|
ซ่อมห้าง ซ่อมช้า
ในหลายๆ กรณีความเสียหายต่อเนื่อง หรือการแจ้งซ่อมเพิ่มเติมจากการ ประเมินครั้งแรก ทำให้งานซ่อมติดขัดล่าช้า
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะเจาะไชเข้าไป ในเรื่องของการซ่อมรถที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะหนักหรือเบา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบริษัทประกัน ซึ่งถือเสมือนเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้รถ (ทั้งผิดหรือถูก) อู่ซ่อมและคู่กรณี วันนี้ก็คงจะหมดสิ้นกระบวนความกันกับเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีรายละเอียด (ลูกเล่นทั้งของบริษัทประกันและอู่ซ่อม) อีกมากมาย ก็คงจะหยิบเอามาเขียนถึงเป็นเรื่องๆ ไป ผมยุยงส่งเสริมให้ท่านผู้ใช้รถในปัจจุบันรุ่นใหม่ ควรจะทำประกันประเภทหนึ่งเอาไว้ เพราะการซ่อมแซมรถที่เกิดจากอุบัติเหตุ ซ่อมยากซ่อมนานและมีราคาสูง
ถ้ามีใครสักคนโชคร้ายขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผิดหรือผู้ถูก (ตามความหมายของบริษัทประกัน) แม้ว่าจะทำประกันชั้นหนึ่งไว้กับบริษัทที่น่าเชื่อถือแล้วก็ตาม สิ่งหนึ่งที่วิตกกังวลก็คือ อู่ซ่อมนั้นไว้ใจได้แค่ไหน ซ่อมหรือทำออกมาแล้วจะเหมือนเดิมได้สักเท่าไร โดยเฉพาะกับเจ้าของรถป้ายแดง ที่สำคัญกว่านั้นระยะเวลาที่ทำการซ่อมยืดเยื้อยาวนาน ถ้าเป็นผู้ที่มีรถใช้มากกว่า 1 คันก็ไม่กะไรนัก แต่สำหรับผู้ที่มีรถใช้อยู่คันเดียวเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส สำหรับภาระที่เพิ่มขึ้น จะเอารถที่ไหนมาใช้ ทอดเวลาไปยิ่งเนิ่นนานราคารถก็ตกลงไป ค่างวดค่าส่งรถก็ต้องส่งต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บริษัทรับประกันชั้นนำหลายๆ บริษัท ที่ใส่ใจกับความเดือดร้อนของผู้ใช้รถ ก็ออกมาตรการปลอบใจเจ้าของรถที่อยู่ในอู่ซ่อมมากมายหลายประการ เช่น มีรถทดแทนให้ใช้งานในระหว่างรอซ่อม ออกกฎข้อบังคับไปยังอู่ซ่อมที่เป็นเครือข่าย กำหนดวันเวลาการซ่อมที่แน่นอน ถ้าทำไม่ได้โดยไม่มีเหตุอันควร จะต้องถูกปรับถูกลดชั้นจากการเป็นอู่ห้างมาเป็นอู่ซ่อมธรรมดา แต่หลายๆ มาตรการก็ใช้ไม่ได้ผล ถ้ามองกันตามข้อเท็จจริงแล้ว บริษัทประกันก็ต้องการให้มีการซ่อมให้เสร็จเร็วๆ ด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด เพราะบริษัทประกันมีรายได้อยู่ได้ก็ด้วยความเชื่อถือของผู้ใช้รถ ความเชื่อถือนั้นเริ่มต้นจากการขายกระดาษแผ่นสองแผ่นเท่านั้นเอง ถ้ารถซ่อมเสร็จได้รวดเร็วผู้ใช้พอใจกับผลงาน นั่นคือความเชื่อมั่น อู่ซ่อมที่รับดำเนินการซ่อม ยิ่งมีความต้องการที่จะให้รถที่ซ่อมนั้นเสร็จออกไปจากอู่เร็วๆ ที่สุด เพราะเมื่อใดที่เจ้าของรถลงชื่อรับรถออกไปได้ ก็หมายถึงว่าการเบิกจ่ายเงินจากบริษัทประกันก็ทำได้เร็วขึ้น และนั่นคือ เส้นเลือดใหญ่ของอู่ซ่อม เจ้าของรถก็อยากได้รถไปใช้เร็วๆ อู่ซ่อมก็อยากให้เสร็จเร็วๆ บริษัทประกันก็ต้องการผูกใจผู้ใช้รถ ทุกอย่างพึ่งพาอาศัยกันไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่ก็คือซ่อมช้าแม้จะซ่อมห้างก็ตาม ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ เจ้าของรถแจ้งไปยังบริษัทประกัน บริษัทส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายเบื้องต้นให้ที่เรียกกันว่าใบเคลม รถถูกส่งไปถึงอู่แม้จะเป็นอู่ที่เรียกว่าห้าง เมื่ออู่รับรถพร้อมใบเคลม ก็ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทันที อู่จะต้องดำเนินการขออนุมัติไปยังบริษัทประกันนั้น เพื่อทำการซ่อม การขออนุมัติก็ต้องมีรายละเอียดของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง วิธีการก็คือถอดรื้อชิ้นส่วนทุกชิ้นที่เสียหาย ทำรายงานถึงชื่อชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมกับราคาของชิ้นส่วนทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นหมุดหรือสกรูชิ้นเล็กชิ้นใหญ่แค่ไหนก็ตาม และต้องตรงตามความเป็นจริง พร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันตรวจสอบได้ตลอดเวลา
