กุหลาบแวร์ซายส์ , Lady Oscar , La Rose de Versailles , The Rose of Versailes , Berusai No Bara
|
||||
ตอนที่ 26(2) ฉันอยากเจออัศวินดำ! (I want to see the Black Knight!) ระหว่างที่สลบอยู่นั้นเธอฝันว่า อัศวินดำมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ออสการ์ : “แกเป็นใคร? แกเป็นใครกันแน่?! อังเดร เธอใช่มั้ย? นี่คือเหตุผลที่เธอไว้ชีวิตฉันใช่มั้ย?!” แล้วอัศวินดำก็ถอดหน้ากากออกมาเผยให้เห็นใบหน้าของอังเดรอยู่ใต้หน้ากาก ออสการ์ : “ฮะอังเดร!!” ในความฝันนั้นอังเดรกระโดดทะลุกระจกออกไปและร่วงลงไปด้านล่าง ออสการ์ : “อังเดร! อังเดร!” ออสการ์ตกใจร้องลั่นแล้วเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้น เมื่อออสการ์ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเธอนั้นนอนอยู่บนเตียงในชุดลำลองและบาดแผลที่ศีรษะมีผ้าพันแผลพันไว้ เมื่อหันไปข้างเตียงก็เจอหญิงชาวบ้านท่าทางใจดียืนอยู่ หญิงชาวบ้าน : “ดีจัง! ท่านฟื้นแล้ว เมื่อคืนนี้ฉันแปลกใจมาก! ฉันได้ยินเสียงดังแล้วก็เห็นท่านมีเลือดเต็มตัวและหมดสติอยู่ที่ประตู แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ ผู้หญิงคนนี้รู้จักท่านด้วย!” ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก แล้วออสการ์ก็ต้องแปลกใจอย่างมากเมื่อเห็นโรซารี่ถือเหยือกน้ำเข้ามาในห้อง ออสการ์ : “โรซารี่!” โรซารี่ : “ท่านออสการ์!” หญิงชาวบ้าน : “โลกมันแคบจริงๆด้วย!” หญิงชาวบ้านรับเหยือกน้ำไปจากโรซารี่และเดินออกไปข้างนอกปล่อยให้โรซารี่กับออสการ์ได้อยู่กันตามลำพัง โรซารี่ : “ท่านออสการ์! ฉันดีใจจริงๆที่ท่านฟื้น ฉันดีใจจริงๆ! ท่านยังอยู่...” โรซารี่วิ่งเข้าไปกอดออสการ์และร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ออสการ์ : “ฉันถูกด้ามปืนตีน่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่โรซารี่ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ฉันคิดว่าเธออยู่กับครอบครัวโปลินยัคซะอีก” โรซารี่ : “ฉันออกมาจากบ้านนั้นแล้ว พวกเขาเอาฉันไปใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาบังคับให้ฉันแต่งงานกับดยุคเดอกิช...แทนชาร์ล็อตน้องสาวของฉันที่ตายไปแล้ว สุดท้ายแล้ว ขุนนางก็แค่พยายามปกป้องเชื้อสายและอำนาจของตัวเองเท่านั้น ฉันไม่สามารถทนอยู่ได้ ถึงแม้ว่าจะได้อยู่กับแม่แท้ๆของฉันก็ตาม ฉันเกลียดขุนนาง! เออ ขอโทษค่ะ...” โรซารี่ระบายความในใจออกมาโดยลืมนึกไปว่าออสการ์ก็เป็นขุนนางเช่นกัน ออสการ์ : “ไม่เป็นไร...” โรซารี่ : “อ๊า ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเพื่อนบ้านของเรา เมื่อตอนที่ฉันอาศัยอยู่ในปารีส เธอดีกับฉันมากเลย” โรซารี่แนะนำให้ออสการ์รู้จักหญิงชาวบ้านที่เธออยู่ด้วย หญิงชาวบ้านเดินเข้ามาในห้องพร้อมยกถาดซุปร้อนๆเข้ามา หญิงชาวบ้าน : “ซุปร้อนๆพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ!” โรซารี่รับถาดซุปแล้วยกมันมาให้ออสการ์ โรซารี่ : “ค่ะ มาแล้วค่ะ โต๊ะหมายเลข 1! ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” โรซารี่วางซุปลงตรงหน้าของออสการ์ หญิงชาวบ้าน : “ฉันขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ไม่มีเครื่องปรุงอะไรเลย...มีแต่หัวใจของฉันที่ใส่ลงไป!” โรซารี่ : “เฮ้ มันก็ไม่เคยมีอะไรอยู่ในนั้นอยู่แล้วนี่!” หญิงชาวบ้าน : “อ๊า เธอก็เคยใส่ถั่วลงไปนี่นา!” โรซารี่ : “ฉันหวังว่าเราคงจะมีถั่วให้ใส่นะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทั้งคู่หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้ว่าในซุปนั้นจะไม่มีเครื่องปรุงอะไรเลย แต่ออกสาร์ก็ตักซุปกินอย่างเอร็ดอร่อย โรซารี่ : “ฉันขอโทษด้วยนะคะ ซุปนี่อาจจะไม่ถูกปากท่าน แต่นี่ก็คือทั้งหมดที่เรามีในตอนนี้” ออสการ์ : “เธอจะขอโทษทำไมกัน? ฉันไม่เคยกินซุปที่อร่อยและอุ่นแบบนี้มานานแล้ว” ในตอนเช้าวันนั้นเอง ออสการ์และโรซารี่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงระฆังจากโบสถ์ดังก้องไปทั่ว โรซารี่ : “ฉันต้องไปทำงานที่ตลาดแล้วล่ะค่ะ ต้องตื่นแต่เช้าและงานหนักหน่อยแต่ฉันก็สนุกกับมันในทุกๆวัน!” ออสการ์ : “โรซารี่” โรซารี่ : “คะ?” ออสการ์ : “ฉันยังเก็บห้องของเธอไว้เหมือนเดิมนะ มันยังพร้อมให้เธอกลับมาเสมอ” โรซารี่ : “ไม่ค่ะ ท่านออสการ์ ฉันจะอยู่ในปารีสนี้ ฉันรักเมืองที่ฉันเติบโตมากกว่าบ้านของขุนนางค่ะ” ออสการ์ชวนโรซารี่กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์จาร์เจส์เหมือนเดิม แต่โรซารี่ปฏิเสธ ในวันนั้นออสการ์จึงเดินทางออกจากบ้านพักของโรซารี่ เธอเดินออกมาเรียกรถม้าเพื่อกลับไปบ้าน คนขับรถม้า : “ไปไหนครับท่าน” ออสการ์ : “ไปแวร์ซายส์” ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถม้า ออสการ์ก็นึงถึงคำพูดของโรซารี่และหญิงชาวบ้าน หญิงชาวบ้าน : “ฉันขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ไม่มีเครื่องปรุงอะไรเลย...มีแต่หัวใจของฉันที่ใส่ลงไป!” โรซารี่ : “เฮ้ มันก็ไม่เคยมีอะไรอยู่ในนั้นอยู่แล้วนี่!” คำพูดเหล่านั้นทำให้ออสการ์ได้รับรู้ถึงความยากแค้นของประชาชนฝรั่งเศส ระหว่างทางที่รถม้าผ่านไปในเมืองปารีส ออสการ์ก็ได้เห็นประชาชนจำนวนมากพากันเดินขบวนสนับสนุนอัศวินดำ ชาวบ้าน:“อัศวินดำเป็นมิตรของพวกเรา! สนับสนุนอัศวินดำ ฮีโร่ของเรา! อัศวินดำเป็นมิตรของพวกเรา! สนับสนุนอัศวินดำ ฮีโร่ของเรา!” ค่ำวันนั้นออสการ์กลับมาถึงบ้าน