|
จะเอานิยายอะไรกับชีวิต ?
ถ่ายรูปหน้าต่างไม่สวย แต่ของจริงนอกหน้าต่างสวย
ทุ่งนา มองไม่เบื่อ
เสียดายที่ร้านปิด ตั้งใจจะไปซื้อเรือรบเสียหน่อย
------------------------------------------
25 กันยายน 2549
ในที่สุดผมก็หยิบหนังสือในตู้ของพี่ปอนมาเล่มหนึ่ง แทนที่จะเป็นนิยายของนักเขียนชื่อดังท่านใดท่านหนึ่ง หรือเป็นวรรณกรรมหัวกะทิระดับโลก แต่ผมกลับเลือกหนังสือที่มีความยาวประมาณห้าร้อยกว่าๆหน้าที่มีชื่อว่า เขียนนิยาย เขียนโดย รตชา
อันที่จริงผมเคยคิดจะซื้อหนังสือเล่มนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็ลูบๆคลำๆอยู่ เพราะราคา 350 บาท เวลาไม่ค่อยมีเงินในกระเป๋าก็คิดมากเหมือนกัน ทั้งที่เรื่องนี้เคยทยอยตีพิมพ์ในขวัญเรือนทุกๆปักษ์ก่อนที่จะนำมารวมเล่ม ผมก็อ่านแบบตกๆหล่นๆ คือไม่ได้ติดตามอ่านอย่างทุกตอน
มาวันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีอันดีที่ได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เห็นลายเซ็นเขียนมอบหนังสือให้พี่ปอนแล้วรู้นี้ว่านามปากกานี้คือใคร เธอมีนามปากกาที่ใช้เขียนนิยายอีกนามหนึ่ง ซึ่งผมก็พอจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นเธอ ผมจำได้ว่าสมัยที่ผมทำนิตยสาร ผมเคยพบเธอเพียงครั้งสองครั้งและยังจำเธอได้ดี เพียงแต่ไม่ได้ติดตามผลงานของเธอเป็นประจำ รู้แต่ว่าเธอก็เขียนนิยายออกมาเป็นระยะๆ
ที่ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้ผมสนใจและมีความอยากที่จะเขียนนิยาย เรื่องนี้ผมพล่ามมานานแล้วว่าอยากจะเขียนนิยาย แต่ก็ไม่ได้เขียนออกมาสักที ที่ผ่านมาผมอาจจะมีนิยายรวมเล่มออกมามาบ้าง แต่ถึงวันนี้ผมกลับรู้สึกไม่อยากพูดถึงนิยายที่ผมเขียนอีก อาจจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่อาจนับได้ว่าเป็นนิยายที่แท้จริงนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะเนื้อหาหรือวิธีการเขียน หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมเขียนขึ้นนั้นยังถึงขั้นเรียกว่านิยายได้
อันที่จริงผมก็พอจะเคยอ่านหนังสือแนวนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนักเขียน หรือ อื่นๆอีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับการเขียน แต่อ่านแล้วก็ผ่านไปไม่ได้นำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ยังดั้นด้นเขียนหนังสือไปด้วยใจรักเป็นกำลังสำคัญ
แต่สิ่งที่ยังอยู่คงค้างใจผมมาตลอดก็คือการเขียนนิยาย ที่อยากเขียนนิยายก็เพราะคิดว่ามีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่อยากเล่าเป็นนิยาย แต่ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เคยได้เขียนนิยายอย่างแท้จริง ทั้งที่ผ่านมาก็เขียนนหนังสือมาพอสมควร ใช้พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ อักษรไทยที่มีอยู่ไปจำนวนมากโขแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้เขียนนิยาย
ก่อนหน้านี้ผมก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการเขียนนิยายมาสองเล่ม พลิกๆดูแล้วยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียดก็ออกเดินทางเสียก่อน ด้วยความคิดว่าเราน่าจะเรียนรู้ในสิ่งที่เราอยากจะทำบ้าง
ในห้องผมมีต้นฉบับเก่าๆที่เป็นกระดาษก็อปปี้อีกหลายปึก มีทั้งที่ไม่จบเรื่องและจบเรื่อง มีทั้งที่เคยขายได้เงินไปแล้วก็มี แต่เมื่อพลิกๆอ่านดูแล้วมีหลายปึกที่ผมต้องโยนทิ้งไปกับรถซาเล้ง แม้แต่คนถีบซาเล้งผมก็ยังไม่อยากให้เขาอ่าน ผมอยากให้เขาเอาไปชั่งกิโลขายมากกว่า
