My Sweet Orange Tree ต้นส้มแสนรัก




ต้นส้มแสนรัก My Sweet Orange Tree (1995)

โดย Jose Mauro De Vasconcelos

สนพ.ประพันธ์สาส์น แปลโดย สมบัติ เครือทอง

"อย่าร้องซิ หลุยส์ น้องเป็นพระราชาเชียวนะ พ่อบอกว่าที่ตั้งชือหลุยส์ให้ก็เพราะเป็นชื่อพระราชา และพระราชานั้นร้องไห้กลางถนนต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้หรอก รู้มั้ย"

......

"เซ เซ่ พี่ร้องไห้หรือ..."

"เดี๋ยวก็หาย พีไม่ได้เป็นพระราชาเหมือนน้องนี่ พี่มันไม่มีค่า เป็นเด็กเลว เลวมากๆ เลวที่สุด..."

เข้าบรรยากาศกับที่หนังเพิ่งเข้าโรงที่เครือ APEX (Lido, Scala) หลังจากเลื่อนมารอบนึงพอดี (เครือนี้มีหนังนอกกระแสดีๆ มาฉายให้ดูบ่อยมาก ซึ่งตามโรงหลักๆใหญ่ๆ ไม่มีให้ดู แถมตั๋วหนังถูกมากแค่ 100 เดียวเอง ผมดูหนังอย่าง Always : Sunset On Third Street ทั้ง 3 ภาคก็ที่นี่แหละ ซึ่งตรึงตราตรึงใจเป็นอย่างมาก)

หลายๆคนคงเคยอ่านตั้งแต่สมัยเด็กแล้วล่ะมั้ง เห็นหลายๆความเห็นว่า อ่านแล้วน้ำตาซึม ไหลพรากๆกันเลยทีเดียว ก็เลยถือโอกาสหยิบมาอ่านในช่วงนี้พอดี

เรื่องราวก็เกี่ยวกับเด็กน้อยผู้แสนซุกซน แก่นแก้วเกินเด็กอายุ 5-6 ขวบ อย่าง เซเซ่ ที่ไม่ว่าจะทำอะไร หรือบางทีก็ไม่ได้ทำ แต่คนรอบข้างมักจะเหมารวมว่าเป็นคนทำ ทำให้ไม่รอดถูกลงโทษ ตี ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อตัว เซเซ่ จนเป็นปมอยู่ในใจของ เซเซ่ ว่าไม่มีใครรัก ไม่มีใครเข้าใจ

ปมสำคัญที่เป็นอย่างนั้นก็ เนื่องมาจาก ครอบครัวของเซเซ่ นั้นยากจนถึงขั้นปากกัดตีนถีบ พ่อซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก็ดันมาตกงาน ยังให้เป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นไปอีก ส่วนแม่ก็ต้องออกไปทำงานหาเงินแทน

โดยมีพี่ๆอย่าง ลาล่าที่ต้องช่วยแม่ทำงาน จันทิราที่คอยดูแลที่บ้านแต่มักลงโทษเซเซ่รุนแรงเกินเหตุ กลอเรียพี่สาวแสนใจดีของเซเซ่ที่คอยปกป้องไม่ให้ใครทำร้าย โททอก้าที่ช่วยประดิษฐ์ของเล่นให้เซเซ่ และก็น้องอย่างหลุยส์ที่เซเซ่พาตะลอนไปเล่นด้วย รวมทั้งลุงเอ็ดมันโด ที่คอยเล่าเรื่องสนุกๆ อธิบายเรื่องต่างๆที่เซเซ่สงสัย

แต่เซเซ่ก็มีทางออกให้กับโลกที่ดูแสนโหดร้ายกับเด็กวัยอย่างเขา ด้วยการเล่นพิเรนทร์ซึ่งบางครั้งก็สมควรถูกทำโทษ แล้วก็มีต้นส้มอย่าง "มิงกินโย" บริเวณบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ เป็นเพื่อนในจินตนาการของแกที่คอยรับฟัง สนทนากับแกในทุกเรื่องที่แกอยากเล่า อยากระบาย  

และก็เพื่อนใหม่อย่าง โปรตุก้า คนโปรตุเกสที่ขับรถผ่านทางที่เซเซ่เดินไปโรงเรียนทุกวัน ทีทำให้เซเซ่รู้จักกับความรักอย่างแท้จริงที่แกไม่เคยสัมผัสได้จากใคร ทั้งๆที่ตอนแรกเซเซ่เกลียดอย่างกับอะไรดี

คุณครูเซซิเลีย เพม ครูประจำชั้นที่ให้เงินซื้อขนมแก่เซเซ่เกือบทุกวัน เพราะรู้ว่าแกจน แต่เซเซ่ก็ไม่อยากรับทุกวัน เพราะแกรู้ว่ายังมีเพื่อนอย่างดอโรทิเลียที่จนกว่าเซเซ่เสียอีก แถมเซเซ่ยังแอบไปเก็บดอกไม้มาปักแจกันที่ว่างเปล่าของครู เพื่อเป็นการตอบแทนอีกด้วย

หรือน้าอารียาวัลโด คนร้องเพลงแล้วขายหนังสือเพลงไปด้วย ที่เซเซ่แกแอบไปช่วย ทั้งที่ไม่รู้ความหมายของเพลงที่ร้องว่ามันทะลึ่งตึงตังขนาดไหน แต่เพราะชอบร้องเพลงก็แค่นั้น

Jose Mauro De Vasconcelos เขียนถึงความใส ความกวน ความพิเรนทร์แบบเด็กๆ ความเจ็บปวด ความเศร้าสร้อย ความระทมทุกข์ของตัวละครอย่างเซเซ่ได้ถึงแก่น ผมว่า Jose แกต้องการนำเสนอว่า ต่อให้โลกของเราโหดร้ายเพียงใด แต่ก็ยังมีมุมๆหนึ่งเสมอที่เราสามารถแสดงความรัก มีความสุข ละมุนละไมไปกับชีวิต

อย่างที่เซเซ่แกมีกับต้นส้มแสนรักของแกอย่าง "มิงกินโย" ถึงแม้จะผ่านจินตนาการของเด็กๆของแกก็ตาม (ซึ่งวัยผู้ใหญ่อย่างเราๆ กับสภาพสังคมที่แข่งขัน ทำให้เรามีจินตนาการแบบเด็กๆเหลือน้อยเต็มทน) รวมถึงความรักที่แกมีต่อ โปรตุก้า คุณครูเซซิเลีย หรือแม้แต่พ่อของแกเอง ที่แม้จะลงโทษแกบ่อยครั้ง แต่เมื่อถึงคริสต์มาส เซเซ่ก็รวบรวมเงินที่ได้จาการขัดรองเท้า ไปซื้อบุหรี่ให้พ่อเพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส (เซเซ่คงไม่รู้ว่าบุหรี่มันไม่ดี แต่ก็แค่อยากซื้อของให้พ่อ เป็นกำลังใจให้พ่อที่ตกงาน)

มีอยู่ฉากหนึ่งที่เซเซ่สนทนากับโปรตุก้า หลังจากถูกพ่อทำโทษตบปากที่ร้องเพลงทะลึ่ง จนเซเซ่ป่วยไปหลายวันเลยทีเดียว

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะฆ่าเขาเสีย"

"ว่าอะไรนะ เจ้าเด็กน้อย ฆ่าพ่อตัวเองงั้นรึ"

"ใช่ ฉันจะทำ ฉันเริ่มทำไปแล้ว ที่ว่าฆ่านั่นไม่ได้หมายถึงว่าหยิบปืนของบัค โจนส์ แล้วก็เอาไปยิงเขาตูมเดียวตายนั่นหรอก ไม่ใช่ ฉันจะฆ่าเขาในหัวใจของฉัน ด้วยการหยุดรักเขา แล้ววันหนึ่งเขาก็จะตาย"

....

"แต่กับฉัน เธอก็ยังพูดว่าจะฆ่าไม่ใช่หรือ..."

"ใช่ ฉันพูดจริงในตอนแรก แต่ว่าต่อมา ฉันฆ่านายด้วยวิธีการกลับกัน ฉันฆ่านายด้วยวิธีการทำให้นายมาเกิดอยู่ในหัวใจของฉัน นายเป็นคนคนเดียวที่ฉันรักมากที่สุดนะ โปรตุก้าไม่ใช่เพราะนายให้รูปดารา ให้กินน้ำมะนาว ให้ขนม ให้ลูกแก้วหรอกนะ...ฉันสาบานได้ว่ากำลังพูดความจริง"

ป.ล.อ่านเรื่องนี้ตอนนี้ ด้วยวัยที่เกินเด็กมานานโข ไม่ถึงขั้นทำให้น้ำตาซึม ไหลพรากๆ (แต่ถ้าตอนเด็กๆ นี่สงสัยไม่รอดแหงมๆ) แต่ถ้าเด็กเกินไปนี่ก็มีคำบางคำที่ไม่เหมาะสม หรือฉากที่ดูรุนแรงเกินไปบ้าง

คะแนน 7.9/10




Create Date : 30 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 กันยายน 2559 16:48:06 น.
Counter : 2329 Pageviews.

2 comments
  
อ่านแล้วค่ะเรื่องนี้ คงเป็นเพราะไม่ได้อ่านตอนเด็ก เลยไม่ได้ซึ้งมาก
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 31 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:24:57 น.
  
จริงครับอ่านตอนโตแล้ว ผ่านอะไรมาพอสมควรนี่ มันไม่ซึ้งตรึงใจเท่าไหร่
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:57:11 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
กรกฏาคม 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31