ตอนที่ 40(1) ลาก่อน ออสการ์ที่รัก (Adieu,My beloved Oscar)
          ทหารบนป้อมปราการของคุกบาสตีย์ทั้งหมด เล็งปืนและยิงมาที่ออสการ์ซึ่งสั่งการอยู่ด้านล่าง กระสุนหลายสิบนัดพุ่งใส่ออสการ์ จนร่างของเธอล้มลง ด้วยแรงกระสุนร่างของเธอกระเด็นไปข้างหลัง เธอฟุบหน้าลงกับพื้น แต่เธอก็พยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เธอนอนแน่นิ่งไปบนพื้นแล้วเลือดก็ไหลจากศีรษะอาบลงมาที่แก้มของเธอ
ออสการ์ : “อังเดร...” ในใจของเธอยังคงคิดถึงอังเดร
ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในที่นั้น ทั้งทหารลาดตระเวน ผู้ชุมนุม อัลเลน เบอร์นาร์ดและโรซารี่
โรซารี่ : “ท่านออสการ์!” โรซารี่ตะโกนเรียกออสการ์
อัลเลนรีบเข้ามาดูออสการ์
อัลเลน : “หัวหน้า! หัวหน้าออสการ์! ทำใจดีดีไว้นะ! ได้ยินฉันมั้ย?! หัวหน้า!” อัลเลนตะโกนเรียกเธอ
ออสการ์ : “ไม่ต้องตะโกนก็ได้ อัลเลน ฉันได้ยิน” ออสการ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
อัลเลนจึงรีบให้ทหารลาดตระเวนคนอื่นๆมาช่วยกันย้ายร่างของออสการ์ไปในที่ปลอดภัย
อัลเลน : “ทำอะไรกันอยู่เล่า? มาช่วยฉันย้ายเธอไปในที่ปลอดภัยเร็ว!” อดีตทหารลาดตระเวนที่เหลือทั้งหมด ช่วยกันแบกร่างของออสการ์ไป ในขณะที่ทหารบนป้อมปราการของคุกบาสตีย์ยังคงยิงใส่ประชาชนไม่หยุด
ทหาร : “ยิง!”
 
เบอร์นาร์ด : “มาทางนี้! เร็ว!” เบอร์นาร์ดวิ่งนำทางทุกคนไปในซอยหนึ่งที่ปลอดภัย
อัลเลน : “เบอร์นาร์ด! รอเดี๋ยว ออสการ์...” ออสการ์สั่งให้ทุกคนหยุด
ออสการ์ : “วางฉันลง อัลเลน วางฉันลง... ได้โปรด ฉันขอร้อง...ฉันเหนื่อยเหลือเกิน... 5 นาทีก็พอ ฉันอยากจะหลับให้สบาย...”
ทหารที่แบกร่างออสการ์ต่างหยุดเดิน เบอร์นาร์ดหันหน้าไปถามหมอ
เบอร์นาร์ด : “หมอ!”
หมอ : “ปูผ้าให้เธอ”
อดีตทหารลาดระเวนช่วยกันปูผ้าทำที่นอนให้ออสการ์บนพื้น และวางเธอลงบนที่นอน
เบอร์นาร์ด : “หมอ...” หมอเข้าไปตรวจชีพจรของออสการ์ ชีพจรของเธอแผ่วเบา จนเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้
หมอ : “เช็ดเลือดออกจากหน้าของเธอหน่อย”
โรซารี่ : “ฉันทำเองค่ะ...” โรซารี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่เลอะอยู่บนใบหน้าของออสการ์ออก
ออสการ์ : “ทำไม? ฉันไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ของเราเลย ยิงสิ ยิง ทลายคุกบาสตีย์! ยิง อัลเลน ยิง เธอมัวทำอะไรอยู่?!”
อัลเลนได้ยินดังนั้นก็ออกคำสั่งกับลูกน้องที่เหลือทันที
อัลเลน : “อดีตทหารลาดตระเวน! เข้าประจำที่!”
เพื่อนทหาร : “ครับ!”
อดีตทหารลาดตะเวนทุกคนรีบวิ่งกลับไปยังคุกบาสตีย์ รวมทั้งอัลเลนด้วย ก่อนไปอัลเลนหันกลับมาทำความเคารพออสการ์ก่อนจะวิ่งกลับไปที่คุก
ออสการ์ : “ยิงสิ ยิงต่อไป...”
อดีตทหารลาดตระเวนต่างเข้าประจำที่ควบคุมปืนใหญ่เหมือนเดิม
อัลเลน : “ได้เลย! โอเค ทุกคน! จัดการมันเลย!”
เพื่อนทหาร : “โอเค!”
อดีตทหารลาดระเวนระดมยิงปืนใหญ่ใส่คุกบาสตีย์โดยมีอัลเลนเป็นผู้สั่งการแทนออสการ์ จนคุกบาสตีย์ไม่สามารถต้านทานไว้ได้
ประชาชน : “บุก!” เสียงประชาชนโห่ร้องและบุกเข้าไปในคุกบาสตีย์
เบอร์นาร์ด : “ท่านได้ยินมั้ยออสการ์ เสียงของประชาชนบุกเข้าไปแล้ว!” เบอร์นาร์ดบอกข่าวดีกับออสการ์ แต่ทันใดนั่นเอง ออสการ์ก็หลับตาลง
ออสการ์ : “ลาก่อน...” ออสการ์จากไปอย่างสงบ
โรซารี่ : “ไม่....!” โรซารี่ร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ
          วันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ออสการ์ ฟรังซัวส์ เสียชีวิต...และ 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น รอบๆคุกบาสตีย์ได้ยกธงขาวเพื่อเป็นการยอมแพ้ การปฏิวัติไม่ได้เสร็จสิ้นแค่เพียงชัยชนะของประชาชนที่คุกบาสตีย์เท่านั้น การปฏิวัติที่แท้จริงพึ่งเริ่มขึ้น มันคือการก่อตั้งระบบสังคมแบบใหม่และสอบสวนชนชั้นปกครองโดยผู้ชนะ ในความเป็นจริงแล้วการนองเลือดที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นในขณะปฏิวัติฝรั่งเศสแต่เกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้จบลง
 
          5 ปีผ่านไป ตอนนี้อัลเลนย้ายมาเป็นชาวนาอยู่ในชานเมืองแห่งหนึ่งริมทะเล ที่ที่หลุมศพของแม่และน้องสาวของเขาฝังอยู่ อัลเลนทหารร่างใหญ่ กำยำ ตอนนี้ซูบผอมและผิวคล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ในขณะที่เขากำลังขุดดินทำไร่อยู่นั้น ก็มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาจอด
เบอร์นาร์ด : “เฮ้ อัลเลน! หัวหน้าทีมอัลเลน! นี่ฉันเอง เบอร์นาร์ด!” เบอร์นาร์ดและโรซารี่ลงมาจากรถม้าทักทายอัลเลน
อัลเลน : “ว่าไง เบอร์นาร์ด! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เบอร์นาร์ด : “นานแค่ไหนแล้วนะ? 5 ปีแล้วสินะตั้งแต่คุกบาสตีย์!”
อัลเลน : “5 ปีแล้วหรอ?”
เบอร์นาร์ด : “ฉันตามหานายจนทั่วเลย ทำไมนายถึงหายไปหลังจากคุกบาสตีย์แพ้ล่ะ?!”
อัลเลน : “หลุมศพของแม่และน้องสาวของฉันอยู่ที่นี่ ฉันคิดมานานแล้วว่าจะมาเป็นชาวนาอยู่ที่นี่”
อัลเลนมองไปที่หลุมศพที่มีไม้กางเขนปักอยู่คู่กันตรงริมทะเล
เบอร์นาร์ด : “หลุมศพของออสการ์และอังเดรก็อยู่บนเนินเขาเล็กๆในเมืองอารัสแบบนี้เหมือนกัน”
อัลเลน : “ออสการ์กับอังเดร อืม ใช่ ในอีกแง่นึงพวกเขาก็โชคดีนะ พวกเขาตายโดยที่ไม่ต้องมารับรู้ความอัปยศที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ” เบอร์นาร์ดเริ่มเล่าเรื่องราวหลังจากการทลายคุกบาสตีย์ให้อัลเลนฟัง
         
          วันที่ 1 ตุลาคม 1789 ความโกรธแค้นของผู้หญิงก็ระเบิดออกด้วยความอดอยากต่อเนื่องหลังการปฏิวัติ ความโกรธแค้นของพวกเขาพุ่งตรงไปที่อังตัวเน็ตเพียงคนเดียว โดยมีพวกผู้ชายคอยอยู่เคียงข้างพวกเขา และคนกลุ่มใหญ่กว่า 6,000 คน ได้เดินขบวนมุ่งหน้าไปที่แวร์ซายส์ด้วยความแค้น
ประชาชน : “ฉันจะจิกผมหล่อนออกมา!” “ผู้หญิงออสเตรียคนนั้นพูดว่า ถ้าไม่มีขนมปังก็กินเค้กแทนสิ ในขณะที่พวกเราอดมื้อกินมื้อ!” ประชาชนบุกเข้าไปในแวร์ซายส์ ในขณะนั้นพระนางอังตัวเน็ตอยู่ในห้องบรรทมกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระธิดาและพระโอรสหลุยส์ชาร์ล เสียงของประชาชนทำให้พวกเขาตื่นกลัว ทันใดนั้นก็มีขุนนางคนหนึ่งรีบวิ่งมาเคาะประตูห้อง
ขุนนาง : “ได้โปรดหนีไปฝ่าบาท! เพื่อความปลอดภัย...” แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ประชาชนก็บุกเข้ามาถึงห้องแล้ว
ประชาชน : “ราชินีอยู่ไหน?! หาให้เจอแล้วฉีกเธอเป็นชิ้นๆ!” “ลากตัวราชินีออกมา! ลากเธอออกมาที่ระเบียง!” ประชาชนที่อยู่ด้านนอกระเบียงข้างล่าง ต่างกดดันให้พระราชินีออกมาที่ระเบียง
นางกำนัน : “ฝ่าบาทเพคะ! มันอันตรายที่จะออกไปเพคะ! ฝ่าบาท!” นางกำนันร้องห้าม
ประชาชน : “ลากเธอออกมา ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!” โดยไม่มีใครบังคับ พระนางอังตัวเน็ตเดินออกไปที่ระเบียงด้วยพระองค์เองในขณะที่ฝนเริ่มตก มารี อังตัวเน็ต คือราชินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์บูร์บองที่ยาวนานกว่า 200 ปี ในที่สุดก็ยอมโค้งคำนับให้ประชาชน ประชาชนอยู่ในความเงียบ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะในการปฏิวัติ แต่ประชาชนต้องการลดเกียรติของอังตัวเน็ต ในขณะที่เธอโค้งคำนับพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะยังคงให้พระนางเป็นราชินีต่อไป
อังตัวเน็ต : “ฉันจะไม่ยอมรับการปฏิวัติ ไม่มีวัน!”
 
