Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

การใช้และการบำรุงรักษา ระบบปรับอากาศในรถยนต์



เป็นที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบันอากาศในเมืองไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ
และความร้อนนี้ยังส่งผลต่อระดับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถยนต์
ดังนั้นเพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยสาร
เครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องทำงานหนัก
สำหรับรถใหม่เครื่องปรับอากาศยังใช้งานได้ดี แต่เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน (ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพการใช้งาน)
ประสิทธิภาพในการให้ความเย็นจะลดลง ดังนั้น ผู้ใช้รถจึงควรรู้จักวิธีใช้ และการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง
เพื่อถนอมและรักษาอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ ในรถยนต์ให้ยาวนานที่สุด


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

* ทุกครั้งที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์
ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุม คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ในลักษณะใด เปิดหรือปิด
ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์
เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ต

* เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน
โดยปรับไปที่ตำแหน่งความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนออกจากช่องปรับอากาศ
หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด
แล้วจึงปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็น
ลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ


* เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์ คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อน
เพื่อหยุดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลงแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุด
เพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลมผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า "ตู้แอร์"
ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมาเกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน
และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น
วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ
รวมทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวคอยล์เย็น ให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น


สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับอากาศ
สามารถแก้ไขได้โดยจอดรถในที่โล่งแจ้งที่แดดส่องได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน
จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่นอับจะจางหายไป
แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน

อย่างไรก็ดี การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นอับภายในห้องโดยสาร น่าจะเป็นการดีกว่าแก้ไข
โดยหลีกเลี่ยงการนำเอาอาหารเข้าไปรับประทานภายในรถ โดยเฉพาะอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ทุเรียน เป็นต้น
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมปรับอากาศ การสูบบุหรี่ในรถ การขับรถเปิดกระจก
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้คอยล์เย็นหรือตู้แอร์สกปรก และอุดตันเร็วยิ่งขึ้น
รวมทั้งเกิดกลิ่นอับอันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ด้วยเช่นกัน


โดย : ช่างฮอนด้าคาร์ส
ข้อมูลจาก เดลินิวส์
ที่มา : //www.elib-online.com


สารบัญ รู้เรื่องรถ




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 30 มิถุนายน 2553 14:50:40 น.
Counter : 1998 Pageviews.

 

ขอบคุณครับ

 

โดย: Sor58 IP: 111.84.32.220 2 กรกฎาคม 2553 16:46:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.