หมอนรองศีรษะ..สำคัญกว่าที่คิด
เทคโนโลยียานยนต์ในปัจจุบัน นอกจากความเร็วแรงแต่ประหยัด และรักษาสภาพแวดล้อมแล้ว ความปลอดภัยก็เป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความสนใจ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ท่ามกลางความร้อนระอุของการแข่งขัน อุปกรณ์นิรภัยที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ ก็เพื่อผู้ขับได้รับความปลอดภัยสูงสุดจากอุบัติเหตุ เราเคยทราบถึงประโยชน์ของเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยกันมาบ้างแล้ว รวมถึงเบาะนิรภัยที่มีการติดตั้งในรถยนต์ราคาปานกลางถึงสูง แต่ยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่มีในรถยนต์ทุกระดับราคา แต่ยังมีการใช้งานกันไม่ตรงตามวัตถุประสงค์อย่างเต็มที่ อุปกรณ์นั้นคือ "หมอนพิงศีรษะ" (Head Rest)
ลักษณะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักเป็นการชนด้านหน้า แต่ยังมีรูปแบบการบาดเจ็บของกระดุกต้นคอที่เกิดจากการถูกชนด้านหลัง การถูกชนในลักษณะนี้อาจทำให้มีการฉีกขาดของเอ็นยึดกระดูกต้นคอ ทางการแพทย์เรียกว่า Whiplsh Injury ถ้ายังจำกันได้ถึงกลไกการบาดเจ็บของคอที่เคยเขียนถึง เมื่อเกิดการชนที่ด้านหน้า ถุงลมนิรภัยจะพองออกมารับศีรษะ ไม่ให้คอก้มลงมากเกินไปเนื่องจากแรงสะบัด ในขณะที่ลำตัวถูกเข็มขัดนิรภัยยึดไว้ นี่เป็นภาพที่เริ่มชินตากันจากโฆษณาต่าง ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งที่มีโอกาสเกิดได้ไม่น้อย คือการถูกชนจากด้านหลัง
ถ้าถูกชนจากด้านหลังอย่างรุนแรงเท่ากับตัวรถยนต์หยุดนิ่ง แล้วมีแรงมากระทำให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรง เกิดความเร่งขนาดสูงมากกระทำกับตัวรถยนต์ ความเร่งนี้จะถ่ายทอดมาที่เบาะ ทำให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ในขณะที่ศีรษะที่มีความเฉื่อยอยู่ จะอยู่นิ่งในช่วงแรก ผลรวมที่เกิดขึ้นจากการที่ลำตัวพุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่ศีรษะอยู่นิ่ง ทำให้เกิดการเงยคออย่างรุนแรง เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น ผลที่ตามมาคือ เอ็นยึดกระดูกคอฉีกขาด เกิดอาการปวดคออย่างรุนแรง ผลสุดท้ายคือต้องเสียเงินรักษา เสียเวลาทำงาน อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ใช้ได้ผลมาตลอด คือคาดเข็มขัดนิรภัย ยังมีบทบาทสำคัญในการดึงลำตัวไว้กับเบาะ ไม่ให้พุ่งไปข้างหน้า
อุปกรณ์สำคัญต่อมา คือหมอนพิงศีรษะ เพราะแม้ว่าลำตัวถูกยึดอยู่กับเบาะ แต่เบาะที่ยึดกับตัวรถยนต์ก็ยังพุ่งไปข้างหน้า ศีรษะที่ไม่มีอะไรรองรับก็ยังแกว่งไปข้างหลังอย่างแรงได้ แต่ถ้ามีหมอนพิงศีรษะมารับไว้ ก็จะช่วยไม่ให้คอเงยมากเกินไปจนเกิดอันตรายขึ้น
ปัญหาที่ตามมา คือผู้ขับรถยนต์บางคนไม่ให้ความสำคัญกับการปรับหมองรองศีรษะ ให้เตรียมพร้อมรับกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์บางรายทราบถึงปัญหานี้ดี จึงออกแบบหมอนพิงศีรษะแบบตายตัวไม่สามารถปรับได้ แต่อยู่ในตำแหน่งที่รองรับศีรษะเมื่อเกิดเหตุได้เป็นอย่างดี แต่ผู้ใช้รถยนต์บางคนอาจจะบ่นว่า หมอนที่ปรับไม่ได้ทำให้พิงแล้วไม่สบายคอ ผู้เชี่ยวชาญทางอุบัติเหตุท่านหนึ่ง ได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ยังมีความเข้าใจผิดกันมากเกี่ยวกับ Headrest นี้ แม้จริงแล้วหมอนพิงศีรษะมีชื่อจริงว่า Head Restraint ถ้าเมื่อใดถูกใช้เป็นหมอนพิงศีรษะก็จะผิดจุดประสงค์ทันที เพราะถูกออกแบบมาให้เป็นตัว Restraint หมายถึงให้การปกป้องต่อศีรษะและคอ ถ้าถูกปรับลงมาเพื่อให้หนุนคอสบายจะกลายเป็นจุดหมุนของต้นคอทันที นั่นคือศีรษะจะสะบัดไปด้านหลัง โดยมีหมอนพิงศีรษะค้ำที่ต้นคอให้ศีรษะสะบัดไปข้างหน้า-หลังได้ดีและแรงยิ่งขึ้น
จากการทดสอบพบว่า ความสูงของหมอนพิงศีรษะ อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่าระดับเหนือใบหู และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า หมอนรองศีรษะในรถยนต์หลายรุ่นจะออกแบบมาให้เอนมาด้านหน้า
การตรวจสอบตำแหน่งง่าย ๆ คือถ้าพิงพนักเต็มที่แล้ว ศีรษะด้านหลังส่วนที่เป็นกระโหลกแข็ง ๆ สัมผัสกับหมอนพิงศีรษะพอดี แสดงว่าปรับได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง ถ้าพิงไปแล้วหมอนมารับท้ายทอยอย่างสบายเท่ากับว่าหมอนต่ำเกินไป อุปกรณ์ใช้ร่วมกันเสมอคือเข็มขัดนิรภัย ถ้าปรับหมอนดีแต่ตัวพุ่งไปข้างหน้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากนี้ "ซาบ" ก็ยังมีการพัฒนาหมอนพิงศีรษะ ที่เรียกว่า Protech นี้จะพุ่งมาข้างหน้าทันทีที่พนักพิงกระแทกกับแผ่นหลัง ช่วยยันศีรษะไม่ให้หงายไปด้านหลัง อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่ออุปกรณ์นิรภัยต่าง ๆ ถูกแนะนำขึ้น จากจำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลง จำนวนผู้บาดเจ็บก็มากขึ้น และการเรียนรู้รูปแบบของการบาดเจ็บแบบต่าง ๆ ก็ทำให้มีการสร้างอุปกรณ์นิรภัยใหม่ ๆ ตามออกมา เป้าหมายของผู้ผลิตเหล่านี้ คือทำให้รถยนต์มีความปลอดภัยสูงสุด แบบนี้แล้วเวลาขึ้นรถอย่าลืมปรับตำแหน่งของหมอนพิงศีรษะให้ถูกต้อง เพราะจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามนั้นอาจจะหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตเลยก็ได้
ที่มา : //www.manager.co.th
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 31 พฤษภาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 16:11:35 น. |
Counter : 1817 Pageviews. |
|
|
|