เมื่อได้รายการความเสียหายทุกอย่างแล้ว ก็จะส่งรายการเหล่านั้นให้บริษัทประกันพิจารณาตรวจสอบว่า ราคาที่แจ้งไปนั้นถูกต้องไหม รายการที่เสนอไปนั้นเป็นรายการที่เกิดจากอุบัติเหตุจริงไหม เมื่อการตรวจสอบถูกต้อง การอนุมัติก็เกิดขึ้น การซ่อมของอู่ก็จะดำเนินการได้ตามกระบวนการซ่อม
ชิ้นส่วนหรืออะไหล่ ถ้าเป็นรถที่มีอยู่ในตลาดหรือตัวแทนจำหน่าย มีสำรองเอาไว้ใช้งานนั้นก็ไม่เนิ่นช้า แต่ถ้าเป็นรถแปลกๆ หรือรถที่เข้าสู่ตลาดใหม่ๆ หรือเป็นรถรุ่นพิเศษ อะไหล่ หรือหลายอย่างอาจจะต้องรอคอยกันเป็นสัปดาห์เป็นเดือน เมื่ออะไหล่หรือชิ้นส่วนครบถ้วนตามที่เสนอไปยังบริษัทประกัน งานก็น่าจะเสร็จในระยะเวลาที่ไม่เนิ่นนานเกินไปนัก แต่กับรถในปัจจุบันที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยี
ทั้งเรื่องของไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงเวลาของการประเมินในขั้นต้นนั้น ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าเสียหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อประกอบทุกอย่างเข้าที่แล้วขับ รถออกทดสอบปรากฏว่าระบบเอบีเอสมีไฟเตือนแสดงขึ้นมา ก็หมายความว่ารถคันนั้นยังไม่สมบูรณ์ ก็ต้องมีการตรวจสอบกันต่อไปว่ามีชิ้นส่วนชิ้นใดบกพร่อง และชิ้นส่วนนั้นเสียหายหรือบกพร่องก่อนหรือหลังการเกิดอุบัติเหตุ ถ้าสรุปกันได้ว่าชิ้นส่วนนั้นเสียหายบกพร่องจากอุบัติเหตุ อู่ซ่อมนั้นก็จะต้องทำรายงานการเสียหายเพิ่มเติมไปยังบริษัทประกัน เพื่อขออนุมัติให้เปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น เป็นการตรวจสอบที่มีความยากลำบากเช่นกันสำหรับบริษัทประกัน เอาเป็นว่าบริษัทประกันเชื่อว่าชิ้นส่วนนั้นเสียหายจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะสรุปในความเห็นเป็นศัพท์แสงว่าเสียหายต่อเนื่อง อู่ซ่อมก็จะดำเนินการต่อไปจนเสร็จสิ้น ครับในหลายๆ กรณีความเสียหายต่อเนื่อง หรือการแจ้งซ่อมเพิ่มเติมจากการประเมินครั้งแรก ทำให้งานซ่อมติดขัดล่าช้า ผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงอันดับแรก ก็คือเจ้าของรถได้ใช้รถช้า ต่อมาเป็นอู่ซ่อมปิดงานช้าก็รับเงินช้า ดูเผินๆ บริษัทประกันน่าจะได้ประโยชน์ เพราะรถเสร็จช้าก็จ่ายเงินช้าแต่ความจริงแล้วบริษัทประกันที่ดีๆ เอาใจใส่ผู้ใช้รถ มีจริยธรรมในการค้าขายเต็มที่ แม้จะต้องจ่ายเงินช้า ความเชื่อถือก็ลดน้อยลง ปัญหานี้คงจะเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อหาทางแก้ไขกันยากเย็น และทุกฝ่ายก็ต้องก้มหน้ารับกรรมกับคำพูดที่ว่าซ่อมห้างซ่อมช้า ในส่วนของผู้ใช้รถดูจะมีหนทางเดียวที่จะช่วยได้ ก็คืออย่าให้เกิดอุบัติเหตุ ครับนั่นก็คือต้องไม่ประมาทนั่นเอง
ที่มา : //www.bangkokbiznews.com
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 25 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2554 16:16:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1288 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|