|
อายุของแบตเตอรี่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ามีความจำเป็นจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็เลือกขนาดเท่าเดิม หรือต้องการแบตที่มีกำลังไฟมากกว่าเดิม ก็ไม่ควรจะเกินกว่าร้อยละยี่สิบ
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์สำคัญชิ้นหนึ่งในรถยนต์ที่จะขาดมิได้ แบตเตอรี่ลูกหนึ่งๆ มีราคาค่อนข้างสูง แบตเตอรี่ในรถยนต์ปัจจุปันจะมีอยู่ด้วยกันสองแบบคือ แบบเดิมๆ ที่ต้องคอยหมั่นตรวจเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง และอีกแบบหนึ่งเป็นแบบที่อ้างว่า ไม่ต้องตรวจเติมน้ำกลั่นหรือไม่ต้องการดูแลบำรุงรักษา (Maintenance free) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะอย่างไรก็ตามการตรวจเติมน้ำกลั่น ก็ยังจำเป็นที่จะต้องทำอยู่ตลอดเวลา
สำหรับท่านที่ใช้แบตเตอรี่แบบนั้นอยู่ ก็ต้องดูแลระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่อย่างเดิมครับ เพียงแต่อาจจะทอดเวลาให้นานขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง
การขับรถในสภาพจราจรที่แออัด ขับแล้วหยุดในระยะทางสั้นๆ ตลอดเวลา ก็คือใช้เครื่องยนต์ที่รอบต่ำๆ ก็จะบั่นทอนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เพราะตามปกตินั้นไดชาร์จหรืออัลเทอร์เนเตอร์ จะปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ก็ด้วยรอบการทำงานของเครื่องที่รอบเดินเบา ไปจนถึงไม่เกินสองพันห้าร้อยรอบ เรียกว่ารอบน้อยก็ชาร์จออกมาน้อยรอบมากก็ชาร์จมาก แต่ถ้ารอบไต่เกินกว่าสองพันห้าร้อยรอบ ก็จะชาร์จได้สูงสุดเท่าที่จะมีกำลังปั่นไฟออกมาได้ หรือพูดอีกอย่างว่ารอบเกินสองพันห้าร้อยรอบก็ชาร์จได้เท่าเดิม
โดยเฉพาะในขณะนี้ ที่รถรุ่นใหม่ประเคนความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยที่เป็นระบบไฟฟ้า หรืออิเล็คโทรนิคส์เข้ามาในรถกันเต็มที่ หลายยี่ห้อที่ระบบบังคับเลี้ยวที่ก่อนนี้ทำงานด้วยระบบกลไก มีการช่วยผ่อนแรงด้วยการใช้ไฮดรอลิก หรือแรงดันน้ำมันที่เรียกกันว่าพวงมาลัยพาวเวอร์ ก็เปลี่ยนมาเป็นพวงมาลัยที่ใช้ผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric power steering) ก็แน่นอนที่จะต้องใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพของตัวสร้างกระแสไฟคือไดชาร์จก็ต้องเพิ่มมากขึ้น พร้อมๆ กับการเก็บกระแสไฟให้มีใช้งานได้ตลอดเวลา ที่เป็นหน้าที่ของแบตเตอรี่ก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รถติดขับด้วยเครื่องรอบต่ำๆ อุปกรณ์ในรถใช้พร้อมๆ กันเกือบหมดทุกระบบ ความสามารถที่แบตเตอรี่จะกักเก็บประจุไฟใว้ใช้งานก็น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่รถเก่า พร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และปัจจุบันรถที่ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นเกียร์ออโต้เมติกกันทั้งนั้น โอกาสที่ไฟหมดหม้อแล้วจะเข็นให้รถติดเป็นไปไม่ได้เลย
นอกจากการหมั่นดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างเป็นประจำแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่ (Booster cables) ติดรถไว้สักคู่หนึ่ง สายพ่วงแบตนี่ก็สำคัญครับต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมถูกต้อง ในบางประเทศเขาจะมีข้อกำหนดบังคับไว้เลยว่า ในรถเก๋งนั่งหรือรถที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 12โวลท์ จะต้องใช้สายที่มีขนาดหน้าตัดไม่ต่ำกว่า 25 ตารางมิลลิเมตร และถ้าเป็นรถที่ใช้ไฟมากกว่า 12 โวลท์เช่นรถบรรทุกที่ใช้ไฟ 24 โวลท์ ขนาดหน้าตัดของสายพ่วงแบตต้องมีพื้นที่หน้าตัดไม่ต่ำกว่า 70 มิลลิเมตร
ได้ขนาดสายพ่วงแล้วต้องดูที่ ตัวคีบขั้วแบต ต้องแน่นหนาแข็งแรง คีบจับไปที่ขั้วของแบตแล้วไม่หลวมหลุดโยกคลอน
ถ้ารถคุณไฟหมดหม้อกลางถนนก็ต้องใช้การพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น ต้องดูด้วยครับว่ารถคันที่เข้ามาช่วยคุณนั้น แบตเตอรี่มีกำลังไฟมากหรือน้อยกว่าคุณ เช่นแบตคุณใช้อยู่ห้าสิบห้าแอมป์ มีรถเข้ามาช่วยคุณ แต่รถของเขาใช้แบตเพียงสี่สิบห้าแอมป์ก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือรถอีกคันที่เข้ามาช่วยคุณใช้แบตขนาดเก้าสิบแอมป์ แน่นนอนมีกำลังไฟมากเกินพอที่จะช่วยคุณ แต่กำลังไฟที่มากเกินก็อาจจะทำให้ระบบอื่นในรถเสียหายได้ ควรเลือกแบตที่มาพ่วง มีกำลังไฟไม่สูงเกินกว่าร้อยละยี่สิบของที่มีอยู่ในรถคุณ อย่างในกรณีนี้คุณไม่ควรใช้แบตที่มีกำลังไฟสูงเกินกว่าเจ็ดสิบแอมป์
เมื่อได้รถพร้อมกับขนาดของแบตเตอรี่ที่เหมาะสม และสายพ่วงแบตของคุณอยู่ในสภาพที่เหมาะสม คุณก็ให้ผู้มาช่วยเหลือติดเครื่องเดินเบาเอาไว้ คุณหรือเขาจะต้องเอาขั้วบวกของสายพ่วงแบต คีบเข้าไปที่ขั้วบวกของแบตรถคันที่มาช่วยเหลือ แล้วเอาขั้วบวกของอีกข้างหนึ่งคีบไปที่ขั้วบวกของแบตเตอรี่ของรถคุณ ต่อจากนั้น เอาขั้วลบของสายพ่วงแบตต่อเข้ากับขั้วลบของรถคันที่มาช่วยเหลือ ปลายขั้วลบของสายพ่วงที่เหลือก็จะต่อเข้ากับขั้วลบของแบตของรถคุณ อ่านยาวแล้วสับสนก็จำง่ายๆ บวกต่อบวกลบต่อลบ เริ่มผู้มาเยือนก่อน (ต่อขั้วผิดเสียหายมากครับ)
ในขณะนี้รถของผู้มาช่วยเหลือยังติดเครื่องเดินเบาอยู่ คุณเข้าไปในรถปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดติดเครื่อง เมื่อเครื่องติดแล้ว ให้คุณเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดให้ใช้งานได้ที่ปัดน้ำฝน (ต้องระวังในกรณีที่เปิดฝากระโปรงรถอยู่) ไฟไล่ฝ้าที่มีอยู่ วิทยุ เทป ซีดี ทีวี เปิดให้หมด ยกเว้นไฟหน้าทุกดวง ในขณะที่คุณใช้เวลาเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวเวลาที่เสียไป ก็มากพอที่ที่จะตรวจสอบและยืนยันได้แน่นอนว่า เครื่องของคุณดับเพราะไฟหมด ต่อไปก็เริ่มกันอีกครั้งที่ถอดสายพ่วงออก ต้องเริ่มกันที่ถอดสายลบออกก่อนทั้งจากรถคุณหรือรถผู้ช่วยเหลือ ใครก่อนหลังไม่จำเป็นแต่เมื่อจะถอดต้องถอดขั้วลบก่อน (เมื่อต้องต่อ ต่อขั้วบวกก่อน)
ครับตรวจดูแลแบตเตอรี่ตามหนังสือคู่มือเป็นประจำ รวมทั้งขั้วสายที่ต่ออยู่กับขั้วแบตด้วยว่ามั่นคงแข็งแรงดีไหม ขั้วแบตเตอรี่ มีคราบขุยขาวๆ หรือที่เรียกว่าขี้เกลือบ้างไหม ถ้ามีก็เอาน้ำร้อนราดเช็ดถูทำความสะอาด หาจารบีทาไปที่รอบๆ ขั้วแบต ก็น่าจะอุ่นใจขึ้น
ถ้ามีความจำเป็นจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็เลือกขนาดเท่าเดิม หรือต้องการแบตที่มีกำลังไฟมากกว่าเดิม ก็ไม่ควรจะเกินกว่าร้อยละยี่สิบของลูกเดิม
การชาร์จแบตเตอรี่ทั้งใหม่และเก่าควรจะชาร์จแบบช้า (ไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์ของกำลังไฟคือแอมแปร์) และถ้ารีบร้อนต้องการจะชาร์จแบบเร็วหรือเร่งด่วน ก็ไม่ควรชาร์จเกินกว่าร้อยละห้าสิบ และต้องคอยสัมผัสที่แบตตลอดเวลา ในขณะที่ชาร์จเร็วนั้นอุณหภูมิของเปลือกผิวนอกของแบต จะต้องไม่ร้อนเกินกว่า 55 องศาเซลเชียส
อายุของแบตเตอรี่ นอกจากจะขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษาที่ดีแล้ว การเลือกใช้น้ำกลั่นก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้ ต้องแน่ใจว่าเป็นน้ำกลั่นที่บริสุทธิ์จริงๆ
ที่สำคัญแบตเตอรี่ลูกใหม่จะต้องใช้น้ำกรดมีคุณภาพสูง ควรจะเจาะจงไปที่ร้านแบตเตอรี่ว่า ให้ใช้น้ำกรดยี่ห้อเดียวกับแบตเตอรี่นั้น
ที่มา : //www.bangkokbiznews.com ภาพจาก : //www.fotosearch.com.au
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 21 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 21 ธันวาคม 2554 12:29:09 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1083 Pageviews. |
|
|
|
โดย: new pek วันที่: 21 ธันวาคม 2554 เวลา:12:40:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|