+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

“Pixar” ... ชื่อนี้ มีแต่ของอร่อย!!!



ที่ขึ้นต้นหัวข้อมาอย่างนี้ ก็ขออย่าให้มีใครคิดว่า ผมจะเอาสโลแกนของร้านอาหารร้านหนึ่งที่มีตัวอักษรอังกฤษสองตัวมารวมเป็นชื่อนี้ มาขายของอะไรให้ใคร ..ผมมิใช่หน้าม้านะ (แล้วก็กล้าบอกเลยว่า แม้จะอร่อยก็จริง ..แต่ความแพง ก็แทงใจดำ ให้ไม่คิดอุดหนุนมาตลอด -_-')

แต่ผมกำลังจะเอามาพูดถึงเชิงเปรียบเทียบกับค่ายผลิตหนังการ์ตูนค่ายดังที่ทุกคนผู้เป็นคอหนังคงรู้จักดี ..ค่ายที่ถือเป็นผู้บุกเบิกเทคนิคการทำภาพให้ออกมาเป็น 3D Animation โดยใช้คอมพิวเตอร์แทน ลายเส้นจากมือคน ..เปลี่ยนโลกการ์ตูนที่เคยมีเพียงความกว้างและยาว ของสิ่งต่างๆ ให้มีอีกมิติที่เรียกว่า ความลึกเกิดขึ้นมา เพื่อทำให้ทุกอย่างดูมีความเสมือนจริงถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ซึ่งหลายๆคนที่รู้จักมักจี่กับค่ายนี้ดี ก็คงจะย่อมรู้เป็นการแน่ว่า พิกซาร์ เจ้านี้ เคยคิดหยุดจะพัฒนาความน่าเชื่อให้เข้าใกล้ความเป็นจริงซะที่ไหน ...ยิ่งจำนวนตัวเลขของผลงานออกมามีมากขึ้น ก็ยิ่งจะมีแต่สร้างมิติใหม่ๆ มาตรฐานใหม่ๆ และนิยามของอนิเมชั่น พร้อมความหมายใหม่ๆ ให้เกิดควบคู่เคียงกันในโลกภาพยนตร์ มาตลอดเวลา นับเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา ...เรียกได้ว่า 3D Animation จะเดินหน้าไปทิศทางไหน พิกซาร์ ก็คือเบอร์แรก ที่มักจะทำให้ทุกคนต้องร้องฮือ “WOW!!” ออกมาก่อนใครเพื่อนอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อพิกซาร์ได้อุตสาหะเดินหน้ามายาวนาน และไกลแสนไกล จนถึงผลงานชิ้นที่ 10 ..ที่เพิ่งผ่านตาใครๆหลายคนไปในเวลานี้อย่างเรียบร้อย ..ก็ได้เวลาที่ผมอยากจะระบายความในใจแบบรวบยอดที่ผมมีต่อค่ายหนัง อันเป็นที่รักค่ายนี้สักที

ด้วยการมา เฉลย 10 อันดับหนังจาก พิกซาร์ ที่ผมชอบ ...จากระดับอร่อยน้อยที่สุดไปหามากที่สุด อันจะเรียงออกมาเป็นผลลัพธ์ได้ดังต่อไปนี้

ขอบอกกันก่อนอีกสักนิดว่า ...ทุกเรื่องที่ พิกซาร์ ทำมา ..ผมชอบหมด แต่ระดับความรักมันต่างได้ลดหลั่นกันไป





อันดับ 10 : A Bug’s Life




ว่าด้วย... เรื่องที่เป็นชีวิตของเหล่าแมลงตัวน้อยๆ กลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “มด” ...มันต้องพึงทำงานเป็นข้าทาสรับใช้ให้กับเหล่าตั้กแตนตัวเกเร ที่ระรานให้บรรดามด ทำหน้าที่เป็นผู้หาอาหารให้ในยามที่เป็นฤดูใบ้ไม้ผลิของทุกปี ..แต่เมื่อถึงคราที่เจ้ามดซุ่มซ่ามนาม “ฟลิค” ไปหาเรื่องให้เกิดงานเข้าเต็มๆ ยังบรรดาชาวมดด้วยกันทั้งปวง เขาก็ต้องวิ่งโร่ขอความช่วยเหลือไปยังบรรดาเพื่อนแมลงหลากชนิดหลายพันธุ์ ให้มาร่วมแรงออกโรงปกป้องอธิปไตยของเหล่ามด และแมลงอื่นๆ พร้อมทั้งเอาคืนเหล่าตั้กแตนให้สาสม ในโทษฐานที่เห็นพวกเขาเป็นแค่ทาสมาตลอด

ผมว่า... คือ หนังพิกซาร์ที่ผมจดจำน้อยที่สุด ..ซึ่งไม่ได้หมายความว่า หนังไม่ดี แล้วหนังก็ยังสนุกแบบที่เด็กดูเพลิน ผู้ใหญ่ดูสนุก (ในเวลาที่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก ..ก็เลยจัดว่าได้หรรษาไปกับภาพ มากกว่าสิ่งอื่นใด) ...เพียงแต่เมื่อให้มานึกถึงสิ่งดีๆที่หนังเรื่องนี้มีแล้ว ผมยักจำไม่ค่อยได้เลยว่าหนังให้อะไรเราไว้บ้าง

ซึ่งถ้าให้ผมดูอีกที ก็คงจะนึกออก และมักคุ้นสิ่งที่เคยผ่านตามา แต่หลงลืมไปหมดแล้ว ...เพียงแต่ ถึงอย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ ก็ยังจะคงเป็นอันดับสุดท้ายเช่นนี้ต่อไป โทษฐานที่ความรู้สึกชัดๆมันบอกกับผม(ที่จัดว่าแก่เกินจะโนเนะอะไรได้แล้ว)ตลอดมา ว่า นี่คือ หนังของพิกซาร์ที่ตั้งใจขายให้เด็กดูมากที่สุด ..ผู้ใหญ่แอ๊บเด็กอย่างผม คงไม่สามารถจะหลอกตัวเองได้อีกแล้ว




อันดับ 9 : Monsters, Inc.




ว่าด้วย... เรื่องราวของคู่หูคู่ฮา ที่น่าหวาดผวาเป็นที่สุดในโลกการ์ตูน เพราะมันคือ สัตว์ประหลาด!! ..แล้วยังจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ทำมาหากินในอาชีพร้องเรียกเสียงกรี๊ดจากเด็กๆ(ที่เป็นคนจริงๆ) เพื่อนำมาเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานต่างๆให้กับเมืองมอนสเตอร์ของพวกเขา ...แต่แล้วอันด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคบางประการของประตูที่ใช้เชื่อมต่อโลกมนุษย์และมอนสเตอร์ เกิดเล่นแผลงๆขึ้นมา พร้อมยังจะส่งให้มีเด็กน้อยนางหนึ่งหลงเข้ามาในเมืองมอนสเตอร์ซะงั้น ..เมื่อนั้น “ไมค์” และ “ซัลลี่” ก็ต้องหัวหมุนสุดชีวิต ที่จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อส่งเด็กกลับไปยังที่ๆเธอจากมา ก่อนที่มีใครจะล่วงรู้ว่าได้มีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุด ที่เรียกว่า มนุษย์ พลัดเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งนี้เป็นอันเรียบร้อย

ผมว่า... นี่คือ หนังการ์ตูนที่สามารถพูดถึงเรื่องของมิตรภาพในหมู่เพื่อน ได้อย่างลึกซึ้งเรื่องหนึ่ง แล้วยังจะเป็นหนังที่สนุกแบบป่วนปั่น ที่จับผลัดจับผลูให้คนมารับหน้าที่เป็นตัวอันตรายเสียแทน หลังจากที่หลายต่อหลายครั้งที่เราดูหนัง ที่มีสัตว์ประหลาดเป็นตัวการ ก็ต้องนึกว่ามันมาร้ายก่อนเสียทุกที

แต่อาจจะด้วยความที่ส่วนตัวมีอคติไม่ดี กับเด็กแก่แดด ..และไม่ค่อยชอบใจยัยหนู “บู” เท่าไหร่ ที่มักจะหาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้เกิดกับสองตัวละครเอกได้ตลอด (นี่ คือ ความอิน จนเกินเลย ที่มาพร้อมอคติส่วนตัวล้วนๆ ) ผมจึงค่อนข้างเซ็งๆกับเหตุการณ์ในหนังอยู่บ้าง

แต่ถึงกระนั้นแล้ว ..พิกซาร์ ก็ไม่วายจะหาที่ทางมาจบเรื่องได้อย่างน่าประทับใจเอาจนได้ ...แล้วก็กลายเป็นเจ้าของฉากจบที่ช่างเปี่ยมไปด้วยความสุข ซาบซึ้ง และมันก็ทำให้ผมรู้สึกได้บ้างว่า ยัยหนู บู ..ถ้าทำตัวดีๆ มันก็น่ารักเอาเรื่องแหละนะ




อันดับ 8 : Cars




ว่าด้วย... เรื่องราวของรถแข่งหนุ่มแน่นไฟแรงสูง อันมีนามว่า “ไลท์นิ่ง แม็คควีน” ที่กำลังมีชื่อโด่งดังสุดตัว เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของเหล่ารถ(ที่มีชีวิตจิตใจอย่างกะคน!!?)อย่างบ้าคลั่ง ..ด้วยความผิดพลาดในระหว่างการเดินทางเพื่อไปเข้าแข่งรายการกรังด์ปรีซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มันรอคอยในรอบปี เจ้าหนุ่มรถแดงแรงฤทธิ์ ก็เผลอไปพลัดเจอกับเมืองๆหนึ่ง ที่เงียบสงบ ลบล้าง และเต็มไปด้วยความกันดารอย่างถึงที่สุด (ขนาดว่าแผนที่ทางหลวง ยังไม่มีบอกตำแหน่งของมันด้วยซ้ำ) ..แล้วด้วยเหตุนี้ มันก็ได้ไปพบเจอกับเหล่ารถสุดประหลาดหลายหลาก ที่แรกๆก็มองหน้ากันไม่ติดหรอก หากไม่ติดที่เหล่ารถ และเมืองแห่งนี้ได้ทำให้เกิดแรงดลใจบางอย่าง ที่มีคุณค่ามากพอจะมาเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของมันไปได้ตลอดกาล

ผมว่า... เป็นความสร้างสรรค์ และช่างคิดเหลือหลายของสตูดิโอเจ้านี้ ที่สามารถหาทางทำให้สิ่งที่เคยมีชีวิตได้ด้วยคนขับเคลื่อน เกิดมีชีวิตเป็นเหมือนคนเป็นคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ..ซึ่งแม้มันจะมาพร้อมกับพลอตที่ดูเดิมๆ และเรื่องราวที่ออกแนวน้ำเน่าหน่อยๆ ก็ตาม แต่ถ้าเอากันที่สาระ จัดว่า Cars ไม่ขี้เหร่อะไรเลย มิหนำซ้ำ ยังทำให้เราได้ขบคิดเรื่องของอดีต ลามมาถึงปัจจุบัน ให้เข้าใจว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไร ให้มีคุณค่าต่อตัวเอง และคนรอบข้างมากที่สุด

เป็นหนังพิกซาร์ ที่หลายๆคนดูแล้วอาจจะไม่เชิงว่าประทับใจ จนถึงขั้นอิ่ม ..แต่หากเอาความรู้สึกอันเซนซิทีฟเป็นตัววัด จัดว่า ทำผมซึ้งได้อยู่หมัด

รีวิวของหนังเรื่องนี้ เคยเขียนไว้แล้ว...
"Cars" ... 'สนุกสนานแฝงสาระ' นี่แหละ คือ หนังพิกซาร์




อันดับ 7 : Toy Story 2




ว่าด้วย... การกลับมาผจญภัยรอบสองของ เหล่าบรรดาแก๊งค์ของเล่นตัวกวน ที่แฟนพิกซาร์คิดถึงอย่างแรง ..และงานนี้ พระเอกทั้งสอง อันคือ นายอำเภอ “วู้ดดี้” และ สลัดอากาศ “บัซ ไลท์เยียร์” ก็ต้องสับหน้าที่และตำแหน่ง ระหว่างการเป็นผู้ช่วยเหลือ และได้รับความช่วยเหลือ ที่เกิดเหตุขึ้น เมื่อ วู้ดดี้ ได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของนายหน้าขายของเล่นผู้ละโมบ ที่หวังจะชิงนำตัวเขาไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของเล่น เพื่อแลกกับเม็ดเงินที่จะได้รับตามมา ..ซึ่งครานี้ บัซ ต้องยอมออกโรง โชว์แมน แถมพกเพื่อนของเล่นตัวป่วนที่เรารัก มากวนจอ จนได้เรื่อง อันกลายเป็นความสนุกในแบบที่แฟน เรื่องของของเล่น ต้องพึงใจ

ผมว่า... แม้ความคิดถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญมากที่สุด อันทำให้ผมยังคงสุขสุดๆ ที่ได้รู้ว่าเหตุการณ์ความสนุกยังไม่จบเพียงแค่ภาคเดียว ..แล้วตัวหนังภาคสอง ก็จัดว่า ยังคงให้กลิ่นอายที่ภาคแรกเคยมีได้อย่างน่าพึงใจจริงๆ ...เพียงแต่นั่นก็ยังไม่พออิ่ม เมื่อนำมาเทียบกับความประทับใจในครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน และนั่นก็ทำให้ภาคสอง ไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจผมได้เต็มๆ

เพียงแต่ ถ้าถามหาจุดประทับใจอย่างจริงๆจังๆ ก็คงจะเป็นเหมือนๆกันแทบทุกคน ..ที่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ พิกซาร์ ทำให้คนดู น้ำตาไหลพรากได้ ไปกับฉากที่เล่าเรื่องแค่สั้นๆ แต่ได้ใจความกะทัดรัด และชัดเจนสุดๆ ซึ่งคลอไปพร้อมกับเพลง “When She Loved Me” ที่เศร้าและเหงาจับจิตจับใจเหลือเกิน




