" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 
6 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
003. ว่าด้วย การสมรส Of Marriage






1. การสมรส หรือ การแต่งงาน คือ อะไร หรือ หมายถึง อะไร ?

2. ทำไม จึงต้องสมรส หรือ แต่งงาน ?

3. ชีวิตสมรส / ชีวิตแต่งงาน เริ่มต้นที่ไหน ?

4. ชีวิตสมรส / ชีวิตแต่งงาน เริ่มต้นเมื่อไร และ สิ้นสุดเมื่อไร ?

5. ชีวิตสมรส เป็นความสัมพันธ์ (Relationship) ระหว่าง ใคร กับ ใคร ?

6. ทำอย่างไร จึงจะรักษา "มิตรภาพ" ระหว่างคู่สมรส หรือ คู่แต่งงาน ทำให้ชีวิตสมรสมีความสุข และ ยั่งยืนนาน ?

ใครตอบได้ ช่วยบอกที






...Marriage is hard work.

1. การสมรส หรือ การแต่งงาน คือ อะไร หรือ หมายถึง อะไร ?






2. ทำไม จึงต้องสมรส หรือ แต่งงาน ?


คำตอบ จากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้ว
หรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย

"อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา"
...รายนี้เห็นผู้ชายเป็นตัวคลายเหงา


"รายได้ไม่พอใช้ หาคน ช่วย(หาเงิน)"
.... ผมกลัวมาช่วยผลาญเงิน มากกว่า


"อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ"
...เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ

"โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ"
...เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุน ฯลฯ


อันว่า "ชีวิตคู่" อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?

ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน

ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรส แล้วครึ่งหนึ่งของชีวิตเราจะหายไป

ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่ง ชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น

ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน

มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของการแต่งงาน คือ...

การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว

ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด ทุกข์ ทรมาน

ก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน

ความก้าวหน้าของสามี ภรรยาต้องมีส่วน

อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน

ชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม

กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม


ถ้าคู่ รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการพนัน

โกงบ้านกินเมือง ชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น

เพราะฉะนั้นเวลา เลือกแฟน

แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา

ฐานะการเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ

เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ

หนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ ชิด

สอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าว หน้า

จะดีกว่า นะ



Resource://www.sappasan.com/viewtopic.php?f=31&t=205


























Create Date : 06 กันยายน 2550
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 20:55:31 น. 8 comments
Counter : 2985 Pageviews.

 
I Love You Patty



15.13 Sep 2007


โดย: I Love You Patty (moonfleet ) วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:15:09:01 น.  

 
Happy Marriage Recipe




โดย: Happy Marriage Recipe (moonfleet ) วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:15:11:09 น.  

 
Glow old along with me my lover Patty.



7 Sep 2007


โดย: Glow old along with me my lover Patty. (moonfleet ) วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:15:13:24 น.  

 
Marriage-Prayer




โดย: Marriage-Prayer (moonfleet ) วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:15:20:39 น.  

 


Marriage is hard work



Marriage is hard work. It requires two people to come together and be one. Ya that sounds simple but for most it is not. We are all raised with a set of values. If any of those values are tainted with selfishness then we have some work on our hands. Selfishness is the #1 killer of marriages in my book. When we get into a commited relationship then a marriage we must die to ourselves.

This means different things to different genders. I am going to speak in generalities but try to apply them to your specific relationship. For men we are not typically inclined to be romantic except when we are settled in the marriage. We are not in the mood to meet our wives emotional needs, especially after she has not been nice to us. This is what I will call "God time". God loves us anyway. He loves us despite our faults. We are called to romance our wives and meet their emotional needs whether they are being good to us or treating us crappy. Yes it is really difficult when we have been neglected or treated crappy but Jesus calls us to go beyond our earthly nature. Our earthly nature is to withdraw and/or punish. Jesus calls us to continue to serve our wives.

For women, after years of marriage, sex is not something many particularly need as much any longer. This is probably not the case for their husbands. Life happens and kids come along and people get very very tired. This requires "God time" from the wife. They need to go beyond their earthly nature and seek to meet their husbands physical needs. Maybe their emotional needs are not being met but Jesus calls us (both wives and husbands) to serve and not to be served.

When either spouse neglects their duty to the relationship then the decay will begin and the foxes will enter the garden.