          ในขณะนั้นแฟร์ซองอยู่ที่สวีเดน เขายังคงเฝ้าติดตามข่าวคราวของราชวงศ์ฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วง เขานั่งจิบไวน์อยู่หน้าเตาผิงโดยมีผู้ติดตามคอยรายงานข่าวของฝรั่งเศส
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “สมัชชาฐานันดรให้ปลดสิทธิพิเศษของนักบวชและขุนนางแล้ว การสอบสวนถูกจัดขึ้นโดยคณะปฏิวัติในปารีสแทบทุกวัน ขุนนางที่ประชาชนไม่ค่อยรู้จักถูกตัดสินประหารชีวิตไปทีละคน”
แฟร์ซอง : “แล้วพระราชินีเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “ด้วยการเรียกร้องของประชาชน ราชนิกูลจึงถูกย้ายจากแวร์ซายส์ไปอยู่ที่พระราชวังตุยเลอรี”
แฟร์ซอง : “วังเก่าตุยเลอรี ที่ไม่มีใครเข้าไปเหยียบมา 150 ปีแล้วน่ะหรอ?”
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “โอ้ ที่นี่ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ แค่ปัดฝุ่นออกหน่อยมันก็กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ทีเดียว”
แฟร์ซอง : “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ช่างน่าสงสารจริงๆ” แฟร์ซองนั่งกุมขมับด้วยความสงสารผู้เป็นที่รักอย่างสุดหัวใจ
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “รอบๆวังเต็มไปด้วยทหาร มีคนรับใช้แค่สองสามคนคอยดูแลราชนิกูล”
แฟร์ซอง : “พอแล้ว” แฟร์ซองไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “ครับท่าน” ผู้ติดตามกำลังจะเดินออกไปแต่แฟร์ซองเรียกไว้
แฟร์ซอง : “เดี๋ยวก่อน ข่าวครั้งหน้าจะมาถึงเมื่อไหร่?”
ผู้ติดตามแฟร์ซอง : “ข้อความคราวหน้าจะถูกส่งมาโดยม้าเร็วในอีก 3 วันข้างหน้าครับ”
ด้วยความเสียใจและสงสารในชะตากรรมที่น่าเวทนาของอังตัวเน็ต แฟร์ซองเดินออกมานอกบ้านในขณะที่ฝนตกหนัก เขาเงยหน้ามองฟ้า น้ำฝนไหลปนกับน้ำตาแห่งความเสียใจของเขา
แฟร์ซอง : “ออสการ์! ตอนนี้ฉันสูญเสียเพื่อนรักของฉันไปแล้ว ได้โปรดมอบความกล้าหาญให้ฉันด้วย! มอบปีกสีขาวของปีกาซัสที่จะทำให้บินไปถึงสรวงสวรรค์!”
เบอร์นาร์ดเล่าเรื่องต่อให้อัลเลนฟัง
เบอร์นาร์ด : “แฟร์ซองผู้น่าสงสาร ความรักที่มั่นคงของเขาทำให้มารี อังตัวเน็ตต้องจนมุม ในขณะที่มาดามโปลินยัคและขุนนางคนอื่นๆที่เคยอยู่รายล้อมพระราชินีลี้ภัยไปต่างประเทศกันหมด มีแต่แฟร์ซองที่กลับมาฝรั่งเศส”
แฟร์ซองแอบมาพบกับพระนางอังตัวเน็ต ทั้งคู่กอดกันด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
แฟร์ซอง : “ฉันกลับมาตายกับเธอ เป็นเกราะกำบังให้เธอและช่วยเหลือเธอ”
อังตัวเน็ต : “แฟร์ซอง!”



Create Date : 10 มีนาคม 2563
Last Update : 18 มีนาคม 2563 21:25:59 น.
Counter : 1414 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lady Oscar
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



New Comments
มีนาคม 2563

1
4
6
8
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog