โดยในจุดเริ่มต้นของการเป็นหนังภาคต่อ ในตระกูล ฉันรักเธอ ..ส้มก็ได้มาหล่นทับใส่เมืองแอ๊ปเปิ้ลยักษ์เต็มๆ อย่าง นิวยอร์ค และชื่อพ่วงท้ายหนัง ที่เคยเป็นคำฝรั่งเศส ก็ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษที่เราคุ้นเคยกันดี รวมๆเป็น New York, I Love You ..กับหนังยาวรวมเรื่องสั้นทั้งหมด 11 เรื่อง ของ 11 ผู้กำกับ ที่จะมาแสดงออกถึงความรักในเมืองใหญ่ของชาวมะกัน ที่ๆเป็นได้ทั้ง เมืองแห่งเศรษฐกิจโลกที่ไม่เคยหลับใหล และเมืองที่ความโรแมนติก แอบหลบอยู่ในซอกหลืบเล็กๆ ไม่ชอบแสดงตัว
แม้หนังจะตั้งใจบ่งบอกไปในตัวว่า ที่แห่งนี้ เป็นที่ๆแทบหาความโรแมนติกไม่เจอเลย แล้วหากจะมีความรัก ก็มักเป็นเรื่องที่ผิวเผินเสียจนเหมือนคนที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของกันและกัน แต่สักจะอยากมีความสัมพันธ์ทางเพศ เมื่อใจปรารถนา (ดังแสดงออกมาผ่านหลายตอนของหนัง..ที่ตัวละครในตอนนั้นๆ หลงใหลได้ปลื้มใน Sex เพียงชั่ววูบมากกว่า) แต่ NY ก็พอจะสามารถตอบโจทย์ของคำว่า I Love You ได้ ผ่านทางภาพที่เราได้เห็นผู้คนหลายหลาก ชาติพันธุ์ ความคิด และการแสดงออก ที่บ่งบอกถึง การเป็นคนนิวยอร์ค ที่มีความรักในที่ๆเขาอยู่ อย่างเต็มที่ ..แม้ชีวิตจะน่าอลหม่าน สับสน วุ่นวายเพียงใด แต่ทั้งตัวและหัวใจของตัวละคร ไม่สามารถจะจากที่แห่งนี้ไปได้อีกแล้ว (แทบไม่มีใครในเรื่อง ใส่ร้าย นิวยอร์ค เลยสักกะคน..ทั้งๆที่มีเรื่องให้น่าใส่ได้ตั้งมากมาย)
แต่ถึงกระนั้น จุดประสงค์อันแท้จริงที่ผมคิดหวังไว้ กับการดู NY, I Love You ไม่ใช่เพื่อจะมาพบประโยคบอกเล่าถึงความรักของชาว NY ที่มีต่อเมืองที่เขารัก ..หากจะต้องการมาเยือน ที่แห่งนี้ เพียงในช่วงสั้นๆ แต่สามารถจะจดจำหนังเรื่องนี้ไปได้นานๆ ดังเช่นเดียวกับที่ๆ ปารีส ก็เคยทำมาก่อน
NY, I Love You ทำออกมาอย่างดูผิวเผินเหลือเกิน สำหรับการเป็นหนังยาวรวมเรื่องสั้น ที่ใส่ใจลงไปน้อยเกินไป จนกลายเป็นว่า เราแทบไม่ได้สัมผัสห้วงแห่งความประทับใจในภาคใหม่ ภาคนี้เลย
ซึ่งถ้าถามว่า ผมประทับใจในตอนไหนของภาคสอง เป็นพิเศษแล้วละก็ ..จากที่มี 11 เรื่องทั้งหมด จะถูกหั่นเสียไปถึง 10 และหลงเหลือเพียงแค่ตอนของ คู่รักวัยชรากับการเดินทางแสนลำบากในวันครบรอบแต่งงาน ..ซึ่งถือเป็นเรื่องเดียว ที่ได้เรียกใช้ศักยภาพของหนังสั้นออกมาได้ครบ และให้ความสนุกอย่างมาก ผ่านการสนทนาแสนสุดฮา อันน่ารักน่าเอ็นดูของ ปู่กะย่า ที่จบลงด้วยความหวานซึ้ง ..คือ ครบเครื่องความเพลิดเพลินแบบหนังสั้น จนกลายเป็นความลงตัวถึงที่สุดแล้ว สำหรับ NY, I Love You
เรื่องราวใน NY, I Love You มาแทบจะโทนเดียวกัน อารมณ์เดียวกันไปทั้งเรื่อง ..เหมือนว่าหนังจะได้รับการเขียนบทจากคนๆเดียว หรือไม่ก็อาจจะโดนบลีฟจากคนสร้าง ให้รักษาความต่อเนื่องจนเป็นเส้นตรง (แถมยังมีฉากที่แสดงถึง การข้ามมารู้จักกันของตัวละครในแต่ละตอน) ...หากถามว่า มันดีมั้ย ที่ทำเช่นนี้ ผมก็คงถือว่าดี ในแง่ที่จะทำให้คนดูไม่มีอารมณ์ขึ้นๆ(ชอบ)ลงๆ(ไม่ชอบ)ไปกับหนัง ดังเช่นที่ ปารีส เคยทำไว้ก่อน
แต่เมื่อถามว่า มันดีต่อ NY, I Love You หรือเปล่า ..ผมก็ตอบได้เลยว่า ไม่ แถมยังจะต้องเสียเอกลักษณ์เฉพาะตัว อันเป็นเสน่ห์ของหนังในตระกูลฉันรักเธอไปอย่างน่าเสียดาย
ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย
แต่ดู Paris แล้ว ไม่ค่อยชอบค่ะ รู้สึกว่าหนังมันอาร์ตไป
บางตอนดูแล้วเหมือนไม่มีที่มาที่ไป อาจจะเป็นเพราะไม่ชอบดูหนังสั้นด้วยมั๊งค่ะ