่านแบบผ่าน ๆ พบที่แพรจารุ พูดว่า "ในงานชุมนุมนักเขียน ๔ ภาค มีการพูดถึงเรื่องบล็อก"

ลุงใจหายวาบคิดว่า "โดนของฉันเข้าแล้วกระมัง" ใจคิดระแวง

แต่พออ่านพบคำเฉลยเป็นว่า "เพื่อเขียนเรื่องแนวเกาหลี" ก็โล่งใจไป

ที่นครศรีธรรมราชก็มีนักเขียน(ซีไรท์) คนหนึ่งพูดถึงเรื่องบล็อกกับนักเขียนเหมือนกัน....

แต่ยังไม่เฉลยในที่นี้หรอก ขออุบไว้มั่ง เรียกร้องความสนใจ (ไม่หัวเราะแล้ว เดี๋ยวโดนว่า)

 

โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.236.156 4 กันยายน 2550 16:30:05 น.  

 

แม่น้องนิกจ๊ะ

ที่ว่า "ร้านอาหารจีน กินทั้งโต๊ะ 4000 บาท กี่คนก็ได้ เห็นแล้วอยากพาพี่ไปกิน แต่หน้าที่ลอยมานี่ เป็นหน้าพี่หนอนฯกับหนูแป้งนะคะ
ว่าท่าจะชอบกินและกินได้เยอะ"
ฮะ ฮ่า รู้ได้ไงเนี่ย
โป๊ะเชะเลย
แต่ถ้ามาเมืองไทย อยากกินอาหารจีน ฝีมือใช้ได้ ราคาไม่แพง มีภัตตาคารที่รู้จักกัน จะพาไปชิม

ป้าชุจ๊ะ
ขอแสดงความยินดีที่สอบผ่านเรียบร้อย หายห่วงกังวลไปอีกเรื่องนะ

อาเครญา
ชอบคำคมของแม่จังที่ว่า "ยิ่งหยุดยิ่งไกล ยิ่งไปยิ่งใกล้" จะเก็บไว้สอนลูกบ้าง

ผู้คนบ้านพ่อพเยียคึกคักจัง มีเวลาน้อยก็เลยทักทายไม่ทั่วค่ะ เอาเป็นว่าสวัสดีทุก ๆ คน แล้วค่อยมาคุยใหม่ค่ะ

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 202.28.180.201 4 กันยายน 2550 17:28:55 น.  

 

สวัสดีค่ะ ทุกๆ ท่าน

หายหน้าไปนาน...
กลับมาอีกที โห...อ่านจนตาลายเลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่โดมที่เล่าเรื่องงานวันนั้น และลงภาพฮอลล์แค่เสี้ยวเดียว...(หากลงเต็มๆ คงเรทติ้งตก)

ยินดีกับป้าชุ...เฮ้!!! ป้าชุสอบผ่านแว้ว....เดี๋ยวจะนัดเพื่อนมาฉลองให้นะคะ...เอาให้เมาไปเลย (ป้าชุระวัง นั่งอยู่เฉยๆ อาจเมาอัตโนมัติ)..........

คิดถึงแม่น้องนิก ยานา นะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างมานั่งประจำการ หน้าคอมพ์เลยค่ะ

ดีใจที่ได้พบกับพี่ตะเบบูญ่า พี่หนอนเมืองกรุงฯ

เสียดาย ที่พี่โดม ไม่ได้แนะนำให้รู้จัก คุณกฤติศิลป์ ศักดิ์ศิริ คนนามสกุลเดียวกัน (อยากถามว่าเป็นญาติกันรึเปล่าคะ)

ไม่ได้แวะเยี่ยมบ้าน ชบาฉาย นานแล้วด้วยค่ะ แต่ยังไม่ลืมคุณปะการังนะคะ....


ขอบคุณ คุณแพรจารุ ที่เล่าเรื่องงานเชียงใหม่ ความจริงฮอลล์ควรจะต้องไป แต่ไปไม่ได้ค่ะ พี่ๆ เค้าเดินทางคืนวันศุกร์ แต่เราต้องทำงานดึก เลยขอตัวไม่ไปค่ะ

อ่านของทุกท่านนะคะ...แต่คุยด้วยแค่นี้พอค่ะ ง่วงแล้ว....ขอตัวไปนอนพัก ก่อนเริ่มงานดึกๆ นะคะ








 

โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.138.124 5 กันยายน 2550 19:39:50 น.  

 

เต็มอิ่มทั้งโพสต์และคอมเมนต์...เหลือล้นจริง ๆ บล๊อคนี้...คุ้มค่ากับการได้แวะมาเยี่ยมครับ พ่อพเยีย

 

โดย: โฟล์คเหน่อ 11 กันยายน 2550 5:42:46 น.  

 

สวัสดีคะ

เข้ามาอ่านงานของคุณบ่อยๆคะ
เป็นประโยชน์มากๆ ให้ข้อคิดดีๆมากมาย

 

โดย: ฝน (Childcraft ) 2 กุมภาพันธ์ 2551 22:07:00 น.  

 

ดีใจด้วย

 

โดย: จานโอ IP: 125.26.149.190 16 กรกฎาคม 2551 11:55:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.