ส่วนงานเขียนอื่นๆของตัวเองนั้นผมค่อนข้างพอใจตามสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นหรือบทความ แต่ถ้าเป็นนิยายแล้วผมถือว่าผมยังไม่เคยมีนิยายที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจ
ช่วงปีสองปีที่ผ่านมาในใจผมคิดอยู่เสมอว่า ผมอยากเขียนนิยาย เพราะทุกอย่างก็พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา สถานที่ หรือสิ่งต่างๆที่คิดว่านักเขียนคนหนึ่งควรจะพร้อม แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ได้ลงมือ ผมจะไม่อ้างว่างานเขียนประจำที่ทำอยู่แย่งเวลาไป เพราะงานเขียนประจำของผมทุกวันนี้ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับนักเขียนท่านอื่นๆ ผมทบทวนถามตัวเองอีกครั้งว่าทำไมผมจึงไม่ลงมือเขียนนิยายเสียที ผมรู้จักนิยายดีหรือยัง ? ผมเข้าใจสิ่งที่ตัวเองจะทำจริงๆแล้วหรือ เรารู้จักพ้อยท์ ออฟ วิว เรารู้จักพล็อต เรารู้จักคาแรคเตอร์ของตัวละครมากพอหรือยัง ? เรามีเรื่องที่จะเขียนอย่างจริงจังหรือยัง ?
การรู้จักคาร์แรคเตอร์ตัวละคร รู้จักพล็อตนิยายจากการรอ่านของคนอื่นรู้ว่านี่คือพล็อต รู้มุมมองชัดเจนนั้น เมื่อเราอ่านนิยายของคนอื่น เราอาจะรู้จัก เหมือนเราฟังเพลงรู้ว่าเพลงนี้เพราะ เราดูหนังรู้ว่าหนังเรื่องนี้ดี พอจะวิจารณ์ได้บ้าง แต่ถ้าเราเป็นผู้สร้างพล็อตเอง สร้างคาแรคเตอร์เอง นี่ไงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่กระนั้นเราเคยลงมือทำมันอย่างจริงจังหรือยัง ? เราทำความรู้จัก ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราบอกว่าอยากจะเขียนหรืออยากจะทำจริงๆแล้วหรือยัง ?
เมื่อผมได้หยิบหนังสือชื่อ เขียนนิยาย ขึ้นมาอ่าน ทำให้ผมได้พบว่า ผมมีเนื้อสดเนื้อสันมากมายที่แช่อยู่ในตู้เย็นอย่างดี แต่ทว่าผมไม่รู้วิธีที่จะทำให้แกงเขียวหวานอร่อยได้อย่างไร มันจึงแช่อยู่ในตู้เย็นอย่างนั้น อย่างดีก็เอาไปปิ้งไปย่างบ้างตามจังหวะและโอกาส ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องปิ้งย่างๆก็ไม่ได้ใช้ฝีมืออะไรนัก เพียงแค่ทำให้มันสุกก็พอแล้ว มันก็จะหอมอร่อยตามธรรมชาติ ถ้าเนื้อนั้นสดและดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแกงเขียวหวานหรือพะแนงเนื้อนั้น แน่นอนว่ามันต้องการเครื่องปรุงและฝีมือคนแกงไม่น้อยทีเดียว ไม่เช่นนั้นแกงเขียวหวานก็จะเป็นแกงเหม็นเขียวเหมือนที่เราเคยกินแกงเหล่านี้จากคนที่คิดว่าแกงเป็น แต่ก็พอแค่แกงได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่านิยายที่พิมพ์เผยแพร่ในท้องตลาดทุกวันนี้ คงต้องมีทั้งคนที่แกงเขียวหวานเก่งมาก และพอเป็น และแกงไม่เปนหรอกแต่ถือว่ามีเครื่องแล้วทำให้สุกก็พอแล้วก็คงมีอยู่บ้าง เมื่อวานผมจึงลุยอ่านเรื่อง เขียนนิยาย อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน และตั้งใจว่าสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จะถึงนี้น่าจะหาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวสักเล่ม
ฝากบอกถึงคนที่อยากเขียนนิยายว่า ถ้าอยากเขียนแต่ยังมะงุมมงาหราว่าจะออกเดินทางอย่างไร หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นแผนที่ในการเดินทางที่ไม่เลวทีเดียวแหละ ถึงวันนี้พอจะหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ใจรักอย่างเดียวนั้นยังคงไม่พอแน่ นอกจากใจรักแล้วเราต้องเรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่รักด้วย เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่เรารักให้ได้ดีขึ้น รอบๆตัวเราจึงมีคนที่ทำอะไรด้วยใจรักไปได้สักระยะหนึ่งแล้วก็พบว่าเขาไม่สามารถอยู่กับมันได้จริง