"The Prestige" ... มายากลบนความเชื่อ
"มายากล" เป็น สิ่งที่ลวงล่อใจคนให้หลงตกอยู่ในภวังค์อำนาจแห่งความฉงน
"มายากล" เป็น ศาสตร์และศิลป์แห่งความงงที่คนได้ดูได้เห็นไม่สามารถจะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้
และ "มายากล" ก็ยังเป็น การท้าใจคนทุกคนให้ลองหากลเม็ดเด็ดพรายค้นความเป็นจริงที่อยู่ในเบื้องหลังของสิ่งนั้น
การตบตา คือ กลวิธีของการเล่นมายากลที่ดี ...สำหรับนักเล่นทุกคนล้วนต้องมีความเก่งกาจในการหลอกล่อ มีเทคนิคดึงดูดใจให้คนยอมรับในสิ่งที่เขากำลังจะทำให้ดู และก็สามารถมากพอที่จะสำเร็จกลๆนี้ให้จบลงด้วยความตื่นตาตื่นใจ และเสียงปรบมือของผู้ชมทุกๆคน
บนหน้าฉากที่เราเห็นคือความเก่ง ความพยายามของคนเล่นกล แต่เบื้องหลังที่อยู่ข้างในกลๆนั้นอีกที มันกลายเป็น ลูกเล่นแห่งการตบตาที่ใช้ได้ผลสำหรับคนได้ดูได้เห็นมัน
ด้วยความที่เราเห็นมันเป็นความบันเทิงซะมากกว่า จะไปคิดหาเหตุผลอะไรในตัวมันอย่างจริงจัง ...มันเลยเข้าแผนเข้าล็อกที่เหล่านักมายากลต้องการจะให้เป็น ต้องการให้แผนตบตาของเขาสัมฤทธิ์ผลด้วยการทำให้คนดูรู้สึก "เชื่อ" ในการหลอกลวงของเขา
การแสดงมายากลต้องมีพื้นฐานสำคัญที่ทุกๆองก์จะต้องตั้งไว้อยู่บน "ความเชื่อ" ... ทั้งคนเล่นและคนดู ต่างต้องเชื่อในสิ่งที่ทำ และก็เชื่อในสิ่งที่เห็น
ส่วนของนักมายากล ...คนเล่นเป็นทุกๆคน ล้วนแล้วแต่มีความสามารถความเก่งกาจแตกต่างในทางของเขาออกไป คนหนึ่งเก่งในทางแสดงพลังจิต อีกคนเก่งในทางแสดงพลังกาย ส่วนอีกคนอาจจะเชี่ยวชาญการใช้อุปกรณ์ประกอบ แต่อีกคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรนอกจากทักษะมือเปล่าของตัวเขาเอง ...แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีความเฉพาะทางที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนเหล่านี้จะต้องมีเหมือนๆกัน ก็คือ "ความเชื่อ"
ความเชื่อ... ที่เชื่อว่าเขามีความสามารถพอที่จะเอาชนะความรู้สึกขัดแย้งของผู้ชมได้ เชื่อว่าเขาจะเก่งพอหลอกตาหลอกใจของคนที่นั่งอยู่เบี้องหน้าของเขาได้ ...การที่แต่ละคนจะเชื่อว่าตัวเองทำได้นั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่อะไรกับ นอกจากความตั้งใจที่ปรารถนาและต้องการจะเป็นนักมายากลชั้นเยี่ยมให้ได้ ...เฉกเช่นเดียวกันกับ "แองเจียร์" และ "บอร์เดน" สองนักมายากลที่พยายามกับการก้าวหน้าไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ คนทั้งสองต่างก็ปรารถนาและต้องการ ในสิ่งที่เหมือนๆกัน นั่นก็คือ การได้เป็นที่สุดของคนเล่นกลในโลกนี้...
แต่แรกเริ่มเดิมที แองเจียร์ และ บอร์เดน คนทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนร่วมคณะมายากลด้วยกัน ในเวลานั้นคนทั้งคู่ยังมีความสนิทสนมซึ่งกันและกัน ฐานะของเพื่อนรักยังคงทำให้เขาและเขาไม่มีปัญหาความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นในใจลึกๆ ...แต่อาจจะมีอยู่บ้างก็ตรงที่เขาและเขา ต่างก็ต้องการจะแข่งขันซึ่งกันและกัน ในฐานะของคนที่กำลังพยายามปีนป่ายฝึกฝนเพื่อจะเป็นนักมายากลที่เป็นสุดยอดด้วยกันทั้งคู่
แต่แล้วจุดแตกหักของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มันก็เกิดขึ้นในตอนที่ เหตุการณ์อันไม่มีทางจะควบคุมได้แย่งเอาชีวิตของคนที่แองเจียร์รักมากที่สุดไป ...เมื่อตัวบอร์เดนเอง ก็อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเขาก็ไม่คาดคิดด้วยว่าความเชื่อของเขาจะกลับตาลปัตรในตอนจบที่ทำให้ชีวิตหญิงสาวของเพื่อนรักต้องตาย ...
แองเจียร์ทั้งทรมานและแค้นใจ จนทำให้เขาเชื่อว่า การกระทำของบอร์เดนมีขึ้นมาด้วยความจงใจ ... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความเป็นเพื่อนก็สลายหายไป และความเป็นศัตรูได้เข้ามาแทนที่...แองเจียร์ไม่เคยสนใจในการแก้ตัวของบอร์เดน ตัวเขาขอแค่เพียงจะได้ล้างแค้นคนชั่วในความเชื่อของเขาเท่านั้นก็พอใจ...
ความเชื่อ... ของทั้งสองได้วนเวียนไปวัฏจักรแห่งการเอาคืนซึ่งไม่มีอันได้สิ้นสุด ถ้าใครคนใดคนหนึ่งยังไม่ตายไปข้างหนึ่ง ...ในขณะที่ต่างคนก็ต่างคิดจะไต่เต้าไปสู่จุดที่ปรารถนา ในเวลาเดียวกันคนทั้งคู่ยังเวียนกลับมาคิดถึงวิธีการที่จะเคลียร์อุปสรรคขัดขวางความปรารถนาซึ่งเกิดขึ้นมาฝ่ายตรงข้าม ...เมื่อไม่มีใครเคยยอมใคร ก็ต้องไม่มีใครที่ยอมแพ้ ถ้าแองเจียร์หรือบอร์เดนเอาชนะในเกมที่หนึ่งได้ มันก็ต้องมีเกมที่สอง เกมที่สาม ตามมาไม่มีอันได้จบลง
แองเจียร์ และ บอร์เดน เลือกที่จะเชื่อตัวเอง และเชื่อในความเก่งกาจที่ต่างคนต่างก็มีอยู่ ...เขาและเขาสามารถที่จะเอาชนะความรู้สึกขัดแย้งของผู้ชมได้ แต่เขาและเขาก็ไม่เคยสักทีที่จะชนะความสัมพันธ์ขัดแย้งที่ต่างคนต่างก็มีกับใจของตัวเขาเอง
ดังจะเห็นได้จากการพยายามขวนขวายหาวิธีการของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ลูกไม้ผิดๆ และบางครั้งก็จำเป็นต้องสกปรก ...เขาไม่เคยคิดจะขัดแย้งในใจของตัวเองสักหน ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดจรรยาบรรณ
เพียงเพราะ เขาเลือกจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำมันดีแล้ว เลือกจะเชื่อว่าสิ่งๆนี้จะนำพาชัยชนะอันใสสะอาดมาตกเป็นของเขาแค่เพียงผู้เดียว และเขาเลือกจะไม่กังวลไปถึงจุดจบของมันว่าจะเป็นไปอย่างไรก็เพราะไม่มีใครจะได้จะเสียกับมันอีกแล้ว
ไม่ใช่กับ แองเจียร์ และบอร์เดน ที่มีความเชื่อ ...กับผู้คนที่อยู่รอบข้างของเขาและเขาทั้งหมด ต่างก็ต้องการที่จะมีความเชื่อเช่นเดียวกัน
วิศวกรนักสร้าง "คัตเตอร์" เบี้ยล่างของแองเจียร์ ...ต้องการที่จะเชื่อถือความทะเยอทะยานที่เจ้านายของเขามี เหมือนที่เจ้านายก็เชื่อว่าเขาคือข้าบริวารผู้ซื่อสัตย์ ผู้ที่จะคอยสนับสนุนการสร้างผลงานตบตาชิ้นยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครจะเทียบเท่าเขา
ผู้ช่วยสาว "โอลิเวีย" ...ต้องการที่จะไว้เนื้อเชื่อใจฝากชีวิตอันอ้างว้างของเธอให้เป็นของแองเจียร์ เหมือนที่แองเจียร์ก็เชื่อว่าเธอคือผู้ช่วยที่เขาจะไว้ใจมอบหมายหน้าที่เป็นสาย คอยจับตามองความเป็นไปของบอร์เดนทุกฝีก้าว
ภรรยาของบอร์เดน "ซาร่า" ...ต้องการที่จะเชื่อว่าสามีของเธอรักเธอด้วยความจริงใจ ไม่ใช่หลอกลวงไก่กาไปวันๆ อย่างที่เธอรู้สึกและสัมผัสได้อยู่ เหมือนที่บอร์เดนก็เชื่อว่า เขารักภรรยาของเขามากกว่าใครๆ และไว้ใจว่าเธอจะไว้ใจเขาได้เช่นเดียวกัน
คนทุกๆคนล้วนต่างก็มีความเชื่อเป็นตัวของตัวเอง ...คนเราล้วนมีวิธีการหาหนทางที่จะเชื่อถือคนอื่น และตัวของเราเองได้แทบทั้งนั้น เพียงแต่มันก็ยังต้องขึ้นอยู่เพียงกับว่า เรามีความตั้งใจในความเชื่อนั้นหรือไม่ ...เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าคนรักของเรานั้นรักเรา , เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าเพื่อนสนิทของเราจะไม่มีวันหักหลังเรา , เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราต้องได้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุด ...
เพียงถ้าเราได้ลองตั้งใจจะเชื่อมั่นในสิ่งที่เราปรารถนาแล้ว ความเชื่อนั้นมันก็ไม่ยากเย็นที่จะเกิดขึ้นได้จริง ...อย่างเช่นเดียวกันกับตอนจบของ The Prestige ที่ผู้เขียนบทตั้งใจจะเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันดีที่สุดแล้ว
The Prestige ... ผลงานการกำกับชิ้นล่าของ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" หลังจากความสำเร็จอันเนื่องจากความเชื่อที่เขาสามารถปลุกวิญญาณแบทแมนให้ฟื้นคืนขึ้นมาได้อย่างสมเกียรติภูมิ ...นี่เป็นหนังที่เขาบอกว่าตั้งใจอยากจะทำเพราะความชอบที่มีต่อนิยายชื่อเดียวกันกับหนัง ของ "โจนาทาน ฟรีสท์" ...
ความสนุกของผมได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นเพียงตั้งแต่แค่เห็นพลอตเรื่องแล้ว ...หนังทริลเลอร์ดรามา ที่ผนวกเอาเรื่องราวการหักเหลี่ยมเฉือนคม ซ้อนทับลงไปบนความมหัศจรรย์ชวนตื่นตาของการแสดงมายากล ...ผมตั้งใจจะเชื่อว่างานกำกับที่ได้ โนแลนมาจัดการเรื่องนี้ ต้องสร้างความเริงสราญหัวใจของผมได้เป็นแน่นอน ...และแล้วผมเองก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกจะเชื่อใจหนัง พร้อมทั้งตัวเองด้วยการสละค่าตั๋วเพื่อแลกกับความสุขที่ได้รับตลอดการชมความบันเทิงสุดมหัศจรรย์ในครั้งนี้
ผกก.โนแลน สามารถผนวกเอาความเยี่ยมของฝีมือตัวเอง ความยอดของบทหนัง ความเจ๋งของนักแสดง และความดีของงานโปรดักชั่น มารวมกันเป็นหนังความยาวสองชั่วโมงกว่าๆ ที่ไม่มีช่วงเวลาไหนให้รู้สึกเบื่อหน่ายในอุราเลย
1. ความเยี่ยมของผู้กำกับ ...ความเชื่อใจที่ยังคงหลงเหลือมาจากงาน Batman Begins ของเขา ทำให้ผมมั่นใจว่าหนังเรื่องนี้คงจะออกมาดูดีได้ไม่ต่างกัน ...โนแลน ควบคุมการแสดงมายากลองก์ใหญ่องก์นี้ให้ออกมาได้เป็นที่ประทับใจของคนดู เขามีความเก่งกาจสามารถที่จะหลอกล่อ ดึงดูดใจในเหตุในผลของหนังให้คนดูเลือกจะเชื่อถือมันได้ สิ่งที่เขาทำให้เราเห็นก็คือ ความตื่นเต้นเร้าใจในการดำเนินเดินเรื่องที่ทุกฝีก้าวไม่สามารถจะกระพริบตาได้ ทุกๆการพูดทุกๆไดอะล็อกที่นักแสดงแลกเปลี่ยนต่อกันและกันสร้างความน่าติดตามให้เราต้องจับจดในน้ำคำอย่างตั้งใจ ...การแสดงกลของเขาในครั้งนี้ เลือกจะใช้เทคนิคการตบตาที่ฉลาดเฉลียวเกินความคาดคิดของคนดู จนเมื่อมันถึงจุดจบ ผลกระทบที่มันส่งมาถึงเรา เลยได้กระแทกจิตใจของคนที่ตั้งใจชมได้อย่างรุนแรง และสะท้านสะเทือน
2. ความยอดของบทหนัง ...สองพี่น้องโนแลน "คริสโตเฟอร์" และ "โจนาทาน" ร่วมด้วยช่วยกันบรรเลงเพลงกลชวนฉงนให้น่าตื่นตาและตื่นใจ ด้วยงานบทชั้นเลิศที่สร้างสรรค์ออกมาผ่านกระบวนการคิดที่เฉียบแหลม ...ฉากแล้วฉากเล่าที่เรื่องผ่านพ้นไป ล้วนแต่มีเหตุมีผลในตัวของมันให้เราจำเป็นต้องคิดถึง ความโยงใยในความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครทำให้เราต้องคิดระแวงแล้วระแวงเล่าว่ามันจะไปจบลงด้วยเหตุฉะนี้กันหรือเปล่า บทของมันใช้การหลอกล่อด้วยวิธีการต่างๆนานาจูงใจให้คนชมต้องคิดแล้วคิดอีกถึงความน่าจะเป็นของมัน ...การใส่เรื่องราวปลีกย่อยเป็นเฉพาะของตัวละคร ก็สำคัญไปพร้อมกับเรื่องหลัก ที่มันเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน มันทำให้หนังได้เปิดโอกาสกับนักแสดงทุกๆคนได้ใช้ความอินของตัวเองให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งส่งผลทำให้ตัวละครหลักและตัวละครรองต่างก็มีช่วงเวลาที่น่าจดจำเป็นของตัวเองแทบทั้งนั้น ...
