จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
อรุณรุ่งแห่งความตายใน Reader's Digest



ปก Reader's Digest ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551





ถึงคนอ่านบล็อก


สำรับคนที่คุ้นเคยและเคยอ่านเรื่องผมที่บล็อกหรือที่นิตยสารขวัญเรือน ก็คงรับรู้เรื่องราวของผมเรื่องนี้มาแล้ว ก็ขอให้ผ่านเลยไป ไม่ต้องอ่านก็ได้ ช่วงนี้ไม่มีอะไรใหม่ๆมาอัพบล็อก เพราะกำลังรวบรวมต้นฉบับเพื่อเสนอสำนักพิมพ์อยู่ เผื่อว่าจะได้มีพ็อกเก็ตบุ๊คใหม่กับเขาสักเล่ม ก็เลยเก็บเอาของเก่ามาอัพบล็อกไปก่อน


แต่ในกรณีเรื่องนี้มีอีกอย่างก็คืออยากมาอวดว่า เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เขียนไปลงนิตยสารขวัญเรือน แล้วทางบรรณาธิการนิตยสาร Reader's Digest (ในประเทศไทย) ได้คัดเลือกและนำไปย่อตีพิมพ์ใน Reader's Digest ฉบับเดือนมีนาคม 2551 นี้

ผมขอนำต้นฉบับที่ย่อและต้นฉบับเต็มที่เขียนในขวัญเรือนเพื่อให้ได้อ่านเปรียบเทียบกัน หรือ...ไม่ต้องอ่านก็ได้สำหรับคนที่เคยอ่านมาแล้ว...เพื่อนนักเขียนหรือใครที่เคยมีเรื่องที่ได้ตีพิมพ์ใน Reader's Digest (หมายถึงที่เขียนส่งไปให้พิจารณาและทั้งที่ถูกคัดสรรนำไปย่อแล้วตีพิมพ์ - ทั้งสองอย่าง) เขียนมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ !


---------------------------------------





อรุณรุ่งแห่งความตาย (ฉบับย่อ)


โดย โดม วุฒิชัย



วันนั้นเป็นวันเสาร์ ขณะผมนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จู่ๆก็เกิดอาการเจ็บแบบเสียดๆขึ้นที่ทรวงอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี ความเจ็บปวดแบบเสียดนี้ทวีความรุนแรงขึ้น ผมลุกจากเก้าอี้มานั่งลงที่เตียงนอนซึ่งอยู่ติดกัน แล้วนั่งขัดสมาธิหายใจลึกเข้าออกอย่างช้าๆ

ผมยังไม่รู้ว่าความเจ็บปวดเสียดที่หัวใจจะยุติลงเมื่อไร แต่สิ่งแรกที่ผมรู้สึกในขณะนั้นดูเหมือนว่าความตายช่างอยู่ใกล้ชิดผมเหลือเกิน ผมรู้สึกสับสนและหวาดกลัว
ระหว่างนั้น ผมได้แต่พยายามทำใจว่า ถ้าตายในตอนนี้ก็ยังดี เพราะลูกก็โตแล้ว สำหรับอายุ 50 ปีถือว่าผ่านโลกและชีวิตมาไม่น้อย ทุกข์สุขผ่านมาแล้วทุกอย่าง วูบหนึ่งผมคิดว่า การดิ้นรนหนีความตายบางทีอาจไม่ดีเท่าการยอมรับมันอย่างเต็มใจ

ผมยังจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นในนาทีนั้นได้ว่า ผมจะเสียดายและเสียใจมากหากสิ้นใจลงไปจริงๆ ทั้งที่ยังไม่ทันได้สั่งเสียภรรยาและลูก ทั้งที่ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะสั่งเสียอย่างไรดี ผมรู้แต่เพียงว่าคงไม่มีเวลาพอที่จะพูดความรู้สึกทั้งหมดได้แน่นอน

ช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่นาทีตรงนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าช่างเนิ่นนานยิ่งนัก และทำให้ผมได้สัมผัสความรู้สึกมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


เข็มนาฬิกาที่ฝาผนังกระดิกเดินอย่างเชื่องช้า ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แล้วอาการเจ็บปวดแบบเสียดก็ค่อยๆทุเลาเบาบางลงไปจนกระทั่งหายสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เช้าวันจันทร์ ภรรยาพาผมไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ผมเตรียมใจไว้แล้วว่า ผมคงต้องป่วยเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับหัวใจสักอย่าง ผลการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าออกมาว่า “ผิดปกติ” แพทย์จึงนัดให้ผมไปตรวจการวิ่งบนสายพานตรวจสมรรถภาพหัวใจเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง


แต่เมื่อวิ่งบนสายพานตรวจสมรรถภาพหัวใจแล้ว ปรากฏว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็นโรคหัวใจ ส่วนผลจากการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าในครั้งแรกนั้น แพทย์บอกว่าอาจวัดผลได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อให้แน่ชัด แพทย์จึงขอตรวจด้วยคลื่นความถี่สูงอีกวิธี

ท้ายที่สุด ผลการตรวจปรากฏว่าผมไม่ได้เป็นโรคอะไรที่เกี่ยวกับหัวใจเลย ส่วนอาการที่เกิดขึ้น แพทย์บอกว่าอาจเกิดจากแก๊สหรือลมที่ดันมาจากกระเพาะเนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นหลังมื้อเช้า

ผมรู้สึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทำให้ผมได้ไปตรวจสุขภาพ และหันกลับมาใส่ใจดูแลสุขภาพและสนใจในความมีอยู่ของชีวิตมากขึ้น รวมทั้งตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ผมเชื่อว่าคุณค่าของชีวิตนั้นไม่ได้อยู่ที่การมีอายุยืนหรือจำนวนปีที่อยู่บนโลก หากขึ้นอยู่กับการได้เข้าใจชีวิตมากกว่า แต่ถ้าอายุยืนยาวและเข้าใจชีวิตด้วยก็นับว่าเป็นโชคอย่างยิ่ง

-------------------------------




อรุณรุ่งแห่งความตาย (ฉบับเต็ม)

จากคอลัมน์ ริมรั้วหัวใจ ในนิตยสารขวัญเรือน

โดย โดม วุฒิชัย




ตั้งแต่ผมเขียนคอลัมน์ริมรั้วหัวใจมา นับเป็นเวลาหลายปีแล้ว เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้หัวใจผมมากที่สุด...


วันนั้นเป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของลูกและภรรยา เราอยู่บ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมได้ยินเสียงสองแม่ลูกพูดคุยกันสนุกสนานอยู่ที่ชั้นล่าง ผมนั่งอยู่ในห้องทำงานที่ชั้นบนของบ้าน

แดดยามสายที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างผ่านพ้นไปแล้ว ขณะผมนั่งทำงานตามปกติอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จู่ๆก็เกิดอาการเจ็บแบบเสียดๆขึ้นที่ทรวงอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี ผมวางมือจากเม้าส์นั่งนิ่งๆ ความเจ็บปวดแบบเสียดๆทวีความรุนแรงขึ้น ผมลุกจากเก้าอี้มานั่งลงที่เตียงนอนซึ่งอยู่ติดๆกัน แล้วนั่งขัดสมาธิหายใจเข้าลึกๆและหายใจออกอย่างช้าๆ หูยังได้ยินเสียงภรรยาและลูกกำลังพูดคุยอยู่ที่ชั้นล่างแต่ไม่ชัดเจนนัก

ผมรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะร้องเรียกให้เธอตามรถแท็กซี่พาผมไปส่งที่โรงพยาบาลหรือว่าจะรอดูอาการสักครู่หนึ่งก่อน ความเจ็บปวดแบบเสียดๆยังคงทวีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนั้นผมไม่อยากพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น

ผมนั่งขัดสมาธิประคองลมหายใจเข้า-ออกอยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่มีอะไรดีขึ้นผมก็เปลี่ยนเป็นท่านอนเหยียดยาวเดี๋ยวก็เปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งสลับกันอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าผมจะอยู่ในท่าไหนจิตใจผมก็ไม่มีสมาธิพอที่จะสงบลงได้ มีเหงื่อออกซึมไปทั่วศีรษะ อาการแบบนี้ผมเคยเป็นมาครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วแต่ทว่าไม่เจ็บและนานเท่านี้

ผมยังไม่รู้ว่าความเจ็บเสียดที่หัวใจจะยุติลงเมื่อไร มันจะเจ็บมากขึ้นกว่านี้ไหม แต่สิ่งแรกที่ผมรู้สึกในขณะนั้นก็คือดูเหมือนว่าความตายช่างอยู่ใกล้ชิดผมเหลือเกิน ผมรู้สึกสับสนและหวาดกลัว ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่นาทีแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนานยิ่งนัก การที่ผมได้เผชิญกับความรู้สึกนี้ นับเป็นความรู้สึกที่รับรู้และสัมผัสได้เพียงลำพังอย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างจากการอยู่เพียงลำพังในยามปกติ

