กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
||||
ตอนที่ 6(1) ชุดผ้าไหมกับชุดมอซอ (A Silk Dress and A Rugged Dress) ในงานเลี้ยงของเหล่าขุนนางในพระราชวังแวร์ซายส์ พระนางมารี อังตัวเน็ตที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตในวัง จึงพยายามขอร้องเหล่าขุนนางผู้ใหญ่ เพื่อที่จะได้ออกไปเยี่ยมเยียนปารีส อังตัวเน็ต : “จะยังไงก็ตาม ฉันจะไม่รออีกแล้ว ฉันรอมา 3 ปีแล้วนะ ตั้งแต่ฉันแต่งงานฉันก็ยังไม่เคยไปปารีสเลยซักครั้ง ท่านว่ามันตลกมั้ยล่ะ?” ขุนนาง : “ยังไงก็ตาม ฝ่าบาท ช่วงนี้ปารีสไม่ปลอดภัยพะยะค่ะ” “ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ดี ที่จะไปเยี่ยมเยียน” เหล่าขุนนางห้ามความคิดของพระนางอังตัวเน็ตด้วยความเป็นห่วง อังตัวเน็ต : “มันเลื่อนมาครึ่งปี แล้วก็เป็นปี... แต่ละครั้งก็อ้างอย่างนี้ตลอด ประชาชนฝรั่งเศสกำลังตั้งตาคอยการมาเยือนของเรา” ขุนนาง : “เอาอย่างนี้แล้วกันพะยะค่ะ พวกเราจะเรียกประชุมและถามความคิดเห็นของพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย...” “แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทล่ะพะยะค่ะ? มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากพะยะค่ะ!” อังตัวเน็ต : “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันพอแล้วกับเรื่องนี้!” พระนางอังตัวเน็ต สะบัดหน้าเดินออกไปจากวงสนทนา แล้วก็หันกลับมาพูดว่า “ฉันจะไม่พูดกับพวกท่านอีกแล้ว ฉันจะขอร้องฝ่าบาทด้วยตัวเอง” แล้วเธอก็เดินออกไป ปล่อยให้ขุนนางทั้งหลายกลุ้มใจกันใหญ่ จากนั้นเค้าท์โอเลียนก็เข้ามาร่วมในวงสนทนาด้วย เค้าท์โอเลียน : “เรื่องเล็กน้อยน่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยในปารีสหรอก” ขุนนาง : “ทำไมท่านพูดแบบนี้ล่ะ?” ขุนนางต่างงงในคำพูดของเค้าท์โอเลียน เค้าท์โอเลียน : “เรามีกองทหารม้ารักษาพระองค์อยู่ กองทหารรักษาพระองค์ ซึ่งมีออสการ์ ฟรังซัวส์ เดอ จาร์เจส์ เป็นผู้บัญชาการ” ออสการ์ซึ่งรู้ว่าเค้าท์โอเลียนกำลังประชดประชันอยู่ ก็หันมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดยุคเจอเมน ซึ่งเป็นญาติสนิทของโอเลียนจึงช่วยเสริม เค้าท์เจอเมน : “ จริงด้วย ฉันเห็นด้วยกับที่ดยุคโอเลียนพูด” เค้าท์โอเลียน : “ถูกแล้ว หรือว่าไม่จริง หัวหน้าออสการ์?” เค้าท์โอเลียนแสร้งถามออสการ์ ออสการ์ : “จริงครับท่าน มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องปกป้ององค์รัชทายาท ด้วยชีวิต!” ออสการ์ตอบเค้าท์โอเลียนด้วยสีหน้าจริงจัง ที่ห้องของพระนางอังตัวเน็ต ออสการ์กับอังเดรยืนรอพระนางอังตัวเน็ตซึ่งกำลังไปทูลขอฝ่าบาทเพื่อจะไปเยี่ยมเยียนปารีส แล้วพระนางอังตัวเน็ตก็กลับมาด้วยอารมณ์ตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก อังตัวเน็ต : “ออสการ์! ฉันได้คำตอบแล้ว ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว ออสการ์! ในที่สุดฉันก็จะได้ไปปารีส! ฉันทนรอจนถึงสัปดาห์หน้าไม่ไหวแล้ว! บอกฉันหน่อยสิออสการ์ จริงรึป่าวที่ถนนคนเดินฌ็องเซลิเซ่ทำจากหินอ่อน แล้วมหาวิหารน็อทร์ดามมีผีจริงรึป่าว?” ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปปารีส อังตัวเน็ตก็ยิงคำถามเกี่ยวกับปารีสมากมาย จนออสการ์ต้องเตือนสติ ออสการ์ : “องค์หญิง การไปเยือนปารีสไม่เหมือนกับการไปทัศนศึกษานะพะยะค่ะ” อังตัวเน็ต : “แน่นอน ฉันรู้แล้ว ออสการ์ แต่ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ” ออสการ์ : “ฝ่าบาท นี่เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับพระราชาและพระราชินีในอนาคตที่จะได้ทักทายประชาชนปารีสอย่างเป็นกันเอง” อังตัวเน็ต : “ได้ ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำมันอย่างดี อ๊า...แต่ตอนนี้หัวใจฉันเต้นเร็วมากเลย ปารีส เมืองแห่งดอกไม้ที่งดงาม นี่ออสการ์ ฉันจะใส่ชุดไหนดี? ใช่แล้ว! มงกุฏ? ริบบิ้น? ต่างหู? มันเหมือนฝันที่ฉันปรารถนา ปารีสของฉัน! ปารีสของฉัน! ปารีสของฉัน!” พระนางมารี อังตัวเน็ตกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ไปปารีส ออสการ์กับอังเดรเดินออกมาจากห้องของพระนางอังตัวเน็ต ทั้งคู่ก็เดินคุยกันมาตามทาง อังเดร : “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอสองคนอายุเท่ากัน” ออสการ์ : “ใคร?” อังเดร : “ก็เธอกับองค์หญิงรัชทายาทนะสิ พระองค์ดูไม่เหมือนอายุ 17 เลย พระองค์ดูเหมือนเด็กมากกว่า” ออสการ์ : “นี่เธอประจบฉันหรออังเดร?” ออสการ์ถามอังเดรเล่นๆ อังเดร : “ไม่แน่นอน ใครจะไปประจบเธอกันเล่า” อังเดรตอบแบบเขิลๆ ออสการ์ : “แต่ฉันชอบที่พระนางอังตัวเน็ตมีหัวใจเหมือนเด็กๆ ถึงแม้ว่าพระนางจะมีศักดิ์เป็นชนชั้นสูงแต่พระองค์ก็ดึงดูดพลังและความสวยงาม และการแสดงออกด้วยอารมณ์ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ พระองค์มีพระทัยดี” อังเดร : “อืม ผู้คนจะถูกดึงดูดด้วยสิ่งที่พวกเค้าขาด” ออสการ์ : “ก็อาจจะจริง แต่พระองค์ก็มีข้อเสียบ้างเหมือนกัน แต่ทุกคนก็จะต้องชื่นชอบในด้านที่เป็นกันเองของพระองค์ เธอว่ามั้ย?” อังเดร : “อืม แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะชอบเธอหมดรึป่าว...” ณ ห้องใต้ดินในวังของดยุคโอเลียน ดยุคโอเลียนกับเค้าท์เจอเมนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างกันอยู่ เค้าท์เจอเมน : “ยัยเด็กออสเตรียนั่น กำลังมีความสุข ถ้าหากเธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน นั่นก็หมายความว่า องค์ชายรัชทายาทก็จะเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้นด้วย” เค้าท์โอเลียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกขุ่นเคืองใจ เค้าท์โอเลียน : “เจ้าช่างทำกุญแจ่โง่!” เค้าขว้างมีดสั้นไปปักบนถังไวน์ เค้าท์เจอเมน : “ถึงยังไงมันก็จะทำให้เราต้องลำบากกันซักหน่อย คนซึ่งคิดว่าท่านจะได้เป็นพระราชาองค์ต่อไป” เค้าท์โอเลียน : “ที่ท่านมาที่นี่ท่านมีแผนแล้วใช่มั้ย?” เค้าท์เจอเมน : “มีชายคนนึงเค้ามีความขัดแย้งกับพวกทหารรักษาพระองค์ และเค้าพยายามจะทำบางอย่างที่น่าสนใจระหว่างการเยี่ยมเยียนปารีส ถ้าชื่อเสียงขององค์หญิงกับองค์ชายรัชทายาทและเจ้าสะเออะออสการ์ต้องดับลง...” เค้าท์โอเลียน : “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...” เค้าท์โอเลียนตกลงตามแผนของเค้าท์เจอเมน เค้าขว้างมีดสั้นอีกเล่มไปปักที่ถังไวน์ ซึ่งมีน้ำไวน์แดงไหลออกมา เหมือนเลือดที่กำลังรินไหล ในกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ใกล้จะถึงวันที่องค์รัชทายาทจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรแล้ว