อันดับ 6 : Finding Nemo




ว่าด้วย... การพลัดพรากของปลาการ์ตูน พ่อ “มาร์ลิน”- ลูก “นีโม” ที่ตัวลูกได้โดนจับตัวไปจากคนหน้าเงิน แล้วถูกขายให้ไปอยู่ในตู้ปลาเพื่อความสวยงาม ..ซึ่งก็ด้วยความที่ตัวพ่อเป็นห่วงเป็นใยลูกยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะฉะนั้นมาร์ลิน จึงพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อควานหา นีโม ให้เจอให้ได้ ...โดยระหว่างทาง มาร์ลิน ก็ได้ไปเจอกับปลาสาวที่ชื่อ “ดอรี่” ผู้มีเอกลักษณ์ขี้หลงขี้ลืมได้ตลอดเวลา แต่มีใจสักอยากจะช่วยพ่อปลาการ์ตูนที่น่าสงสารอย่างเต็มร้อย ...งานนี้คู่หูที่ดูไม่น่าลงตัว จึงต้องพากันชุลมุนเอาตัวรอดจากมหาสมุทร (ที่ครอบครองพื้นที่โดย เจ้าฉลามจอมกร่าง) แล้วก็ยังจะต้องหาทางขึ้นฝั่งไปยังบนบก ที่ๆนีโมอยู่ให้จนได้

ผมว่า... นี่เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์พ่อ-ลูก(นับรวมหนังคนแสดงด้วย) ที่ซาบซึ้งน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งในอันดับต้นๆของผม ...ซึ่งแม้ถ้าว่ากันด้วยความสนุก มันก็จัดว่ามีมาก น่ารักน่าลุ้นน่าหัวเราะไปตลอดทาง แต่เมื่อให้จัดอันดับ ผมก็ให้ได้สุดๆเท่านี้จริงๆ ก็ด้วยความที่อีก 5 เรื่องที่เหลือ ล้วนเป็นงานที่ขายความสร้างสรรค์สูง และยกระดับ พิกซาร์ ให้ไปอยู่ในระดับเซียนเหนือเซียนล้วนๆ




อันดับ 5 : Wall-E




ว่าด้วย... เรื่องของโลกที่เราอาศัยอยู่ ในช่วงเวลาที่มนุษย์ได้อพยพหนีไปอยู่บนจักรวาลข้างนอกกันหมดแล้ว โดยจะยังเหลือการเคลื่อนไหวในที่แห่งนี้ ก็แค่การมุ่งเก็บอัดขยะอย่างไม่ย่อท้อของเจ้าหุ่นตัวเหลี่ยมตาใสซื่อที่มีชื่อว่า “วอลล์-อี” ..ผู้ได้รับหน้าที่ป้อนข้อมูลให้อัดขยะอย่างต่อเนื่องทุกวัน มาเป็นเวลาตลอดนับร้อยๆปี และมีมันเป็นผู้เดียวที่ได้รับสิทธิ์ (ในขณะที่คนอื่นได้รับการปิดสวิตช์ไปหมดแล้ว) ซึ่งก็ด้วยความที่มีชีวิตเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวเอกา ค้นหาความสุขเมื่อยามเลิกงานก็ได้จาก การดูหนังรัก(ของคน) แต่ไม่ยักกะเคยมีใครอื่นให้ได้รักสักคน มันจึงไม่เคยรู้จักคำว่า รัก ที่แท้จริงเลย ...จนกระทั่งวันหนึ่งเบื้องบนในอวกาศอันเวิ้งว้างได้ส่ง หุ่นยนต์สาว “อีฟ” ลงมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อนั้น วอลล์-อี ก็ได้ริเริ่มจะรู้จักคำว่า รัก และทำให้มันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาใจ อีฟ ...แม้ว่ามันอาจจะต้องถึงขั้น ที่ทำให้มันต้องยอมเดินทางตามขึ้นไปยังอวกาศ ที่ๆมันไม่เคยไปมาก่อนก็ตามทีเถอะ

ผมว่า... นี่เป็นหนังขั้นเทพของพิกซาร์ ที่พูดได้ชัดๆเลยว่า มันคือการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่มากๆของหนังสักเรื่องโดยไม่เกี่ยงว่ามันจะเป็นคนหรือการ์ตูน ..ผมตกหลุมรักในช่วงเวลาที่มันเป็นหนังเงียบอย่างรุนแรง จนแทบไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีคนอยากยกให้ได้ชิงออสการ์หนังยอดเยี่ยมไปเลยเสียด้วยซ้ำ ...เพียงแต่ก็น่าเสียดายที่พอหนังเข้ามาสู่ช่วงเวลาที่อยู่ในอวกาศ ความเวิ้งว้างของมันก็ทำให้เกิดความเหวิ่นเหวอขึ้นมาในบัดดล พร้อมกับความรู้สึกที่บ่งว่ามันจะเป็นหนังการ์ตู๊น..การ์ตูนชัดไปมั้ย? ในหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนน่าเวียนเฮด ซึ่งมันก็กลายมาเป็นตัวตัดคะแนนความดีความชอบให้ต้องลดหลั่นลงมาเสียจนถึงลำดับนี้ ทั้งๆที่ใจก็อยากจะยกให้เป็นหนังคลาสสิคอมตะเรื่องหนึ่งบนโลกใบนี้ก็ได้แน่อยู่แล้วนะนั่น