อาจเป็นเพราะผมไม่รู้ว่าอาการเจ็บเสียดที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้ผมถึงขั้นเสียชีวิตได้หรือไม่ ด้วยความไม่รู้และคาดเดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เกิดอาการกลัว เรื่องงานที่ยังทำไม่เสร็จยังไม่รู้สึกห่วงเท่าไรนัก เพราะเคยทำใจไว้บ้างแล้วว่าแม้กระทั่งถึงวันตายเราก็คงไม่มีวันที่จะทำอะไรทุกอย่างให้เสร็จสิ้นตามความตั้งใจได้แน่นอน

ผมได้แต่พยายามทำใจว่าถ้าผมตายลงไปจริงๆ ก็ยังดีกว่าตายในขณะที่ยังจมอยู่ในอบายเมื่อหลายปีก่อน ถ้าตายในตอนนี้ก็ยังดีเพราะลูกก็โตแล้ว อายุ 50 ปีก็ถือว่าผ่านโลกและชีวิตมาไม่น้อยทุกข์ก็ผ่านสุขก็ผ่านมาแล้วทุกอย่าง ผมได้แต่พยายามปลอบใจตัวเองขณะที่เผชิญกับอาการที่เกิดขึ้นอยู่นั้น วูบหนึ่งผมมีความคิดว่า...การดิ้นรนหนีความตายหรือพยายามกระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตอยู่ บางทีก็อาจไม่ดีเท่ากับการยอมรับมันอย่างเต็มใจก็เป็นได้

ผมยังจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นในนาทีนั้นได้ว่า ผมจะเสียดายและเสียใจมากหากสิ้นใจลงไปจริงๆโดยที่ยังไม่ทันได้สั่งเสียภรรยาและลูก ทั้งที่ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะสั่งเสียอย่างไรดี ผมรู้แต่เพียงว่าผมคงไม่มีเวลาพอที่จะพูดความรู้สึกทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

ช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่นาทีตรงนั้นทำให้ผมได้สัมผัสความรู้สึกมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกลัวที่จะไม่ได้พบและพูดคุยกับภรรยาและลูก ผมกลัวว่าเราจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีก ซึ่งแท้จริงแล้วผมกลัวการจากพรากจากสิ่งที่รักนั่นเอง

ถึงแม้ช่วงหลังๆผมจะหันมาสนใจเรื่อง “ความตาย” ในฐานะที่ความตายก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผมต้องการศึกษาเรื่องนี้ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับความตายอย่างแท้จริง ด้วยการอ่านหนังสือหลายเล่มที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องความตาย จนเผลอคิดว่าตัวเองได้ทำความเข้าใจกับความตายพอสมควรแล้ว
แต่เมื่อได้พบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าเพียงไม่กี่นาทีขณะนั้น กลับกระตุกความรู้สึกของผมได้รุนแรงและชัดเจนยิ่งกว่าจากการอ่านหนังสือมาหลายเล่ม

ตอนแรกที่รู้สึกอยากให้อาการที่เกิดขึ้นหายไปเร็วๆกลับดูเหมือนว่าก็ยิ่งเป็นหนักมากขึ้น เมื่อผมตัดสินใจนอนเหยียดยาวเหมือนการฝึกโยคะท่าศพ พร้อมกับบอกตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้นกลับรู้สึกว่าค่อยๆดีขึ้น
เข็มนาฬิกาที่ฝาผนังกระดิกเดินอย่างเชื่องช้า ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ในความรู้สึกของผมตอนนี้ดูเหมือนว่าช่างเนิ่นนานเสียเหลือเกิน แล้วอาการเจ็บปวดแบบเสียดๆก็ค่อยๆทุเลาเบาบางลงไปจนกระทั่งหายสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อผมรู้สึกเป็นปกติแล้วจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ภรรยาและลูกฟัง แล้วจึงถือโอกาสนี้สั่งเสียภรรยาและลูกให้เตรียมใจเอาไว้บ้างเผื่อว่าผมอาจจะจากไปโดยไม่คาดฝันในวันหนึ่งวันใดก็ได้ เพราะคนเราอาจจะตายได้โดยไม่ต้องแก่ชราเสมอไป
ถึงแม้เราจะรู้ว่าทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่เราแทบไม่เคยคิดกันเลยว่าเราจะตายในวันนี้พรุ่งนี้