ออสการ์ อังเดร และเจโลเดล จึงขี่ม้าออกสำรวจตามเส้นทางที่ขบวนเสด็จจะผ่าน พวกเค้าสำรวจจนสุดทาง ออสการ์ : “เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูในสลัมหรอก เพราะขบวนเสด็จไม่ได้ไปทางนั้น” ภายในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบๆพระราชวังแวร์ซายส์ เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงอยู่กันอย่างมั่งคั่ง แต่ผู้คนในปารีส เมืองแห่งดอกไม้ ต้องทุกข์ทรมานจากการสืบทอดของรัฐบาลที่ไม่ดี แน่นอนในสลัมของเมืองเทมเปิ้ล ผู้คนไม่มีงานทำ ต้องอยู่อย่างแร้นแค้น ที่หน้าร้านขนมปังแห่งหนึ่งในปารีส ชายผู้หิวโซคนหนึ่งทุบกระจกร้านขนมปังเพื่อขโมยขนมปังเพียงก้อนเดียว จากนั้นคนอื่นๆก็ถือโอกาสขโมยขนมปังด้วย รวมทั้งจินนี่เด็กสาวในครอบครัวยากจนคนหนึ่ง บ้านของจินนี่อยู่ในตึกเก่าๆแห่งหนึ่ง เธออาศัยอยู่กับแม่และน้องสาว จินนี่กลับมาที่บ้านซึ่งตอนนี้แม่และน้องสาวของเธอ โรซารี่กำลังช่วยกันรีดผ้าอยู่ จินนี่ : “เห้อ... มันฝรั่งอีกแล้วหรอ?” จินนี่ออกอาการเบื่อหน่ายกับอาหารเดิมๆ แม่จินนี่ : “อย่าพึ่งออกไปเล่นข้างนอกนะ เอาผ้าไปส่งที่ร้านของมาดามมัลคอมก่อน” จินนี่ : “ฮึ ฉันไม่อยากไป” แม่จินนี่ : “เธอนี่นะ...ทำไมไม่เหมือนกับโรซารี่เลย?” จินนี่ : “ก็แน่ล่ะสิ ฉันไม่ได้เชื่องเหมือนโรซารี่นี่ นี่แม่ จริงรึป่าวที่พ่อของฉันเป็นทายาทคนสุดท้ายของครอบครัวขุนนางวาลูอิสน่ะ?” แม่จินนี่ : “โอ้ สวรรค์ เรื่องนี้อีกแล้วหรอ?” จินนี่ : “เพราะว่าครอบครัววาลูอิสสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์วาลูอิส ซึ่งปกครองก่อนราชวงศ์บูร์บองในปัจจุบัน และฉันกับโรซารี่ก็เป็นผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ใช่มั้ย?” แม่จินนี่ : “ฉันเคยเป็นแม่บ้านของครอบครัววาลูอิสในช่วงเวลาที่ตกต่ำ ฉันรักกับเจ้านาย” จินนี่ : “แล้วโรซารี่กับฉันก็เกิด” แม่จินนี่ : “ใช่ แต่หลังจากโรซารี่เกิด เจ้านายก็ตาย และนั่นก็เป็นจุดจบของครอบครัววาลูอิสที่โชคร้าย” จินนี่ : “ถ้าตอนนั้นเราโชคดี พวกเราก็คงได้อยู่ในพระราชวังแวร์ซายส์ ใช่มั้ยโรซารี่?” เธอหันไปถามโรซารี่ โรซารี่: “แวร์ซายส์หรอ? ไม่มีทางหรอก มันเป็นแค่ฝัน” โรซารี่หัวเราะในความคิดของจินนี่ ซึ่งเธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะมันต่างกับความเป็นอยู่ตอนนี้โดยสิ้นเชิง จินนี่ : “ฝันหรอ? ไม่ ไม่จริง! ไม่ใช่ฝัน! โถ่ ชีวิตของเราตอนนี้มันเป็นแค่ฝัน มันเป็นฝันร้าย! ฝันร้าย! ล้างออกไป จางสิ มัวสิ ต้องอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆอนาถาในเมืองสกปรก กินแต่เศษขนมปัง กับซุปมันฝรั่งทุกวัน...” จินนี่ที่รู้สึกน้อยใจในโชคชะตา และพยายามหลอกตัวเองว่าที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่แล้วเธอก็รู้ตัวว่านี้มันไม่ใช่ความฝัน เพราะแม่ตบหน้าจินนี่อย่างแรง เพื่อเตือนสติเธอ “แม่!” แม่จินนี่ : “เธอพูดอะไร ในขณะที่เธอไม่เคยทำงาน เอาแต่ส่องกระจกทั้งวัน? เธออายุ 17 แล้วนะ เธอสามารถรับจ้างเย็บผ้า หรือเป็นแม่บ้าน หรืออะไรก็ได้! ถ้าเกิดว่าฉันยังแข็งแรงอยู่ล่ะก็ ฉันจะทำงานให้มากขึ้นมากขึ้น แล้วก็ซื้อชุดสวยๆให้เธอสองคน เลี้ยงเธอด้วยอาหารดีดี” แม่ของจินนี่รู้สึกเสียใจกับคำพูดของจินนี่ เธอพยามทำดีที่สุดเท่าที่แม่คนนึงจะสามารถทำได้ แล้วเธอก็ไอออกมาด้วยอาการป่วย โรซารี่ : “แม่” โรซารี่รีบเข้าไปดูแม่ด้วยความเป็นห่วง แม่จินนี่ : “เธอไม่เคยเข้าใจว่าฉันปวดร้าวแค่ไหน” จินนี่ : “เลิกพูดถึงความทุกข์ของแม่ได้แล้ว” จินนี่เบื่อที่จะฟังคำพูดของแม่ โรซารี่ : “จินนี่!” โรซารี่ห้ามจินนี่ไม่ให้พูดอะไรที่สะเทือนใจแม่ไปมากกว่านี้ จินนี่ : “ฉันจะปีนขึ้นไปตามทางของฉันด้วยมือของฉันเอง ฉันจะต้องมีโอกาสและได้ใส่ชุดผ้าไหมกับสร้อยคอสวยๆ แน่นอน” แล้วเธอก็เดินออกไปจากบ้านทันที โรซารี่ : “จินนี่” โรซารี่พยายามร้องเรียกจินนี่ให้กลับมา แม่จินนี่ : “โรซารี่ ปล่อยเธออยู่คนเดียวก่อน ถ้าเธอหิวเดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ” แล้วแม่ก็ไอออกมาอีก โรซารี่ : “เป็นอะไรรึป่าวคะแม่?” แม่จินนี่ : “ขอบใจนะ เธอเป็นเด็กดี โรซารี่ โรซารี่ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีเธอ” โรซารี่ : “แน่นอนค่ะแม่ หนูจะอยู่กับแม่ หนูเป็นลูกของแม่” แม่จินนี่ : “ใช่ เธอคือลูกของฉัน ลูกที่มีค่าของฉัน” แม่กอดโรซารี่ไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมา หลังจากที่ออกสำรวจเส้นทางสำหรับขบวนเสด็จแล้ว ในช่วงค่ำ ออสการ์ อังเดร และเจโลเดล ก็ได้พักดื่มไวน์กันในร้านแห่งหนึ่งริมถนน แล้วออสการ์ก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่ง ออสการ์ : “นั่น... นั่นใช่ดยุคเจอเมนรึป่าว? เขาดูเหมือนจะไม่อยากให้ใครเห็นหน้า” ออสการ์เห็นดยุคเจอเมนที่แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมและหมวกมิดชิด กำลังนั่งคุยกับชายคนหนึ่ง เจโลเดล : “นั่นผู้ชายคนนั้น คือ...” ออสการ์ : “เธอรู้จักเค้าหรอ?” เจโลเดล : “เค้าเคยเป็นสมาชิกของกองทหารรักษาพระองค์จนถึงปีที่แล้ว เค้าชื่อ ชาร์ลส์ โคลเดอร์ เค้าเก่งในการต่อสู้ด้วยดาบและฉลาด แต่เค้าทำให้ตัวเองต้องย่ำแย่ เพราะติดการพนันและถูกปลดจากทหาร” อังเดร : “แต่ทำไม ชาร์ลส์ถึงได้มากับเค้าท์เจอเมนได้ล่ะ?” ออสการ์ส่งสัญญาณให้อังเดรเงียบๆ ออสการ์เห็นดยุคเจอเมนส่งถุงเงินให้กับชาร์ลส์ และชาร์ลส์ก็เดินจากไป ดยุคเจอเมนเดินไปขึ้นรถม้า แต่ก่อนที่จะขึ้นรถม้า จินนี่ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆกับรถม้า ก็โผล่ออกมา จินนี่ : ท่านได้โปรดเมตตาฉันด้วย ได้โปรดเมตตาฉันด้วย” ดยุคเจอเมน หันกลับมา จินนี่ : “ฉันสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวของราชวงศ์วาลูอิส” ดยุคเจอเมนไม่ได้สนใจคำพูดของจินนี่เลย แต่กลับใช้แซ่ฟาดจินนี่อย่างแรงจนล้มลง และไล่จินนี่ให้ออกไปด้วยความรังเกียจ เค้าท์เจอเมน : “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน เจ้าขอทาน! ออกไป!” และเค้าก็ขึ้นรถม้าออกไปทันที ทิ้งให้จินนี่ล้มฟุบอยู่ข้างถนน จินนี่ : “ตาแก่ขี้เหนียวเอ๊ย!” จินนี่ตะโกนด่า จินนี่พยายามลุกขึ้น แต่ก็ต้องล้มลงอีกเพราะรู้สึกเจ็บขา “โอ๊ย!” จินนี่ยิ่งโกรธแค้นและน้อยใจในโชคชะของตนเอง “เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกขุนนางรวยๆ ไม่ใช่หรอ? ฉันจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาที่เลวร้ายตั้งแต่เกิดหรอก” จินนี่คิด
|
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |