|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภาพม้วนยาวของสมณจิตรกร เซสชู โตโย : สุดยอดภาพเขียนญี่ปุ่น
. . . . . . เผลอแป๊บบบบเดียว บล๊อก "ดิ่ง(เหว)เท็ค(โนโลยี)" ก็อายุครบ 1 ปี
ขอเรียนว่า....นี่คือโปรเจ็คทดลองอันหนึ่งของ จขบ.
ด้วยความที่เป็นคนชอบทำอะรัยๆ
"แปลก" "พิลึก" "พิสดาร" "เพี้ยน" "บ๊องส์"
จึงอยากลองเอามิติหนึ่งของสิ่งที่เราหลงใหลมาป่าวร้องให้สาธารณชนดู
เผื่อว่าจะได้รู้ว่ามี "เพื่อนร่วมเพี้ยน" สักเท่าไหร่
หาก 5 คำข้างบนไม่เป็นที่สบอารมณ์ท่าน
ผมขอใช้คำที่เคยใช้กับท่านเจิ้งป่านเฉียวคือ "ประหลาด"
ภาษาจีนกลางคือ 怪 (ไกว้)
อย่างที่จำลอง พิศนาคะแปล "เจ็ดประหลาดแห่งกังหนำ"
....................................................................................
ผลลัพธ์ของโปรเจ็ค
เท่าที่ประเมินด้วยวิธีอนุมานไร้หลักเกณฑ์พบว่า
จขบ.ยังเป็นตัวประหลาดอยู่อย่างค่อนข้างโดดเดี่ยว (ผู้ไม่น่ารัก)
แต่...ทานโทด อย่าให้เป็นถึง (ผู้น่าสมเพทเวทนา) เลยนะขอรับ
จะหาสหธรรมิกมาสากัจฉาเรื่องบ้าๆบวมๆแบบนี้ยากนักนิ
ตำราคัมภีร์ที่สะสมไว้ก็หวังจะได้เอามาแบ่งปัน
เผื่อเกิดอัตถประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง....ก็คงจะดี
ดีกว่าปล่อยให้กองสุมเป็นคัมภีร์ฉบับ " ปะ-ละ-วะ-กะ-แด-กะ " ในอนาคตกาล
จึงอยู่ในระวางการเม้กดีซิชั่นว่า อืมมม ตัวเราจะมาเพ้อพล่ามอยู่คนเดียวไปใย
สู้หมกตัวอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ป่าถ้ำสำเริงเพี้ยนตามจริตเราลำพังจะดีฝ่ามั้ย 5555+
จึงขอส่งท้ายปีด้วย Long Scroll ที่เคยปรารภในบล๊อก Freer Gallery ตอนพึมพำประกอบรูปที่ 9 ว่า...........
"ภาพม้วนขนาดยาวที่ประทับใจผมที่สุด ไม่ใช่ของจีน แต่เป็นของญี่ปุ่น ผู้วาดเป็นสมณะจิตรกร เซสชู โตโย ท่านศึกษาการวาดภาพจากจีน ซึ่งเป็นสไตล์หม่า-เซี่ย (สมัยซ่ง:หมาหย่วนกับเซี่ยเกวย) ผลงานมีเอกลักษณ์ เส้นพู่กันกับการลงโทนหมึกจัดว่าขั้นไร้เทียมทานจริงๆ วันหน้าคงมีโอกาสว่ารายละเอียดถึงท่าน"เซสชู" ครับ"
และที่เม้งมาโดยน้องหมี(Bkkbear)บอกว่า........... "อยากเห็นภาพม้วนยาวแบบเต็มๆ เสียจริงๆ เข้าข่ายมิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ลนะขอรับ"
ของจริงคงอิมพอสสิเบิ้ลแหง็มๆเพราะอยู่ในไปรเวทคอลเล็คชั่น ผมจึงขอเอารูปที่ผมว่า งดงามประทับใจที่สุด มาเสนอส่งท้ายปี พร้อมๆกับเซเลเบรทบล๊อกนี้ครบ 1 ขวบ (16 ธันวาคม)
ผมรู้ตัวว่าเอ่ยผรุสวาจาผ่านบล๊อกนี้พอประมาณ หากล่วงเกินท่านผู้ใด ขอเรียนว่ามิได้มุ่งร้ายหมายอาฆาตแต่ประการใด หากมาแต่กุศลจิต อยากให้สังคมไทยจำเริญรุ่งเรืองวัฒนาเท่านั้นจริงๆ จึงขออโหสิมา ณ ที่นี้ด้วย
........................................................................................
ท่าน เซสชู โตโย (雪舟, 等楊) คศ. 1420 - 1506
หนังเล่มจ้อยขนาดเท่าฝ่ามือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี 1959 โดย Charles E. Tuttle Company แต่พิมพ์ เข้าเล่ม เย็บเล่ม ในญี่ปุ่น
ปกเป็นไม้สนประกบหน้าหลัง กระดาษข้างในพิมพ์หน้าเดียว พับเป็นแบบสมุดข่อย 39 หน้า บรรยายอธิบายภาพเป็นภาษา อังกฤษ โดยคุณ เรโกะ ชิบะ
กางหนังสือแผ่ออกมาให้หมดเปลือก ก็ยาวอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ตัวรูปวัดได้ราว 11 ฟุต
เป็นหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้พิมพ์จากเจ้าของม้วนภาพ คือ มิสเตอร์ โมโตมิชิ โมริ แห่งแคว้นยามากูชิ ภาพถ่ายได้รับการอนุเคราะห์จาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครโตเกียว
เชิญทัศนาขอรับ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สำหรับการชมภาพม้วนนี้ ผมขอแปลตามผู้เขียนคำบรรยายคือ Reiko Chiba
1
2
3
4
เริ่มจากซ้ายมือสุดของภาพ เป็นบรรยากาศเหมันตฤดู ช่างเข้ากับฉายา ของท่านจิตรกรที่ตั้งว่า "เรือหิมะ" คือคำแปลของคำว่า "เซสชู" ทั้งม้วน นี้วาดด้วยเทคนิคที่เรียกว่า "shin"(真) ที่เป็นที่ชื่นชอบของท่านจิตรกร เส้นจะหนักแน่น เข้มแข็ง และมีเหลี่ยมมุมบ่อยๆ ถ้าดูฉากหลังหมู่บ้านที่ เป็นภูเขา และหินผา จะสังเกตได้ชัดเจนมาก ขอให้คิดในใจว่าทิวทัศน์ ที่เห็นในภาพเป็นแรงบันดาลใจมาจากแผ่นดินจีนมากกว่าป็นวิวในญี่ปุ่น กำแพงวัดและสะพานโค้ง ล้วนเป็นแบบจีนแท้ เนื่องจากเป็นฤดูหนาวจึงไม่ค่อยเห็นผู้คนบนถนน คนกลุ่มแรกที่เห็นคือ 3 คนที่อยู่ในในศาลาเหนือสะพานโค้ง พวกเขาก็อยู่ในช่วงชมวิวแบบ เดียวกับเราน่ะแหละ ท่านเซสชูคงจะตั้งใจวาดคนกลุ่มนี้เป็นพระเซนรูป หนึ่งกับศิษย์ทั้งสอง หลังวัดจะมีหมู่ต้นสนขึ้นตามภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ตรงหน้าจะมีฝีพู่กันปื้นใหญ่ในแนวเฉียงเป็นรูปโขดหินก้อนโตอยู่เบื้อง หน้าภาพ
.................................................................................................
5
จากวัดมาก็จะถึงที่เปล่าเปลี่ยวที่เต็มไปด้วยหินผาเนินไศลอันใหญ่โตและ ต้นไม้ที่ถูกแรงลมพัดลู่ ดูฉากหลังเสมือนฝังจมอยู่ในม่านหมอกเมฆ ช่วง นี้ฝีพู่กันจะปาดแต้มเป็นใบไม้นานาชนิดหลายรูปทรง ถัดไปก็จะพบฝูงชนอีกครั้งหนึ่ง ฤดูกาลตอนนี้จะเปลี่ยนจากฤดูหนาวไป เป็นฤดูศารทหรือใบไม้ร่วง พระ 2 รูปแทรกอยู่หว่างป่าเขาเหมือนช่วงปลีก วิเวก ฉากที่บรรดาผู้คนมารวมกันอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแสดงถึงความคึกคักใน ฤดูเก็บเกี่ยวหรือมีงานรื่นเริง เป็นวิวที่เด่นมากของม้วนภาพนี้ ท่านเซสชูมิได้เป็นพระที่เคร่งจัด ท่านชอบดื่มสาเกและชอบวาดร้านเหล้า หรือโรงเตี๊ยมในภาพของท่านเสมอ รูปธงที่บิดเพราะแรงลมดูคล้ายเลข 8 เป็นป้ายโฆษณาจำหน่ายสุรา กลุ่มต้นสนตรงด้านขวาของโรงเตี๊ยมใน หมู่บ้านวาดด้วยกระสวนของใบสนแบบ"ดอกเบญจมาศ" เป็นเทคนิคเฉพาะ ตัวของท่านเซสชู ในตอนหลังๆจากนี้จะพบต้นสนวาดด้วยสไตล์นี้อีก
.................................................................................................
6
ถัดไปอีกทางขวาจะเห็นภาพกุลีหามกล่องและถุงผ้า ภาพกุลีหลายๆครั้ง จะมีกลุ่มผู้ใช้แรงงานร่วมทางมา จะเห็นได้บ่อยในภาพเขียนของท่าน จิตรกรผู้นี้ ภาพผู้คนก็เป็นลักษณะเฉพาะตัวของท่านเซสชูเหมือนกัน ศิลปกรรมแบบเซนจะวาดภาพคนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่ได้เน้น หรือให้ความสำคัญมากไปกว่าก้อนหิน ต้นไม้ใบหญ้า หรือแม่น้ำลำธาร ในภาพนี้หลังรูปกุลีจะเห็นเจดีย์อยู่เบื้องสูงบนยอดเขา นี่ก็เป็นแบบจีน มากกว่าญี่ปุ่น สะพานโค้งถัดมาจะพบกับพระเซน 2 รูปกับลูกศิษย์คนหนึ่ง
.................................................................................................
7
8
ในส่วนของภาพตอนฤดูศารทนี้เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของม้วนภาพนี้ หลาย สิ่งที่เห็นจะเป็นแบบเฉพาะของท่านเซสชูทั้งนั้น เช่น หินที่ป้ายเป็นเส้น เฉียงที่ทรงพลังตรงข้างหน้าสะพาน ลักษณะการแต้มใบไม้ระหว่างสะพาน กับทางเข้าหมู่บ้าน เรือแบบต่างๆที่ท่านจิตรกรผู้ชื่นชอบการเดินทาง ถ้าเราดูกันอย่างพินิจพิศเพ่ง จะเห็นว่าการวาดใบไม้ท่านใช้ถึง 7 แบบ (เทคนิค) ที่แตกต่างด้วยฝีมือการใช้พู่กันอย่างสุดแสนเลอเลิศ ต้นสน ระยะไกลที่เป็นแบ็คกราวด์เป็นลักษณะ "gyo"(行) ซึ่งเส้นพู่กันจะนุ่มนวล และโค้งมน ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านจะเห็นวิธีใช้ "น้ำ" ในคำว่าทิวทัศน์ของจีน หรือ ซานสุ่ย บอกเราถึง ภูเขาและน้ำ น้ำมักจะ เห็นเป็นธารน้ำหรือน้ำตก ในภาพเขียนของท่านเซสชูจะวาด"น้ำ" เป็น หลายๆแบบ มักจะออกแนวกว้าง แผ่ขยายออกไปอย่างสงบ ทิ้งให้เห็น ความว่างของพื้นกระดาษขาว ดังที่เห็นในภาพตอนนี้
.................................................................................................
9
10
11
ข้ามจากปากทางเข้าหมู่บ้านเราจะเห็นพระเซนอีก 2 รูป ซึ่งท่านน่าจะมา จากวัดที่อยู่ด้านหลัง นี่เป็นตอนที่น่าสนใจมากคือ เป็นฉากแสดงถึงการ ขอเข้าไปด้านในของวัดเพื่อพักผ่อนและชมภายในวัด จะเห็นรูปศาลาที่ พักที่ตอนหน้าเบื้องซ้าย รูปของโขดศิลาและต้นไม้ตอนนี้ก็เป็นแบบจำ เพาะของท่านเซสชู โดยเฉพาะโขดหินที่เป็นเหลี่ยมมุมปกคลุมด้วยต้น สนที่เอนเพราะแรงลม รูปเจดีย์ที่อลังการ์กลับดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับ ขุนเขา ตอนนี้เป็นหลักฐานว่าท่านเซสชูไปเยี่ยมเยียนกรุงปักกิ่ง การไป เมืองจีนครั้งนี้ได้เป็นส่วนสำคัญยิ่งในชีวิตท่านเซสชู ท่านออกเดินทาง ในปี 1468 พำนักในจีนประมาณ 1 ปี และช่วงเวลาถัดมาอีก 18 ปี ท่าน ได้วาดรูปม้วนนี้เพื่อหวนรำลึกผ่านความทรงจำที่ท่านแสนจะประทับใจ
.................................................................................................
12
ช่วงตอนนี้มาถึงรูปเรือกางใบกินลมเต็มที่ เป็นช่วงของคิมหันตฤดู เบื้องหน้าเป็นโขดศิลาขรุขระแหว่งเว้า บรรยากาศสงบวิเวกปกแผ่ไปทั่ว เห็นยอดเขาแหลมๆอยู่ไกลโพ้น เป็นการวาดด้วยฝีพู่กันที่ดูง่าย แต่การ ให้แสงเงาชั้นครูทีเดียว เรามาถึงช่วงที่เป็นตอนเงียบสงัด เดินทางข้าม อ่าวข้ามทะเลเปิด เซสชูใช้ฝีแปรงเพียงนิดหน่อยก็สามารถสร้างทิวทัศน์ ของห้วงน้ำอันไพศาลและภาพกว้างแบบพาโนรามาของภูเขาที่อยู่ลิบๆ
.................................................................................................
13
14
เมื่อเราเข้าใกล้ฝั่งก็จะเห็นเรือ เรือที่ท่านจิตรกรชื่นชอบ รูปมีรายละเอียด เป็นหมู่เรือที่ทอดสมอลดใบจอดอยู่ เป็นเรือบรรทุกสินค้า มีเสื้อผ้าแขวน ตากอยู่บนเรือ คนบนเรืองานวุ่นวาย บรรยากาศเป็นตอนเช้า ฟ้ากระจ่าง ในหน้าร้อน คลื่นน้ำเป็นระลอกแผ่ว จะเห็นว่าท่านเซสชูวาดรายละเอียด โครงสร้างของเรือได้ดีมากแล้วเราก็มาถึงกลุ่มที่อยู่อาศัย เป็นหมู่อาคาร หลังคามุงกระเบื้อง มีต้นหลิวขึ้นอยู่ด้านหลัง หน้าต่างเปิดอ้ารับลมฤดูร้อน ธงหน้าร้านปลิวสะบัด มีรูปคนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมซึ่งน่าจะเป็นแขก เดินทางมาพำนัก
ฉับพลันเราจะพบว่าเดินทางเข้ามาถึงบริเวณเนินผาศิลาโขดอีกครั้งแล้ว ต้นสนทั้งหลายต่างฝังรากยึดชั้นศิลา บ้างก็ยื่นกิ่งก้านเอนออกไปเหนือ หุบผาตอนฤดูร้อนนี้ในม้วนภาพค่อนข้างจะสั้น เราจะพบพระเซนรูปหนึ่ง เดินข้ามสะพานไม้พร้อมๆกับลูกศิษย์ ถัดจากนี้ก็จะเข้าสู่บรรยากาศของ วสันตฤดูแล้ว
.................................................................................................
15
16
เมื่อเราชมภาพนี้พึงคิดในใจว่ากำลังชมภาพทางศาสนา ซึ่งเป็นพุทธ ศาสนานิกายเซน ธรรมชาตินั้นเป็นจุดเด่น ไม่ใช่มนุษย์เป็นจุดเด่น โขดศิลา ต้นไม้ไพรพฤกษ์ ภูเขา และแม่น้ำ เป็นครูผู้สอนสั่ง นี่คือสิ่งที่ท่านเซสชูเจตนาจะสื่อถึงพวกเรา มีจุดที่เป็นตัวอย่างคือ กระท่อมมุงหญ้าที่อยู่ใต้ร่มต้นสนที่ปกแผ่กิ่งก้านสาขา ตอกย้ำให้เห็นถึงการเสาะแสวงหาความกลมกลืนกับธรรมชาติ นี่แหละคือความหมายของท่านจิตรกรที่หวังจะสอนสั่งผ่านศิลปกรรม ที่มิได้ไกลเกินเอื้อมที่พวกเราจะเข้าถึงเลย
.................................................................................................
17
ใกล้จะถึงตอนสุดท้ายของม้วนภาพแล้ว วสันตฤดูมีที่สำแดงบอกคือ หมอกละไอที่แผ่คลุมไปทั่วทั้งหุบเขา บดบังภูเขาห่างไกลจนมิด หมู่ ต้นสนเอนลู่ เห็นหลังคาวัดอยู่เบื้องหน้า ในระยะไกลเมื่อหมอกลอยตัว ขึ้นจึงเห็นทางคดเคี้ยวแทรกไปหว่างโขดหินผา รูปคนคนสุดท้ายที่เรา เห็นก็เป็นพระเซน ท่านอยู่ในสภาวะเดินเพ่งพิจารณาเหมือนเดินจงกรม มีลูกศิษย์หามสัมภาระตามท่านมาวสันตฤดูนั้นได้ป่าวประกาศว่าความ หนาวแห่งเหมันตฤดูได้สิ้นสุดแล้วด้วยภาพของชั้นศิลาหลั่นลดลงมา และพันธุ์พฤกษาแตกผลิ
ในบั้นสุดท้ายของภาพเป็นลายมือของท่านเซสชู อ่านได้ว่า : "วาดโดยโตโย เซสชู ผู้สูงวัย ผู้ซึ่งเคยได้นั่งบนอาสนะแรกแห่งวัดเทนโด ในวันที่สงบวันหนึ่ง เมื่อวัย 67 ปี หรือ รัชสมัยบุมเมปีที่ 18 (คศ.1486)" ถ้าหากแม้นตีความตามที่ท่านเซสชูเขียนไว้ ภาพม้วนที่แสนวิเศษนี้ วาดขึ้นในวันที่สงบวันเดียว ช่างน่าอัศจรรย์เสียนี่กระไร อาจจะมีเหตุผล ที่อธิบายได้ตามแนวทางอื่น แต่หากตีความผิดก็คงได้รับการอภัยด้วยเถิด
ภาพม้วนนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถเป็นดั่งครูที่อธิบายสอนสั่งด้วย ตำราอันเต็มไปด้วยอรรถาธิบายให้บรรดาจิตรกรญี่ปุ่นทุกรุ่นทุกสมัย เป็นไปได้ที่จะกลับมาดูแล้วดูอีกด้วยจักษุธาตุที่จะค้นหารายละเอียด ที่น่าประทับใจ จะพบองค์ประกอบใหม่ๆที่ได้มองผ่านเลย นี่แหละคือ สิ่งที่พึงอุบัติบังเกิดขึ้นอย่างถูกต้องในฐานะสิ่งอันเป็นศิลปกรรมที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งของมนุษยชาติ
.................................................................................................
จบแล้วครับในคำบรรยายภาพของ เรโกะ ชิบะ
ท่านเขียนคำบรรยายได้ยอดเยี่ยม บอกให้เราได้รู้ว่า
การชมภาพเขียนของชาวตะวันออกไกลนั้นเป็นอย่างไร
มีความหมายหรือจุดที่สำคัญตรงไหนบ้าง
ความจริงก็มิได้เป็นสิ่งลึกลับหรือยากเข็ญอะไร
เพียงแต่ KM หรือ Knowledge Management ของเรานั้นยังเว้าๆแหว่งๆ
ไม่ค่อยเป็นระบบแบบฝรั่งมังค่าเขา พวกเรายังมีพวก "หวงวิชา" อีกด้วย
ญี่ปุ่นเจริญเพราะวิธีคิด กับความเพียรของเขาเอื้ออำนวย
ปฏิรูปประเทศสมัยเมจิในเวลาใกล้เคียงกับเราช่วงรัชกาลที่ 5
แต่ญี่ปุ่นก็ทิ้งเราไปจนลิบลับไม่เห็นหน้าเห็นหลัง
เขาตามก้นฝรั่งอย่างชาญฉลาด
ตำราต่างๆสามารถแปลและสร้างคำเป็นภาษาญี่ปุ่นได้เกือบทั้งหมด
ทำไม? ทำไม? ทำไม?
ญี่ปุ่นโดนฝรั่งรังแกไม่น้อยไปกว่าเรา
ญี่ปุ่นโดนไอ้กันทิ้งบอมบ์ปรมาณู แพ้สงครามฉิบหายไปบานตะเกียง
แต่ทำไมญี่ปุ่นกลับมายิ่งใหญ่ได้ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้
อำนาจพลังแห่งความรู้นั้นทรงพลานุภาพยิ่งนัก
อำนาจแห่งการจัดการความรู้นั้นก็สำคัญยิ่งนัก
คนไทยทั้งหลายครับ
พวกเรามีคนดีคนเก่งมากมาย แต่ระบบการบริหารจัดการไม่เอื้ออำนวย
ทำให้ระบบการศึกษาของเราก้าวไม่ค่อยออก บอกไม่ค่อยได้
พูดไปก็เป็นดังน้ำท่วมปาก
ขอจบด้วยประโยคทองที่สมเด็จพระบรมราชชนก
ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ไว้ในหนังสือจดคำบรรยายของท่าน
ทรงเขียนไว้ว่า.............
" True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind. "
นี่คือปรัชญาทางการศึกษาที่แท้จริง
เรียนเพื่อให้บังเกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติ
เรียนเพื่อขจัดความโง่เขลา แล้วจักได้เกิดพุทธิปัญญา
ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อสอบ เพื่อสอบเอาใบปริญญา
ไม่ใช่เรียนเพื่อแค่เอาวิชาไปทำมาหารับประทานเท่านั้น
.................................................................................................
สำหรับดนตรีครั้งนี้คงต้องเป็นญี่ปุ่นซะแล้ว ฟังอะไรที่เย็นๆนุ่มๆละกาน จะได้ใจเบิกบานครับ เพลงพื้นเมือง "ซากุระ" ที่ใครๆก็รู้จักดี
ขอบคุณ You Tube ที่นำพาเพลงไพเราะมาให้เราฟังเสมอมา
.................................................................................................
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนครับ เวลาไม่ค่อยจะมี โอกาสหน้าเจอกัน
สวัสดีครับ
Create Date : 16 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 15:14:12 น. |
|
83 comments
|
Counter : 9194 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:0:26:20 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:0:27:03 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:0:33:20 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:1:55:02 น. |
|
|
|
โดย: kant_cute วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:4:00:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:6:29:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:7:15:21 น. |
|
|
|
โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:9:55:12 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:10:20:41 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:11:06:06 น. |
|
|
|
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:13:33:26 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:16:24:19 น. |
|
|
|
โดย: Dingtech วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:17:10:21 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:0:56:05 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:1:37:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:7:42:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:7:40:50 น. |
|
|
|
โดย: น้องหมี (Bkkbear ) วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:11:21:01 น. |
|
|
|
โดย: น้องหมี (อีกที) (Bkkbear ) วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:11:40:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:23:16:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:7:30:30 น. |
|
|
|
โดย: SongPee วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:8:42:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:14:25:16 น. |
|
|
|
โดย: darthcony วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:17:04:07 น. |
|
|
|
โดย: buraneemeo วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:19:30:12 น. |
|
|
|
โดย: buraneemeo วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:19:46:20 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:20:44:35 น. |
|
|
|
โดย: darthcony วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:23:10:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ธันวาคม 2553 เวลา:6:44:45 น. |
|
|
|
โดย: takaiji วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:9:38:44 น. |
|
|
|
โดย: takaiji วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:10:05:22 น. |
|
|
|
โดย: takaiji วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:10:09:34 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:12:27:59 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:17:27:37 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:21:00:25 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:21:08:21 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:22:09:35 น. |
|
|
|
โดย: takaiji วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:8:06:15 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:15:51:23 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:21:38:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:7:39:33 น. |
|
|
|
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:8:55:40 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:11:25:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:13:06:14 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:19:22:03 น. |
|
|
|
โดย: เจียวต้าย (เจียวต้าย ) วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:7:28:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:7:36:29 น. |
|
|
|
โดย: Devonshire วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:8:00:24 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:12:36:15 น. |
|
|
|
โดย: peeamp วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:16:05:23 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:21:53:22 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:22:23:09 น. |
|
|
|
โดย: น้องหมี (Bkkbear ) วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:23:21:36 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:23:34:53 น. |
|
|
|
โดย: buraneemeo วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:3:36:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:7:29:20 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:12:44:37 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:14:12:22 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:15:05:36 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils IP: 68.48.3.234 วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:17:20:06 น. |
|
|
|
โดย: SongPee วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:0:15:34 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:6:31:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:6:36:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:11:06:49 น. |
|
|
|
โดย: อิมาอิซัง วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:19:52:16 น. |
|
|
|
โดย: แมวตัวกลม (darthcony ) วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:20:13:32 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:5:58:57 น. |
|
|
|
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:8:36:46 น. |
|
|
|
โดย: sirimas_m วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:9:48:39 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:10:06:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:16:56:40 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:6:52:34 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:15:54:17 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:18:57:03 น. |
|
|
|
โดย: sirivinit วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:20:57:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:7:35:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]
|
◉ ภุมราท้าโลกกว้าง . . เกินฝัน
หวังวาดสู่สวรรค์ . . . . . เวิกโพ้น
แท้คืนสู่สามัญ . . . . . . มละตื่น
ยังฉงนงวยโงกโง้น . . . .โง่ตื้นลืมตาย ฯ
Dingtech :
ผมเป็นคนธรรมดา ธรรมดา มาจากบ้านนอก รักศิลปะทุกชนิด ทุกรูปแบบ ทุกสัญชาติ
รักชาติไทย รักประเทศไทย รักคนไทยทุกคน จงรักภักดี และ เคารพสักการะพระมหากษัตริย์ไทย
ยินดีแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆทุกคนครับ
since 16 December 2009
|
|
|
|
|
|
|
|
บ้านคุณดิ่งเป็นไรคะ
มันโย้เย้ เหมือนมันจะพัง
แต่ขอเจิมก่อน
แล้วค่อยวิ่งหนี