When both spouses/partners rise above their own earthly selfishness and commit to putting the other first - for the sake of the relationship - then the relationship will be as close to a heaven on earth as you will ever see.


Resource:Marriage is hard work


โดย: Marriage is hard work (moonfleet ) วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:6:24:57 น.  

 
ใครว่าการแต่งงาน หมายถึงความรัก

Resource://hilight.kapook.com/view/25481





หากคุณคิดว่าชายหญิงแดนกิมจิสมัยนี้แต่งงานกันเพราะความรักเป็นเรื่องใหญ่ ขอบอกว่าคุณกำลังเข้าใจผิด โลกแห่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็นในหนังรักเกาหลีหรอก


ข้อแรกที่ทำให้หนุ่มสาวเมืองโสมเข้าสู่ประตูวิวาห์ไม่ใช่ความรัก แต่ที่พวกเขาเป็นห่วงมากที่สุดคือ อุปนิสัยของคนที่เขาจะแต่งงานด้วยว่าเข้ากันได้ไหม หน้าที่การงานดีหรือเปล่า รายได้และฐานะเป็นอย่างไร นายชา ยุน-บิน เป็นตัวอย่างหนึ่งของชายเกาหลีที่พูดอย่างเปิดอกว่าเจ้าสาวของเขาต้องเป็นคนที่ใช้เงินเป็น รู้จักใช้ รู้จักออม ไม่เช่นนั้นอยู่กันไปอาจทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นหย่าขาดในที่สุด ส่วนเรื่องความรักนั้นเป็นเรื่องรอง


สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีรายงานว่า ผู้ชายเมืองโสมกำลังคิดอย่างนี้กันมาขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สถิติการหย่าร้างในประเทศก็สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก การที่คนหนุ่มสาวคิดเช่นนี้ก็เพราะพวกเขารู้สึกว่า ไม่อยากเสียเวลาอยู่กินกับคนที่ "ไม่ใช่" ฉะนั้นก็ว่าจ้างคนอื่นให้มองหาคนที่ "ใช่" ให้ก็แล้วกัน เลยทำให้เมื่อปีที่แล้วเกิดบริษัทจัดหาคู่ในเกาหลีใต้มากถึงกว่า 1,100 แห่ง หน้าที่ของบริษัทเหล่านี้คือ รวมรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับอุปนิสัยใจคอ บุคลิก และฐานะทางการเงินของว่าที่คู่สมรสของลูกค้าที่มาว่าจ้าง


"ซูนู" เป็นบริษัทจัดหาคู่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ มีพนักงานทำหน้าที่ "พ่อสื่อ-แม่สื่อ" ประมาณ 100 คน เพื่อคอยดูแลลูกค้าถึง 100,000 ราย ที่ปรึกษาด้านการหาคู่คนหนึ่งบอกว่า มีหญิงและชายเกาหลีวัย 20-30 ปีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่คิดว่า หากจะแต่งงานก็ต้องการให้อยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง เลยต้องรู้รายละเอียดทุกอย่างของอีกฝ่าย เช่น ภูมิหลังด้านครอบครัว ศาสนา ตลอดจนการวางแผนเรื่องการมีลูกด้วย


บางคนอาจวิจารณ์ว่า การคิดแบบนี้ออกจะ "วัตถุนิยม" มากไปหน่อย แต่หนุ่มสาวแดนกิมจิจำนวนมากยืนยันว่า กันไว้ดีกว่าแก้ ยิ่งในสภาวะที่สถิติการหย่าร้างในประเทศสูงด้วยแล้ว สำนักสถิติเกาหลีรายงานว่า เมื่อปีที่แล้วมีคู่สมรสเกาหลีถึง 170,000 คู่ที่หย่ากัน คิดเป็น 230 คู่ต่อวันทีเดียว และสาเหตุหลักที่ระบุก็คือ อุปนิสัยต่างกัน


"พ่อสื่อ" ประจำบริษัทอีกแห่ง บอกว่า การให้ข้อมูลพื้นฐานแก่ลูกค้าก่อนที่ทั้งสองจะใช้ชีวิตร่วมกันก็เท่ากับเป็นการช่วยให้ลูกค้าสามารถข้ามขั้นตอนที่ไม่จำเป็น แต่การมี "ผู้ช่วย" แบบนี้ต้องใช้เงินไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะบริษัทจัดหาคู่มีขั้นตอนเยอะ รวมทั้งการตั้งคำถามถึง 150 ข้อ เพื่อที่จะหาข้อมูลของ "ว่าที่คู่สมรส" ตั้งแต่ การศึกษา จนถึง ฐานะ ทรัพย์สิน หุ้นในครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์ โดยลูกค้าจะได้รับข้อมูลของ "ว่าที่คู่สมรส" ถึง 8 คนเป็นอย่างน้อย เพื่อเอาไปศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกจีบคนไหน


บริษัทซูนู เคยประสบความสำเร็จสูงสุดในการหาคู่ให้กับลูกสาวคนเดียวมหาเศรษฐีเกาหลี โดยใช้เวลาหนึ่งปีเต็มหลังผู้เป็นพ่อว่าจ้างบริษัทให้ทำหน้าที่พ่อสื่อ ทั้งนี้มหาเศรษฐีผู้พ่อระบุว่า ต้องการลูกเขยที่มีฐานะการเงินดี และจะต้องเข้ามาร่วมชายคาในบ้านหลังใหญ่และมีสมาชิกครอบครัวมากมายต้องเข้ากับเขาได้ด้วย


"เรื่องแบบนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว คนรุ่นเก่าอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องของคนเห็นแก่ตัวและนิยมวัตถุเอามากๆ แต่อีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นเรื่องฉลาดและจะช่วยป้องกันการหย่าร้างได้ด้วย" คิม ซุง-วอน แห่งสถาบันสุขภาพและสังคม ให้ความเห็น ท่ามกลางความห่วงใยของบางคนที่กลัวว่า ช่องว่างทางเศรษฐกิจสังคมของผู้คนจะกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ หากหนุ่มสาวเกาหลีจะเข้าประตูวิวาห์โดยใช้ฐานะทางสังคมเป็นตัวตัดสิน


ข้อมูลจาก อสมท
ภาพประกอบจาก Internet


โดย: ใครว่าการแต่งงาน หมายถึงความรัก (moonfleet ) วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:18:32 น.  

 
ความเชื่อ 10 อย่างเกี่ยวกับการแต่งงาน

Resource://punyisa.multiply.com/journal/item/19

1. ความเชื่อ : ผู้ชายได้ประโยชน์มากกว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานกันแล้ว

ความจริง : จากที่มีการวิจัยศึกษามาแล้วพบว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ แม้ว่าแต่ละคู่จะใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เมื่อแต่งงานพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น มีความสุขขึ้น สุขภาพดีขึ้นแถมยังอาจจะรวยขึ้นอีกต่างหาก ฝ่ายสามีโดยมากจะได้ประโยชน์เรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นส่วนฝ่ายภรรยานั้นแน่นอนทางด้านการเงิน


2. ความเชื่อ : การมีบุตรทำให้ชีวิตแต่งงานได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นและเพิ่มความสุขให้ชีวิตแต่งงานด้วย

ความจริง : และจากหลายๆการวิจัยพบว่า บุตรคนแรกจะทำให้ช่องว่างระหว่างแม่และพ่อห่างกันขึ้นและเพิ่มความกดดันให้แก่กัน ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงลูก แต่อย่างไรก็ตาม การที่มีบุตรทำให้อัตราการหย่าร้างนั้นลดน้อยลง


3. ความเชื่อ : ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่คือโชคและความรักที่แสนโรแมนติก

ความจริง : นอกเสียจากโชคและความรักแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่ที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ยาวนานร่วมกันคือความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน เพราะหลังจากการแต่งงาน ต่างฝ่ายต่างต้องทำงานหนัก ต้องเสียสละและข้อสัญญาต่างๆ คู่ที่มีความสุขที่สุดก็คือคู่ที่รักกันเป็นดั่งเพื่อน สามารถแชร์ในทุกๆเรื่องและมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ทำให้มีความเข้าใจกันได้ดี


4. ความเชื่อ : ผู้หญิงที่มีการศึกษายิ่งสูง ยิ่งทำให้ได้แต่งงานช้าลง

ความจริง : จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ ผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้แต่งงานไปมากกว่าคนที่ไม่จบการศึกษา ความจริงๆแล้วผู้หญิงยิ่งมีการศึกษาจะยับยั้งเรื่องการใช้ชีวิตคู่มากขึ้น และเลือกที่จะอยู่เป็นโสดกันมากขึ้นนั่นเอง


5. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานและดูใจศึกษากันก่อนจะมาอยู่กันจริง มีความพึงพอใจในคู่รักและทำให้รักกันได้ยาวนานยิ่งกว่าคู่ที่แยกกันอยู่

ความจริง : หลายๆการวิจัยที่พบว่าคู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานจะมีความพึงพอใจกันน้อยลงและโอกาสที่จะหย่าร้างหรือเลิกรากันไปมีสูงขึ้น เหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อมีปัญหามักจะเพิ่มปัญหากันเข้าไปอีก และทัศนคติในการจะใช้ชีวิตแต่งงานด้วยกันก็จะเป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย หากการอยู่กินด้วยนั้นไม่สามารถจะแก้ปัญหาต่างๆเมื่อพบได้ และไปใช้ชีวิตหลังแต่งงานด้วยกันปัญหาก็มักจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


6. ความเชื่อ : ผู้คนไม่สามารถที่จะคาดหวังได้ว่าจะอยู่ด้วยกันหลังแต่งงานไปได้ตลอดชีวิตเหมือนที่เคยคิดเอาไว้ เพราะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมามากพอ

ความจริง : คนในยุคปัจจุบันแต่งงานกันช้าที่อายุมากขึ้นกว่าสมัยก่อน และการใช้ชีวิตอิสระเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการกันมากขึ้น เมื่อได้เห็นได้รู้จักกันมากขึ้นก็เกิดความเบื่อ ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มักจะมองหาสิ่งใหม่ๆให้เรียนรู้อยู่เสมอ ครึ่งหนึ่งของการหย่าร้างใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาได้ 7 ปี


7. ความเชื่อ : การแต่งงานทำให้ผู้หญิงเสี่ยงกับความรุนแรงในครอบครัวมากกว่าเมื่อตอนที่เป็นโสด

ความจริง : เป็นดั่งเช่นว่า การจดทะเบียนสมรสนั้นเป็น "ใบอนุญาตในการทำร้ายร่างกาย" จากการสำรวจพบว่าคู่ที่แต่งงานกันแล้วมักมีปัญหาที่รุนแรงมากกว่าก่อนที่จะแต่งงานกันเสียอีก และโดยมากแล้วหากสามีทำร้ายภรรยาก็จะไม่พบการรายงานหรือแจ้งความใดๆ เหตุผลหนึ่งที่เกิดความรุนแรงขึ้นเพราะฝ่ายชายมักจะต้องดูแลให้ฝ่ายหญิงกินดีอยู่ดีอยู่เสมอ ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน และเมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวขึ้น ผู้หญิงมักจะคิดเรื่องการหย่าร้างมากขึ้น


8. ความเชื่อ : คู่ที่แต่งงานแล้วจะมีเซ็กซ์กันน้อยลงกว่าตอนที่ยังเป็นโสดกันอยู่

ความจริง : คู่ที่แต่งงานกันแล้วจะมีทั้งเซ็กซ์ที่มากขึ้นและดีขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีเซ็กซ์ได้บ่อยขึ้นแต่พวกเค้ายังสนุกไปกับมัน ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ


9. ความเชื่อ : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานก็เหมือนแต่งงานนั่นแหละ เพียงแค่ไม่มี"ใบสมรส"

ความจริง : คู่ที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานมักไม่ได้รับสิ่งที่คู่แต่งงานได้รับ ทั้งทางสุขภาพ ฐานะ และความรู้สึก และด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นคงในความรักจึงไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็ยังเป็นนางสาวเมื่อเลิกร้างกับฝ่ายชายนั่นเอง


10. ความเชื่อ : เพราะว่ามีอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้น คู่ที่รักกันอย่างมีความสุขหลังแต่งงานทำให้พวกเขาไม่คิดหย่าร้างไม่ว่าการแต่งงานนั้นจะเป็นอย่างไร

ความจริง : เมื่อสมัย 20 - 30 ก่อนนั้น จะมีความเครียดในการงาน และข้อขัดแย้งมากมายในการแต่งงาน ทำให้คู่รักมักจะคิดหย่าร้างกัน แต่ในปัจจุบันคู่รักโดยมากมักจะคบหาดูใจกันนานหลายปีจนมีความมั่นใจในคู่ของตน และมีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหา ในการตอบคำถามและช่วยในด้านจิตใจ



Prev: วิธีเก็บเงินบอกนิสัย
Next: ผู้ชายเพอร์เฟค สำหรับผู้หญิงแต่ละวัย


โดย: ความเชื่อ 10 อย่างเกี่ยวกับการแต่งงาน (moonfleet ) วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:21:06 น.  