รีวิวของหนังเรื่องนี้ เคยเขียนไว้แล้ว...
"Wall-E" ... สู่ความ.....อ้างว้าง.....อันไกลโพ้น




อันดับ 4 : The Incredibles




ว่าด้วย... เรื่องของครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่ ผู้พิทักษ์ใจกล้า ที่ครั้งหนึ่งยังเคยเป็นที่รักของผู้คนทั่วไปยิ่งๆ จนเมื่อมันมาถึงจุดแตกหักที่คราหนึ่ง “มิสเตอร์ อินเครดิเบิ้ล” ได้ทำพลาดขึ้นมา นับแต่นั้นแล้ว ซูเปอร์ฮีโร่ ก็กลายเป็นบุคคลอันตรายขึ้นมาในสายตาประชาชนทันที และนั่นจึงทำให้ชาวฮีโร่ทุกคนกลับกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ที่ต้องยอมแขวนชุด สลัดพิษสงที่มีทิ้งไป เพื่อหันมาใช้ชีวิตเป็นบุคคลธรรมดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ...จนเมื่อกระทั่งวันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์เลวร้าย จากน้ำมือของตัวร้ายที่เรียกตัวเองว่าเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ที่วาดหวังจะเป็นผู้ครองโลกขึ้นมา เมื่อนั้นครอบครัว อินเครดิเบิ้ล จึงต้องยอมออกมาปรากฏกายเพื่อปราบปราม และรักษาให้โลกใบนี้ยังคงสงบสุขอยู่ต่อไป ..แม้ใครจะว่า ซูเปอร์ฮีโร่ ได้ตายไปจากโลกนี้หมดแล้วก็ตามทีเถอะ

ผมว่า... นี่คือ อีกครั้งที่พิกซาร์ทำได้เหนือคาดมากๆ โดยเฉพาะกับความสามารถอันน่าทึ่ง ซึ่งทำให้เกิดหนังแอ๊คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ตื่นเต้นสุดมันส์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งได้ ที่ถ้าให้จัดอันดับในบรรดาหนังแนวๆนี้ด้วยกันแล้ว ผมเต็มใจจะให้ The Incredibles สนุกในระดับที่เท่าเทียมกันกับ “Spider-Man 2” (หนังซูเปอร์ฮีโร่คนแสดงที่ดีที่สุด) ได้เลย ..แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าว่ากันที่เรื่องของสาระข้อคิด นี่ก็ถือเป็นหนังพิกซาร์ที่วิพากษ์สังคม แบบเสียดสีได้น่าขันดีชะมัด ซึ่งจัดว่าจะดูเอาขำกั่กๆก็ยังได้ หรือให้คิดลึกเป็นมุขตลกร้าย ก็เข้าท่ายิ่งๆ




อันดับ 3 : Ratatouille




ว่าด้วย... เรื่องของหนูตัวเล็กๆ นามว่า “เรมี่” ที่ออกแนวจะทำตัวเป็นหนูหัวขบถ ชอบทำในสิ่งที่บรรดาหนูๆรู้เห็นแล้วไม่ชอบใจเอาเสียเลย ...ยิ่งโดยเฉพาะกับในเรื่องของความฝันลมๆแล้งๆ ที่มันเฝ้าใฝ่จะเป็น เชฟทำอาหารชั้นหรูที่ยิ่งใหญ่ ในภัตตาคารอันใหญ่ยิ่ง นี่ย่อมถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ ...แต่ในเมื่อทุกคนที่อยู่รอบข้างมันต่างล้วนพากันสบประมาท เจ้าเรมี่ ก็ยิ่งไม่คิดจะยอมแพ้ และเดินหน้าชนกับทุกปัญหา จนได้มาบังเกิดสายสัมพันธ์มิตรภาพกับไอ้หนุ่มเก็บขยะในภัตตาคาร “ลินกุยนี่” ที่ไม่เอาอ่าวเอาอะไรเลยกับการทำอาหาร จนเพิ่งได้มาเรียนรู้เอากับ หนูตัวเล็กๆ และทำให้เขากลายเป็นเชฟฝีมือดีขึ้นมาได้ ด้วยการปลุกปั้นจาก เรมี่ เต็มๆ ...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคน(ทำความ)สะอาด กับหนูสกปรก สามารถอยู่ด้วยกันได้ แล้วก็ยังจะลงตัวเป็นทีมเวิร์กที่ดียิ่งๆขึ้นมาได้เสียซะอย่างงั้น