เขาจึงต้องทำอย่างอื่นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตแล้วหาเวลาเล็กๆน้อยๆมาทำสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเจียดหัวใจให้ มีคนเสียงดีมากมายที่ได้แค่เพียงร้องเพลงในร้านคาราโอเกะ ทั้งที่เขาอยากจะเป็นนักร้องตัวจริง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเขาก็ได้วนเวียนอยู่ตามร้านคาราโอเกะจนกระทั่งแก่เฒ่า (ส่วนคนที่ชอบร้องเพลงเพราะชอบร้องเพลงเพื่อผ่อนคลายนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) จึงมีนักเขียนที่เขียนเพราะใจรักอยู่อีกมากมายและมองว่าการเขียนหนังสือนั้นยังชีพไม่ได้ จึงต้องอาศัยอาชีพอื่น จึงมีอะไรอื่นๆอีกมากมายที่บอกว่าทำด้วยใจรักแต่ไม่สามารถอยู่ได้ ฯลฯ บางทีเราต้องหันกลับมาถามตัวเองที่ว่า ใจรักน่ะรักจริงหวังแต่งหรือรักเพียงชั่วคราวข้ามคืนเท่านั้น อย่างไรก็ต้องขอบคุณ รตชาผู้เขียน เขียนนิยาย ที่อุตส่าห์รวบรวมเรียบเรียงและบทสัมภาษณ์นักเขียนนิยายไทยมากมายที่ทำให้ได้มุมมองและข้อคิดเกี่ยวกับการเขียนนิยาย ถึงแม้ตอนนี้ผมยังอ่านไม่ถึงครึ่งเล่ม แต่ทว่าเพียงช่วงแรกของหนังสือและบางถ้อยคำในหนสังสือเล่มนี้ก็จุดไฟการเขียนนิยายของผมให้ลุกโพลงขึ้นอีก คาถาดั้งเดิมประจำใจในการเขียนหนังสือชองผมเสมอมาก็คือ ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้น ไม่ว่าปีนี้คุณจะอายุเท่าไรก็ตาม ยังไม่สายเกินไปที่จะลงมือเขียนนิยาย -------------------------------------------------------
Create Date : 25 กันยายน 2549 |
|
9 comments |
Last Update : 25 กันยายน 2549 12:34:38 น. |
Counter : 1037 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 25 กันยายน 2549 12:39:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภู เชียงดาว IP: 203.154.52.235 25 กันยายน 2549 13:17:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: J IP: 203.154.114.253 25 กันยายน 2549 15:41:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.136.62.31 25 กันยายน 2549 17:56:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปิ่นกำนัน IP: 203.151.140.118 25 กันยายน 2549 21:52:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.212 26 กันยายน 2549 7:28:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: จานโจ๊ก IP: 87.212.143.101 16 ตุลาคม 2549 0:56:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.20.154 16 ตุลาคม 2549 16:00:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตาพราน IP: 117.47.104.218 24 กันยายน 2551 20:05:30 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ทั้งท่านที่ทิ้งคอมเม้นต์ไว้และที่ไม่คอมเม้นต์ไว้
รู้สึกยินดีที่มีคนเข้ามาอ่าน
เพราะเขียนหนังสือ ไม่ว่าจะเขียนไว้ตรงไหนก็เพื่อการอ่าน
ไม่ว่าจะอ่านคนเดียวหรือให้คนอื่นอ่าน
แต่ต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปเม้นต์กลับ หรือไม่ได้ตอบ
เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาว่างในช่วงนี้
บ่ายนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปที่อำเภอดอกคำใต้ ด้วยรถประจำทาง
ยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
อยากไปเที่ยวดอกคำใต้ เพราะได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว
ทั้งชื่อเพลงและชื่อหนัง
มาอยู่ใกล้ๆแค่นี้ไม่ไปเที่ยวก็จะเสียเที่ยว
แล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