 
วิจัยชี้หญิงไทยคิดใหม่ “กิ๊ก” ไม่ใช่เรื่องผิด

Resource://www.thairath.co.th/news.php?section=education&content=51739




ศ.ดร.อรทัย หรูเจริญพรพานิช นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิจัยเรื่องเซ็กซ์ อิน เดอะ ซิตี้ เผยแพร่ในรายงานประชากรและสังคม 2550 เรื่องนคราภิวัฒน์และวิถีชีวิตเมือง กล่าวว่า จากวิถีชีวิตคนเมืองทำให้โครงสร้างทางด้านครัวเรือนเปลี่ยนแปลงไป กลายมาเป็นครัวเรือนเดี่ยวที่มีแต่พ่อแม่ลูก ที่น่าสนใจคือ ใน กทม.มีสัดส่วนของครัวเรือนที่อยู่คนเดียวมากถึง 16.1% และครอบครัวที่อยู่รวมกันโดยไม่ใช่ญาติถึง 1.9% และผู้หญิงใน กทม.วัยแต่งงานกลับมีอัตราครองโสดสูงสุด ในจำนวนนี้ที่เป็นโสด 40% มีเพศสัมพันธ์แล้ว หญิงโสดที่มีเพศสัมพันธ์แล้วอายุประมาณ 25-59 ปี ใน กทม. มีสัดส่วนสูงกว่าเขตเมืองในต่างจังหวัด 1.2 เท่า และเขตชนบท 3.3 เท่า

ศ.ดร.อรทัยกล่าวว่า จากการสำรวจของสถาบัน วิจัยประชากรและสังคมในปี 2549 พบว่า วัยรุ่น 18-19 ปี ใน กทม.เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วโดยเพศชายมีเพศสัมพันธ์แล้ว 67% และหญิง 44% และในกลุ่มนี้ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ 15.5 ปี และหญิง 16.5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงอายุที่น้อยมาก น้อยกว่าในเขตเมืองในต่างจังหวัดและเขตชนบทเสียอีก จากการวิเคราะห์พบว่า ความเป็นเมืองของ กทม.มีส่วนทำให้คนมีพฤติกรรมทางเพศนอกสมรส สูงกว่าคนในที่อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

“งานวิจัยครั้งนี้ พบว่า พฤติกรรมทางเพศของเยาวชนที่แต่งงานแล้วอายุ 18-24 ปี ใน กทม.ทั้งหญิงและชายมีพฤติกรรมทางเพศสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ ส่วนกลุ่มอายุ 25-59 ปี ผู้ชายไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ขณะที่หญิง กทม.ที่แต่งงานแล้ว แม้อายุจะมากขึ้น แต่คงมีพฤติกรรมทางเพศสัมพันธ์สูงกว่าพื้นที่เมืองในต่างจังหวัดและชนบทอย่างเห็นได้ชัด” ศ.ดร.อรทัย กล่าวและว่า การศึกษาวิจัยครั้งนี้ยังพบว่าการอยู่กินกันโดยไม่แต่งงานใน กทม.มีอัตราสูง เนื่องจากหญิงใน กทม.มีการศึกษามีงานทำ พึ่งตนเองได้ ทำให้ไม่มีทัศนคติในเรื่องของการผูกมัดตนเองด้วยการแต่งงาน และยังมีทัศนคติต่อการมีคู่หลายคนหรือการมีกิ๊กว่าเป็นเรื่องปกติด้วย ส่วนการหย่าร้าง พบว่า คนใน กทม.ก็มีอัตราหย่าร้างสูงกว่าคนในภาคอื่นด้วย.



โดย: วิจัยชี้หญิงไทยคิดใหม่ “กิ๊ก” ไม่ใช่เรื่องผิด (moonfleet ) วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:25:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.