Wyrd Sisters สามแม่มดอลเวง




สามแม่มดอลเวง  Wyrd Sisters (1988)
โดย Terry Pratchett
สนพ.ดอกหญ้า แปลโดย สิทธิพงศ์ นุตสถิตย์

"ครู่ต่อมาแกรนนีตกใจจนตัวแข็งทื่อ หล่อนได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงม้าควบ เสียงธนูพุ่งแหวกอากาศ เสียงดาบกระทบโล่ ดาบกระทบดาบกันเอง และกระทบกะโหลกคน เสียงเหล่านี้ในสมองก่อตัวขึ้นเป็นรูปภาพในความคิด ล้วนเป็นภาพในอดีตที่หล่อนเคยประสบมา สงคราม การฆ่าฟันและความตาย"

แกรนนีค่อยๆถอดมงกุฏจากหัวแล้ววางบนโต๊ะ "นี่ใช่มั้ยอาชีพกษัตริย์?" หล่อนถาม
มงกุฏเบาๆ "ต้องเป็นคนโง่จริงๆที่มาทำอาชีพนี้" ('You'd have to be a born fool to be a king.')

ณ ภูเขาแรมทอป จุดศูนย์กลางของดาวเต่าอตูอินผู้ยิ่งใหญ่ ดาวที่มีช้างขนาดยักษ์ 
4 ตัว ยืนอยู่บนกระดองเต่าแต่ละมุมคอยทำหน้าที่เป็นฐานแบกแผ่นดินขนาดมหึมาที่เรียกว่า พิภพแบน (Discworld) ท่ามกลางดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อย่างละดวงโคจรวนเวียนอย่างอิสระด้วยวิถีที่น่าเวียนหัว

กษัตริย์เวอร์แรนซ์แห่งแลงเคอร์ถูกลอบปลงพระชนม์โดยดุ๊กเฟลเมตและดัชเชสภรรยาร่วมมือกันเพื่อหวังครองบัลลังก์แทน 

แต่มีคนช่วยลักลอบพาโอรสของกษัตริย์เวอร์แรนซ์หนีออกมาได้ แล้วมาพบเจอกับ 3 แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ที่ใครๆก็นับถือกันทั้งเมืองอย่าง แกรนนี แนนนีและแม็กกลัต ทั้งสามคนจึงจับพลัดจับผลูเข้าไปช่วยแล้วฝากไปกับคณะละครเร่เพื่อรอวันเติบใหญ่ 

แม้พยายามหลีกเลี่ยงการแทรกแซงด้วยเวทมนตร์ที่มีทั้งผลดีและผลร้ายต่อ
สรรพสิ่ง แต่เมื่ออาณาจักรมันประกอบด้วยชีวิตจิตใจของเหล่าสรรพสิ่งรวบรวมไว้ ไม่ว่าจะเป็นจิตใจของนก จิตใจของปลา จิตใจของต้นไม้ จิตใจของมนุษย์ มันเกิดหงุดหงิดขุ่นข้องใจร้อนรุ่มไม่พอใจกับดุ๊กเฟลเมตที่เป็นผู้ครองเพียงแผ่นดินหาใช่สนใจและเข้าใจอาณาจักรไม่

แม่มดทั้ง 3 จึงต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะไม่มีอาณาจักรหลงเหลือให้รัชทายาทที่แท้จริงครอบครอง เหลือไว้เพียงแต่แผ่นดินเท่านั้น ท่ามกลางกลยุทธการวางแผนของดุ๊กเฟลเมตและดัชเชสที่แสนชั่วร้าย 

"อาณาจักรต้องยอมรับชะตากรรมภายใต้เจ้าผู้ครองอย่างไม่มีเงื่อนไข" 

"นั่นหมายถึงแผ่นดินมากกว่า" แกรนนีแย้ง 
"แต่อาณาจักรมีความหมายมากกว่านั้น มันรวมเอาหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน เช่น ความคิด ความภักดี ความทรงจำ และอื่นๆ ทั้งหมดนี้รวมกันสร้างชีวิตขึ้นมา ไม่ใช่ชีวิตที่มีร่างกาย แต่เป็นความคิดที่มีชีวิตมากกว่า"  

....................................................................

หนังสือในชุด Discworld เล่มที่ 6 จาก 40 กว่าเล่ม แต่มีแปลไทยเพียงเล่มนี้เล่มเดียว แฟนตาซีที่สร้างโลกเป็นของตัวเองอย่างสร้างสรรค์มีเอกลักษณ์ของนักเขียนแฟนตาซีผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง Terry Pratchett ถึงขั้นมีหนังสือชุด Science Of Discworld ที่เขาเขียนร่วมกับ Ian Stewart นักคณิตศาสตร์  (คนนี้เพิ่งมีหนังสือแปลออกในบ้านเรา เรื่อง "17 สมการเปลี่ยนโลก Equations That Changed The World') และ Jack Cohen นักชีววิทยา ออกมาสนับสนุนเนื้อเรื่องถึง 4 เล่มเลยทีเดียว

เป็นหนังสือที่อ่านง่าย สนุก ยั่วล้อ ยียวน ชวนให้ขำให้อมยิ้มเลย ยกตัวอย่างการที่
แกรนนีพูดถึงละครเร่ที่หวังมาเปลี่ยนอดีต

"ละคร...ฮึ"..."ทำอย่างกับว่าอดีตในโลกเรายังมีน้อยต้องสร้างขึ้นมาเพิ่มอีกงั้นแหละ" 

ประโยคนี้ก็โดนและฮา เสียดสีได้เห็นภาพมาก

ถ้าให้นึกถึงสไตล์การเขียนแบบนี้ผมนึกถึง Douglas Adams คนเขียนชุด Hitchhiker's Guide To Galaxy นั่นเอง แต่ไม่ได้หมาย ความว่า Pratchett เขียนแนวนี้แล้วจะไม่มีสาระให้จับมาคิดวางลงในสมอง บทสนทนานี่แทบจะแยบคาย เช่น

"จะให้ฉันสู้กับเวทมนตร์ได้อย่างไร" ดุ๊กถาม 
"คำพูดไงพะย่ะค่ะ" ตลกหลวงสอด "สมัยที่กระหม่อมเรียนวิชาตลกอยู่ที่สมาคม 
ครูบอกว่า คำพูดมีพลังมากกว่าเวทมนตร์โดยเฉพาะคำพูดให้ร้าย เช่น ไอ้โกหก! ฆาตกร! ทรราช!"

"คำพูดช่างมีพลังมากอะไรอย่างนี้ มันนุ่มนวลเหมือนน้ำ หากมีกำลังแรงดุจน้ำเช่นกัน"

อ่านแล้วเห็นภาพ จิกกัด ให้เห็นสภาพ บทบาทของตัวละครอย่างมีสีสันเลย ยิ่งตอนเฉลยนี่ผมต้องซูฮกให้เลย ถึงขั้นต้องไปเปิดย้อนไล่ทีละหน้าใหม่ว่าวางปริศนาให้มาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง แล้วพอไปไล่ในเว็บฝรั่ง ยิ่งเก็ทเข้าไปอีกกับประโยคข้างบนสุดที่ ผมโปรยไว้นั่นแหละ ยอดจริงๆครับ

แม่มดแต่ละคนก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันแต่เมื่อมารวมตัวกันกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว แถม Pratchett ย้อนแยงความน่ากลัวของแม่มดในเรื่องอื่นด้วยความดีงามของพวกเธอแทน 

'แกรนนี'ดูชราภาพเป็นแม่มดโบราณเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยทันสมัย แม้แต่ละครก็ไม่
รู้จัก แต่เป็นผู้ทรงภูมิความรู้อันเป็นที่ยอมรับกันทั้งเมือง 

'แนนนี' แม่มดที่มีลูกหลานญาติอยู่เต็มเมือง เพราะฉะนั้นใครๆจึงเข้าหาได้โดยง่าย มักจะเป็นคนที่รู้เรื่องต่างๆในเมืองเป็นอย่างดี 

'แม็กกลัต' แม่มดสาวทันสมัยที่ไม่ค่อยรู้จักกับความรักแต่อยากมีความรัก ถึงแม้จะไม่ค่อยปะสีปะสาในสายตาของแม่มดทั้งสองแต่เธอนี่แหละที่มีไหวพริบจนนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างลงตัวประจวบเหมาะพอดี 

หนังสือยังทิ้งท้ายให้คิดกับโชคชะตาที่บางทีมันเป็นเรื่องที่ฝืนได้ยาก

คนที่อยากเป็นกษัตริย์ถึงขั้นลงมือฆ่าคนเพื่อที่ตัวเองจะได้สืบทอดแทน ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบก็ยังไม่มีใครเรียกเขาว่ากษัตริย์ 

คนที่มีสิทธิ์อันชอบธรรมตามที่ใครๆก็เข้าใจ กลับปฏิเสธตำแหน่งที่ใครๆก็อยากเป็น 

คนที่ก้มหน้ารับใช้ไปตามหน้าที่เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องรับใช้ ทั้งๆที่ในใจก็รู้สึกแย้งว่ามันผิด สุดท้ายโชคชะตากลับเล่นตลกได้เป็นซะงั้น 

นี่แหละโชคชะตาชีวิตที่มันเล่นตลกสมเป็น "Comic Fantasy" แฟนตาซีที่ชวนหัว
ขำขัน ตรงตามคอนเซ็ปท์จริงๆ

"ของบางอย่างที่ต้องการให้ดูเหมือนของจริงจะดูเหมือนของจริงมากกว่าของจริง"

ป.ล.เราอาจจะปรับภาพของอาณาจักรให้เล็กลง เป็นชุมชน องค์กร บริษัทหรือแม้แต่หน่วยที่เล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุดคือครอบครัว ทุกองคาพยพนั้นมีจิตใจแฝงรวมอยู่ เพียงแต่จะมีใครสังเกตเห็นหรือไม่เท่านั้นเอง

คะแนน 8.7/10



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 22:20:17 น.
Counter : 946 Pageviews.

3 comments
  
ชอบประโยคที่ว่า คำพูดมีพลังเหนือกว่าเวทมนตร์มากๆครับ เพราะในประวัติศาสตร์อันยาวนานคำพูดได้สร้างวีรบุรุษและฆ่าใครๆมากเหลือเกิน มันทำได้ยิ่งกว่าเวทมนตร์ของแม่มดหมอผีซะอีก

ผมไม่เคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้เลย อ่านที่รีวิวแล้วคงจะอ่านสนุกทีเดียว ไม่ทราบจบในเล่มเลยมั้ยครับ อยากอ่านแต่หนังสือคงหายากพอควรเลย ยังไงก็จะลองพยายามค้นหาดู เผื่อจะเจอหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่ง ขอให้สามแม่มดเอาใจช่วยด้วย

ขอบคุณที่นำมารีวิวครับ
โดย: ruennara วันที่: 12 พฤศจิกายน 2560 เวลา:3:26:35 น.
  
เก่ามากเลยนะเนี่ย ไม่รู้จักเลยค่ะ ต้องลองไปหาดูในห้องสมุดซะแล้ว
โดย: Kisshoneyz วันที่: 16 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:02:21 น.
  
เก่าจริงๆครับ ผมก็ได้จากร้านหนังสือมือสองครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:13:15:36 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
10 พฤศจิกายน 2560