เช้าวันจันทร์ภรรยาพาผมไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลซึ่งเธอทำงานอยู่ ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าคงต้องป่วยเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับหัวใจสักอย่างแน่ เพราะแม่ของผมก็เป็นโรคหัวใจ พี่ชายคนรองก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว พี่สาวคนถัดมาก็นอนหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก ทั้งที่พี่ทั้งสองคนอายุยังไม่ทันถึง 60 ปี
ผลการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า (E K G) ออกมาว่า ‘ABNORMAL’ แพทย์จึงนัดให้ผมไปตรวจด้วยการวิ่งบนสายพานตรวจสมรรถภาพหัวใจ (E S T) เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผมไปพบแพทย์ตามนัดหมายในวันรุ่งขึ้น พร้อมทำใจไว้แล้วว่าตัวเองต้องเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจแน่นอน แต่เมื่อวิ่งบนสายพานตรวจสมรรถภาพหัวใจแล้ว ปรากฏว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็นโรคหัวใจ ส่วนผลจากการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า (E K G) ในครั้งแรกนั้นแพทย์บอกว่าอาจวัดผลได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพื่อให้แน่ชัดแพทย์จึงขอตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง (ECHO) อีกวิธีหนึ่ง

ท้ายที่สุดแล้วผลการตรวจปรากฏออกมาว่าผมไม่ได้เป็นโรคอะไรที่เกี่ยวกับหัวใจเลย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายของวันเสาร์นั้น แพทย์บอกว่าอาจจะเกิดจากแก๊สหรือลมที่ดันมาจากกระเพาะเนื่องจากเป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังอาหารมื้อเช้า ถ้าผมอยากรู้สาเหตุที่แท้จริงก็ต้องตรวจเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆเพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย

ผมรู้สึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ผมได้ไปตรวจสุขภาพ อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าผมไม่เป็นสามโรคฮิตของคนในวัยนี้ นั่นคือโรคหัวใจ โรคความดัน และโรคเบาหวาน ผลจากการตรวจเลือดทำให้ผมรู้ว่ามีคลอเรสเตอรอลสูง และอาจจะมีปัญหาเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับตับบ้าง

ชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเลย การตรวจสุขภาพครั้งนี้จึงทำให้ผมได้หันกลับมาใส่ใจที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองและสนใจในความมีอยู่ของชีวิตมากขึ้น

ผมคิดว่าเวลาที่เราจะไปทำงานหรือเดินทางไปไหนเรายังต้องเตรียมตัวเลย ความตายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งของชีวิต แล้วเราจะไม่เตรียมตัวตายกันบ้างเชียวหรือ ? การเตรียมตัวตายของผมไม่ได้หมายความว่าผมอยากจะตายเร็วๆ แต่การเตรียมตัวตายในความหมายของผมก็คือการเรียนรู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรให้มีคุณค่าทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ผมเชื่อว่าคุณค่าของชีวิตนั้นไม่ได้อยู่ที่การมีอายุยืนหรือจำนวนปีที่อยู่บนโลก หากขึ้นอยู่กับการได้เข้าใจชีวิตมากกว่า แต่ถ้าอายุยืนและเข้าใจชีวิตด้วยก็นับว่าเป็นโชคอย่างยิ่ง


ผมย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายของวันเสาร์...วันนั้น...วันที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าความตายมารอผมอยู่ตรงหน้า...ผมยังมีความฝันอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลงมือทำ เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ผมต้องทำความฝันที่เหลืออยู่ให้กลายเป็นความจริงเร็วขึ้น


-----------------------------------------





Create Date : 06 มีนาคม 2551
Last Update : 11 มีนาคม 2551 12:49:48 น. 32 comments
Counter : 1264 Pageviews.

