051. Of Creed ว่าด้วย ความโลภ (R.2)
รากเหง้าของกิเลส ประกอบด้วยอกุศล ๓ กลุ่มใหญ่ ๆ คือ โลภะ โทสะ โมหะ
ความโลภ (โลภะ)
ความโลภ(โลภะ) คือ การมีความอยากมาก จนเกินความพอเหมาะพอควร(มิใช่ทางสายกลาง) จึงทำให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจมากกว่าระดับปกติ. ความอยากอย่างรุนแรง จนทำให้จิตใจดิ้นรนด้วยความทะยานอยาก เรียกว่า "ตัณหา".
ความโลภอาจแบ่งออกได้เป็น ๓ แบบ เพื่อให้คล้องจองกับตัณหา มีดังนี้ :-
แบบที่ ๑. ความโลภแบบอยากเสพ
คือ การมีความอยากเสพกามมาก จนเกินความพอเหมาะพอควร ได้แก่ความอยากเสพกามด้วยการรับรู้ข้อมูลที่เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส จะเป็นทางใดทางหนึ่งหรือหลาย ๆ ทางก็ได้ เช่น มีความอยากมากที่จะเห็นสิ่งที่สวยงามทางตา ฟังเสียงที่ไพเราะทางหู ดมกลิ่นที่หอมทางจมูก ลิ้มรสที่อร่อยทางลิ้น สัมผัสของที่นุ่มนวลทางกาย เป็นต้น. ความดิ้นรนทะยานอยากที่จะเสพกามอย่างรุนแรง เรียกว่า กามตัณหา.
แบบที่ ๒. ความโลภแบบอยากได้ อยากมี อยากเป็น
คือ การมีความอยากมากที่จะได้ จะมี จะเป็น จนเกินความพอเหมาะพอควร เช่น อยากจะได้ลาภมาก อยากจะมีทรัพย์สมบัติมาก อยากเป็นคนมีอายุยืนมาก เป็นต้น. ความดิ้นรนทะยานอยากที่จะได้ จะมี จะเป็นอย่างรุนแรง เรียกว่า ภวตัณหา.
แบบที่ ๓.ความโลภแบบอยากที่จะไม่ได้ อยากที่จะไม่มี อยากจะไม่เป็น
คือ การมีความอยากมากที่จะไม่ได้ จะไม่มี จะไม่เป็น จนเกินความพอเหมาะพอควร เช่น อยากที่จะไม่ได้รับสิ่งที่ตนไม่ชอบ อยากที่จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ อยากที่จะไม่เป็นคนพิการ อยากที่จะไม่แก่ อยากที่จะไม่พลัดพรากจากคนที่ตนรัก เป็นต้น. ความดิ้นรนทะยานอยากที่จะไม่ได้ จะไม่มี จะไม่เป็น อย่างรุนแรงเช่นนี้ เรียกว่า วิภวตัณหา.
ความต้องการเป็นอย่างมากที่จะไม่รับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่รับรู้ได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น ไม่อยากเห็นสิ่งที่ไม่สวยงาม ไม่อยากได้ยินเสียงที่ไม่ไพเราะ ไม่อยากได้กลิ่นที่ไม่หอม ไม่อยากลิ้มรสที่ไม่อร่อย ไม่อยากสัมผัสกับของที่ไม่นุ่มนวล ซึ่งตรงกันข้ามกับกามตัณหา ก็จัดไว้ในแบบที่ ๓ นี้ด้วย. ที่ไม่ได้แยกออกมาอีกแบบหนึ่ง เพราะไม่ใช่เรื่องของกามคุณ แต่เป็นเรื่องของการไม่อยากรับรู้ข้อมูลบางอย่างเท่านั้นเอง.
เมื่อท่านทำความเข้าใจเรื่องของความโลภและตัณหาทั้ง ๓ แบบแล้ว ท่านอาจจำความหมายของความโลภอย่างย่อ ๆ ว่า ความโลภ คือ ความอยากจนเกินความพอเหมาะพอควรที่ จะได้รับรู้หรือเสพข้อมูลทางตา หู จมูก ลิ้น กาย(เสพกามคุณ ๕) หรือที่จะให้เป็นไปตามที่ตนมีความปรารถนา จนถึงขั้นเบียดเบียนตนเอง หรือผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม หรือทำให้เกิดความทุกข์.
Create Date : 14 กันยายน 2550 |
Last Update : 1 มกราคม 2553 17:18:17 น. |
|
3 comments
|
Counter : 4288 Pageviews. |
|
|
|
เหตุแห่งความโลภ
ความกลัวความขาดแคลนคือเหตุแห่งความโลภ
ตราบใดที่ยังมีความยากจนให้เห็นตำตากันอยู่ตลอดไปทุกเมื่อเชื่อวัน
ตราบใดที่ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าความยากแค้นของมนุษย์โดยทั่วไปจะบรรเทาเบาบางลง
ตราบใดที่ห้วงเหวแห่งความยากจนยังเปิดอ้ากว้างรอพร้อมที่จะรับเหยื่อ
คือผู้พลาดท่าเสียทีในการประกอบธุรกิจการงานในโลกนี้
ตราบนั้นมนุษย์จะยังมีความกลัวต่อความยากจน
แม้ผู้ที่รวยแล้วก็ยังกลัวจะต้องพลาดพลั้งยากจนลง
ตราบนั้นมนุษย์จะตั้งหน้ากอบโกยหาเงินไว้เป็นสมบัติของตนเอง
และเผื่อสำหรับลูกหลานเหลนต่อไปด้วย ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี
ซึ่งเราเรียกกันว่าความโลภ
ความโลภคือผลจากความกลัวจน
ตราบนั้นมนุษย์จะยังบูชาเงินเป็นพระเจ้า
ตราบนั้นเกียรติยศจะมีความหมายน้อยกว่าเงินตรา
ตราบนั้นจะมีผู้ใช้เงินเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจบารมีและพวกพ้องบริวารได้
ตราบนั้นจะยังมีการทุจริตคดโกง
และตราบนั้นมนุษย์จะยังหาทางกดขี่ขูดรีดกันเอง
หากมนุษย์ไม่กลัวความยากจนเสียแล้ว เกียรติยศก็ย่อมจะสำคัญกว่าเงินตรา
และจะไม่มีใครยอมไปเป็นลูกน้องเพื่อประดับบารมียังความยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้อื่น
หรือยอมเป็นเครื่องมือเพื่อประกอบกรรมอันชั่วช้าเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
เพื่อประโยชน์ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ
หากมนุษย์ไม่กลัวความยากจนเสียแล้ว
มนุษย์จะหยุดกอบโกยเงินทองชนิดที่ใช้ 10 ชาติก็ไม่หมด
เพราะใครเล่าจะหาบน้ำไปด้วยทั้งหาบ?
หากรู้ว่าเพียงกระติกเดียวก็เพียงพอสำหรับการเดินทางไปถึงแหล่งน้ำแหล่งต่อไป
ความร่ำรวยล้นฟ้าจะไม่เป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนในปัจจุบัน
แต่ความพยายามตะเกียกตะกายที่จะให้ร่ำรวยเช่นนี้อาจจะกลายเป็นสิ่งน่าขำขันมากกว่า
โดยนัยนี้ ระดับศีลธรรมของมนุษย์ก็จะยกขึ้นสูง และโลกเราจะน่าอยู่กว่าปัจจุบันมาก
มนุษย์จะหมดห่วงกังวลบรรดาที่เคยมี
แล้วก็จะเกิดน้ำใจเสียสละตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวมได้เอง
การที่มนุษย์จะเลิกกลัวความยากจนได้
ก็คือเราจะต้องหาทางขจัดความยากจน
ทำให้มนุษย์แน่ใจได้ว่าเมื่อเขาต้องการทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงชีวิต
เขาก็จะสามารถหางานทำได้โดยมีรายได้ดีพอควร
(จากหนังสือ ความยากจนที่ไม่เป็นธรรม เศรษฐศาสตร์ที่ลงถึงราก หน้า 77-78
ดูได้ที่ geocities.com/utopiathai ครับ)
โดยคุณ : สุธน หิญ เมื่อ 30 มีนาคม 2549, 11:43 น.
Resource:
//www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=9325