ผมว่า... นี่คือ งานแสดงศักยภาพของพิกซาร์ที่เลิศที่สุด และบ่งบอกได้เลยว่า ทุกทางที่พิกซาร์พัฒนามาตลอด มันให้ผลสำเร็จกลายเป็นงานที่มหัศจรรย์ และทรงคุณค่ามากๆ ในบรรดาอนิเมชั่นด้วยกัน ..เรื่องภาพอาจว่าสวยอลัง จนยากจะถอนใจไม่ให้หลงรัก ปารีส อาหาร และความเป็นฝรั่งเศส เป็นแน่ (มันมีส่วนทำให้ผมคิดวางแพลนชีวิต ..ว่าครั้งหนึ่งต้องไปเที่ยวที่นี่ให้ได้) ...แต่ที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่ นี่เป็นหนังที่สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นได้บนจอหนัง แล้วยังจะทำให้เราเชื่อทุกสิ่งทุกอย่าง จนยากจะหาเหตุผลความสมจริงใดๆมาขัดแย้งได้เลย

จากที่ว่าเคยขยะแขยง รังเกียจ หนู และมองเห็นแต่ความร้ายกาจ ..ตั้งแต่ดูหนังเรื่องนี้เป็นต้นมา มุมมองสกปร๊ก..สกปรก ที่ผมมีต่อ หนู ก็เปลี่ยนไปเป็นความสะอ๊าด..สะอาด น่าร้าก..น่าเลิฟ โดยสิ้นเชิง

รีวิวของหนังเรื่องนี้ เคยเขียนไว้แล้ว...
"Ratatouille" ... Pixar จานเด็ด กินแล้วอิ่มทั้งน้ำตา




อันดับ 2 : Toy Story




ว่าด้วย... การเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการกำเนิด พิกซาร์ ในรูปลักษณ์ของภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรก หลังจากที่หลายปีก่อนหน้า ยังคงทำแต่หนังสั้นมาตลอด.. และก็เป็นการเริ่มต้น ที่ยังให้กำเนิดหนังการ์ตูนเรื่องคลาสสิคอีกเรื่องในโลกภาพยนตร์ขึ้นมา ที่ไม่ยากเย็นจะกลายเป็นที่ตกหลุมรักของใครต่อใคร

Toy Story ว่าด้วยเรื่องราวของของเล่น(สมดังชื่อ) กลุ่มหนึ่ง ในบ้านของเด็กชาย “แอนดี้” ที่มีความสุขล้นปรี่ในบ้านอันอบอุ่นของพวกเขา โดยในพลพรรคนี้ ได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอันดีของ นายอำเภอ “วู้ดดี้” ที่มีศักดิ์เป็นหัวหน้า... จนกระทั่งเมื่อวันหนึ่งได้มีของเล่นหน้าใหม่เข้ามาเป็นของขวัญอันแสนประเสริฐของ แอนดี้ นับแต่นั้น วู้ดดี้ ก็ถูก สลัดอวกาศ “บัซ ไลท์เยียร์” แย่งซีนเด่นจากทุกคนไปเสียหมด ..และนั่นจึงทำให้ความอิจฉาอันเป็นด้านมืดเข้าครอบงำนายอำเภอ ให้เกิดความคิดและทำการขจัดเพื่อนใหม่ไปให้พ้นทาง ...แต่เอาเข้าจริง ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า วู้ดดี้ ก็เกิดจิตผูกพัน ต้องเข้ามายื่นมือช่วยเหลือ บัซ ให้กลับคืนมาเป็นเพื่อนที่ดี ในที่สุด

ผม(เคย)ว่า... Toy Story ภาคแรกนี้ เป็นความประทับใจที่ติดตรึงร่วมรัก อุตส่าห์อยู่กันมาได้นานมากๆ โดยเป็นอันดับที่ 1 ของงานจากพิกซาร์ และบรรดาหนังการ์ตูนอนิเมชั่นด้วยกันมาช้านาน สำหรับผม ..ซึ่งถ้าถามว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น มันคืออะไร ก็คงชี้ชัดได้เลยว่า มันคือ ความประทับใจแต่แรกเจอ กับการได้เห็นหนังแบบนี้เกิดขึ้นมาบนโลก ...แม้มันจะขึ้นชื่อว่าเป็นการ์ตูนเหมือนๆที่เคยๆดูมา แต่ถ้าขึ้นชื่อว่ามันทำมาจากคอมพิวเตอร์ล้วนๆ(ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมก็กำลังตื่นเต้น..เมื่อได้ใช้มัน ในเวลาที่ยังเป็นเด็กตอนนั้น) แล้วใครจะอดไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ...มันเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์จริงๆเลย





แต่ถึงกระนั้นแล้ว ความคิดที่เคยมองประมาท เชื่ออย่างค่อนข้างแน่ใจ ว่าคงไม่น่าจะมีหนังเรื่องไหนจากพิกซาร์ด้วยกันเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งหัวแถวได้อีกแล้ว ...ก็เป็นอันต้องล่ม และจมหายไปจากความทรงจำจนได้

ซึ่งนั่นต้องหมายความว่า... หนังเรื่องนั้น ต้องเป็นอะไรที่สุดๆจริงในทุกสิ่งทุกอย่าง ..โดยเฉพาะกับเรื่องของความรู้สึก ที่เคยเป็นเกณฑ์วัดคะแนนของหนังค่ายนี้มาตลอด (เพราะถ้าเอาความดีของตัวหนังมาพิสูจน์ อันนี้ ยอมรับว่าวัดได้ยากเย็นเหลือเกิน) ...หนังเรื่องที่จะเป็นที่หนึ่งได้ ต้องสามารถทำให้ผมจับต้อง ได้สัมผัสสิ่งที่หนังต้องการบอกได้มากที่สุด และอยากใกล้ชิดกับมัน ก็ยังต้องทำอย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว





และแล้ว อันดับ 1 เรื่องที่ว่า ก็คือ...


Up




ว่าด้วย... เรื่องราวของคุณปู่ซ่าบ้าพลัง ผู้มีอายุอานามปาไปร่วม 80 แต่ยังคงแจ๋วเสียยิ่งกว่าแจ๋ว ..และงัดเอาความแจ๋วนั้น ติดตัวไปกับบ้านหลังน้อยแสนรัก ที่สามารถลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ด้วยลูกโป่งนับหมื่นๆใบ ...แล้วเหตุผลอันใดหรือ คุณปู่ถึงได้ทำ และทำได้ อย่างนั้น!!? ..อันนี้ คงต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง ในเมื่อหนังก็ยังฉายโรงอยู่นี่หนา

ผมว่า... Up คือ หนังของพิกซาร์ที่คู่ควรกับคำว่า Perfect!!! อย่างถึงที่สุด ในทุกๆด้าน ...ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่พิกซาร์ ยังไม่เคยทำได้มาก่อน แม้จะเคยทำบางอย่างได้สำเร็จมาแล้ว เช่นในหนังสองเรื่องก่อนหน้าอย่าง เรื่องของเจหนูฝันเจิด และหุ่นตาแป๋วคอยรัก ...แต่เมื่อวัดกันทั้งที่ตัวความดี หรือความรู้สึกไปพร้อมๆกัน นับว่า Up สามารถไปได้ไกลกว่าใครเพื่อน สมดังกับชื่อหนังที่ส่งความหมายอันดีในแง่บวกออกมาแต่แรก

เพราะจากที่ตอนแรกผมคงคิดแค่ว่านี่ต้องเป็นหนังของพิกซาร์ที่ตั้งใจทำออกมา ฮาที่สุด หากพิสูจน์กันจากตัวอย่าง หรือว่าจะเป็นเสียงวิจารณ์ที่ยืนยันกันว่า งานนี้ ฮาจริงฮาจัง ..แต่เมื่อได้พิสูจน์กันเต็มๆ เต็มสองตา (แถมยังจะบ้า ยอมเสียเพิ่มอีกร้อย ..เพื่อตะลึงถึงที่สุดกับการเป็นหนัง 3D อีกต่างหาก) ผมพบว่า นี่คือ หนังที่ทำออกมาลึกล้ำในทุกๆด้าน เต็มไปด้วยจินตนาการที่ใหญ่ยิ่ง อันสอดคล้องกับสาระความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่

แม้ส่วนตัวจะไม่ค่อยถึงความคุ้มกับการดูแบบสามมิติ เช่นที่ค่ายพยายามโปรโมตให้ดูกัน เพราะงานเทคนิคมันเน้นความสวยงาม มีมิติ ด้วยตัวภาพของมันเอง กับอะไรที่ผุบๆโผล่ๆ ก็ยังหามีไม่ (ผิดวิสัยจากหนังที่ทำออกมาฉายแบบสามมิติทั่วไป) ...แต่กระนั้นมันก็กลายเป็นส่วนเกินที่ตัดทิ้งออกไปจากสายตาได้เลย เพราะหากเอากันแต่ตัวหนังล้วนๆ มันหามีมิติในตัวของมันเองได้เสียมากมาย ...เหมือนว่า ทุกฉากของหนังเรื่องนี้ มันไม่ได้เป็นอะไรที่ดูว่าการ์ตู๊น..การ์ตูนอีกแล้ว แต่เป็นว่าเราได้เห็นคนจริงๆทำตัวเป็นการ์ตูน และทำเรื่องที่ดูเหมือนว่าเว่อร์หลายหลาก ให้กลายเป็นสิ่งที่ดูน่าเชื่อถือ จนยากเย็นจะหาอะไรที่สมจริงสมจังมาโต้แย้งกับมันได้เลย

ถึงจุดนี้ ผมขอไม่พูดอะไรไปให้มากกว่านี้ เพราะเดี๋ยวอีกไม่ช้านานก็จะมีรีวิวเต็มๆของผมที่มีต่อหนังเรื่องนี้คลอดตามหลังออกมาอีก (ก็ขอเก็บขอกั้กเอาไว้พูดเต็มๆ เพิ่มอีกสักบล็อกละน้า ) ...แต่ถ้าให้ตอบว่า Up จะทำให้คุณคุ้มค่าได้มั้ย??

