พูดไม่ออกบอกไม่ถูก.. เพิ่งขับรถชนสุนัข บนถนนรัตนาธิเบศร์
เลิกงานค่ำเหมือนเช่นเคยครับ เพราะเดือนนี้ทำงานกะบ่าย แล้วก็ข้ามฟากมาฝั่งบิ๊กซี ราชดำริ แวะทานข้าวไก่คาราเกะที่เชสเตอร์ กริลล์ รองท้อง ก่อนจะชมภาพยนตร์เรื่อง meet the folkers รอบ21.20น. ค่าตั๋ววันพฤหัสจริงๆควรจะ100บาท แต่ปรากฏว่าต้องเสีย120บาท เพราะเป็นหนังใหม่ รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เหมือนโดนโรงหนังเอาเปรียบ มีงี้ด้วย ถ้าหนังเก่า100บาท หนังเข้าใหม่(4วันแรก 120บาท ) มาตรฐานแต่ละโรงไม่เหมือนกัน บัตรลดนั่นก็อีก หนังใหม่บางเรื่องก็ใช้ได้ บางเรื่องก็ใช้ไม่ได้ บางเรื่องบางโรงลดได้ บางโรงลดไม่ได้ ไม่รู้ใช้เกณฑ์ความพอใจยังไงกันแน่ ... ตั้งใจไว้แล้ว ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ดูหนัง4วันแรก เด็ดขาด เพื่อความประหยัด
Meet the Folkers ( สองดาวครึ่ง ) หนังภาคต่อของ meet the parents ซึ่งก็ไม่ได้สนุกเท่าไหร่ แต่ภาคนี้ทำเงินถล่มทลายที่อเมริกา กวาดไปแล้ว 230กว่าล้านเหรียญ ก็เลยพาลให้สงสัยว่ามันมีอะไรดีนักหนา คนอเมริกันถึงได้ชอบจัง แต่พอไปดูๆแล้ว ก็งั้นๆ หนังธรรมดา ไม่ได้ตลกอะไรมากมาย มีฉากให้พอขำๆบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นแก๊กตลกเป็นมุขๆ กับฉากที่อาศัยความสามารถในการแสดงตลกเฉพาะตัวของดาราซะมากกว่า ซึ่งทุกคนก็ทำได้ดี อาจจะเพราะเสน่ห์ของดาราด้วย หลายคนไม่ได้เห็นหน้ามานาน อาทิ บาบาร่า สไตรแซนด์ หรือ ดัสติน ฮอฟแมนน์ ที่ห่างหายไปนาน ยิ่งบทตลกด้วยยิ่งจำแทบไม่ได้ว่าเคยเล่นด้วยเหรอ ?? ส่วน เดอ นีโร นั้นก็สุดๆแล้วในบทตลก รวมถึง เบน สติลเล่อร์ก็ทำหน้าทีได้เป็นอย่างดี
อาจเป็นเพราะ สภาพสังคมอเมริกาไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นและก็น่ารักอย่างในหนังเรื่องนี้กระมัง ผู้คนก็เลยแห่มาอุดหนุนกันล้นหลาม แต่เมื่อเทียบครอบครัวในหนังเรื่องนี้แล้ว กะครอบครัวคนไทย ผมว่ามันก็ไม่ถึงกะเป็นอะไรที่แปลกมากมายนัก สรุปว่าเป็นหนังระดับปานกลางที่พอดูได้เพลินๆ ถ้าไม่คิดมาก แต่ถ้าให้ดี ก็รอค่าตั๋วสัก80บาท ค่อยดูจะดีกว่า (120แพงไป)
ดูหนังจบ แวะทานข้าวขาหมูมื้อค่ำอีกจาน ก่อนกลับ แล้วแวะไปส่งคุณเวิ้งว้าง แถวประชานิเวศน์ แล้วก็ขับรถกลับบ้าน เที่ยงคืน40เห็นจะได้ เลี้ยวขวาแยกแคลาย เข้าถนนรัตนาธิเบศร์ น้องแพรยิงเบอร์มา ก็เลยโทรกลับไปคุยสักแป๊ปนึง จากนั้นก็วางสาย โยนมือถือไว้ที่เบาะที่นั่ง ขับรถช้ากว่าปกติเล็กน้อย น่าจะราวๆ70-80ก.ม.ต่อชั่วโมง เพราะเพิ่งคุยมือถือเสร็จ
ผ่านยูเทิร์นไปแล้ว เป็นบริเวณที่มีการก่อสร้างเกือกม้า ไฟถนนค่อนข้างสลัว และการจราจรค่อนข้างโล่ง เพราะเป็นเวลาใกล้ตี1แล้ว ผมขับรถอยู่เลนขวาสุด ไม่ได้ใส่ใจถนนเท่าไหร่ เพราะรถวิ่งทิ้งช่วงห่างกันเยอะ เหลือบไปมองที่ถนนด้านหน้า ทันใดนั้น มีหมาจากใหนไม่รู้ กำลังเดินข้ามมาจากกลางถนน มาทางเลนเรา ในระยะกระชั้นชิด ห่างไม่เกิน3-4เมตร ใจหายแว๊บบบ...เหยียบเบรกทันที แต่ไม่เหยียบมิดสุดๆ เพราะรู้ว่ารถจะส่าย อันตรายมาก แล้วก็ไม่รู้ว่ามีรถตามก้นมาหรือเปล่า ??
เสียงดังผลั่กๆ ใจเสียมากๆ รีบเบรกรถแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน มองหันหลังกลับไป ยังไม่เห็น มีรถตามมาจ่อตูดๆหลายคัน จอดอยู่สักห้าวินาที แล้วจึงค่อยๆเอารถเข้าชิดขอบถนน แล้วหันหัวกลับรถย้อนศรไปดูตรงที่ชนหมา เปิดรถออกมาดูว่ามันอยู่ตรงใหน เห็นเจ้าหมาตัวนั้นมันค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วรีบกระเผลกๆเข้าข้างทาง จากนั้นก็วิ่งกระเผลกไปอย่างเร็ว เข้าไปทางทุ่งนาข้างถนน ผมก็พยายามวิ่งตามมันไป จะไปดูว่ามันเป็นอะไรมากหรือเปล่า ปรากฏว่าตามไม่ทัน เดินไปถึงชายทุ่ง มันก็หายลับไปไกลแล้ว ได้แต่หวังว่ามันคงไม่ช้ำใน หรือไม่เป็นอะไรมากนักหรอกนะ
ยอมรับว่า ใจเสียเอามากๆ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่เคยขับรถชนอะไรมาก่อนเลย เคยนึกกลัวอยู่แล้วว่าสักวันนึงอาจจะชนหมาได้ เพราะทุกวันขับรถผ่านถนนกาญจนาภิเศกก็มักจะเจอสภาพหมาตายอยู่เป็นประจำ
หลังจากขับรถออกจากตรงนั้นแล้ว ผมเลยขับช้ากว่าปกติเอามากๆ แบบว่า60โลต่อชั่วโมง นั่งทบทวนว่าเหตุการณ์มันเกิดได้อย่างไร ปกติแม้จะโทรคุยมือถือไปด้วย หรือว่าขับซิ่งอย่างไรก็ตาม ผมมักจะมองถนนด้านหน้าไปในระยะทางที่ยาวไกลพอสมควรตลอด ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงได้ไม่มีสมาธิขับรถได้ แล้วถ้าเป็นคนอุตริเดินข้ามถนนตรงนั้นพอดี มิแย่เอาเหรอ
ตั้งปณิธานกับตัวเองแล้วว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องมีสมาธิในการขับรถมากขึ้น แล้วก็จะเลิกการใช้โทรศัพท์มือถือในรถเสียที เพราะคราวหน้าอาจจะไม่โชคดีเช่นวันนี้อีกแล้ว ผมไม่อยากให้ต้องมาเสียใจภายหลัง เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนกันดีกว่านะครับทุกๆท่าน .. ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เอ๊ย เข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง และถ้าต้องโทรสับ ขับชิดขอบทางแล้วค่อยโทร
Create Date : 21 มกราคม 2548 |
|
20 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2548 2:24:51 น. |
Counter : 730 Pageviews. |
|
|
|