7 วิธีขับรถประหยัดรับหน้าฝน
ใครที่มีความจำเป็นต้องเดินทางใช้รถใช้ถนนในช่วงฝนตกนี้ อาจจะต้องทำใจกันหน่อย หากรถจะติดมากกว่าเดิม เพราะฝนที่ตั้งใจเทกระหน่ำลง มาติดๆกันหลายวัน ชนิดที่ทำเอาข้าวของ แผ่นป้ายโฆษณาได้รับความเสียหาย หลายๆแห่ง นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ขับขี่รถยนต์ ต้องแบกรับภาระจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่มาเร็วกว่าทุกครั้ง วันนี้เรามี "7 วิธีที่ประหยัดน้ำมันต้อนรับฤดูฝน"
1. หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาหลังฝนตกใหม่ๆ โดยหันมาใช้การติดต่อกันทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดินแทนก็จะสะดวกและประหยัดน้ำมัน ทั้งยังช่วยลดปัญหาการจราจร ที่ติดขัด เพราะหากผู้ใช้รถยนต์จำนวนร้อยละ 1 จากจำนวน รถทั้งหมด 8 ล้านคัน หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ปีละ 83 ล้านลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท (ราคาน้ำมัน 30 บาท ต่อลิตร)
2. ตรวจเช็คเครื่องยนต์ให้พร้อมก่อนเดินทาง หากมีความจำเป็นต้องเดินทางช่วงฝนตก ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เพราะหากรถดับหรือเสีย ขณะการเดินทางจะทำให้เสียเวลาและทำให้การจราจรติดขัดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สิ่งที่ควรได้รับการตรวจเช็คเป็นพิเศษคือ ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ เพราะ หากน้ำแห้งแบตเตอรี่จะไม่สามารถทำงานได้ โดยผลที่ได้รับคือรถสตาร์ทไม่ติด
3. ตรวจเช็คเส้นทางให้พร้อมก่อนเดินทาง โดยเลือกเส้นทางการจราจร ที่ใกล้ที่สุดหรือตรวจสอบเส้นทางได้จากรายการวิทยุ สวพ.91 จส.100 หรือโทร.1197 เพื่อให้ไปถึงจุดหมายโดยใช้ระยะทางที่ใกล้ไม่หลงทาง ช่วยทำให้ประหยัดน้ำมัน และควรเตรียมหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานบริการ ช่วยเหลือ กรณีรถเสียระหว่างทาง เช่น สถานีวิทยุชุมชน ร่วมด้วยช่วยกัน 1167
4. ตรวจเช็คลมยางและสภาพยางให้ได้มาตรฐาน โดยตรวจเช็คลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะหากลมยางต่ำกว่ามาตรฐาน จะทำให้การขับขี่สิ้นเปลือง น้ำมันประมาณร้อยละ 2 และหากสภาพยางไม่ได้มาตรฐานจะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
5. ตรวจเช็คผ้าเบรค เพราะช่วงหน้าฝนถนนลื่นกว่าปกติ ทำให้ต้องแตะเบรคบ่อยครั้ง โดยผู้ขับขี่ควรสังเกตจากเสียงขณะเบรค หรือเบรคแล้วรถไม่หยุดในระยะปกติ ซึ่งทำให้เปลืองน้ำมันประมาณวันละ 400 ซีซี ฉะนั้นผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน
6. ตรวจเช็คความเร็ว หากใช้ความเร็วสูงเกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมงในขณะขับรถจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันประมาณร้อยละ 10-25 ดังนั้นควร ขับรถความเร็วที่ระดับ 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อลดอุบัติเหตุและช่วยประหยัดน้ำมัน
7. ตรวจเช็คความเย็น ลดอุณหภูมิโดยไม่ปรับแอร์ในรถให้เย็นเกินไป เพราะหน้าฝนอากาศเย็น และควรปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที ซึ่งจะช่วย ประหยัดน้ำมันได้ 30 ซีซี แต่หากไม่ใช้แอร์เลยตลอดการเดินทาง 20-30 นาที จะประหยัดน้ำมันได้ 300 ซีซี
การตรวจเช็ครถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากปฏิบัติได้ครบทั้ง 7 วิธี จะช่วยผู้ใช้ ้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเงิน และขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ที่มา : ผู้จัดการ
Create Date : 14 เมษายน 2552 |
Last Update : 14 เมษายน 2552 17:23:02 น. |
|
1 comments
|
Counter : 815 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ืnu31100 IP: 124.121.27.39 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:03:33 น. |
|
|
|
|
|
คอมแอร์ รถยนต์หมดอายุไข จริงหรือ
คอมแอร์ คือ ตัวส่งกำลังทำให้น้ำยาแอร์หมุนเวียนตามวัฎจักรของระบบแอร์ โดยโครงสร้างของคอมแอร์จะต้องได้มาตราฐาน ไม่ว่าจะเป็น แกนเพลา ลูกสูบ เพรสวาล์วและซีล/โอริง ที่สำคัญ คือ การหมุนเวียนน้ำมันคอมหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนอะไหล่ทุกส่วนในตัวคอมแอร์
สาเหตุคอมแอร์อายุสั้น (พัง)
องค์ประกอบอื่นที่ทำให้คอมแอร์เสีย มี ดังนี้
1.ตู้คอยล์เย็น สกปรกอุดตัน , เทอร์โมสตัทเสีย มีผลทำให้คอมไม่ได้พักคอมร้อนจัด
2.แผงคอยล์ร้อน อุดตัด (ภายนอก และ ภายใน)มีผลทำให้คอมอัดก๊าซน้ำยาไปวาล์วฉีดไม่ได้น้ำยาตีกลับคอมร้อนจัด
3. พัดลมระบายแผงแอร์ และหม้อน้ำ เสียติดๆ ดับๆ ทำให้แผงร้อนไม่ระบาย มีผลทำให้คอมอัดก๊าซน้ำยาไปวาล์วฉีดไม่ได้น้ำยาตีกลับคอมร้อนจัด
4. หน้าคลัชคอมแอร์จับไม่สนิท เกิดจากความห่างของหน้าคลัชคอมกับมู่เล่คอม จับไม่สนิททำให้เกิดความร้อนคอย์ลแม่เหล็กไหม้ คอมร้อนจัด
www.com-air.blogspot.com