เธอนั่งรออังเดรอยู่หน้าเตาผิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อังเดรเดินเข้ามาและพูดกับออสการ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย อังเดร : “ฉันดีใจนะที่บาดแผลของเธอไม่ได้รุนแรงมาก ถ้าเธอรอฉันซักหน่อยจนกว่าฉันจะกลับมา...” ออสการ์ : “เธอไปไหนมาล่ะ? เธอบอกว่า เธอจะออกไป 1 หรือ 2 ชั่วโมง เธอไปไหน?” ออสการ์พูดกับอังเดรด้วยสีหน้าจริงจังและลุกขึ้นยืน “ไม่ใช่แค่คืนนั้น แต่เธอออกไปหลายครั้ง ที่เธอบอกว่าไปขี่ม้าน่ะ เธอไปไหน? เธอกำลังทำอะไรอยู่?! ไม่สิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเธอ แต่...แต่ ฉันแค่อยากรู้ความจริง!” ออสการ์คาดคั้นอังเดร แต่อังเดรยังคงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย อังเดร : “ฉันรู้ว่าเธอสงสัยฉัน ฉันจะพาเธอไปที่ที่ฉันไปขี่ม้า” คืนนั้นอังเดรพาออสการ์ขี่ม้าออกไปที่โบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมืองออกไป ห่างไกลจากชุมชน อังเดร : “นั่นคือโบสถ์เล็กๆที่ฉันขี่ม้ามาที่นี่ เมื่อเธอเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ข้างในมีทั้งขุนนางและชาวนา พวกเขารู้เกี่ยวกับยุคที่กำลังจะมาถึง” ภายในโบสถ์นั้นมีกลุ่มคนอยู่จำนวนหนึ่งกำลังตั้งใจฟังบาทหลวงอ่านข้อความจากหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง บาทหลวง : “ในขณะนี้ 97% ของประชากรฝรั่งเศส ถูกเรียกว่า ‘ฐานันดรที่ 3’ ชาวนา, พ่อค้า,ช่างฝีมือและทุกคนที่ไม่ใช่ขุนนาง ทั้ง 97%อดอยากจากการเก็บภาษีที่แพงและไม่สามารถจ่ายเงินซื้อขนมปังได้ทุกๆวัน ใครใช้เงินภาษีเหล่านั้นล่ะ?! ชนชั้นขุนนางที่เหลือแค่ 3%! 97% ทำงานเพื่อชนชั้นพิเศษแค่ 3%! เราจะยอมได้อย่างไร?! พระเจ้าสร้างคนทุกคนให้เท่าเทียมกัน...” เมื่อการชุมนุมในโบสถ์จบลงออสการ์และอังเดรก็ขี่ม้ากลับบ้าน ระหว่างทางอังเดรจึงบอกเล่าความคิดของเขาให้ออสการ์ฟัง อังเดร : “ฉันจะเรียกมันว่า กลุ่มการเรียนรู้ เป็นไง? มันจะจัดขึ้นสัปดาห์ละ2-3 ครั้งที่โบสถ์ ฉันเคยคิดว่ามันดูโง่และไร้เดียงสา แต่เมื่อคนอย่างฉันได้ยินว่าเสียงของยุคใหม่ มันกำลังจะมา... ฉันถูกเลี้ยงดูในบ้านของขุนนางและฉันก็ทำงานให้กับขุนนาง แต่ตัวฉันไม่ใช่ขุนนาง อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่ายุคใหม่คืออะไร นี่คือความรู้สึกของฉัน” เมื่อกลับมาถึงบ้านออสการ์และอังเดรยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่ในห้องรับแขก ออสการ์ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ลมพายุกำลังพัดพาหิมะปลิวไปมาในความมืด ออสการ์ : “เธอจะพูดว่า อัศวินดำเป็นตัวแทนของยุคใหม่ใช่มั้ย?” อังเดร : “ไม่ ชั้นไม่ได้จะพูดแบบนั้น ก็เหมือนที่เธอพูดนั่นแหละ ขโมยก็คือขโมย แต่มันก็เป็นความจริงที่เขาแสดงให้เห็นว่า ประชาชนรู้สึกอย่างไรต่อขุนนาง” ออสการ์ : “ฉันอยากเจอเขา! ฉันอยากจับเขาและเปิดเผยว่าอะไรอยู่ภายใต้หน้ากากของเขา! เพื่อดูว่าเขาเป็นแค่ขโมยหรือไม่... ทำอย่างที่เธออยากทำเถอะ ฉันจะไม่บังคับเธอ” เช้าวันต่อมา ออสการ์สวมชุดคลุมอัศวินสีดำยืนอยู่หน้ากระจก เธอแกะผ้าพันแผลที่พันรอบศีรษะออกและสวมหน้ากากอัศวินสีดำ ทันใดนั้นเอง อังเดรเดินเข้ามาในห้องพอดี อังเดร : “ฉันว่าผมสีบรอนซ์ของเธอมันไม่เวิร์คนะ เธอพยายามจะล่อมันออกมาด้วยอัศวินดำตัวปลอมใช่มั้ยล่ะ? ความคิดดีนี่ แต่มันยากที่จะทำ ฉันว่าเธอดูผอมไปหน่อย ฉันเหมาะสมกว่านะ!” อังเดรหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นก็ตัดผมที่รวบเป็นหางม้าของตัวเองออก ต่อหน้าออสการ์ที่ตกใจในการกระทำของเขา อังเดรตัดสินใจปลอมตัวเป็นอัศวินดำแทนออสการ์ เขาสวมชุดอัศวินดำและสวมหน้ากาก เขาดูคล้ายกับอัศวินดำมากทีเดียว อังเดร : “ฉันดูเป็นยังไงบ้าง ออสการ์? เทียบกับอัศวินดำที่เธอเคยเห็นได้มั้ย?” อังเดรหันไปถามออสการ์ ออสการ์ : “ตอนกลางคืนก็หลอกฉันได้เลยแหละ” ออสการ์และอังเดรร่วมกันวางแผนโดยการปลอมตัวเป็นอัศวินดำและออกขโมยของตามบ้านของขุนนางทั้งหลาย คืนแล้วคืนเล่า เพื่อล่อให้อัศวินดำตัวจริงออกมา ข่าวการออกขโมยของของอัศวินดำกระจายไปทั่วทั้งแวร์ซายส์ ขุนนาง:“มันน่ากลัวมาก ที่อัศวินดำขโมยของเมื่อเร็วๆนี้” “แน่นอน! ชุดเครื่องเพชรของฉันก็พึ่งถูกขโมยไปเมื่อ 2 คืนที่ผ่านมา!” “โอ้ ของฉันก็ด้วย!” “เมื่อก่อนเขาขโมยแต่ของเล็กๆน้อยๆ แต่ตอนนี้เขาขโมยแต่ของแพงๆ!” ออสการ์และอังเดรเอาเครื่องเพชรและของมีค่าทั้งหมดที่ขโมยมาซ่อนไว้ในตู้ภายในห้องของออสการ์ อังเดรเปิดตู้ที่ซ่อนของมีค่าไว้ก็ต้องตกตะลึงเมื่อในตู้เต็มไปด้วยของมีค่ามากมาย อังเดร : “วี๊ดวิ้ว พูดซิออสการ์ เธอคิดว่าฉันมีความสามารถพิเศษในการขโมยมั้ย?” อังเดรพูดล้อเล่นกับออสการ์ที่กำลังยืนจิบกาแฟอยู่ริมหน้าต่าง ออสการ์ : “หึหึ เราจะคืนเพชรให้เจ้าของ เมื่อเราจับตัวอัศวินดำได้แล้ว อัศวินควรต้องให้เกียรติอัศวินนะ” อังเดร : “แน่นอน ฉันรู้” อังเดรปิดตู้ลง ออสการ์ : “หลังจากจบงานนี้เธอสามารถไปเข้ากลุ่มการเรียนรู้หรือทำอะไรก็ได้ในทุกๆวัน” อังเดร : “พูดตรงๆนะออสการ์...ยุคที่กำลังจะมาถึงมันไม่เป็นผลดีต่อขุนนาง” อังเดรบอกออสการ์ด้วยความเป็นห่วง ออสการ์ : “เมื่อวันนั้นมาถึง เธอก็ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะเธอไม่ใช่ขุนนาง” อังเดรได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจ “เธอพูดอะไรแบบนั้นออสการ์?! เธอคิดว่าฉันจะทิ้งเธองั้นหรอ!? ออสการ์ ฉันทำมันเพื่อเธอด้วยเหมือนกัน!” อังเดรคิด ออสการ์ : “อังเดร ใกล้จะค่ำแล้ว ไปเตรียมตัวกันเถอะ” อังเดร : “โอเค” อังเดรหยิบหน้ากากอัศวินดำขึ้นมาสวม แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีอีกาตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินตรงเข้ามาทางหน้าต่างและพุ่งชนแก้วกาแฟในมือของออสการ์จนตกแตก เหมือนเป็นลางร้ายบางอย่าง อังเดร : “เธอเป็นอะไรมั้ยออสการ์?” ออสการ์ยังคงตกใจยืนนิ่ง หน้าซีด เหงื่อแตกอยู่ตรงนั้น ออสการ์ : “เอ่อ...ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ฉันรู้สึกไม่ดีเลย...เหมือนมีรางสังหรณ์ว่าจะสูญเสียสิ่งของมีค่าไป” อังเดร : “ฮ่าฮ่าฮ่า ไปกันเถอะ!” อังเดรไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คืนนั้นอังเดรยังคงออกปล้นตามบ้านของขุนนางเหมือนเช่นเคย โดยมีออสการ์คอยซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ อังเดรในชุดอัศวินดำใช้มีดสั้นสองอันปักบนกำแพงและค่อยๆปีนขึ้นไปบนบ้านของขุนนาง เขาเข้าไปขโมยเครื่องเพชรและหนีออกมาโดยไม่รู้เลยว่า อัศวินดำตัวจริงนั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ อังเดร : “หึ หึ มันไม่ใช่แค่ความสามารถพิเศษนะ..แต่มันอาจจะเป็นความอัจฉริยะเลยแหละ!” อังเดรหอบกล่องเครื่องเพชรและวิ่งเข้าไปในป่าแต่ทันใดนั้นเอง อัศวินดำตัวจริงก็โผล่มาขวางทางเขาไว้ อัศวินดำ : “เจ้าอัศวินตัวปลอม แกใช้ชื่อฉันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง! ฉันจะไม่ปล่อยแกหนีไปหรอก” แล้วอัศวินดำตัวจริงก็ชักดาบออกมา อังเดร : “ในที่สุดตัวจริงก็ปรากฏ ฉันรอแกมานานพอแล้ว” อัศวินดำ : “อะไรนะ?!” อัศวินดำได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ แต่เมื่อเขาหันไปด้านหลังก็เจอกับออสการ์ซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวของเธอและจ่อปากกระบอกปืนมาที่เขา ออสการ์ : “ยอมแพ้ซะ อย่าขยับ!” อัศวินดำ : “เวรละ มันเป็นกับดัก อ๋อหรอ!” แต่อัศวินดำก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เขากลับกระโดดขึ้นม้วนตัวกลางอากาศและหันกลับมาต่อสู้กับอังเดรแทน อัศวินดำและอังเดรฟันดาบต่อสู้กันไปมาจนออสการ์ไม่สามารถเล็งปืนไปที่อัศวินดำได้ และทันใดนั้นเอง อังเดรพลาดท่าโดนอัศวินดำปัดดาบออกจากมือและอัศวินดำก็ใช้ดาบฟันเข้าที่ตาข้างซ้ายของอังเดรอย่างจังจนหน้ากากขาดออก ออสการ์ : “อังเดร!” ออสการ์ตกใจสุดขีด อังเดรใช้มือซ้ายของเขากุมบาดแผลที่ตาข้างซ้ายแล้วทรุดลงกับพื้น เลือดค่อยๆไหลซึมออกมาไม่หยุด อังเดร : “ตาของฉัน...!” เขาร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย ออสการ์ : “อังเดรรรร!” ออสการ์ร้องตะโกนสุดเสียง จบตอนที่ 26 |
Lady Oscar
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |