ดีแทค เตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย เฝ้าระวังป้องกันสถานีชุมสายและสถานีฐานรองรับกรณีฉุกเฉิน พร้อมจัดทีมประสานงานพร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด...
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. (วานนี้) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่น้ำท่วมในอำเภอต่างๆ ของ 7 จังหวัดที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้ ได้แก่ อำเภอเมือง ศรีมหาโพธิ กบินทร์บุรี นาดี และประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี, อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว, อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี, อำเภอบ้านหมี่ และโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี, อำเภอบางบาล และเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, อำเภอป่าโมก และไชโย จังหวัดอ่างทอง และอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) แก่ลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวโดยตรง เพื่อให้สามารถใช้งานโทรศัพท์ติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับลูกค้าดีแทค (รายเดือน) จะได้รับการขยายกำหนดวันชำระค่าบริการเพิ่ม 7 วัน สำหรับลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายคงค้างและใกล้วันครบกำหนดชำระค่าบริการ และเพิ่มเครดิตวงเงินในการใช้งานให้จำนวน 500 บาท สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินการใช้งานล่าสุดน้อยกว่า 500 บาท ซึ่งทั้ง 2 ขั้นตอนนี้ ระบบดำเนินการให้สิทธิ์อัตโนมัติ
ส่วนลูกค้าแฮปปี้ (เติมเงิน) ที่มีวันในการใช้งานคงเหลืออยู่น้อยกว่า 15 วัน จะได้รับเพิ่มจำนวนวันสำหรับการใช้งานต่ออีก 15 วัน ซึ่งระบบดำเนินการให้สิทธิ์อัตโนมัติ และสำหรับลูกค้าในรายที่มีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีน้อยกว่า 30 บาท จะได้รับสิทธิ์การโทรฟรีในเครือข่ายดีแทค 60 นาที ระยะเวลา 3 วัน ซึ่งสามารถยืนยันรับสิทธิ์โดยกด *222*13*# โทรออก ได้ตั้งแต่ 28-30 ก.ย. 2556
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมต่อการป้องกันสถานีชุมสายและสถานีฐาน เพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินในวิกฤติน้ำท่วมที่อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการของดีแทค อาทิ 1.จัดเตรียมรถโมบายล์เคลื่อนที่พร้อมเครื่องปั่นไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ เพื่อให้บริการโครงข่ายสื่อสารในพื้นที่ในกรณีฉุกเฉินจากสถานการณ์น้ำท่วม 2.จัดเตรียมยานพาหนะ เช่น รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และเรือสำหรับการเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่สถานีชุมสายหลักได้ทุกพื้นที่ 3.จัดเตรียมทีมวิศวกรคอยตรวจสอบ และดูแลโครงข่ายตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานภายในและภายนอกเพื่อควบคุมคุณภาพของการให้บริการ และมีการปรับแผนเรื่องกำลังคนเป็นระยะให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ 4.บริหารจัดการการใช้กระแสไฟฟ้าในสถานีฐานอย่างเหมาะสม และเป็นการลดกำลังการใช้งานเพื่อให้พลังงานที่มีอยู่ได้ใช้อย่างคุ้มค่าและยาวนานในกรณีฉุกเฉิน 5.ประสานงานตลอดเวลากับการไฟฟ้าต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีการจ่ายไฟฟ้าให้กับชุมสายอย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่ต้องมีการตัดกระแสไฟฟ้าบางส่วนในบริเวณพื้นที่น้ำท่วม 6.สำหรับกรณีฉุกเฉิน ได้มีการเตรียมน้ำมันสำรองไว้ในกรณีที่มีการตัดกระแสไฟฟ้า โดยสถานีจะสามารถดำเนินการเพื่อให้บริการโครงข่ายสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการตัดกระแสไฟฟ้า.