+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
"No Country for Old Men" ... คนชั่วยังมีที่ไป แล้วเหตุไฉน.. คนดีไม่มีที่อยู่?



ในเวลานี้ ถ้าจะให้นึกเดาถึงคำถามแรกๆที่คอหนังพันธุ์แท้ มักจะถามถึงกันเป็นมักๆ ก็คงจะเป็น... "เฮ้ย! ได้ดูหนังออสการ์ยอดเยี่ยมหรือยังวะ?"

ถ้าคำถามนั้นมีคำตอบเป็นคำว่า ดูแล้ว ...คำถามต่อมา ก็คงจะไม่พ้น "เป็นไงบ้าง เจ๋งปะ ชอบมะ..." อะไรทำนองเนี้ย?

แต่ถ้าคำตอบของคำถามแรก เป็นคำว่า ยังเลย ...คำถามต่อไปก็จะไม่มี เว้นแต่ว่าจะมีคำเชิญชวนให้ลองไปดูซะ หรือว่า(มัดมือชกเข้าหน่อย) เอ็งต้องดูให้ได้นะเฟ้ย ห้ามพลาดยิ่งๆ

"No Country for Old Men" ...คือ หนังเรื่องนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น หนังออสการ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2008 (ทั้งพ่วงอีก 3 รางวัลสาขาสำคัญๆทั้งนั้น) ...และที่มากไปกว่านั้น ก็ยังเป็นหนังที่มีคนหลายต่อหลายคนบอกว่า มันยอดเยี่ยม จนถึงขั้นต้องเป็นอีกหนึ่งงานคลาสสิคที่ในอนาคตต้องจดจำ (อันหลัง จะเว่อร์ไปหรือไม่ อันนี้ยังสรุปไม่ได้)



"No Country for Old Men" ... เปิดเรื่องด้วยการบ่นพล่ามของบุคคลปริศนาใครคนหนึ่ง (แต่อันนี้ก็ไม่ใช่ปริศนาใดๆ ...สำหรับคนที่รู้เนื้อเรื่องหนังมาล่วงหน้า) ที่บอกเล่าเรื่องราวของการเป็นนายอำเภอ อาชีพที่แสนจะน่าภูมิใจของเขา หากแต่โดยน้ำเสียงที่ผู้ชายคนนี้เล่านั้น มันกลับแฝงนัยความทอดม้วยสร้อยเศร้า ที่เมื่อคิดถึงในวันเก่า แล้วมาเทียบกับในวันนี้ มันเป็นคนละวันที่แตกต่างเพราะพัฒนาการของสังคมช่วยทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง

การก่ออาชญากรรมในวันเก่า กับภาพความจำของผู้ชายคนนี้ ...คือ ความไม่ยากเย็น ทั้งในการกระทำ และความรู้สึก ที่จะสามารถสื่อสารรู้ความคิดอ่านของคนเป็นโจร ได้โดยไม่ซับซ้อน ซ่อนเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรนัก ...เมื่ออยากมีตังค์ ก็ไปปล้น เมื่ออยากขึ้นสวรรค์ ก็ไปข่มขืนใครสักคนให้หายอยาก หรือเมื่อแค้นใครนัก ก็หยิบปืนมายิงให้มันดับดิ้นไป ...ก็แค่นั้น

แต่กับการก่ออาชญากรรมในวันนี้ กับภาพในจินตนาการของผู้ชายคนนั้น ...มันกลับเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ซับซ้อน มีเงื่อนงำ หรือเหตุผลหลายหลาก ที่ยากจะตัดสินชี้ชัดได้เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยตรง ...เมื่อเปรียบเทียบความคิดอ่านของคนเป็นโจรในวันนี้ แผนการในหัว กระทั่งการแก้ไขสถานการณ์ กลับลึกล้ำ ลึกซึ้ง องอาจพอจะนำหน้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้โดยละม่อม



"No Country for Old Men" ... เปิดคดีด้วยภาพของชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังเดินล่าสัตว์อยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ในระหว่างนั้นด้วยความบังเอิญ เขาได้ไปพบเจอกับกลุ่มศพที่นอนแน่นิ่งจมบนกองเลือดสดๆ เหมือนมันเพิ่งเกิดเหตุการณ์อะไรร้ายแรงบางอย่างไม่นานมานี้ ...แล้วด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตเสียเหลือเกิน ก็ได้ไปเจอกับยาเสพติดกองใหญ่ และเงินในกระเป๋า ที่ประมาณคร่าวๆได้เป็นหลักล้าน ...และแล้วด้วยจิตสำนึกของความโลภเพียงแค่ชั่ววูบ ก็ได้บังเกิดความคิดให้เขายึดเอาเงินทั้งหมดมาเป็นของตัว หวังจะรวยทางลัดอย่างบังเอิญๆกันเช่นนี้

แต่แล้ว เรื่องราวทุกอย่างที่น่าจะสุขสงบได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคงไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นถึงเงินก้อนนี้ ...ก็บังเกิดเหตุให้ต้องพลิกผัน เปลี่ยนความโชคดีกลายเป็นซวยมหันต์ แค่เพราะจิตสำนึกของความ(อยาก)เป็นคนดีเพียงชั่ววูบเท่านั้น ...



เมื่อตอนกลางวัน ผู้ชายคนนั้นเลือกจะหยิบเงินมาเปล่าๆ โดยทิ้งผู้ชายหนึ่งคนที่รอดตาย ในสภาพล่อแล่ให้เตรียมตัวตายอย่างโดดเดี่ยวและทรมาน... จนตอนกลางคืน ผู้ชายคนนี้ กลับเพิ่งคิดออกว่าจะต้องตอบแทนอะไรบ้าง ...หากว่ามันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเขาไปถึงที่แห่งนั้น ในเวลาเดียวกับที่ เกมการไล่ล่ากำลังจะต้องเริ่มขึ้น โดยมีหนึ่งอาชญากรสุดอำมหิต กระหายใจจดจ่อที่จะปิดเกมนี้ให้เสร็จโดยสมบูรณ์

ภารกิจในเกมของอาชญากรนายนี้ มีสองอย่าง คือ การตามหาเงิน และคนที่หยิบมันไป ...ซึ่งในภารกิจแรก เมื่อได้มา ต้องเอาไปคืนผู้ว่าจ้าง ...ส่วนภารกิจที่สอง เมื่อได้เจอ ต้องเอาคืนให้มันตายอย่างสาสม

เมื่อเกมได้ดำเนินไป ในระหว่างที่คนสองคนต่างกำลังล่า และหนี จนสุดหล้าฟ้าเขียว ...อีกหนึ่งตัวละครที่ถูกชักนำให้ต้องเข้ามาเกี่ยวพันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ นายอำเภอ ...ผู้เล่าเรื่องในฉากแรก ทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางของหนังเรื่องนี้ตัวจริง



แม้พลอตที่ถูกวางเอาไว้ในตอนต้น จะว่ากันด้วยเรื่องระทึกขวัญอันเกิดจากเกมไล่ล่าที่มีตัวเอกทั้งสองเป็นแกนกลางของหนัง ...หากเมื่อเราติดตามไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นได้ว่า พลอตหลักไม่ได้ต้องการเอาความบันเทิงเป็นสำคัญ แต่มันเป็นเรื่องราวที่พูดถึงก้นบึ้งในใจของผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มาเนิ่นนาน ได้ผ่านสถานการณ์มาหลากหน้าหลายรูปแบบจนเคยชิน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจในรูปการณ์อันแท้จริงที่กำลังเป็นไปของอาชญากรรมในวันนี้

แม้ตัวสองพี่น้อง "ตระกูลโคเอน" อาจจะเคยพ้นผ่านการทำหนังในสไตล์เดียวกัน เรื่องราวแนวครือกัน อย่าง Fargo มาก่อนหน้า ...หากแต่สิ่งที่ต้องการสื่อสารในเรื่องใหม่ มันก็มีจุดที่แตกต่าง และวิเคราะห์ลงไปในแง่มุมความคิดของตัวละครหนึ่งที่กำหนดให้เขาเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายในวัยชราใกล้เกษียณ ...เป็นคนที่เคยได้ชื่อว่ามีไฟ หากแต่ในปัจจุบัน ไฟของเขากำลังมอดลงเรื่อยๆ และมันจะต้องหมดลงสักวันที่ชีวิตของเขาได้ไปถึงฝั่งนั้นสักที




(ตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป มีการ SPOILER ในจุดสำคัญของเรื่อง ...ใครที่ยังไม่ได้ดู ควรจะอ่านข้ามไปก่อน)




นายอำเภอ "เอ็ด เบลล์" เคยเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในการกระทำทุกๆอย่างที่วิเคราะห์และตัดสินได้อย่างแน่ใจ ในทุกคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในดินแดนของเขา... ตลอดเวลาที่เขาเป็นนายอำเภอมา เขาคือคนๆเดียวที่ชาวบ้านแน่ใจว่าเขาจะสามารถจัดการทุกเรื่องทุกราวได้อย่างสำเร็จ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แดนดินถิ่นเท็กซัส มีแต่ความสุขสงบเรื่อยมา ด้วยอุดมการณ์อันยึดมั่นความเป็นระเบียบของเบลล์ที่ไม่เคยสั่นคลอน

หากในวันนี้ ความเป็นจริงของสังคมอันฟอนเฟะ ได้รบกวนความเป็นระเบียบในแง่ของกฎหมาย ให้แทนที่ด้วยกฎหมู่ ซึ่งคนที่เรียกตัวเองว่า อาชญากร ตัดสินความยุติธรรมกันไปเอง... มันก็เป็นดังเฉกเช่น กับเรื่องราวของการไล่ล่าที่เกิดขึ้นในหนังนั่นแล ที่ผู้ร้ายของหนังคือคนที่ตัดสินความถูกผิดด้วยกฎที่ตัวเองเป็นคนตั้งขึ้นมา (โยนเหรียญ หัว-ก้อย...ทายถูก รอด ผิด ตาย) ไม่เคยสนหัวกฎหมายอะไร และกล้าจะมั่นใจว่าย่อมทำอะไรคนอย่างมันไม่ได้อย่างแน่นอน



ซึ่งมันก็เป็นความจริง ที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรกับ "อันตอน ชิการ์" อาชญากรที่มั่นใจได้ว่างานทุกอย่างต้องเนี้ยบ ในการกระทำทุกสิ่งมีแววความฉลาดแฝงอยู่นัยน์ตาอันเย็นชา และสามารถนำหน้าคนที่เป็นศัตรู(คือ กฎหมาย)โดยไม่มีพิรุธ ...แม้กระทั่งกับคนที่ได้ชื่อว่า เชี่ยวชาญในการตามกลิ่นชั่วๆที่สุดแห่งเท็กซัส อย่าง นายอำเภอเบลล์ ก็ทำได้แค่ตามรอยเท้าเป็นอย่างเก่ง

กระนั้นแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ชิการ์ ฉลาดเป็นกรด อัจฉริยะแห่งนรกส่งมาเกิดแต่อย่างใด ...เพราะสิ่งที่หนังทำให้เราได้เห็นจริงๆ ก็คือ ภาพที่ นายอำเภอเบลล์ สามารถคาดเดานึกภาพความเป็นไปต่างๆในแผนการของ ชิการ์ ได้ (แถมยังอยู่ในรูปการณ์ที่เข้าท่า และใกล้ความจริงอีกต่างหาก) ...หากแต่เป็นตัวของนายอำเภอเอง ที่เลือกจะไม่ใส่ใจและลงลึกในรายละเอียดไปให้สุดๆ ...เขากลับคิดขอแค่เพียงตามรอยเท้า ส่วนเรื่องที่เหลือขอเพียงให้มีกลิ่นลอยตามมาก็เท่านั้น

แม้ทว่าสุดท้าย กลิ่นนั้นก็มาได้จริงๆ หากแต่มันก็อยู่ในช่วงเวลาที่สายเกินไป ...สายเกินจะแก้เกมให้ตกมาอยู่ในโอกาสของคนดี และเลือกจะปล่อยให้คนชั่วสามารถลอยนวล (และเฉียดกับตัวเองไปนิ่มๆ) โดยมิทันจะได้เห็นใบหน้าอำมหิตเยือกเย็นตัวจริงที่เอาชนะเขาได้ในท้ายที่สุด



นั่นจึงเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งที่ เบลล์ พูดในฉากแรกของหนัง ...มันคือเรื่องที่เขาไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมทุกวันนี้ เขาไม่เคยจะทันความคิดและการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่า อาชญากร ได้เลย

ความเป็นจริงที่มีเหตุมีผลที่สุด ...ไม่ใช่ เบลล์ ที่ไม่เข้าใจในแผนการของอาชญากรหรอก และควรเป็นเขานี่แหละ คือตัวจริงที่จะฟาดฟันกับผู้ร้ายในหนังได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ...หากแต่วิธีการที่เขาเลือกปฏิบัติ กลับคือการปล่อยวาง และทำได้เพียงแต่บ่นพร่ำกับตัวเองว่าเขาคงแก่เกินไปที่จะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างที่เรียกว่า อาชญากรรม ในวันนี้ได้

ในระหว่างที่เรากำลังดูหนัง เราอาจจะคาดเดาไม่ออกว่าเรื่องราวมันจะจบลงอย่างไร ...หากเมื่อเราได้ดูจนจบ และกลับมาย้อนคิดอีกสักหน ก็อาจจะพบว่า หนังเรื่องนี้ได้เลือกตอนจบของตัวเองเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ต้นๆเรื่อง ที่ นายอำเภอ เบลล์ เลือกจะนั่ง นั่ง และนั่ง ทอดม้วยอยู่กับที่ แล้วมองอนาคตในหัว แบบที่หวังดีปลอดภัยเอาไว้ก่อน ...ซึ่งในความเป็นจริงของวันนี้ อย่าหวังจะได้คิดกันอย่างงั้นเลยเชียว นอกจากจะเป็นการหลอกตัวเอง ยังจะเปลี่ยนจุดจบของเรื่องราวทุกอย่างให้ถึงความงี่เง่าอย่างเป็นที่สุด ...เฉกเช่น ที่ตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็น ...คือ ตอนจบที่ชิการ์ ยังคงหลุดรอดลอยนวลไปได้ ทั้งๆที่มีอะไรบางอย่างอุตส่าห์หยุดเขาเอาไว้ได้แล้วเชียว ...หรือถ้าจะไม่หาว่าหักหาญน้ำใจกันเกินไป ก็ลองมองในกรณีของ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของเราเป็นตัวอย่างชัดๆก็ยังได้

ในเมื่อทุกวันนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้พิทักษ์กฎหมาย เลือกจะทำได้แต่เพียงการ นั่ง นั่ง และนั่ง อยู่นิ่งๆกับที่ และสักจะเข้าใจแต่ในความต้องเป็นไปของสำนวน ธรรมะย่อมชนะอธรรม กันอย่างนี้ ...จึงไม่แปลกอะไรที่เหล่าผู้ร้าย ซึ่งเลือก ขยับ ขยับ และขยับ จะสามารถเข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว สำนวนอะไรนั่นทำอะไรพวกมันไม่ได้ซะหรอก

ฉะนั้นแล้ว ชื่อของหนังที่แปลกันตรงๆโต้งๆว่า "ไม่มีดินแดนสำหรับคนแก่" จึงเป็นชื่อที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของหนัง รวมไปถึงสังคมในปัจจุบันได้อย่างถูกต้องที่สุด... และถ้าจะเหมารวมเอาชัดเจนกว่านี้ ก็คงจะยังหมายความถึง "คนดี" เข้าไปด้วย

คนดี ในที่นี้ ...ไม่ได้เหมารวมทุกๆคนที่ได้ชื่อว่าเป็น คนดี ที่ได้เห็นมีตัวตน และเคลื่อนไหวอยู่จริง ...หากแต่ที่ผมและพี่น้องโคเอน คงเข้าใจเหมือนๆกัน ก็คือ คนที่มักจะอยู่ในหลักแหล่งที่ตายตัว อาศัยในซอกหลืบของคำว่า "คนดี" แล้วไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เลือกที่จะยัดตัวเองให้ติดกับกรอบทางความคิดที่เชื่อว่า ดี แล้วสุดท้ายทุกอย่างจะต้อง ดี ตามกันไปเอง... นั่นมันเป็นเพียงแค่ ความดี ในอุดมคติ บนโลกใบนี้ และมันย่อมไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพียงถ้า คนดี ที่ว่านั้น ไม่เลือกจะทำอะไรที่ว่า ดี อย่างจริงๆจังๆสักที

อย่างเช่น เรื่องของ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีคนเคยบอกว่าตอนนี้มันกำลังดีขึ้นแล้ว ...มันย่อมจะเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งว่า ดีขึ้น ก็ต่อเมื่อคนที่ทำได้แต่นั่ง นั่ง และนั่ง นั้น ลุกขึ้นมาทำอะไรที่จริงๆจังๆสักที ไม่ใช่สักแต่พูดว่ามันกำลังดี โดยที่ความจริงมันคือคำโกหกกันชัดๆ

ตราบใดที่คนชั่ว ยังคงมีที่ไปในวันนี้ ...ตราบนั้นแล้ว คนดีอย่างท่านๆ ก็คงจะไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง หรืออย่างดีก็เพียงแต่ลอยไปลอยมา และไม่อาจจะมีใครมองเห็นว่า ท่านเป็นคนดีจริงๆ ในสายตาเราๆได้หรอก ...ข้อความนี้ขอฝากถึงคน(ที่ว่า)ดี ด้วยความหวังดี แม้ความจริงแท้อาจจะเป็นความหวังที่มองไม่เห็นก็ตามทีเถอะ




(จบการ SPOILER)







"No Country for Old Men" ... ของ "อีธาน" และ "โจล" โคเอน วางเรื่องราวไว้อย่างชาญฉลาดในการสร้างแนวคิดวิเคราะห์เบื้องลึกของคนดี และคนบาป ควบคู่ไปกับการทำหน้าหนังเรื่องไล่ล่าทริลเลอร์เป็นการสร้างความมันส์ในอารมณ์ลุ้นของคนดู ...ถ้าใครเคยดู Fargo แล้วคิดว่า สองพี่น้อง นี่เจ๋งโคตรแล้ว เมื่อลองสัมผัสกับงานล่าสุด จะได้รู้ว่า เจ๋งกว่านั้นก็ยังทำได้อีก

ส่วนของการเขียนบท อาจจะมองว่า ล้ำลึก และแม่นยำในการทยอยปล่อยจังหวะทางความรู้สึกแล้ว ...หากเมื่อลงในรายละเอียดของงานกำกับ ก็ยิ่งจะเห็นได้ชัดกว่า ว่าบทที่ดี ย่อมจะนำพามาซึ่ง การสร้างอารมณ์อยากติดตามของคนดูได้อีกด้วย การควบคุมเรื่องราวอย่างมั่นใจ อีกทั้งยังกำกับตัวละครและคนดูให้ตกอยู่ในภวังค์ความดี และความบาป เช่นที่หนังต้องการบอกจนถึงจุดที่สื่อสารได้อย่างเข้าใจ และโดนหนักๆ... หากถ้าจะให้พูดกันแบบโอ่เอาใจสักเล็กน้อย สองพี่น้องโคเอน ก็นับว่า เป็นคู่เทพกันไปแล้ว ...เพราะฉะนั้น สองออสการ์ที่คู่พี่น้องได้มา จึงไม่ผิดจากที่ต้องเป็นไป และควรค่าอย่างถึงที่สุด

แต่ถ้ามาต้องพูดถึงอย่างลงลึก ในเรื่องที่ต้องการมากกว่าความโดน กับความรู้สึกที่เรียกว่าตราตรึงใจของตัวหนังทั้งเรื่อง ...ก็คงต้องพูดอย่างใจร้าย ว่าหนังยังไม่ถึงขั้นสุดยอดแบบที่หลายๆคนเขาเคยฟันธงเอาไว้ให้ผมต้องคาดหวัง

แม้ความจริงที่ยิ่งกว่าจริง คือ หนังเรื่องนี้เข้าข่าย ยอดเยี่ยม และเหมาะสมที่จะได้รับออสการ์อย่างแน่นอน แต่ในแง่ของความทรงพลัง ที่คนดูคนหนึ่งอย่างผมอยากได้ ... No Country for Old Men ยังมีในตรงนี้เพียงบางเบา ยังไม่อาจถึงจุดอิ่มตัวที่ทำให้อิ่มหนังได้สูงสุด ...หากถึงเรื่องราวของมันจะบังอาจสามารถกัดกินเนื้อสมองชวนให้ย้อนคิดถึงได้ แต่เนื้อแท้ของความรู้สึกในหัวใจยังได้รับแรงกระทบกระเทือนจากหนังไม่ถึงที่คาดไว้



เรื่องความรู้สึกนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นเรื่องที่ดูไกลจากตัวผม (ในทางกลับกัน หนังกลับใช้ประโยชน์ของความไกล ให้สามารถต่อติดเชื่อมถึงด้วยบทสุดเจ๋งมีลูกล่อลูกชนเสียด้วยซ้ำ) ...แต่มันอาจจะเกี่ยวกับ ความค้างคาที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของหนัง ที่ถูกตัดให้จบลงแบบ "ซะอย่างงั้น!!?"

แม้ตัวผมเองจะตกลงปลงใจอยู่ในฝ่ายที่ยอมรับว่าจบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ...แต่ช้าแต่ มันก็คงจะดี แต่รุนแรงกว่านี้ได้อีก ถ้าหนังสอดใส่อะไรที่มันหนักแน่นกว่านี้อีกสักนิด มากไปกว่าคำพูด "แล้วผมก็ตื่นขึ้นมา..." ซึ่งมันห้วนในความรู้สึกของผมมากไปหน่อย ...หรือถ้าจะให้มีอะไรแพลมๆออกมาอีกสักฉาก หลังจบช่วงเครดิต ก็คงไม่หนักการอะไร สำหรับความคิดอันหลักแหลมของสองพี่น้องโคเอนอย่างแน่นอน ...(หรือความจริงแล้ว "เป็นผมที่หวังมากเกินไปเนี่ย???")

ในส่วนการแสดงของตัวละครหลักๆทุกตัว ล้วนแล้วแต่จะมีบทบาทความเด่นแตกต่างกันออกไป (ซึ่งการเทน้ำหนักของสองพี่น้อง ทำได้ดีมาก แม้บางคาแรกเตอร์จะมีเวลาบนหนังไม่นานก็ตาม) และต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีกันทั้งนั้น ...



แต่ถ้าถามว่า ตัวละครไหนบ้าง ที่ทำให้ผมประทับใจเป็นพิเศษ ก็คงต้องยกรางวัลที่หนึ่ง ให้กับ "ฆาเวียร์ บาร์เด็ม" ที่เข้าถึงความเลวเฮีย(ไม้โท)ได้สุดยอด ทุกฉากที่พี่ชิการ์ท่านปรากฎ ถ้าไม่อกสั่นขวัญแขวนจะกลัวตายคาที่นั่ง ก็ต้องชะงักกับความแข็งขืน ในมาดนิ่มๆ แต่เฉือดเฉือนความรู้สึกของคนเป็นเหยื่อ เพียงใช้สายตาอันเย็นเยือก แฝงด้วยรอยยิ้มที่คงไม่มีวันทำให้ใครมีความสุขได้ ...ผมคิดว่าผมเจอแล้ว กับคนที่สามารถจะเทียบเคียงรัศมีความอำมหิต(ไม่เงียบ)ของ ตัวละครชั่วอมตะ อย่าง "ฮันนิบาล เลคเตอร์" (แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์) ได้ ...ในเมื่อสุดยอดถึงเหตุฉะนั้นแล้ว จึงคงไม่ผิดอะไรถ้าผมจะบอกว่า ออสการ์ยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับบทบาทตัวร้ายที่ควรค่ากับคำว่า "คลาสสิค" มากกว่าคุณค่าของรางวัล (จนถึงสิ้นปีนี้...เขาก็ไม่มีทางจะตกจาก 5 รายชื่อ นักแสดงชายสุดประทับใจของผมได้อย่างแน่นอน)