3. ความเจ๋งของนักแสดง ...ตัวของบทหนังชั้นยอดก็ยังน่าจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเล็กๆที่เสริมส่งการแสดงให้เจ๋งเท่านั้น ซึ่งถ้าหนังขาดการแสดงที่มีคุณภาพเปี่ยมล้นไปแล้ว บทหนังก็อาจจะช่วยเหลืออะไรได้ไม่เต็มที่นัก ...ต้องยกนิ้วให้กับดาราทุกคนที่มามีส่วนร่วมรู้เห็นในเหตุการณ์ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนล้วนปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นเยี่ยมกันทั้งสิ้น ..."ฮิวจ์ แจ๊คแมน" สามารถสร้างภาพความเป็นสุภาพบุรุษนักมายากลที่ดูดีอย่างที่หนังต้องการให้เป็นกับ "แองเจียร์" พลังความแค้นที่ตัวละครนี้มีต่อบอร์เดน ส่งออกผ่านทางตา ท่าทาง และการใช้กำลังที่สมจริง จากตอนแรกซึ่งเขาเคยทำให้คนดูเห็นใจในตอนที่เขาสูญเสียคนรักไป แต่ในตอนท้ายเขาก็กลายเป็นผู้ร้ายสุดน่ากลัวที่โดนด้านมืดครอบงำให้ไม่เห็นเงาหัวใครอีกเลย ..."คริสเตียน เบล" ดูอันตรายชั่วร้ายอย่างเป็นที่สุดในเวลาที่เขาเอาคืน แต่พอถึงเวลาที่โดนตอกกลับ ตัวละคร "บอร์เดน" ก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำที่โดนกลั่นแกล้งจนน่าเกลียด ในชะตากรรมเลวร้ายของตัวละครนี้ที่ต้องพบเจอ มักจะมาพร้อมกันกับความสงสารที่คนดูมีให้ เบลแสดงบทบาทความเป็นผู้ชายที่กระหายในชัยชนะได้อย่างเข้าถึง แต่พอได้แสดงภาพที่อ่อนแอในตัวตนของเขาแล้วมันก็ชวนให้เราเชื่อว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
บทบาทของดาราสมทบทุกคนทั้ง ไมเคิล เคน (คัตเตอร์) , สการ์เล็ต โจแฮนสัน (โอลิเวีย) , รีเบคก้า ฮอลล์ (ซาร่า) ทำได้อย่างที่ควรจะเป็น ความสำคัญของพวกเขาช่วยส่งความสนุกให้เข้มข้นคลั่กยิ่งไปกว่าเดิม ...พลังความแรงของการประกบคู่ ฮิวจ์ และ เบล อาจจะไม่แรงได้สุดๆขนาดนี้ ถ้าขาดซึ่งบุคคลรอบข้างเหล่านี้ไป
4. ความดีของงานโปรดักชั่น ... ในทุกส่วนประกอบที่รวมร่างกันเป็นองก์การแสดงสุดยิ่งใหญ่ชุดนี้ นอกเหนือไปจากสามข้อข้างต้นแล้ว ในข้อสุดท้ายที่เป็นตัวงานโปรดักชั่นอาจจะไม่ต้องเน้นความสำหลักสำคัญอะไรมากมาย แต่ถ้าจะให้ขาดแคลนแล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ ...คนทำทุกส่วนงานสามารถเลือกสรรวัตถุดิบชั้นดีมาประกอบภาพของหนังให้ดูขลัง มีพลัง และบ่งบอกความนัยที่หนังแอบซ่อนเร้นเอาไว้ได้ ไล่ไปตั้งแต่ การถ่ายภาพ การตัดต่อ การสร้างฉาก เครื่องแต่งกาย และสุดท้ายก็คือ เพลงประกอบบรรเลงที่เน้นแนวคลาสสิค ซึ่งควบคุมอารมณ์หนังเอาไว้ได้เต็มหมัดเต็มแข้ง เอามาฟาดหัวใจให้คนดูรู้สึกเร้าระทึก และลุ้นตามหนังกันจนลืมเหนื่อย
The Prestige ... เป็นอีกหนึ่งหนังเข้าข่ายยอดเยี่ยมในปีนี้ ที่ความสนุกสุดบันเทิงสามารถบีบคั้นหัวใจคนดูให้ต้องกระหายอยากติดตามแต่ต้นเรื่องไปจนจบราว ...ขอรับประกันว่านี่คือ โปรแกรมที่คอหนังไม่สมควรจะพลาดเลยด้วยประการทั้งปวงอีกทั้งถ้าคุณได้ดูในโรงภาพยนตร์ ก็กล้าที่ยืนยันได้ว่า มันจะต้องเป็นอะไรที่สุดยอดในความรู้สึกของคุณโดยแน่แท้
ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ
ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 4 หัวข้อข้างบน ที่รวมกันเป็นหนัง 1 เรื่องโคตรประทับใจเรื่องนี้
เกรด A
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2549 |
|
5 comments |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2549 0:15:31 น. |
Counter : 2928 Pageviews. |
|
|
|