 
ใครบางคนเคยพูดให้ฟังว่า ชีวิตนี้พร้อมตายได้ทุกเวลา ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว

เขาช่างมีชีวิตที่น่าอิจฉา . . .
แม้ความตายก็นำความเศร้าโศกมายังเขาไม่ได้



โดย: กากีซ่าส์ IP: 61.7.175.123 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:14:59:48 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ได้ยินลุงโดมเล่าแล้ว
อ่านเพิ่มอีกรอบไม่ตื่นเต้นเท่ากับตอนแรก
แต่ก็ดีแล้วค่ะ อย่างน้อยก็รู้ว่าลุงไม่เป็นอะไรแล้ว
อย่างน้อยก็ทำให้กลับมาดูแลสุขภาพได้ทันก่อนจะสายจริงไหมค่ะ

ใครคือเจ้าของประโยคที่คุณกากีซ่าส์ หมายถึงช่างเป็นความคิดที่น่าอิจฉา
อิจฉาที่เขาคิดได้แบบนั้น
คงมีน้อยคนนักที่จะคิดได้แบบนี้

จะลุ้นรออ่านพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มใหม่อีกคนค่ะ


โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.130 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:16:09:40 น.  

 
ขออภัยพี่โดมด้วยครับที่ปล่อยที่อยู่พี่ในบล้อกนานเลยครับ
วันนี้ผมยุ่งอยู่กับงานทั้งวันเลยครับ
เลยเพิ่งได้จับคอมเมื่อสักครู่นี้เองครับ

จดไว้แล้วครับ
แต่ไม่ทันแล้วครับพี่ 5555

ผมส่งไปที่อยู่ที่ตะกั่วป่าแล้วครับ






โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:16:18:32 น.  

 
โอ้
รูปตอนหนุ่มดูร้ายมิใช่หยอก!


โดย: ม่วนน้อย IP: 202.44.136.50 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:17:17:43 น.  

 
พ่อพเยียโกอินเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ
แหม..ของเขามีคุณภาพ ใครๆก็อยากขอไปลง
อ่านอีกทีก็ยังรู้สึกดีนะคะ...

วันนี้หนูเพิ่งได้อ่านเรื่องของอาจารย์ประมวลที่พ่อพเยียเขียนในขวัญเรือน
อ่านแล้วมีความสุขจัง...กับ
ความรักอันงดงามและเปี่ยมความหมาย
จากคำพูดอันทรงปัญญาของอาจารย์ประมวล
ต้องยกนิ้วให้คนตั้งคำถามด้วยจ้ะ
พ่อพเยียโชคดีจังที่ได้มีโอกาสพบท่าน


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.59.38 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:17:24:18 น.  

 
แล้วไหนล่ะรูปหนุ่มๆหล่อๆ
ก็ยังรูปเดิมนี่นา...


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.59.38 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:17:26:44 น.  

 
ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขนะคะ


โดย: shin chan (alei ) วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:17:28:40 น.  

 
วิธีที่จะเป็นหนุ่มแบบง่ายและรวดเร็วที่สุดก็คือการเปลี่ยนรูปนี่แหละครับ !

หุหุหุ อยากเป็นเด็กอีก เสียดายจัง ไม่รูปสมัยเด็กๆจะได้ทำตามบ้าง


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:21:01:18 น.  

 
โดม
ฉบับตัดต่อ กระชับดีนะ
จบตรงนั้นถูกต้องแล้ว ไม่แกว่งประเด็น
ผมกำลังภาวนาให้กลับมาเขียนเรื่องสั้นได้ถูกใจสักเรื่อง ขอแค่นั้นแหละ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:21:09:20 น.  

 
หนูยังเห็นน้าโดมเป็นรูปเดิมอยู่เลยค่ะ


นึกๆๆๆๆ

อืม เคยเขียนเรื่องตลกสามบรรทัดไปลง Reader's Digest ค่ะ จำได้ว่าได้ตังค์ค่าเขียนครั้งแรก---มือสั่น ทำอะไรไม่ถูกเลยเอาใส่ซองให้แม่ไป เอิ๊ก


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:21:45:38 น.  

 
โอ้โห พี่โดมโกอินเตอร์
ดีจัง ๆ


โดย: filmgus วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:22:09:09 น.  

 


อาโดมคะ..


เคยอ่านในขวัญเรือน พอมาอ่านครั้งนี้เลยใจไม่ไหวสั่นเท่าไหร่นะคะอา

ตามมาขอบคุณที่อาไปเยี่ยมค่ะ เอาไว้จะเขียนกลอนมาให้อาอีกนะคะ ฝีมือนกยังเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ค่ะ แต่การเขียนกาพย์ กลอน คือความสุขนะคะ ก็คงได้เขียนต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ขอบคุณอาโดมสำหรับกำลังใจค่ะ



โดย: Nok_Noah วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:22:39:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ

มารายงานตัวว่าจัดบ้านแล้วค่ะ



รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: หนอนบ้านนอก วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:22:40:55 น.  

 
สวัสดีค่ะ.... พ่อพเยียสบายดีนะคะ ตอนนี้.... รักษาสุขภาพด้วยค่ะ...
.................................

อ่านแล้วรู้สึกว่าชีวิตและเวลามีค่าขึ้นมาก ๆ เลยค่ะ.... ทั้ง ๆ ที่จากเดิมก็คิดว่ามีค่าทุกวินาทีอยู่แล้ว...

และู้รู้สึกว่า.... ยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองเลยค่ะ ที่ยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่สำเร็จ...

อยากมีมือหลาย ๆ มือ มีสมองเพิ่มมาอีก 2 สมอง มีหัวใจเพิ่มมาอีกดวงนะคะ... อิอิ
....................................

แต่ถ้าคนเรามันถึงวันนั้นจริง ๆ.... รัตน์ก็ไม่เสียดายเวลา และชีวิตแล้วค่่ะ...


..... ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
....................................

ฝันดีค่ะพ่อพเยีย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ.....

.... อ้อ.... อยากบอกว่า.... รูปพ่อพเยียเท่ห์และหล่อสุด ๆ มาก ๆ เลยค่ะ... สงสัยสมัยหนุ่ม ๆ สาว ๆ ติดตรึมแน่ ๆ ค่ะ


โดย: largeface วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:23:54:32 น.  

 
แหะๆ
น้าสวนทางไปบล็อกเดิมตอนหนูอัพเรื่องใหม่ (หนังสือของยาขอบ) พอดีเลยค่ะ

อยากบอกว่า บางตอนของจากหนังสือห่างไกลไม่ห่างกัน หนูเพิ่งได้อ่านจากในเล่ม (เพราะบางตอนก็อ่านจากในบล็อกแล้ว) อ่านแล้วคิดถึงพ่อค่ะ... วันนี้อ่านจบทั้งเล่มแล้ว คิดว่าคราวหน้าถ้าพ่อมาบ้านกรุงเทพฯ คงจัดให้อ่าน พ่อน่าจะชอบเหมือนที่หนูชอบหนังสือน้าเล่มนี้แน่ๆ ค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:1:27:38 น.  

 
ปล. เห็นรูปแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้า หนูก็ไม่รู้หรอกนะคะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:1:29:26 น.  

 
สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่าคนไม่เขียนบล็อก


เรื่องนี้เป็นอย่างที่พี่ปอนพูดนั่นแหละ ฉบับย่อคนย่อทำได้กระชับความดีจริงๆ

ส่วนแบบเต็มอาจเป็นเพราะว่าผู้เขียนเสียดายตรงโน้น ตรงนี้เลยเอาไว้หมดทุกอย่าง

ต้องขอขอบคุณที่พี่ปอนแสดงความเห็นตรงไปตรงมา

ขอให้ผลบุญนี้ทำให้พี่ปอนเขียนเรื่องสั้นได้โดยเร็วด้วยเถิด

ตะเบบูญ่าต่อ...อีกนิด
อยากบอกว่าเจออาจารย์ประมวลนี่ดีกว่าเจอพระบางองค์เสียอีก

ถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่อยากให้หาโอกาสได้พบสนทนากับท่านบ้าง รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อชีวิตไม่มากก็น้อย



เรื่องรูปสมัยหนุ่มที่เอามาลงในprofile เพื่อสร้างความรู้สึกหนุ่มให้กับตัวเองทางลัด

ขอคุยให้ฟังหน่อย ถึงไม่มีใครถามก็ไม่เป็นไร

เป็นรูปซึ่งไม่มีเหลือเป็นรูปแล้ว แต่เป็นรูปที่อยู่หลังปกหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรก ที่ชื่อ "คลื่นเมฆบนผิวน้ำ" แต่ปกนี้พิมพ์ปกเสร็จแล้วแต่ไม่ได้พิมพ์เนื้อใน

เพราะบรรณาธิการสำนักพิมพ์มีปัญหากับโรงพิมพ์

ต่อมาเรื่องสั้นชุดนี้ก็ได้พิมพ์กับสำนักพิมพ์ใหม่ และเปลี่ยนปกใหม่ พ่อพเยียได้ปกนี้มาปกเดียว จนปัจจุบันไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว แต่อยู่ในบ้านนี้แหละ

รูปนี้ก็ตัดแยกจากปกมานานแล้ว วันก่อนรื้อของเก่าเห็นรูปนี้เข้าเลยให้ลูกสาวสแกนให้ เลยเอามาเปลี่ยนเล่นๆ

รูปนี้สมัยทำงานอยู่ที่นิตยสาร "หนุ่มสาว"

รูปนี้คุณบู๊ - นิสิต พงศ์วราภา น้องชายคุณปกรณ์เป็นผู้ถ่าย ปัจจุบันคุณนิสิตเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว

ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ได้พบและรู้จักกับพี่ปอนใหม่ๆ

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะรักนับถือกันมายาวนานจนถึงวันนี้



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:1:57:18 น.  

 
แวะมาทักทายก่อนเข้าสวนค่ะพี่โดม

ไม่ได้ว่างมาทักทาย เยี่ยมเยือน...ไม่ว่ากันนะ

ตอนนี้มอญยังไม่กลับปลายวา

มอญนุก็ต้องไปตัดยางก่อน
แล้วกลับมาสอบเปรียญ 8 เปรียญ 9 ที่บ้าน

อ้อ...ไม่ต้องสงสัยนะว่าไปเอานักธรรมมาจากใคร....
ลุงที่อยู่แถวปะทิวน่ะ...

ไม่ช่วยก็สงสาร...วันนี้ช่วย
เลยตาเหลือกบ้าง....555

ไปก่อนค่ะพี่....สบายดีนะคะ
คนปลายวายังคิดถึงและห่วงใยค่ะ


โดย: ปลายแปรง วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:6:51:15 น.  

 
อ้อ...ลืมทัก

เปลี่ยนรูปใหม่....หัวใจยังใสปิ้ง เข้มข้นเหมือนรูปหรือเปล่า
หนุ่ม 15 กลับหน้า กลับหลัง.....555


โดย: ปลายแปรง วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:6:52:43 น.  

 
แต่เคยได้รับโปสการ์ดสวยๆเขียนด้วยลายมือยอดฉัตร
ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเห็นงานบทกวีลงในมติชนสุดสัปดาห์

และดูเหมือนว่าเขียนรูปประกอบอะไรที่ไหนอีกสักแห่ง
ถ้าผิดพลาดอภัยคนแก่ด้วยนะ
- - -

เป็นคนเดียวกันค่ะ
ถูกต้องตามที่เข้าใจทุกประการ

เคยส่งโปสการ์ดไปตอบแทนหนังสือที่คุณส่งมาให้ไงคะ

ปล.รูปประกอบนั้น นิตยสารเจ๊งบ้งไปแล้วค่ะ แหะๆ


โดย: ม่วนน้อย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:7:41:43 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม


ส่วนใหญ่ผมได้อ่านงานเขียนของพี่โดมในขวัญเรือนครับ

"ห่างไกล ไม่ห่างกัน"
ยังไม่เคยอ่านครับพี่

ขอบคุณพี่โดมมากเลยครับ
สัญญาไว้เ้ลยครับ
ว่าเมือ่ได้รับหนังสือ
ผมจะลงมืออ่านทันทีเลยครับ





โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:8:26:34 น.  

 
ติดตามอ่านงานของคุณเสมอ จากขวัญเรือน
โดยเฉพาะตอนที่เขียนถึงบ้านภู
อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
กับทีมทุ่งตะวันสัญจร
อ่านแล้วมีความสุข กับสภาพวิถีชีวิต
ผมเคยไปที่นั่นบ่อย ๆ
เพราะบ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน
ชอบลักษณะภูมิประเทศ
และความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย


โดย: หนุ่มสัญจร IP: 124.157.185.240 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:8:00:11 น.  

 
สวัสดีครับคุณหนุ่มสัญจร


ยินดีที่เข้ามาทักทายกัน
คุณอยู่ใกล้ๆบ้านภูหรือครับ
น่าอิจฉาจังที่ได้อยู่ในสภาพบรรยากาศแบบนั้น

ถึงกลับมานานแล้วใจผมยังคิดถึงที่นั่นอยู่เลย



โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.21.213 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:8:14:19 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม


รู้-ละ

ขอบคุณครับพี่สำหรับคำสอนดีดี
พี่โดมเม้นท์เสร็จ
มีน้องมาอ่านต่อเลยครับ 5555

เข้าทางพอดีเลยครับ

เพราะผมตั้งใจเขียนเรื่องนี้
เพื่อบอกน้องเค้ากลายๆว่า
"ความทุกข์" มันเกิดขึ้นที่ไหน
ก็ไปปลดมันลงที่นั่น

ดับที่เหตุ....