ส่วนรางวัลที่สอง ผมขอมอบให้ "ทอมมี่ ลี โจนส์" ...ที่ดูจะโคตรเรียบเรื่อย เสมือนไม่น่าจะเลือกเอาบทนี้มาเล่นเลย ในตอนแรก ...หากแต่เมื่อบทบาทมากเข้าๆ จนถึงช่วงท้าย ความเรียบเรื่อย อารมณ์ตายด้านของ นายอำเภอเบลล์ ก็ถูก(บท)บังคับให้กระแทกกระทั้นความรู้สึกคนดูได้โดยละม่อม กับการแสดงที่ชวนให้เชื่อว่า ทอมมี่ ลี โจนส์ คนนี้นี่แหละที่เหมาะสมได้รับเลือกมาสวมวิญญาณอันตายด้านนี้แล้ว ...และมันก็ส่งผลให้ชื่อหนัง มีความหมายที่เหมาะสม และโดนใจอย่างถึงที่ ...หากจะไม่รวมก็แต่เรื่องพลังของหนังที่ยังน้อยเกินไปหน่อย จนไปเอี่ยวให้หนังชื่อ No Country for Old Men เรื่องนี้ ถูกลดระดับความสุดยอดลงไปจากใจของผมเท่านั้นเอง



"No Country for Old Men" ... เหมาะสมแล้วที่ได้ออสการ์มากสุด และดีเยี่ยมมากพอจะมีคนส่วนใหญ่เห็นด้วยโดยพร้อมเพรียงกัน ...จะเว้นก็แต่ในแง่ของความรู้สึก อาจจะให้ผมได้ไม่ถึงที่ ที่หนังทำให้ผมต้องการในแต่แรก ...แม้ถ้าให้ตัดสินรางวัลออสการ์ในใจ หนังเรื่องนี้คงไม่ได้ไปจากผมเป็นแน่ก็ตาม แต่นี่ก็เป็นหนังที่ดีมากๆ เจ๋งโคตรๆ และควรค่าจะให้คอหนังพันธุ์แท้ ทุกๆคนได้ดูกัน ...ขอเพียงแต่อย่าคิดว่า นี่ต้องเป็นหนังทริลเลอร์ดูเอามันส์ๆ ล่ากันลุยๆ เพราะสิ่งจริงแท้ที่หนังต้องการให้ดู คือ ความเป็นจริงของสังคมที่จะชี้ให้เราเห็นว่า คนดี กับ คนชั่ว ในวันนี้ ...มันกลับเป็นฝ่ายหลังที่ได้ดีซะมากกว่า

ขอแนะนำ...ครับ

เกรด A- ... {}

ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 3 มีนาคม 2551 2:07:20 น. 9 comments
Counter : 2420 Pageviews.

 


เยี่ยมมากจ๊อด


โดย: Gentleman IP: 58.8.234.175 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:16:00 น.  

 
กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะ ว่าจะไปดูดีมั้ย


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:47:46 น.  

 
ดูจบแล้วอึ้งค่ะ อ่านรีวิว ของคุณแล้วรู้สึกว่ามันเออ จริงด้วย
แล้วก็เพิ่งจะมาสังเกตุว่า หนังเรื่องนี้...ไม่มีดนตรีประกอบ จริงๆ ซะด้วย !


โดย: โอ๋ IP: 58.64.125.124 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:22:31 น.  

 
+ คงเพราะหนังมัน 'แหวกขนบ' ไปนิด ในหนังตระกูลพี่น้องโคเอน พี่เลยชอบ Fargo มากกว่าเรื่องนี้อยู่หน่อย ตรงที่ยังมีธีม 'ธรรมะชนะอธรรม' อยู่, พล็อตที่ประหลาดโลก, อารมณ์ขันแบบตลกร้ายที่หนักสอดแทรกเข้ามา ... ซึ่งไม่เกี่ยวกับความยอดเยี่ยมที่หนังเรื่องนี้มีอยู่ในตัว เพียงแค่อารมณ์แมนสุดขั้ว, ฉากทะเลทรายอันร้อนแรงแต่ชวนหดหู่ และธีมหลักของหนัง (ที่เกี่ยวพันไปยังชื่อหนัง) มันทำให้อารมณ์พี่เหี่ยวและเหวอไปหน่อยนึงหลังจากดูเรื่องนี้จบกระมังครับ (... และก็แทบตายหลังจากนั้น เพราะได้พักแค่เกือบ 1 ชั่วโมง แล้วก็ต้องไปโดนกดดันด้วย Blood ต่อเลย ... คนฉายช่างเลือกหนังเข้าโรงได้มันส์สะใจคนดูเจงๆ น้อ )
... แต่เรื่องนี้มันเจ๋งตรงที่มัน 'จริง' มากๆ กับอาชญากรรมในยุคใหม่ๆ นี่ และส่วนใหญ่โจรชั่วก็มักจะลอยนวลไปได้ด้วยสิ

+ ถึงแม้จะมี 'อะไร' ที่ต้องตีความซ่อนอยู่ในเนื้อหนัง ... แต่พล็อตไล่ล่าโดยอ้ายมนุษย์ไซโค แอนตัน ชิเกอร์ นี่แหละครับ ที่ทำให้คนดูตาสว่างและต้องลุ้นระทึกไปตลอดจนกว่าหนังจะจบ โดยเฉพาะทุกครั้งที่ หน้าโหดๆ ตาไร้แวว และผมบ็อบทรงตลกๆ ของมนุษย์โรคจิตผู้นี้ปรากฎ (หรือมีแนวโน้มว่าจะปรากฎ) ขึ้นมาบนจอ ... มันสุดยอดมากเลยจอร์จ ลุ้นระทึกแทบลืมหายใจอ่า ... ส่วนอาวุธพี่แก ก็ช่างเลือกได้บ้าและเข้ากับฉากรอบๆ ตัวดีแท้เลยเชียว (รู้สึกจะเป็นเครื่องมือเอาไว้ฆ่าวัว) อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:03:21 น.  

 
เป็นหนังที่พี่ก็อาจจะหวังไว้เยอะไปหน่อยเหมือนกัน เลยไม่ได้ชอบมันแบบเปรี้ยงๆ เพียงแต่ว่าประเด็นของมันชัดเจนมาก และหนังมันก็ดีอย่างไร้ข้อกังขา ทั้งการแสดงและบทภาพยนตร์
(ฉากจบที่ดูเหมือน "ตัดจบ" นั้น ถือว่ากระแทกความรู้สึกอย่างรุนแรงทีเดียว)

นี่คือหนังที่บันทึกจิตวิญญาณของยุค "คนดีขี้เกียจทำดี" ได้ชะงัดนัก
เพราะก็ไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ราวกับว่าโลกนี้ไม่มีพื้นที่ให้พวกเขายืนหรือสิงสถิตอีกต่อไปแล้ว

บางทีมันอาจไม่ใช่แค่การตามล้างตามเช็ด "ความชั่ว" หรอก
การ "บริหาร" บ้านเมืองก็คงพอๆกัน!!!


โดย: nanoguy IP: 125.24.86.179 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:11:28 น.  

 
ดีครับตอนนี้ปริศนากระจ่างหมดแล้ว :D

ตอนออกมาจากโรงหนังบ่นแทบตาย หนังไรวะ อยู่ดีๆก็จบ

เหอ ๆ



โดย: stereo IP: 192.55.18.36 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:16:07:09 น.  

 
สั่งแผ่นไปแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วันจะได้ดู อิอิ


โดย: YoiChi_KunG วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:52:19 น.  

 
สรุปว่า เข้าข่ายชอบเลยครับ ผมชอบเรื่องนี้มากกว่า Atonement นะครับ ชอบการดำเนินเรื่อง มันดูมีพลัง และแฝงไปด้วยความน่ากลัวอยู่นิดๆ ฉากลุ้นก็ลุ้นซะแทบใจหาย ประเด็นต่างๆที่หนังทิ้งไว้ให้คนดูคิดนี่เด็ดมากครับ มีทั้งให้เดา และให้ทดสอบความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคนที่ดูเรื่องนี้ต้องมีสมาธิให้ดี บทสนธนาของตัวละครสำคัญมาก คลาดไปนิดเดียวอาจหลุดวงโคจร...

แม้ว่าหนังจะดูยากไปนิด (ไม่ใช่แนวซักเท่าไหร่) ขณะที่เพิ่งอ่าน Spoil ของคุณจบ ก็เข้าใจภาพรวมของหนังมากขึ้นอีก


โดย: YoiChi_KunG IP: 125.24.179.78 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:16:57:58 น.  

 
ผมว่าจะหามาดูอยู่ครับ
คงจะไม่มึนเหมือนตอนดูอินเซ็ปชั่นครั้งแรก 555
ผมมึนๆ+ง่วงๆเรื่องนั้น สรุปดูฝันชั้นไหนของใครอยู่วะ นั่งมึน


โดย: PRIVATE IP: 223.206.183.52 วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:16:12:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
27 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.