ผมตอบเลยแบบไม่กลัวเสียหน้า และไม่เกรงว่าหัวม้าจะหลุดจากบ่า ว่า.... คุ้มค่า ไม่ผิดหวัง แน่นอน OncE ขอคอนเฟิร์ม!!

ที่หนึ่งในใจผม ..อาจจะกลายไปเป็นที่หนึ่งในใจคุณก็ได้เช่นกัน (..อันนี้ ไม่ฟันธงเน้อ )

รีวิวของหนังเรื่องนี้ เคยเขียนไว้แล้ว...
"Up" ... และแล้ว “Pixar” ก็บินสูงได้อีก ..บินไปพร้อมกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ของ ปู่ หลาน และผม


และนี่ก็คือ การเฉลย 10 อันดับ แห่งพิกซาร์ ..ผู้เป็นเจ้าของผลงานอนิเมชั่นที่ดีทุกเรื่อง ในความคิดของผม แต่เมื่อวัดกันที่ความรู้สึก มันก็ได้ผลออกมาเป็นเช่นนี้ฉะนั้นแล

และพิกซาร์ก็ยังคงจะสร้างสรรค์ผลงานดีๆตามออกมาอีก ไม่หมดเพียงเท่านี้แน่ๆ ..ฉะนั้นแล้ว ปีหน้า ก็จงเตรียมตัวฉลองครบรอบ 15 ปีกันได้เลย พร้อมกับการกลับมาของตำนานแห่งพิกซาร์ นามว่า “Toy Story” เป็นครั้งที่ 3

แค่อีกปีเดียว ..เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกแล้วนะ เพื่อนๆของเล่นที่ร้ากกกกกกกกกกกก!!!






ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2552
7 comments
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 0:11:55 น.
Counter : 3656 Pageviews.

 

ทุกเรื่องที่ว่ามา ชอบหมดเลยค่ะ แต่ถ้ารักที่สุดก็คงเป็น wall-e นี่ล่ะคะ

 

โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ 18 มิถุนายน 2552 17:06:34 น.  

 

มี DVD ของค่าย PIXAR เก็บไว้ทุกเรื่องแล้วคับ
รอซื้อ UP แน่นอน

 

โดย: มิสเตอร์ฮอง 18 มิถุนายน 2552 22:55:48 น.  

 

กำลังจะลากเพื่อนไปดูแล้วค่ะ
เข้ามาหาข้อมูล

ว่าแต่ ปีหน้าปี ทอย 3 หรือนี่
กริ๊ดๆๆ

 

โดย: ทรายหวาน 19 มิถุนายน 2552 1:11:03 น.  

 

ไหนๆ แล้ว อยากให้จขบ.จัดอันดับหนังสั้นนำเรื่อง ของ pixar ด้วยได้มั้ยค่ะ อยากรื้อฟื้นความจำอีกที เพราะหนังสั้นบางเรื่องก็เลือนๆไปแล้วบ้าง

 

โดย: susi IP: 202.28.25.201 19 มิถุนายน 2552 12:43:17 น.  

 

ชอบทุกเรื่องเหมือนกันครับ
แต่ชอบสุดคงจะเป็น Wall-E (อีอีอีอี)
รองมาคงเป็น Nemo และ Monster Inc.
แต่ยังไม่ได้ดู UP เลย >_<

แบบนี้ต้องไปดูละ

 

โดย: kiroskirin 19 มิถุนายน 2552 14:01:20 น.  

 

เข้ามาเห็นด้วยกับ UP ครับ มันครบมาก จริงอยู่ที่เจ้าหนูกับหุ่นยนต์นั้นเป็นหนังดี แต่มันขาดความบันเิทิงไปนิดนะครับสำหรับผม

มาไล่ๆดูนี่ผมก็ดูหนังของค่ายนี้ครบเลยนะครับ ^^

 

โดย: Seam - C IP: 58.9.202.219 23 มิถุนายน 2552 11:12:39 น.  

 

+ ของพี่ ดูขาดไปเรื่องนึงแฮะ คือ Monsters, Inc. (พอดีตอนนั้นไม่ได้อยู่เมืองไทย )

+ ถ้าให้เรียงความชอบอีก 9 เรื่องที่เหลือ ตอนนี้ก็คือ
1 / 2 (รอความรู้สึกตกตะกอนอีกที) Finding Nemo / Up
3 Ratatouille
4 Wall-E
5 Toy Story
6 Toy Story 2
7 The Incredibles
8 Cars
9 A Bug’s Life
... ประมาณนี้มังครับ

 

โดย: บลูยอชท์ 25 มิถุนายน 2552 10:56:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.