........................



ขอบคุณอีกครั้งครับพี่
สำหรับหนังสือ



โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:10:23:35 น.  

 
เห็นคุณโดมเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ก็ยินดีและดีใจไปด้วยค่ะ

เล่าให้จอห์นเขาฟังเสมอว่า
เกิดอะไรขึ้นกับคุณโดมบ้าง
จอห์นก็ไม่น้อยหน้าหรอกนะคะ
ไปหาหมอเช็คร่างกายเสมอ
ก็เริ่มย่างเข้าสู่วัยชราตอนต้น
ก็ต้องระมัดระวังอย่างนี้
เวลาจอห์นเขาพูดอะไร
แม่น้องนิกจะบอกว่า..อ้าว
ก็ยูน่ะเฉียด 50 รีบหรี่ ไม่รู้เหรอ

ขำคุณโดมที่พูดว่า..

ปัจจุบันไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว
..แต่อยู่ในบ้านนี้แหละ..

นึกภาพว่า..ถ้าคุณโดมค้นนะ
น่ากลัวกองหนังสือถล่มแน่ๆ


โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.98.147 วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:0:08:19 น.  

 
โห...มืออาชีพอย่างคุณพ่อพเยีย มาชมในบล็อกแบบนี้ เขิลนะคะ ...
ขอให้สุขภาพกายและใจเข้มแข็งเร็ววันค่ะ


โดย: shin chan (alei ) วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:4:38:38 น.  

 
ขำจัง ในวิธีการเป็นหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เอามั่งๆๆดีกว่า...อยากเป็นสาวๆคริคริ
เอาใจไปช่วยให้ทำงานเสร็จและเข้าตากรรมการเลยนะคะ
ฝีมือมีอยู่แล้ว อยู่ที่จะลงมือ และทำเสร็จหรือเปล่าเท่านั้นแหละเนอะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:9:05:38 น.  

 
อ่านเรื่องความตายจบ แล้ว พอดิฉันตายจริงๆมันสบายค่ะ ขึ้นเครื่องบินทุกครั้งจะสั่งเพื่อนไว้ว่า ของมีค่าอยู่ตรงไหนเอาไปให้ลูกฉันด้วยนะ ยิ่งช่วงนี้นะค่ะเป็นโลกหัวใจรั่วนิดเดียว คุณหมอว่าดิฉันกินยา แก้ปวดหัวไม่ถูกเลยเป็น


โดย: คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:15:00:02 น.  

 


เอารูปมาฝากค่ะอาโดม
(นากำลังเห่อของเล่นใหม่โปรแกรมแต่งรูป)


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:22:24:38 น.  

 
บายดีนะคะพี่....

ปลายแปรงยังไม่บายเท่าไร...
หัวเป็นน๊อตอยู่เนี่ย

ประมาณอาทิตย์หน้าท่าจะโล่งขึ้นบ้าง...
งานราษฏร์ งานหลวงมีไม่ขาด
นี่งานญาติอีก....เฮ้อ
บ้านปลายฟ้าเขาญาติเยอะน่ะ...

นี่ก็งานศพญาติข้างกระนู้นนนนนนน
นับลำดับไม่ค่อยถูก...แต่ก็ต้องไป....

ตาย....
ได้ร้องเพลง...ท่าจะบ้าตายเป็นลุงบูลย์อีกคนแล้วแน่เลย


คิดถึงนะคะ.....โอกาสเหมาะคงได้คุยกันถนัดลูกคอ
ไปแล้วค่า


โดย: ปลายแปรง วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:8:16:14 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม


ได้รับหนังสือแล้วนะครับ
ขอบพระคุณมากครับพี่

แค่อ่านบางประโยคของน้องพเยียก็รู้สึก
โดนใจแล้วครับ
ไม่รู้ตอนนี้ได้ตามความฝัน
ที่อยากจะเป็น "นักเขียน" เหมือนพี่โดมมากน้อยขนาดไหน

ผมอ่านไป 19 หน้าแล้วครับ

เดี๋ยวจะนั่งอ่าน
แล้วลดการเล่นบล็อกลงครับ







โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:15:36:56 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโดม
ครูจี๊ดไปเกาะยาวมาได้พบเห็นหลายอย่างทำให้คิดถึงคุณโดมถ้าได้ไปคงจะมีเรื่องให้เขียนริมรั้วหัวใจอีกเพียบ


โดย: ครูจี๊ด วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:18:21:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.